วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

1 ขวบ 9 เดือน

วันที่ ๖๔๒ ... จันทร์ 3 ตุลาคม ๒๕๕๔


เมื่อคืนกลับมาถึงบ้าน ๕ ทุ่ม เด็กจิ๋วนั่งเล่าเรื่องไปเที่ยวให้อี๊ป้อมฟังเป็นเรื่องเป็นราว
มีเล่าว่า "ตกน้ำ คุณแม่มาช่วย" เราก็งงกันใหญ่ว่ามีตกน้ำตอนไหน คิดไปคิดมาหรือว่า
ตอนที่เด็กจิ๋วเล่นน้ำกับคุณแม่ กระโดดไปกระโดดมา ผิดท่า หน้าคว่ำไปในสระ กินน้ำ
สำลักหน้าแดงเลย นอกจากเรื่องจมน้ำก็มีเล่าว่า "นั่งเรือ ลำใหญ่มาก" อันนี้เก่งมากนะ
แล้วก็ "มีหิงห้อยด้วย" อันนี้ เริ่มงงแล้วเด็กจิ๋ว เอาเกาะช้างมาปนและ แล้วก็เรื่องนั่งรถ
คือไปนั่งกอล์ฟมาแล้วชอบมาก อยู่ที่โน้นก็ร้องจะนั่งตลอด กลับมาเล่าว่า "พี่ขับเป็น
แม่ขับไม่เป็น พริมขับไม่เป็น พี่ขับเป็น" แล้วปะป๊าขับเป็นไม๊ "ป๊าขับเป็น ถึงบ้านเลย"
ตอนเช้ามาเจออี๊ตุ๋ม ก็มาเล่าเรื่องไปเที่ยวให้อี๊ตุ๋มฟังอีกรอบ อี๊ตุ๋มบอกว่า ฮามาก
รู้สึกเด็กจิ๋วโตขึ้นเยอะเลย ถามอะไรตอบได้ แต่ตอบมั่วบ้าง จริงบ้าง ชอบเวลาที่ถาม
อะไรแล้วคำตอบชอบต่อท้ายด้วยคำว่า "ม๊ากกกก" เช่น "เรือใหญ่ม๊ากกกก" "ชอบม๊า
าาากกกก"
ตอนเย็นปะป๊ากับคุณแม่ค้องประชุมกับพี่ๆที่ออฟฟิต อี๊ป้อมก็ทำธุระอยู่ในครัว เลยจับ
เด็กจิ๋วไปนั่งประชุมด้วย ให้นั่งบนโต๊ะประชุมนั่นเลย เดี๋ยวนี้เวลาถามเด็กจิ๋วว่าปะป๊า
ไปไหน หรือทำอะไร จะได้คำตอบจากเด็กจิ๋วอยู่สองอย่าง คือ "ป๊าชุม" กับ "ถ่ายรูป"



วันที่ ๖๔๓ ... อังคาร ๔ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
ตอนกลางวันอาม่ากับอี๊ไก่มาหา เด็กจิ๋วก็เล่าเรื่องไปเที่ยวให้เค้าฟังอีกรอบ ฮากันไป
ตอนเย็น ปะป๊าขึ้นห้องไปช้า พอเจอหน้าเด็กจิ๋ว แทนที่ร้องขอจะแจ๋มมะแบบทุกครั้ง
แต่วันนี้กลับมาจูงมือปะป๊า ขึ้นบน ขึ้นบน คุณแม่เล่าว่าวันนี้เด็กจิ๋วสามารถขับรถเอง
ได้แล้ว เลยอยากจะพาปะป๊าไปดู มันคือรถบังคับที่ปกติให้เด็กจิ๋วนั่งแล้วเราบังคับที่
รีโมท ไม่คิดเหมือนกันว่าจะถึงวันที่เด็กจิ๋วขายาวถึงคันเร่งสามารถเหยียบได้เอง พอ
ขึ้นไปถึงดาดฟ้า เด็กจิ๋วก็กระโดดกระโดดไปหารถ คืออาการดีใจสุดขีด ปีนขึ้นไปนั่ง
เหยียบคันเร่ง รถวิ่งไปได้หนึ่งเมตร เด็กจิ๋วปีนลงจากรถ แล้วพูดว่า "ถึงแล้ว" โถ เด็ก
จิ๋ว อุตส่าลากปะป๊าขึ้นมาดู โชว์แค่เนี้ยะ คือสรุปแล้วก็แค่เหยียบคันเร่งได้ เลี้ยวก็ยัง
ไม่เป็น ถอยหลังก็ไม่ได้ แล้วที่เหยียบคันเร่งถึงนี่ก็ต้องเอาหมอนมายันหลังไว้ด้วย
พออาบน้ำเสร็จเข้าห้องโฮม เด็กจิ๋วบอกคุณแม่ว่า "รักก้น รักก้น" แล้วก็วิ่งไปกอดที่
ก้นคุณแม่ อันนี้เอามาจากไหนเนี่ยะ



วันที่ ๖๔๔ ... พุธ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
เวลานอนของเด็กจิ๋วมันขยับมาเรื่อยทุกวัน ตั้งแต่วันจันทร์ที่นอนกลางวันบ่ายสอง
ตื่นสี่โมง เมื่อวานขยับมาอีกหนึ่งชั่วโมง นอนบ่ายสามถึงห้าโมง แต่วันนี้ขยับไปอีก
ขั้นหนึ่ง คือไม่นอนเลย ง่วงมาก พวกเราก็พยายามกล่อม แต่ไม่สำเร็จ จนสี่โมงแล้ว
ตัดสินใจไม่ให้นอน ถ้านอนตอนสี่โมง กลางคืนได้โต้รุ่งกันแน่ เลยให้อี๊ป้อมพาขึ้นไป
เล่นที่ดาดฟ้า ไม่ให้หลับ พอตอนหกโมงปะป๊าอาบน้ำให้ คุณแม่จับไปแต่งตัว ยังไม่
ทันจะกางเกงเสร็จ เด็กจิ๋วก็หลับคาอกคุณแม่ไปแล้ว กางเกงใส่ไปได้แค่ข้างเดียว
ผมก็ยังไม่ได้เป่า



วันที่ ๖๔๕ ... พฤหัส ๖ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
วันนี้เด็กจิ๋วเล่าเรื่องไปเที่ยวให้พี่แท่งฟัง พี่แท่งถามว่าไปเที่ยวเห็นอะไรบ้าง เด็กจิ๋ว
เล่าว่า "มึดตึ้ดตื๋อ กินเจ็บ ร้องไห้แงแง" ทุกคนงงว่าคืออะไร คุณแม่ต้องถอดรหัสให้
หมายถึงว่าตอนไปนั่งเรือที่เกาะช้างไปดูหิงห้อย มันกลางคืนมืด แล้วเด็กจิ๋วเอานิ่ว
ไปจิ้มยำมะม่วงมาเข้าปาก เลยเผ็ดแล้วเจ็บปาก อ๋อ... แต่ยังไงก็ตาม มั่วแล้วนะเด็ก
จิ๋ว นี่ไปเกาะสมุยมานะ ไม่มีหิงห้อย เล่นไปเล่นมาสักพัก เด็กจิ๋วพูดว่า "เจ็บท้อง หิว
ข้าว"



วันที่ ๖๔๖-๖๔๗ ... ศุกร์ ๗, เสาร์ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๔
ไปเที่ยวศาลาเขาใหญ่ --> N'Prim@Sala Kaoyai



วันที่ ๖๔๘ ... อาทิตย์ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๔



เมื่อคืนกลับมาบ้านเย็นๆ เด็กจิ๋วเหมือนเดิม มาเล่าเรื่องไปเที่ยวให้คนโน้นคนนี้ฟัง แต่
เล่ามั่วมาก เห็นอะไรไม่เห็นอะไร มีเห็นวัวเห็นช้างด้วย เราก็ไม่แน่ใจว่าเห็นจริงเปล่า
เพราะอาจจะนั่งรถผ่านข้างทางมีเจอบ้าง เราก็ไม่ได้สังเกต แต่เด็กจิ๋วเค้าชอบสังเกต
เห็น
วันนี้มานั่งทำงานกันที่ออฟฟิต เด็กจิ๋วนอนดูดน้ำกับคุณแม่แล้วอาม่า face time ด้วย
เหมือนทุกวัน อาม่าบอก เรียกม่าก่อน เรียกม่าก่อน เด็กจิ๋วรีบดึงขวดน้ำออกจากปาก
แล้วพูดว่า "อากง อากง" อีกแล้ว แกล้งอาม่าเห็นๆ แล้วทำยังไงก็ไม่ยอมเรียก อาม่า
เลย อาม่าล้มเลิกไป สักพักโทรกลับมาใหม่ เด็กจิ๋วบอกว่า "ไม่เอาแล้ว เหนื่อยแล้ว"



วันที่ ๖๔๙ ... จันทร์ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔


 
เมื่อวานปะป๊ากับคุณแม่นั่งปั่นรีวิวที่ไปเที่ยวกันทั้งวัน อี๊ป้อมต้องรับเลี้ยงเด็กจิ๋วตลอด
ตอนดึก ปะป๊ากล่อมเด็กจิ๋วนอนในห้องโฮม ใช้วิธีนอนกลิ้งไปมากัน เด็กจิ๋วพูดมากๆๆ
พูดไม่หยุด พูดจนกล่อมปะป๊าหลับไปก่อน เลยไม่รู้ว่าเด็กจิ๋วหยุดพูดแล้วหลับไปเมื่อ
ไหร่ พูดบ้าง ร้องเพลงบ้าง ร้องแฮปปี้เบิร์ดเดย์ไปสิบกว่ารอบ ไม่หยุดเลย ร้องจบแต่
ละที มีบังคับให้ปะป๊าตบมือให้ด้วย แต่รอบหนึ่งของเด็กจิ๋วมันสั้นมาก "ปะเต ชูยู ป๊า
ตบมือ ปะเตชูยู ป๊าตบมือ..." หรือว่าเด็กจิ๋วรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดอี๊ตุ๋ม เลยฝึกร้องเพลง
ปะเตชูยูมาทั้งคืน วันนี้ได้ร้องให้อี๊ตุ๋มฟังจริงๆด้วย ตอนกลางวันพากันออกไปกินข้าว
ฉลองวันเกิดอี๊ตุ๋มที่ซิลเวอร์พาเลซ เมื่อก่อนว่าร้านนี้อร่อยนะ ผ่านมาหลายปีไม่ได้ไป
อีกเลย วันนี้อาหารแย่อ่ะ ไม่อร่อย แพงมากด้วย เด็กจิ๋วอยู่ที่ร้านก็คึกคะนองจัด โชค
ดีที่ให้อี๊นกช่วยเลี้ยงได้ วันนี้คุณแม่ลืมเอารองเท้าไปอีกแล้ว เด็กจิ๋วไม่ยอมให้อุ้มดีๆ
นั่งเก้าอี้ก็ได้แป๊บเดียว เลยปล่อยให้วิ่งเล่นในร้านแบบไม่มีรองเท้า ถุงเท้าคู่นี้ต้องเอา
ไปทิ้งอีกแน่ๆ ดำปี๋มาก


วันที่ ๖๕๐ ... อังคาร ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๔
ตอนนี้น้ำกำลังท่วมทั่วประเทศ เด็กจิ๋วรู้เรื่องกับเค้ามั้งไม๊ บ้านเจ๊น่ากับเฮียโรก็ท่วมไป
แล้ว เจ๊น่าอ่ะชอบ บอกว่าสนุก แต่เอ้กับอาโกวเครียดนะ บ้านอี๊ตุ๋มก็จ่อคิวเป็นรายต่อ
ไป ตอนเช้าเลยพากันไปกักตุนสินค้าให้เข้ากับกระแสน้ำท่วมบ้าง พาเด็กจิ๋วไปโลตัส
วันนี้ให้นั่งรถเข็นแบบที่เป็นตัวรถ เด็กจิ๋วชอบมาก เคยเห็นที่อื่นมานานแล้วแต่ที่โลตัส
หน้าบ้านเราเพิ่งมาถึง สะบายเราเลย ปล่อยให้เด็กจิ๋วนั่งเล่นไปได้นาน ปะป๊าเข็นแบบ
เร็วจี๋วิ่งทั่วห้างด้วย สนุกมาก พอเข็นมาถึงที่คุณแม่ยืนอยู่ เด็กจิ๋วพูดว่า "เปิดตรงนี้ ถึง
แล้ว ลง"
วันนี้ปะป๊าเอากล้องไปซ่อมที่ศูนย์ Canon เค้าบอกว่าสองอาทิตย์ถึงจะได้ แบบนี้จะ
ถ่ายรูปเด็กจิ๋วได้ไง สงสัยต้องยืมกล้องอี๊ตุ๋มมาถ่ายก่อน



วันที่ ๖๕๑ ... พูธ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔

เด็กจิ๋วพูดมากเหมือนใครนะ เมื่อคืนก็พูดๆพูดๆกล่อมปะป๊าหลับไปอีกแล้ว
ตอนเช้านั่งเล่นกันที่ออฟฟิต ให้เด็กจิ๋วเอาปากกามาเขียนเล่น ปะป๊าสอนให้วาดหนวด
วาดเครา ใส่แว่นให้กับภาพเด็กในหนังสือ เด็กจิ๋วชอบมาก บอกว่า "สวยมากเลย สวย
มากเลย" เผลอแป๊บเดียว คุณแม่มาชวนปะป๊าคุย ระหว่างคุยกันก็ได้ยินเด็กจิ๋วพูดแบบ
เดิม "สวยมากเลย สวยมากเลย" คิดว่ากำลังเพลินกับการเติมหนวดเติมแว่นอยู่ ที่ไหน
ได้ หันมาอีกที เต็มขาเลย เอาปากกามาขีดขาตัวเอง พล้อยเลย
ตอนเย็นพี่ๆกลับบ้าน เด็กจิ๋วมานั่งบ๊ายบายทุกคน "บ๊ายบาย น้ำท่วม" ... น้ำท่วมอะไร
เหมือนจะแช่งพี่ๆให้บ้านน้ำท่วมกันหรือไง



วันที่ ๖๕๒ ... พฤหัส ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
วันนี้ปะป๊าไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม คือเอ้กับอาโกวของเด็กจิ๋วนั่นเอง ไปขนของกับ
ขนกระสอบทราย น้ำมาถึงก้นแล้ว ไม่ว่าข่าวน้ำท่วมจะร้ายแรงแค่ไหน เด็กจิ๋วของเราก็
ยังคงลั้นลาได้ตลอดเวลา ช่วงนี้เที่ยวถี่มาก เลยรู้สึกว่าจะคึกต่อเนื่อง เวลาเล่นสนุก จะ
หมั่นเขี้ยวมาไล่กัดปะป๊ากับคุณแม่ เรายิ่งหนีก็ยิ่งสนุก อันนี้น่ากลัวมาก เอาฟันงับจริงๆ
เลย แต่โดนแล้วมันก็ยังไม่เจ็บนะ มันจะเสียวมากกว่า อีกอย่างคือเวลาคึกก็จะชอบมา
ตีคน ไอ้แบบตีงอแงก็มี แต่อันนี้จะเหมือนคึกจัด มันส์ใน แล้วต้องหาทางระยายออกมา
ก็มาลงที่พวกเรานี่แหล่ะ ยิ่งเวลาขึ้นไปดาดฟ้านะ กระโดดๆ วิ่งๆ ไปมาทั่วห้อง แล้วขำๆ
หัวเราก๊ากๆอยู่คนเดียว อย่างวันนี้ก็มีหมุนตัวเล่น คืออยู่ดีๆก็คิดเองทำเอง หมุนตัวเอง
ไปประมาณ ๗ รอบ เสร็จแล้วก็เส เส ล้มลงเลย ฮามาก แต่สนุกนะ ลุกขึ้นมาหมุนต่อ
ตอนบ่ายเด็กจิ๋วไปเล่นกับพี่ๆที่ออฟฟิต ไปปีนดูพี่ๆทำงาน นั่งๆยืนๆดูหน้าจอพี่ๆทำงาน
กัน สักพักก็พูดว่า "นั่งไม่เห็น ถ้ายืนเห็น" คุณแม่ตกใจใหญ่เลย ว่าทำไมรู้จัก if cause
แล้วอ่ะ



วันที่ ๖๕๓ ... ศุกร์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
เมื่อคืนเด็กจิ๋วฮัดเจ้ยหลายทีติด แล้วก็มีอาการงอแง คุณแม่คิดว่าต้องป่วยแน่ๆ คราวนี้
ไปติดมาจากใครอีกอ่ะ ตอนสายๆเริ่มมีน้ำมูก ตัวก็อุ่นๆ ต้องจับกรอกยา คุณแม่จัดยามา
เตียมไว้ เด็กจิ๋วเห็นก็พูดว่า "กินยาก่อน" คุณแม่ก็งงๆ ปกติต้องกรี๊ดๆแล้ววิ่งหนีทำไมวัน
นี้มาแปลก ว่าแล้ว เด็กจิ๋วก็ยอมให้คุณแม่ป้อนยาเข้าไปแต่โดยดี แต่เข้าไปได้แค่หน่อย
เดียว เหมือนจำขึ้นมาได้ว่าไม่ชอบกินยานี่ ก็เลยดิ้นๆกรี๊ดๆเหมือนเดิม แหม่อุตส่าห์ดีใจ
นึกว่าจะยอมกินยาแล้ว
ตอนเช้าป๊าไปประชุม กลับเข้ามาเจอเด็กจิ๋ว เด็กจิ๋วพูดว่า "ป๊าชุมๆ" แล้วก็พุ่งตัวมาหา
ปะป๊า กระชากเนคไทออก บอกว่า "ป๊าถอด ป๊าถอด" พร้อมกับดึกผ้ากันเปื้อนที่คอตัว
เอง "ป๊าใส่ ป๊าใส่" แล้วก็เอาเนคไทของปะป๊าไปผูกคอตัวเอง เอาผ้ากันเปื้อนมาผูกคอ
ปะป๊า ยังไม่พอ "ชนกัน ชนกัน" เอาเข้าไป
ตอนเย็นปะป๊ากับคุณแม่ขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่คอนโดอาแป่ะ กลัวน้ำท่วม เตรียมการณ์
ไว้ก่อน แต่คิดว่าบ้านเราคงไม่ท่วมหรอก



วันที่ ๖๕๔ ... เสาร์ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
เมื่อคืนพอไปจอดรถที่คอนโดเสร็จ อาแปะก็ชวนเจ๊นิวเจ๊แนนมานอนกันที่บ้านเตาปูนกัน
คือจาน่ากับไจโรก็ต้องนอนนี่อยู่แล้ว เพราะกลับบ้านลัดดารมย์ไม่ได้ น้ำท่วมไป
แล้ว คืนนี้เลยเป็นการรวมตัวกันของเด็กทั้งหกคน ขึ้นไปเล่นกันที่สนามเด็กเล่น
ทั้งเล่นเกมส์ เล่นขายของ เล่นบ้านลม บ้านน้อยสองชั้น สนุกสนานเฮฮากันมาก
เวลาพี่ๆเล่นเกมส์กัน เด็กจิ๋วจะขอไปมีส่วนร่วมเสมอ บางทีก็ให้ถือจอยหลอกจับ
เหวี่ยงไปมา หรือไม่ก็ไปกระโดดๆเล่นเฉยๆ
วันนี้เด็กๆทุกคนตื่นมาแล้วก็มารวมตัวเล่นกันที่สนามเด็กเล่นกันต่อ เรียกว่าอยู่
กันบนนั้นทั้งวันทั้งคืนจริงๆ กลางวันก็ทำสุกี้กินกันที่บ้าน ตอนเย็นอาโกวกับคุณ
แม่ก็ไปซื้อเสบียงมากินกันอีก ทั้งอาหารทั้งไอติม ไม่ต้องออกไปไหนเลย
ตอนเย็นปะป๊าอาบน้ำให้เด็กจิ๋วในอ่างอาบน้ำตามปกติ อาบเสร็จไป ปล่อยน้ำใน
อ่างทิ้งไปแห้งแล้ว คุณแม่มองไปเห็นก้อนอะไรเหลืองๆติดอยู่ที่อ่าง ๒ จุด เออ
... มันคืออึ เหม็นเลย ไม่ใช่ของปะป๊าแน่ๆ เด็กจิ๋วคงจะเล่นน้ำไปอึ๊ไปด้วยเหรอ
โห คิดแล้วน่ากลัวมาก



วันที่ ๖๕๕ ... อาทิตย์ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
เมื่อคืนเจ๊นิวเจ๊แนนขอร้องอาแปะไม่อยากกลับบ้าน อาแปะเลยต้องยอมนอนต่ออีกคืน
วันนี้เด็กๆเลยเล่นกันทั้งวันต่อ แต่ขาดพี่โฮไอนะ เพราะโฮไอต้องไปบ้านคุณตา วันนี้เด็ก
เด็กเล่นกันแบบว่าไม่ว่างเลย ต้องสั่งให้ปะป๊าไปทำไอติมมาเสิร์ฟให้ถึงที่ สั่งให้ปะป๊า
ทำทั้งมักโรนีอบชีส ไอติม ช็อกโกแล็ตปั่นสูตรลับประจำตระกูล
คุณแม่เล่นร้องเพลง Happy Birth Day to You กับเด็กจิ๋ว ร้องไปร้องมา เด็กจิ๋วบอกว่า
ไม่เอา to you เอา to Prim คุณแม่งงใหญ่เลย เด็กจิ๋วรู้ได้ไงอ่ะ to you to prim ???



วันที่ ๖๕๖ ... จันทร์ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๔


เด็กจิ๋วนี่เรียกว่าเป็นเด็กที่พูดชัดแล้ว เวลาจะเอาอะไรก็พูดสั่งได้ชัดเจน แต่ก็มีบ้างนานๆที
ที่พูดอะไรก็ฟังไม่เข้าใจ อย่างวันนี้เด็กจิ๋วดูนีโมกับคุณแม่อยู่ อยู่ดีๆก็พูดว่า "ดูปลา ทา ริ่ง"
"ดูปลา ทา ริ่ง" พูดแบบว่าจะสื่อสารให้เราเข้าใจให้ได้ เหมือนกับว่าให้เราเปิด ทาริ่ง ให้ดู
หน่อย แต่มันคืออะไร พยายามถอดรหัสอยู่นานก็ไม่เข้าใจ เด็กจิ๋วก็คงจะหงุดหงิดเหมือน
กัน พูดตั้งหลายทีทำไมเราไม่เข้าใจ เอาหน้าไปจ่อติดหน้าคุณแม่ "ดูปลา ทา ริ่ง" ก็ยังไม่
ได้เรื่อง สุดท้าย เหมือนว่าเด็กจิ๋วจะคิดว่าสื่อสารไม่ได้แล้ว เปิดเองก็ได้ เอามือเขี่ย iPad
ไปมา พยายามหาอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก็หาไม่เจอ
ตอนบ่ายคุณแม่อุ้มเด็กจิ๋วหลับ วันนี้งอแงมากเพราะไม่สบายอยู่ ปะป๊าอุ้มก็ไม่เอา คุณแม่
อุ้มแต่ขอนั่งก็ไม่ได้ ต้องยืนเต้นตลอดเวลา เด็กจิ๋วก็หลับๆตื่นๆเหมือนไม่สบายตัว สักพัก
เด็กจิ๋วเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า "หนูหนัก หนูหนัก" รู้ได้ไงเนี่ยะ คุณแม่กำลังบ่นปวดหลังพอดี
เด็กจิ๋วเก่งมาก ยังไม่สองขวบ สามารถสั่งขี้มูกได้แล้ว อี๊ป้อมเป็นคนสอน วันนี้มาโชว์ให้
ดู เอากระดาษโปะจมูกแล้วบอกให้หื้อ เด็กจิ๋วก็หื้อออกมาได้จริงๆ
ตอนเย็นเด็กจิ๋วบอกว่าอยากกินข้าวต้ม มันไม่ใช่เวลาแต่ก็เอาให้กิน สภาพที่ออก
มาเหมือนเอามาเล่นมากกว่า ทีแรกเทข้าวต้มใส่อี๊ป้อมไปรอบหนึ่ง อี๊ป้อมต้องวิ่ง
หนีไปหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ปะป๊าเลยรับอาสาป้อนข้าวต้มต่อ ป้อนไปได้สามคำ
ต้องตะโกนเรียกคุณแม่มา เพราะเด็กจิ๋วตักข้าวต้มเทใส่ขาปะป๊า พอคุณแม่มาต่อ
ได้อีกคำเดียวก็ต้องร้องโวยวายอีกเหมือนกันเพราะเจอข้าวต้มราดไปที่ถุงเท้าอีก
แสบมากเด็กจิ๋ว พอเราโวยก็บอกว่า "รักคุณแม่" แล้วกอดซบแบบว่ารักมาก



วันที่ ๖๕๗ ... อังคาร ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
เมื่อคืนเด็กจิ๋วหลับอยู่ในมุ้ง คุณแม่ก็เอาผ้าคลุมมุ้งไว้กันแสงกันแอร์ เด็กจิ๋วตื่นขึ้นมาแล้ว
โวยวายว่า "แม่ มองไม่เห็น แม่ มองไม่เห็น"
วันนี้เด็กจิ๋วเจอคุณแม่ตีอีกแล้ว เป็นครั้งที่สองในชีวิตมั้ง ก็ตอนเย็นอยู่ในห้องครัวกัน เด็ก
จิ๋วเกเรมาก เอาของเขวี้ยงใส่คุณแม่ เขวี้ยงใส่เฮียโรด้วย คุณแม่เลยตีมือไปทีหนึ่ง ตอน
แรกเด็กจิ๋วก็ทำหน้างงๆนะ พอโดนตีแล้วก็ยื่นมาให้คุณแม่ดู บอกว่า "เจ็บ เจ๊บ" คือยังไม่
เข้าใจว่าเป็นการลงโทษมั้ง อาจจะคิดว่าคุณแม่เล่นอะไร ทำไมเราเจ็บมือด้วย ในที่สุด
ต้องให้ปะป๊าเล่นละคร ทำดุเสียงดัง ปะป๊าต้องแอบกระซิบบอกไจโรว่า กู๋เล็กกำลังเล่น
ละครอยู่นะ กลัวไจโรตกใจ พอปะป๊าดุเสียงดังไป เด็กจิ๋วก็ร้องไห้เสียใจ วิ่งมากอดปะป๊า
กับคุณแม่ใหญ่เลย พร้อมกับพูดว่า "รักคุณแม่ รักป๊า รักคุณแม่ รักป๊า"
เด็กจิ๋วเป็นโรคกลัวมดกลัวยุงมาก เวลาเราจะไม่ให้เด็กจิ๋วเดินไปตรงไหนก็แค่บอกว่าตรง
นั้นมียุง เด็กจิ๋วก็วิ่งเผ่นมาเลย หรือเวลาเด็กจิ๋วจะเล่นของอะไรที่เราไม่อยากให้เล่น ก็แค่
บอกว่ามีมด เด็กจิ๋วก็จะปล่อยของทิ้ง ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นพยายามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมปล่อย
ที่จริงแล้วก็พวกเรานั่นแหล่ะ ปลูกฝังความกลัวนี้ให้เด็กจิ๋ว ตอนกลางคืนกล่อมเด็กจิ๋วนอน
กล่อมอยู่เป็นชั่วโมง เคลิ้มไปเคลิ้มมาแต่ไม่ยอมหลับซะที คุณแม่เห็นยุงบินอยู่ในห้อง ก็
เรียกให้ปะป๊าดู ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเด็กจิ๋วเลย แต่เด็กจิ๋วได้ยินก็ตกใจ กระโจนขึ้นไปอยู่
บนตัวคุณแม่ แล้วก็หลับค้างอยู่ในท่าพิสดารไปเลย ที่ว่ากล่อมอยู่นานเป็นชั่วโมง ก่อนที่
จะเริ่มเคลิ้ม ปะป๊ากับคุณแม่ก็เหนื่อยมากเลย เพราะเด็กจิ๋วบังคับให้เราเต้น คนอะไร ง่วง
นอนแต่อยากเต้น เต้นเหวี่ยงแขนเหวี่ยงขาไปมาเมามันส์ เต้นคนเดียวก็ไม่ได้ ต้องให้เรา
เต้นด้วย ไม่เท่านั้น นอกจากชวนกันเต้นแล้ว ยังมีชวนกันมุดมุ้งด้วย บังคับให้สามพ่อแม่
ลูกไปนอนอยู่ในมุ้งเด็ก มุ้งก็อันเล็กนิดเดียวต้องยัดกันเข้าไป เอาออกก็ร้องไห้ มุดมุ้งจน
เกือบขาดใจ ทนไม่ไหวก็แอบเอาไปซ่อน



วันที่ ๖๕๘ ... พุธ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔

"อีกฉะปก" แปลว่าสกปรก
วันนี้อาการป่วยดีขึ้นเยอะแล้ว แต่ยังมีน้ำมูกอยู่เล็กน้อย ตอนกลางวันจะป้อนยาเด็กจิ๋ว ก็
แกล้งบอกเด็กจิ๋วว่า ให้เก็บของเล่นที่เทกระจาดก่อน แล้วไม่ต้องกินยา เด็กจิ๋วได้ฟังก็ดี
ใจกระโดดเก็บของเล่นใหญ่ แต่ด้วยความจำสั้น เก็บไปได้ไม่กี่ชิ้นก็ลืมภาระกิจตัวเองอีก
หรือมันอดใจไม่ได้ เทกระจาดดินสอสีลงพื้นใหม่ ตอนกินยากรี๊ดบ้านแตกเหมือนจะถูกตัด
แขนตัดขา แต่พอกินเสร็จแล้วก็จบกัน ไปคว้าหลอดยาที่เพิ่งกินเสร็จไป ยังไม่ได้ล้างด้วย
มาอมๆดูดๆเล่น โยกหน้าไปมา เหมือนกับจะท้าทายเราว่า เอามาอีกดิ่จะกินให้ดู
เดี๋ยวนี้เวลาอึ๊ไม่เคยบอกกล่าวกันเลยนะเด็กจิ๋ว เวลาเราไปถามก็ปกปิด ไม่ยอมบอกความ
จริง เด็กจิ๋วมีอี๊เปล่า "ไม่มี ไม่มี" เด็กจิ๋วจะตอบแบบนี้ทุกทีเลย วันนี้ถามต่อว่าจริงไม๊ เด็ก
จิ๋วตอบว่า "ไม่จริง" เออก็ยังดีนะ ที่ยังสารภาพตอนจบ
ตอนเย็นปะป๊าเล่นเคาะพื้นทำจังหวะเพลง เด็กจิ๋วบอกว่า "ไม่เอาไม่เอา เสียงดังไป ตีเบาๆ"
ปะป๊าต้องรีบขอโทษเด็กจิ๋วใหญ่เลย เราตีเสียงดังไปจริงด้วย
เด็กจิ๋วชอบเล่นหมุนติ้วติ้ว แล้วก็เดินเซๆล้มๆ ชอบมาบังคับให้เราหมุนตามด้วย ปะป๊าบอก
ว่าไม่หมุน เดี๋ยวเวียนหัว เด็กจิ๋วพยายามพูดคำว่าเวียนหัวตาม แต่พูดไม่ได้ "แม่นหัว แม่น
หัว" ขำมาก มีแค่ไม่กี่คำหรอกนะที่เด็กจิ๋วพูดไม่ได้ มีอีก เด็กจิ๋วพูดว่า "เอาคอแรต" ปะป๊า
กับคุณแม่ก็งงกันมากว่า คอแรต คืออะไร ปะป๊าถามเด็กจิ๋วว่า "อ๋อ หนูจะเอาคอแรตใช่ไม๊"
เด็กจิ๋วทำหน้าจริงจัง ส่ายหัว พร้อมกับตอบว่า "ไม่ใช่ เอาคอแรต คอแรต" ก็หนูจะเอาคอ
แรตไม่ใช่เหรอ ยิ่งคุยกันก็ยิ่งงงกันไปใหญ่



วันที่ ๖๕๙ ... พฤหัส ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
เดี๋ยวนี้ตอนเช้าชอบเอาเด็กจิ๋วไปยกให้อากงเลี้ยง เพราะปะป๊า คุณแม่ รวมทั้งอี๊ป้อมจะวุ่นๆ
กันอยู่ช่วงเช้า อากงก็จะพาไปดูแมว เป็นกิจกรรมหลักที่เด็กจิ๋วโปรดปรานมากที่สุด เวลาจะ
ไปดูแมวกันก็ต้องใส่รองเท้าด้วย จะยืมของพี่โฮไอใส่ทุกวันเลย เพราะพี่โฮไอมีหลายคู่ จอด
ทิ้วไว้หน้าบ้าน วันนี้ก็เหมือนเคย อากงเลือกรองเท้าพี่โฮไอมาใส่ให้เด็กจิ๋ว คู่แรก ใส่ไปแล้ว
เด็กจิ๋วไม่เอา บอกว่า มันใหญ่ไป อากงรีบเปลี่ยนเป็นอีกคู่หนึ่งให้ เด็กจิ๋วไม่เอาอีก บอกว่า
เล็กไป เรื่องมากเหลือเกิน คุณแม่ต้องไปหยิบมาให้อีกคู่ คราวนี้เด็กจิ๋วบอกว่า พอดีแล้ว
ที่ออฟฟิต อยู่ดีๆเด็กจิ๋วก็วิ่งหน้าตั้งมาหาปะป๊า "รักปะป๊า รักปะป๊า" กระโดดขึ้นมากอดแล้วก็
ซบ "รักปะป๊า รักปะป๊า" คงเป็นการเล่นแบบหนึ่งของเด็กจิ๋ว คงไม่ได้นึกรักปะป๊าจริงจังขึ้น
มาหรอก พอคุณแม่เดินเข้ามาคุยกับปะป๊าด้วย เด็กจิ๋วพูดว่า "แม่ไป แม่ไป ป๊าไม่คุยกับแม่"
แล้วเวลาอยู่กับคุณแม่แล้วคุณแม่ทำอะไรไม่ถูกใจ ก็จะพูดว่า "ไม่รักคุณแม่แล้ว รักป๊าดีกว่า"
แล้วก็วิ่งมาหาปะป๊า มากอดๆซบๆเหมือนกัน
ตอนเย็นปะป๊าไปก่อกำแพงอิฐกันน้ำท่วมกับอากง ก่อทั้งออฟฟิต ทั้งบ้านอากงด้วย เด็กจิ๋ว
คงจะคิดว่าปะป๊าเล่นอะไรสนุกคนเดียวไม่ชวนเลย เด็กจิ๋วพยายามเข้ามาก่อกวน ต้องให้อี๊
ป้อมพาไปเก็บไม่งั้นเละแน่ทั้งกำแพงทั้งเด็กจิ๋ว
ตอนกลางคืนอยู่ในห้องโฮมกัน คุณแม่แค่เดินออกไปนอกห้อง เด็กจิ๋วโวยวาย วิ่งมาจ้องหน้า
ปะป๊า ทำหน้าตาหาเรื่อง แล้วบอกว่า "คุณแม่หนีไปเลยอ่ะ" ว่าแล้วปะป๊าก็เล่นจรเข้กินเด็กจิ๋ว
เด็กจิ๋วสนุกมาก วิ่งๆ กระโดๆ กรี๊ดๆกรี๊ดๆ คุณแม่เข้ามาเห็น โดนดุทั้งพ่อทั้งลูกเลย เล่นกันแรง
เกิน ตอนเล่นก็ไม่คิด พอเล่นเสร็จ อาการแย่ ไอสำลัก เกือบจะอ้วกแล้วเด็กจิ๋ว


วันที่ ๖๖๐ ... ศุกร์ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
คุณแม่บอกว่าน่าจะกล่อมเด็กจิ๋วด้วยการเล่านิทานแบบเด็กคนอื่นบ้างนะ ของเรานี่ใช้วิธีเปิด
ทงอีบ้าง แกล้งตายบ้าง แกล้งคุยกันบ้าง ว่าแล้วปะป๊าเลยลองเล่านิทานเรื่องเด็กน้อยปีนต้น
ไม้ให้เด็กจิ๋วฟัง เป็นเรื่องราวของเด็กน้อยที่เข้าป่าไปเจอกับต้นไม้ใหญ่ สูงมาก เด็กน้อยปีน
ขึ้นไปใช้เวลาในการปีนถึง ๑๐ ปี ประทังชีวิตด้วยเมี่ยงคำ มีเพื่อนคือพี่ฮูก ระหว่างการปีนคือ
เรื่องราว แต่จุดหมายไม่มีอะไร ปีนกลับลงมาใช้เวลาอีก ๑๐ ปี จากเด็กน้อยเริ่มแก่แล้ว เล่า
ไปจนจบ ไม่เห็นจะเวิร์คเลยคุณแม่ แทนที่เด็กจิ๋วจะง่วง กลับกระโดดขึ้นมาตบมือดีใจ ยิ่งพอ
ถึงตอนเมี่ยงคำแล้ว หัวเราะก๊ากๆไม่หยุด แล้วมันจะหลับได้ไง ไม่เอาแล้ว เปลี่ยนแผน ท่า
ไม้ตายของเรา คือแกล้งตาย ส่วนใหญ่ได้ผล ถึงแม้ปะป๊าจะเผลอหลับไปก่อนเด็กจิ๋วก็ตาม
แต่วันนี้ปะป๊าไม่หลับนะ แกล้งตายจริงๆ เด็กจิ๋วก็เพลิดเพลินกับการเล่นหน้าปะป๊า เหมือนกับ
เป็นของเล่นของเค้า เริ่มจากเขี่ยปาก เอาจุกนมยัดปาก ยัดจมูก แหวกเปลือกตา แยงหูเล่น
ลูบเครา เด็กจิ๋วเขี่ยหน้าปะป๊าไปมาพร้อมกับพูดๆบ่นๆเรื่อยเปื่อยไปด้วย พอเห็นว่าปะป๊าหลับ
จริง ก็เลยตัดสินใจเลิกเล่นหน้าปะป๊าแล้ว พลิกตัวหันหลังไปกอดหมีหมีนอนนิ่ง หลับแน่ๆล่ะ
คราวนี้ ทันใดนั้นเอง ไม่รู้มีอะไรดลใจเด็กจิ๋ว เหมือนคิดขึ้นมาได้เองว่า ลืมเล่นหน้าปะป๊าไป
อย่างหนึ่ง ว่าแล้ว ก็พลิกตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ใช้นิ้วดึงริมฝีปากปะป๊าลง แล้วปล่อยแรงๆ
เสียงดัง พั่บๆ พั่บๆ หัวเราะชอบใจ ขำก๊ากๆก๊ากๆ ปะป๊าก็เลยต้องหลุดขำก๊ากออกมาด้วยอ่ะ
แผนแกล้งตายก็เลยพัง หลังจากนั้นก็ไม่หลับแล้ว ยาวเลยทีนี้
ตอนเย็นขึ้นไปเล่นกันที่สนามเด็กเล่น ปะป๊าหยิบหมีหมีสุดรักของเด็กจิ๋วมาโยนเล่น หมุนติ้ว
เลย เด็กจิ๋วเห็นก็รีบพูดว่า "ไม่โยนนะ ไม่โยนนะ เค้าเจ็บ ร้องไห้แงๆ ไม่รักปะป๊าแล้ว รักคุณ
แม่ดีกว่า" โอ้โห เอางี้เลยเหรอเด็กจิ๋ว มาเป็นชุดใหญ่เลยนะ มันคือมุขที่เราใช้กับเด็กจิ๋วกัน
ประจำ เวลาที่เด็กจิ๋วดื้อหรือทำอะไรที่เราไม่ชอบ ก็จะแกล้งบอกว่าไม่รักเด็กจิ๋วแล้ว ไม่คาด
คิดว่าเด็กจิ๋วจะใช้มุขนี้ย้อนกลับ ร้ายกาจมาก ปะป๊าต้องรีบขอโทษเด็กจิ๋วเรื่องโยนหมีหมีสุด
รัก พอขอโทษแล้ว เด็กจิ๋วก็วิ่งเข้ามากอดแล้วบอกว่า "รัก รัก" เป็นอันจบขั้นตอน



วันที่ ๖๖๑ ... เสาร์ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
น่าจะประกาศให้วันน้ำท่วมเป็นวันครอบครัวแห่งชาติจริง วันนี้ที่บ้านปะป๊ามีการรวมตัวกันของ
ญาติทุกคนอย่างครบถ้วนเหมือนอาทิตย์ที่แล้ว จาน่าไจโรบุกเข้ามารับเด็กจิ๋วไปเล่นถึงห้อง
นอนตั้งแต่เช้า ต่อด้วยการลงไปดูแมว เข้าไปเล่นที่ห้องโฮไอ เด็กจิ๋วไม่เคยเข้าไปเล่นในห้อง
โฮไอเลยนะเนี่ยะตั้งแต่เกิด เพราะปกติพี่โอไอจะมาหาซะมากกว่า พี่โฮไอใจดีแบ่งของเล่นให้
เด็กจิ๋วเล่นหลายอย่างเลย สุดท้ายเป็นการเปิดการ์ตูน Ben10 แผ่นโปรดโชว์เด็กจิ๋ว เด็กจิ๋วดู
แล้วบอกว่ากลัว กลัว ปะป๊าเลยต้องอุ้มหนีมาก่อน ตอนเที่ยงๆเจ๊นิวกับเจ๊แนนก็ตามมา พวกผู้
หญิงไปเล่นเกมส์ลาฟาร่ากัน คล้ายๆกับเกมส์เศรษฐีมั้ง แต่จาน่าขาใหญ่ไม่ยอมให้เด็กจิ๋วเล่น
ด้วย บอกว่าเด็กจิ๋วยังเด็กเกินไป ก็จริงอย่างพี่จาน่าว่า เด็กจิ๋วแค่ยืนดูนิดหน่อยก็ก่อกวนเค้าซะ
แล้ว เอามือไปปัดกระดานเกมส์ ตัวเดินล้มละเนละนาด เจอพี่ๆว่า ปะป๊าเลยต้องอุ้มพาหนีออก
มาอีก ปะป๊าทำอาหารฝรั่งชุดใหญ่กินกัน เด็กๆก็กินเฟรนฟรายกับซุป ส่วนผู้ใหญ่ก็มีสปาเก็ตตี้
เสต็ก ไส้กรอกรวม ตอนเย็นๆเริ่มมาดูหนังโรงกันในห้องโฮม ดูกันยาวถึงเที่ยงคืน เด็กๆก็ดูบ้าง
วิ่งเล่นบ้าง เด็กจิ๋วก็ตามพี่ๆเล่นไปมาในโรงหนังถึงเที่ยงคืนเหมือนกัน พี่ไจโรสลบไปก่อน นอน
ห่มผ้าหลับสนิท เด็กจิ๋วถึงขั้นกระโดดเหยียบหัว พี่โรก็ไม่ตื่น เด็กจิ๋วนึกสนุก ไปนอนข้างๆไจโร
เอาผ้าห่มมาห่มด้วย น่ารักมากเลยเด็กจิ๋ว



วันที่ ๖๖๒ ... อาทิตย์ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔

 
วันนี้เริ่มสลายตัวกันแล้ว เพราะอาเตี๋ยวกับอาโกวไปดูบ้านลัดดารมย์ ปรากฎว่าน้ำเริ่มเข้าตัวบ้าน
แล้ว แต่แค่ไม่กี่เซน ส่วนพี่โฮไอก็ไปบ้านคุณตา เด็กๆที่เหลืออยู่ก็ยังคงไปเล่นกันที่สนามเด็กเล่น
เหมือนเดิม สักพักคงจะเริ่มเบื่อแล้ว เปลี่ยนมาดูหนังกันในห้องโฮมแทน เด็กๆดูการ์ตูนกันสี่เรื่อง
รวด ดูจบเรื่องหนึ่งก็ออกมากิน กินพิซซ่าบ้าง กินหนมบ้าง ชีวิตมันจะแสนสุขอะไรขนาดนี้ เด็กจิ๋ว
ก็ดูกับพี่ๆเค้าด้วย แต่พอสี่โมงเริ่มอาละวาด งอแง ตายแล้ว! มาง่วงเอาตอนนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้ก็
เลยพาไปนอนยาวถึงหนึ่งทุ่ม เด็กจิ๋วมีตื่นมาขอกินนมแล้วหลับต่อด้วย คือพฤติกรรมแบบนี้ ต้อง
เข้าใจว่าเป็นกลางคืนแน่ๆ เพราะเราพากันมานอนในห้องนอนด้วย หลับไปสามชั่วโมงแล้ว ต้อง
แกล้งปลุกโดยการอุ้มเข้าไปในห้องครัว ตอนแรกคิดว่าคืนนี้ไม่นอนแน่ๆ แต่พอกลางคืน เด็กจิ๋วก็
หลับได้ไม่ดึกมาก
วันก่อนเราเลือกรูปเด็กจิ๋วตั้งแต่เกิดกัน ไปให้ที่ร้านอัดลงกระดาษ คุณแม่ซื้ออัลบัม Sario มาใส่
ด้วย ซื้อมาสามเล่มยังใส่ไม่พอ นี่แค่เลือกมาบางรูปนะ ไม่ได้เอาทุกวัน
เวลาเด็กจิ๋วล้มหรือไปเตะไปจับโดนอะไรเจ็บ ปะป๊าก็จะเล่นโอเวอร์แอ็กติ้ง วิ่งไปกอดแล้วก็เป่า
พ่วงๆ โอ๋โอ๋ เด็กจิ๋วเป็นอะไรไม๊ อะไรประมาณนี้ พี่จาน่าไจโรเห็นก็บอกว่า โห เว่อร์มาก น่าหมั่น
ไส้ วันนี้เด็กจิ๋วก็เล่นด้วย โดยการแกล้งเจ็บ ทีแรกก็บอกว่าเจ็บมือ ปะป๊าก็เป่าๆ เจ็บแขน เป่าๆ
เจ็บขา เจ็บหัว เจ็บนั่น เจ็บนี่ จนสุดท้าย "หัวแตก" ฮาอ่ะ ใครสอนเนี่ยะ หัวแตก หัวแตกจริง เป่า
พ่วงก็ไม่หายนะ



วันที่ ๖๖๓ ... จันทร์ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔
วันนี้เป็นวันหยุดชดเชยวันปิยะ ไม่ได้ไปไหน พี่ๆก็ไม่อยู่กัน ส่วนใหญ่ก็นอนดูหนังกันอยู่
ในห้องโฮม ดูข่าวน้ำท่วมบ้างดูหนังบ้าง เปิดมิกกี้เมาส์คลับเฮ้าส์ในยูทูปให้เด็กจิ๋วดู ให้
ดูจอ ๑๐๐ นิ้วเลย เด็กจิ๋วชอบมาก แต่พอถึงตอนตัวโกงออกมา เด็กจิ๋วจะรีบกระโดดมา
หาคุณแม่บอกว่า "กลัว กลัว" ที่จริงตัวโกงมันเป็นวัว ไม่ได้น่ากลัวเล้ยเด็กจิ๋ว
ตอนเย็นปะป๊าปั่นน้ำเบอรี่มากิน เนื่องจากเด็กจิ๋วเพิ่งหายหวัดเลยไม่ให้กินน้ำปั่น แกล้ง
บอกว่าของปะป๊าเผ็ดๆ เด็กจิ๋วกินไม่ได้ เด็กจิ๋วก็มานั่งจ้องปะป๊ากิน กลืนน้ำลายเอื้อกๆ
คือพอเราบอกว่ากินไม่ได้ เด็กจิ๋วก็เชื่อนะ ถึงแม้จะอยากกินมากสุดขีด ขนาดแค่เอานิ้ว
มาจิ้มที่ข้างแก้วเย็นๆ แล้วเอาเข้าปากดูด ก็ยังดี "ป๊ากิน ป๊ากิน ของป๊าเค้า ไม่ใช่ของ
พริม ป๊ากินได้ พริมกินไม่ได้" เด็กจิ๋วจะพูดแบบนี้แหล่ะวนไปวนมา พูดเก่งมาก พูดพูดไม่
หยุด



วันที่ ๖๖๔ ... อังคาร ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๔


 
ตอนเช้าปะป๊าพาขึ้นไปเล่นที่สนามเด็กเล่น เด็กจิ๋วเดินไปเขย่งๆจะเอาหนังสือบนชั้น เป็น
หนังสือหลายเล่มที่ซื้อมาเก็บไว้นานแล้ว รอวันเด็กจิ๋วจะอ่านเป็น หรืออย่างน้อยไม่ฉีกทิ้ง
ก็ยังดี แต่จนปานนี้ก็ยังเอาให้อ่านไม่ได้ซะที จนตอนนี้เลิกซื้อไปแล้ว ดีใจจังที่วันนี้เด็กจิ๋ว
เกิดสนใจขึ้นมา ปะป๊าหยิบเล่มแรกเป็นหนังสือป็อบอัพ อันนี้คุณแม่จะซื้อมาเล่นเองหรือจะ
ให้เด็กจิ๋วเล่นก็ไม่แน่ใจ เปิดป๊อบอัพรูปแรกขึ้นมา เด็กจิ๋วก็รีบเอามือไปจับ ดึงๆ "เอานี่เอา
นี่" ปะป๊าต้องรีบเก็บแทบไม่ทัน เอาเล่มธรรมดาแล้วกัน เป็นภาพสิ่งมีชีวิตกับสิ่งของรอบ
ตัวเรา ปะป๊าสอนเรื่องสัตว์ทะเล วันนี้เริ่มสอนให้แยกแยะ ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาฉลาม
เมื่อก่อนจะรวมเรียกกันว่าปลา เด็กจิ๋วก็พอจะแยกแยะได้นะ จำได้ว่าปลาตัวไหนชื่ออะไร
แต่พอถึงปลาฉลามทีไร เด็กจิ๋วจะพูดว่า "ปลาทาริ่ง" ทุกครั้ง มันคืออะไร ปลาทาริ่ง สงสัย
สอนเรื่องปลามากเกิน ตอนเย็น เด็กจิ๋วมาบอกคุณแม่ว่า "ปลาโลมาแล้ว หนีเร็ว หนีเร็ว"
ปลาโล? มาแล้ว เด็กจิ๋วต้องงงกับภาษาไทยอยู่แน่ๆ
เด็กจิ๋วมาจ้องๆจะกินหนมของปะป๊า โคนช็อกโกแล็ต คุณแม่บอกว่าเด็กจิ๋วกินไม่ได้มันขม
เด็กจิ๋วได้ยินก็พูดว่า "มันขม" พรอ้มกับทำหน้าขม แล้วก็ไอ "แอ็กๆแอ็กๆ"
นอกจากบ้านเราจะเป็นศูนย์ผู้ประสบภัยสำหรับคนใจตระกูลแล้ว วันนี้อี๊ตุ๋มกับอี๊นกก็ขอมา
อยู่ด้วย เด็กจิ๋วลั้นลามาก กระโดดโลดเต้น ดีใจ เกาะอี๊นกแจ เวลาอี๊นกจะกินข้าวก็ปีนขึ้น
มานั่งตัก ใครเรียกยังไงไม่สนใจเลย



วันที่ ๖๖๕ ... พุธ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔
วันนี้เด็กจิ๋วรังแกคุณแม่อีกแล้ว กับปะป๊าเนี่ยะไม่ค่อยกล้า แต่กับคุณแม่เนี่ยะ ทั้งตีทั้งตบ
ขนาดว่าคุณแม่เคยตีเด็กจิ๋วด้วยนะ เด็กจิ๋วไม่เห็นกลัวเกรงใดๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร วันนี้ตี
คุณแม่ คุณแม่แกล้งร้องไห้แงแง ฟูมฟาย พูดว่า เด็กจิ๋วตีแม่ แม่จะหนีไปแล้วนะ แล้วเด็ก
จิ๋วจะอยู่กับใคร เด็กจิ๋วพูดว่า "อยู่กับปะป๊า" คือไม่ได้สลดเลยนะ คุณแม่จะหนีก็หนีไปนะ
เด็กจิ๋ววิ่งเล่นอยู่ที่ออฟฟิต อยู่ดีๆ ก็กระโดดขึ้นไปบนโซฟาในห้องทำงานปะป๊า แล้วก็ปีน
ขึ้นไปบนที่เท้าแขน คุณแม่ถามว่า เด็กจิ๋วปีนขึ้นไปทำไม เด็กจิ๋วตอบ "น้ำท่วม น้ำท่วม"
ดูข่าวน้ำท่วมกับคุณแม่มากเกิ้น แต่ก็งงนะ เด็กจิ๋วรู้ได้ไงว่าน้ำท่วมให้ปีนขึ้นที่สูง?
เมื่อวานที่ปะป๊าสอนภาพสัตว์ต่างๆ วันนี้คุณแม่ลองมาทดสอบความจำของเด็กจิ๋วดู ชี้ไป
ที่รูปแมงกะพรุน อันนี้ยากนะ เพราะเพิ่งสอนใหม่ๆเมื่อวานนี้เอง นี่รูปอะไร เด็กจิ๋วไม่รู้ ตอบ
ไม่ได้ คุณแม่บอกใบ้ให้ แมงอะไร แมงอะไร เด็กจิ่วตอบว่า "แมงอะไรก็ไม่รู้จักเลยอ่ะ"
ตอนกลางวันปะป๊าไปตัดผมมา เด็กจิ๋วเก่งมากจะสังเกตเห็นทุกครั้งเลยที่ปะป๊าตัดผมมา
เก่งกว่าปะป๊าอีก วันนี้ก็เหมือนกัน เด็กจิ๋วเจอหน้าปะป๊าก็วิ่งมาจิ้มที่ผมแล้วพูดว่า "แหว่ง
เลย แหว่งเลย" คำว่าแหว่งคงจะหมายถึงผมมันสั้นลง ผมปะป๊าคงไม่ได้แหว่งจริงนะ
ตอนบ่าย นั่งเล่นกันอยู่สามคน คุณแม่เดินออกไปเข้าห้องน้ำ เด็กจิ๋วถามว่า คุณแม่ไปไหน
ปะป๊าบอกว่า ไปฉี่เดี๋ยวมา เด็กจิ๋วหันมาพูดกับปะป๊าว่า "อยู่กับป๊าก่อนได้ไม๊ ... ได้" ถาม
เองตอบเอง
ปะป๊าหยิบถุงใส่เอกสารที่จะทิ้งเอามาให้เด็กจิ๋วเล่น เด็กจิ๋วหยิบถุงขึ้นมาแล้วพูดว่า "คุณ
แม่ไม่ให้เล่นถุง" ปะป๊าบอกว่าได้ ปะป๊าใจดีให้เล่นได้ เด็กจิ๋วเกิดเชื่อฟังคุณแม่ขึ้นมา ไม่
ยอมเล่นเฉยเลย เอาถุงขึ้นไปวางบนโต๊ะ แล้วบอกว่า "เก็บก่อน เก็บก่อน"
ตอนเย็นปะป๊าป้อนอะโวคาโดเด็กจิ๋ว มีการโรยหน้าอะโวคาโด้ด้วยคอนเฟลคด้วย ถ้าคำ
ไหนไม่มีคอนเฟลคก็จะไม่กิน พอเด็กจิ๋วเริ่มอิ่ม ปะป๊าก็ถามว่า เด็กจิ๋วไม่กินแล้วเหรอ ...
เด็กจิ๋วตอบว่า "อิ่มแล้ว หนูไม่กินแล้ว ดื้อ ดื้อ" เด็กจิ๋วอ่ะ แบบนี้ไม่เรียกว่าดื้อหรอก แค่อิ่ม
ไอ้ตอนดื้อๆอ่ะไม่รู้ตัว




วันที่ ๖๖๕ ... พฤหัส ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๔
... วันนี้เด็กจิ๋วเกาะอี๊นกแจ ไปนั่งอยู่ในห้องทำงานอี๊นกทั้งวัน ไม่สนใจปะป๊ากับคุณแม่อ่ะ
... มีอยู่วันหนึ่งปะป๊าแกล้งพี่โอ บอกว่าพี่โอแกล้งเด็กจิ๋ว หลังจากนั้นมา เด็กจิ๋วเอะอ่ะอะไร
ก็โอแกล้ง โอแกล้ง อย่างวันนี้พี่โอมาจับตัวหน่อย ก็บอกว่า "โอแกล้ง โอแกล้ง" พี่โอแค่
จับตัวยังไม่ได้แกล้งเลยนะ เด็กจิ๋วนั่นแหล่ะ แกล้งพี่โอ เพราะเด็กจิ๋วไม่ได้กลัวพี่โอแกล้ง
จริง ยังเล่นกับพี่โออยู่เหมือนเดิม ที่พูดแบบนั้นก็คือแกล้งพี่โอนั่นเอง
... วันนี้พี่โฮไออยู่บ้าน เพราะโรงเรียนปิดฉลองน้ำท่วมเดือนหนึ่ง ตลอดทั้งบ่ายนี้ เด็กจิ๋ว
เลยไปเล่นกับพี่โฮไอ เวลาพี่โฮไอทำอะไรเด็กจิ๋วจะทำตามตลอดเวลา น่ากลัวมากเพราะ
พี่โฮไอเป็นเด็กผู้ชาย idol คือพี่เบน เล่นชกๆต่อยๆเตะๆ เด็กจิ๋วก็ทำตามตลอด มีแย่งของ
เล่นกันด้วย แย่งไปแย่งมา ของเล่นไปโขกหัวเด็กจิ๋วจ้ำหนึ่ง แดงเทือกทีเดียว
... ตอนเย็นปะป๊าไปงานศพตั่วโกว เป็นพี่สาวของอากง เสียเมื่อวานนี้ เด็กจิ๋วตั้งแต่เกิดมา
ยังไม่เคยเจอตั่วโกวเลย ปะป๊าไปงานศพคนเดียว คุณแม่อยู่กับเด็กจิ๋วที่บ้าน



วันที่ ๖๖๖-๖๖๙ ... ศุกร์ ๒๘ ตุลาคม - จันทร์ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
ไปเที่ยวกระบี่กับอากงอาม่า --> N'Prim@Krabi

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

@Krabi (Centara Grand Beach Resort, Tup Kaek Sunset Beach Resort, Red Ginger)

สวัสดีค่ะ วันนี้เด็กจิ๋วจะมาพาไปเที่ยวกระบี่ค่ะ
ซึ่งจะเป็นการเดินทางโดยเครื่องบินเป็นครั้งแรกในชีวิตของเด็กจิ๋ว
ปะป๊ากับแม่ลุ้นระทึกกันมากว่าจะเป็นยังไงบ้าง เพราะเด็กจิ๋วไม่ธรรมดา
...และแล้วสิ่งที่เรากลัวก็เกิดขึ้นจนได้ เด็กจิ๋วร้องไห้อาละวาดง่วงนอนแบบเต็มสตรีมอ่ะค่ะ
ร้องเป็นเวลาร่วม 20 นาทีก่อนเครื่องลง แม่เดาว่าคงปวดหู และง่วงนอนด้วย เพราะเป็น Flight เช้าสุดของ Air Asia
ใครที่เดินทางพร้อมเด็กจิ๋ววันนั้น เด็กจิ๋วต้องขอโทษงามๆด้วยนะคะ ที่รบกวนขนาดนั้น ลูกสาว
แม่เข็ดขยาดมาก ต่อไปต้องไปรถส่วนตัวเท่านั้นจนกว่าเด็กจิ๋วจะโต และพูดรู้เรื่องแล้วค่ะ
ทริปนี้เราย้ายที่พักกันทุกคืน ถ้าไม่มีรถคงลำบาก 
เราเลยหลอกอากงอาม่ามาเที่ยวด้วยกัน อากงอาม่าก็เต็มใจให้หลอก 
เพราะรู้ว่าจะได้ใช้เวลากับหลานรักหลายวัน
อากงขับกระบะคู่ชีพมาจากราชบุรี มารับเราที่สนามบิน 
แล้วก็ไปจอดรถที่ Office ของ Centara Grand Beach Resort 
เรานั่งรถตู้ของรีสอร์ทมาที่ท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา เพื่อขึ้นเรือไปที่รีสอร์ท
เนื่องจาก Centara Grand Beach Resort ตั้งอยู่ในเวิ้งอ่าวที่รถเข้าไม่ถึง
การเดินทางทำได้ 3 ทาง คือเรือ เดินเขา หรือลุยน้ำทะเลตอนน้ำลง
อันนี้เป็นเรือของทางรีสอร์ทที่มารับ
นั่งเรือประมาณ 10 นาทีก็มาถึง..มีเจ้าหน้าที่เดินมารับไป Check in ที่ Lobby
อันนี้แอบขัดใจเจ้าหน้าที่ที่มารับค่ะ เพราะเรามาถึงก็ตื่นเต้นกับวิว และความงามของที่นี่
เราหยุดถ่ายรูปกันที่ป้ายหน้ารีสอร์ท และปะป๊าก็ถ่ายรูปโน่นนี่ไปเรื่อย 
น้องพนักงาน เดินนำไป พวกเราเดินตาม มีแต่ปะป๊าที่รั้งท้าย เพราะมัวแต่ถ่ายรูป
อันนี้พวกเราชินแล้ว ก็ทิ้งๆปะป๊าไป เดี๋ยวเดินตามมาเอง โตแล้วคงไม่หลงทาง
เราก็บอกน้องพนักงานว่าเดี๋ยวเค้าเดินตามมาเอง 
น้องดูหงุดหงิด ทำหน้าเบื่อๆ แล้วบอกว่าเดินไปพร้อมกันดีกว่านะคะ 
เดี๋ยวค่อยกลับมาถ่าย แล้วเดินมาต้อนปะป๊าให้ไปพร้อมกัน
อาม่าก็ยังว่า ทำไมต้องไปพร้อมกันด้วย เราก็เลยสงสัยว่า lobby มันไปยากเป่า เดี๋ยวเดินไม่ถูกมั้ง
ก็ไม่ใช่ซะหน่อย เดินนิดเดียวก็ถึง แถมต้องรอเช็คอินนานมากกกกก 
เดินมาปะป๊าก็ไม่ได้ทำไร หน้าที่เช็คอินเป็นของแม่อยู่แล้ว
พอเช็คอินเสร็จแล้ว น้องเจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะ Upgrade ห้องให้เรา
จากที่เราจองห้องแบบ Premium Ocean Facing มา 2 ห้อง เค้าจะ Upgrade เป็นห้อง Spa Deluxe Ocean Facing ให้ 1 ห้อง ส่วนอีกห้องก็ตามที่เราจองมา
(เราซื้อ Voucher มาจากงานท่องเที่ยว Premium Ocean Facing 2 ห้อง ราคา 4,000 บาท/ห้อง/คืน ค่ะ)
เรารอเข้าห้องกันนานพอสมควร ดีที่พกอุปกรณ์แก้เบื่อมาให้เด็กจิ๋วด้วย
รอประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้ขึ้นไปบนห้อง
ห้องเราอยู่ตึกในๆ ชั้น 3 เดินไกลพอควร ขึ้นไปก็เห็นวิวแบบนี้
ความจริงอยากได้ตึกที่ใกล้ๆด้านหน้ามากกว่านี้ เพราะวิวคงสวยกว่านี้ 
มองดูแล้วไม่น่ามีต้นไม้บังมากด้วย
ไม่เป็นไร แค่นี้ก็งามแล้ว
อันนี้เป็นภายในห้อง Premium Ocean Facing ซึ่งเป็นห้องที่เด็กจิ๋วจะนอน
ห้องที่ได้ upgrade ยกให้อาม่าอากงไป
ความจริงห้องทั้งสองแบบ ข้างในไม่ต่างกันมาก Layout ต่างนิดหน่อย
ที่เพิ่มมาคือ มีอ่าง Jacuzzi ที่ระเบียงเท่านั้นเอง
อันนี้เป็นห้อง Spa Deluxe Ocean Facing 
ตอนโทรมาจอง เราก็แจ้งเจ้าหน้าที่ขอให้จัดห้องนึงให้เป็นแบบ Honeymoon เพื่อจะ Surprise อากงอาม่า
หัวเตียงเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ มี Welcome Fruit ด้วย
มีเรื่อง Welcome Fruit นี่มาเล่านิดหน่อย
คือตอนที่น้องเจ้าหน้าที่กำลังแนะนำห้องอยู่นั้น ก็บอกเราว่าห้ามเปิดประตูห้องไว้เด็ดขาด
เพราะจะมีเจ้าถิ่น คือบรรดาลิงๆ ทั้งหลาย เข้าไปเล่นด้วยในห้อง 
พูดเสร็จหันมาอีกที ลิงวิ่งเข้าไปหยิบ Welcome Fruit ไปกินละ รวดเร็วมาก
น้องเค้าวิ่งไปเอาไม้ยาวๆ มาไล่ ลิงก็หนีไป เลยได้ Welcome Fruit จานใหม่มาภายหลัง
เรื่องลิงนี่ยังมีอีกเยอะค่ะ เราว่ามันก็เป็นอุปสรรค ในการพักผ่อนอย่างนึงนะคะ 
เพราะบ้านเราไม่ค่อยถูกชะตากับลิงค่ะ ความจริงก่อนไปก็พอรู้ว่าที่นี่มีลิงเยอะ แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะมาใกล้ชิดเราขนาดนี้ค่ะ
ห้องน้ำก็กว้างขวางดีค่ะ 
ทั้งแบบ Premium Ocean Facing และ Spa Deluxe Ocean Facing ห้องน้ำเหมือนๆกันค่ะ 
มีอ่างอาบน้ำ ห้อง Shower และห้องสุขา แยกเป็นสัดส่วน
ห้องเรากับห้องอาม่าอยู่ติดกัน อาคารนึงแต่ละชั้นก็มี 2 ห้อง 
ระเบียงห้องเรากับห้องอาม่า เดินเชื่อมถึงกันได้ 
ปกติถ้าแขกคนละคณะ เข้าก็จะมีฉากกั้นปิดระหว่างระเบียงของสองห้อง
แต่เรามาด้วยกันก็เปิดโล่ง เราเลยได้ระเบียงอันใหญ่มาก
อ่าง Jacuzzi ตรงระเบียงห้องอาม่า ไม่ได้มีโอกาสแช่เลย
เปิดน้ำเอาไว้ แป๊บเดียว ลิงก็มานั่งเล่นและกินน้ำที่อ่างด้วยค่ะ
ความจริงตอนเย็นๆ พวกคุณลิงก็พากันกลับบ้านเค้าหมดนะคะ 
ไม่มีออกมาให้เห็นเลย แต่ตอนเย็นเราก็ไปเดินเล่นที่หาดกัน เลยไม่ได้อยู่ที่ห้อง
ถ้าเย็นๆ นั่งแช่อ่าง ดูพระอาทิตย์ตกดินตรงนี้ คงจะสวย และสบายมากๆเลยค่ะ
อันนี้เป็นระเบียงด้านข้างห้อง คือพอเปิดประตูห้องเข้ามา จะเจอส่วนนี้ก่อนเลย
แล้วถึงจะมีประตูเปิดเข้าห้องนอนอีกที
ซึ่งตรงนี้เราก็ไม่ได้มานั่งเล่นเลย เพราะช่วงกลางวันคุณลิงมาวิ่งเล่นกันตลอดเวลา
และอย่างที่บอกว่าพอเย็นคุณลิงกลับบ้าน เราก็ไปเดินเล่น กินข้าวที่ข้างล่าง เลยไม่ได้มาใช้พื้นที่ตรงนี้เลย
เราอยู่ที่นี่แค่คืนเดียวด้วย เลยเหมือนยังใช้พื้นที่ต่างๆ ไม่ทั่วถึงเลย
ในภาพจะเห็นมีไม้ยาวๆ วางไว้ เอาไว้ขู่คุณลิงค่ะ ตอนแรกอากงไม่รู้ เอาหมอนไปทำท่าไล่ๆ ขู่ๆ 
คุณลิงไม่กลัวเลยค่ะ หันมาขู่ฟ่อๆ แยกเขี้ยวใส่ แขกห้องอื่นมองเห็นมาจากระเบียงห้องเค้าตะโกนมาบอกว่า ต้องใช้ไม้ๆ
อากงหันมาหยิบไม้ คุณลิงก็วิ่งหนีไปเลยค่ะ ไม้ยาวๆ แบบนี้จะมีเสียบไว้ในแจกันทรงสูง วางไว้ทั่วรีสอร์ทค่ะ
มองจากมุมนี้จะเห็นภาพว่าระเบียงด้านหน้าทะเล ปกติจะมีฉากกั้นได้ค่ะ ตรงโครงไม้ที่เห็นน่ะค่ะ
สำรวจห้องเรียบร้อย เด็กจิ๋วนอนหลับหนึ่งตื่น เราก็ลงไปสำรวจรอบๆรีสอร์ทกันค่ะ
ทางเดินภายในรีสอร์ท ที่นี่ก็จะเน้นต้นไม้เยอะ ร่มรื่นดี แต่ไม่รกจนเกินไป
สระว่ายน้ำที่นี่น่าเล่นมาก กว้างขวาง น้ำสีฟ้าสดใส วิวก็งาม
เด็กจิ๋วขอลงน้ำก่อนเลย สระน่าเล่นขนาดนี้ ไม่มีพลาดอยู่แล้วค่ะ
รูปนี้ฝีมือแม่ถ่าย กดไปหลายสิบรูป ปะป๊าบอกว่าใช้ได้รูปเดียวอ่ะ
เดินไปดูหาดทรายกันบ้างค่ะ
มีเปลให้นอนเล่น
มีเก้าอี้อาบแดดให้นอนเล่นอยู่รอบๆบริเวณ
ความจริงรูปริมหาดพวกนี้ถ่ายตอนเช้ารุ่งขึ้นอีกวัน
เพราะช่วงสายๆ บ่ายๆ เก้าอี้พวกนี้ก็จะถูกจับจองเต็ม
ส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติที่รักแสงแดด ไม่ค่อยเห็นคนไทยมานอนรับแดดเท่าไหร่
ชายหาดที่นี่ดูเผินๆเหมือนจะน่าเล่น แต่เอาเข้าจริงๆ ทรายค่อนข้างจะหยาบ น้ำก็ไม่ค่อยใส
เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับห้องอาหาร On The Rock อยู่ริมหาดด้านหน้าติดกับสระว่ายน้ำ
ตอนเย็นวันที่เราไป ห้องอาหารนี้เสิร์ฟเป็น Grill Buffet ปะป๊าอยากลองมาก
แต่เสียงส่วนใหญ่ไม่เอา เลยต้องไปกินที่ห้องอาหารไทยแทน
ตรงนี้นอกจากเป็นห้องอาหารแล้ว ยังเป็น Bar ด้วย
ตอนกลางวันไม่ค่อยมีแขกเท่าไหร่ ถ้าเป็นตอนเย็น จะจองกันเต็มหมด
ตอนรอเช็คอินเราก็มานั่งที่นี่ หามุมร่มๆหน่อย ลมพัดเย็นดี
ตอนเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน น้ำลงไปเยอะมาก
เด็กจิ๋วมาวิ่งเล่นเหยียบทรายตรงนี้ สนุกมากๆ
ช่วงเย็นพอน้ำลงเยอะๆ สามารถเดินไปอ่าวนางได้ เดินอ้อมโขดหินนี้ไป
ไม่ไกลมาก เห็นฝรั่งกับพนักงานรีสอร์ทเดินกันไปเยอะแยะค่ะ
บรรยากาศก่อนพระอาทิตย์ตกดีมากๆ อากาศดี ลมพัดเย็นสบาย
เย็นย่ำแบบนี้ เก้าอี้ก็ถูกทิ้งว่างเหมือนกัน 
เวลานี้แขกส่วนใหญ่คงอยู่ที่ห้อง เตรียมอาบน้ำอาบท่าลงมาทานอาหารค่ำกัน
แสงสวยๆ
เดินเป็นคู่ โรแมนติกดีค่ะ
ชิงช้าตัวเดิม
มาดูบรรยากาศยามเย็นที่ห้อง On The Rocks กันค่ะ
อย่างที่บอกว่ามื้อเย็น โต๊ะที่ห้องอาหาร On The Rocks จะเต็มเกือบหมด 
แขกส่วนใหญ่จองไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะโต๊ะที่ติดริมหาดแบบนี้
อาหารค่ำในบรรยากาศแบบนี้ โรแมนติกอีกแล้ว
เดินลงหาดไปดูพระอาทิตย์ตกน้ำกันค่ะ
น้ำลงไปเยอะมากจริงๆ มิน่าถึงได้ทำ Jetty ซะยาวเชียว
เดี๋ยวเราเดินออกไปดูพระอาทิตย์ให้ใกล้กว่านี้ที่ปลาย Jetty นี่ดีกว่า
ถึงแม้ตอนเราจะไปจะยังเป็นหน้าฝน (ปลายตุลาคม) ฟ้าไม่ใสกิ๊ก เมฆฝนเต็มท้องฟ้า
แต่ก็ยังโชคดีที่ยังได้เห็นแสงสวยๆแบบนี้

ที่บ้านเราตัดสินใจมาพักที่นี่ เพราะหินก้อนนี้อันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี
ได้ดูรีวิวจากเพื่อนๆ ในห้องนี้ก็ตั้งใจแน่วแน่เลยค่ะ ว่าจะต้องมาที่นี่ให้ได้
ชื่นชมกับบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินเสร็จแล้ว 
เราก็มาทานอาหารเย็นกันที่ห้องริมทราย
ใช้บัตร Central Card ลดค่าอาหารได้ 5% ด้วย ดีใจมากเลย ดีกว่าไม่ได้ลดซักบาท
อิ่มแล้วเดินชมสระน้ำยามค่ำคืน
เปิดไฟสวย น้ำเป็นสีเขียวใสน่าว่ายมากๆ
เดินจากห้องริมทราย เข้ามาในอาคาร จะมีทางลงไป Deep BLU Bar and Lounge 
เดินผ่านไปดู บรรยากาศดีเชียวค่ะ แต่ไม่ได้เข้าไปนะคะ
ตอนกลางคืนหลับสบายดีมากค่ะ เด็กจิ๋วก็หลับสบายไม่กวนเลย คงเพลียจากการเดินทางเมื่อวาน
ไม่ได้ถ่ายรูปห้องอาหารเช้ากับไลน์อาหารมาเลยนะคะ 
ไม่สะดวกค่ะ เพราะคนค่อนข้างเยอะ โต๊ะที่นั่งเต็มหมด บรรยากาศค่อนข้างว้าวุ่น
บางโต๊ะที่นั่ง outdoor ก็มีคุณลิงกระโดดลงมาร่วมวงด้วย ให้ตื่นเต้นเป็นระยะๆ
เช็คเอาท์ออกจากที่นี่กันแล้ว เราก็จะย้ายที่พักไปที่หาดทับแขกค่ะ
เราลาจาก Centara Grand Beach Resort and Villas กันด้วยภาพนี้ค่ะ
ที่พักที่ต่อมาของพวกเราคือ ทับแขก ซันเซ็ท บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา
อยู่ที่หาดทับแขก กว่าจะไปถึงก็วิ่งเลยไปเลยมา เพราะมองไม่เห็นป้าย
ความจริงเล็ง ทับแขก บูทิค รีสอร์ทไว้ แต่ราคาสูงไปนิด ปะป๊าไม่สู้ราคา
บอกว่าที่นี่อยู่ใกล้กัน วิวก็เหมือนกัน เอาอันราคาย่อมเยาดีกว่า
ไม่ได้ถ่ายภาพบ้านพักตอนมาถึงไว้เลย อันนี้ถ่ายตอนเช้ามืดค่ะ
ห้องที่เราพัก เป็นแบบ Beach Front นะคะ อยู่แถวแรก 
มองเห็นชายหาดแบบไม่มีอะไรมาบังนอกจากต้นไม้
ซื้อ Voucher มาจากงานท่องเที่ยว ราคาห้องละ 2,500 บาทค่ะ
มี Welcome Fruit แช่เย็นไว้ให้
ห้องน้ำก็สะอาดสะอ้าน มีอ่างอาบน้ำด้วย
แต่ไม่มีเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า วางของไม่ค่อยสะดวก
เตียงนอน
ระเบียงหน้าห้อง
มาถึงเด็กจิ๋วก็ขอเล่นทรายก่อนเลย เพราะที่ Centara ไม่ได้เล่นทรายเลย
ทรายที่หาดนี้น่าเล่นกว่าตรง Centara ค่ะ
เล่นทรายเสร็จก็ลงสระ ตามระเบียบ
สระที่นี่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็เล่นสนุกค่ะ
สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจมาพักที่หาดทับแขกคือวิวป่าเกาะที่เห็นเบื้องหน้าค่ะ
เคยเห็นภาพพระอาทิตย์ตกดินที่หาดนี้สวยมากๆ แต่วันนี้คงอดเห็น เพราะฟ้าปิดมากๆ
ร้านอาหารของรีสอร์ท วันนี้เราทานอาหารเย็นกันที่นี่ค่ะ
ช่วงหัวค่ำ ยุงที่นี่ดุมาก แม่โดนไปหลายตุ่ม คันอยู่เป็นอาทิตย์กว่าจะหายค่ะ
เมฆจะเยอะไปไหนเนี่ย
แต่จะว่าไป ก็เป็นความผิดเราเอง ที่ดันมาฤดูนี้
วิวป่าเกาะของหาดทับแขก
อาหารเย็นวันนี้เรานั่งทานกันบนชายหาดอย่างนี้เลยค่ะ 
บรรยากาศดีมาก เสียเรื่องเดียวคือยุงค่ะ
โชคยังดีที่ฝนไม่ตกลงมา เรานั่งทานข้าวกันได้ตลอดรอดฝั่งค่ะ
ความจริงวันพรุ่งนี้เราต้องเดินทางกลับกรุงเทพกันแล้ว
แต่ปะป๊าบอกว่ามากระบี่ทั้งที ยังไม่ได้เห็นทรายขาวๆ น้ำทะเลสวยๆเลย
บวกกับว่าช่วงนั้นที่กรุงเทพน้ำท่วมอยู่ และมีการประกาศวันหยุดเพิ่มเนื่องจากภาวะน้ำท่วมด้วย
เราเลยตกลงใจอยู่ต่ออีกหนึ่งคืน เพื่อไปตามหาทรายขาวๆ น้ำทะเลสีสวยกัน
โชคดีที่ไฟลท์ขากลับของเราเป็นการบินไทย สามารถเลื่อนวันเดินทางได้ไม่เสียตังค์
ส่วนอากงอาม่าเอารถมาเอง กลับเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว สบาย
บรรยากาศยามเช้าที่หาดทับแขก
ดูเหมือนวันนี้จะไม่มีเมฆฝน ภาวนาขอให้วันนี้ไม่มีฝนด้วยเถอะ
เพราะเราจะไปนั่งเรือทัวร์ 4 เกาะกัน
เหมือนวันนี้ฟ้าจะใสเนอะ ดีใจๆ
หน้าตาเรือที่เด็กจิ๋วจะนั่งไป
แอบหวั่นใจมาก เพราะดูไม่ค่อยปลอดภัย
แต่ลุงที่ขับเรือยืนยันความปลอดภัย เพราะวันนี้คลื่นลมสงบมาก
และบวกกับ ทั้งอากง อาม่า และปะป๊าว่ายน้ำเก่งกันทุกคน ยังไงคงไม่มีอันตรายน่า
เรือ Speed Boat ก็มีให้บริการ แต่ราคาสูงกว่ามาก และกระแทกกว่าด้วย
ตอนที่มาถึงทะเลแหวก ก็มองไม่ค่อยเห็นแหวกแล้ว เพราะน้ำเริ่มขึ้นแล้ว
เลยเดินมาอีกด้าน มาดูปลาดีกว่า
เด็กจิ๋วตื่นเต้นกับปลามาก
คือความจริงมีสาวๆกลุ่มนึง เอาขนมปังให้ปลา ปลาเลยมากันเต็ม
อากงก็อุ้มเด็กจิ๋วไปยืนเนียนดูกับเค้าด้วย
วันนี้ก็สมใจปะป๊าแล้ว ได้เจอทรายขาว น้ำทะเลสีสวย แถมฟ้ายังใสอีกต่างหาก
นี่เป็นการลงทะเลครั้งแรกของเด็กจิ๋วเลย
ปกติไปแตะๆทรายเฉยๆ ไม่เคยลงน้ำ
หน้าตาตื่นเล็กน้อย
น้ำใสจริง
มีเรือนักท่องเที่ยวจอดกันเยอะมาก
ถ้ามองไปตรงที่เป็นทะเลแหวก จะเห็นคนพรึ่บมาก แต่ปะป๊าไม่ได้เลือกรูปมาลง
คนเดินลุยน้ำทะเลแหวกกัน เป็นภาพที่คุ้นๆมาก เหมือนภาพคนเดินลุยน้ำท่วมที่กรุงเทพเลย
นึกย้อนไปแล้ว ปีนี้ขออย่าให้เกิดแบบนั้นอีกเลยน้า...
บ้านญาติเราบางคนที่โดนท่วมหนักๆ จนบัดนี้ยังไม่กลับมาเหมือนเดิมเลย
เมื่อกี้แม่เพิ่งแอบบ่นคนที่เอาขนมปังให้ปลาไปว่าไม่ดี มันทำลายระบบนิเวศ
เผลอแป๊บเดียวอากงเอาขนมปังให้เด็กจิ๋วเอาให้ปลากินละ
มันน่าโมโหจริงๆ ไม่รู้แอบซื้อขนมปังมาตอนไหน ว่าก็ไม่เชื่อ คนแก่ดื้อจริงๆ
(แต่พอมาเมื่อไม่กี่วันมานี้ อากงมาบอกว่าที่เอาขนมปังให้ปลาน่ะ มันทำให้ระบบนิเวศเสียนะ
อากงดูในทีวี เค้าบอกมา เออ...แล้วตอนลูกตัวเองบอก ทำไมไม่เชื่อก็ไม่รุ้)
มาถึงเกาะปอดะแล้ว ยังสวยเหมือนเดิม
แม่กับปะป๊าเคยมาที่นี่หลายหนแล้ว
เรือสะดวกซื้อ
อาม่าหิว ตัดใจซื้อข้าวโพดมาหม่ำ ฝักละ 40 บาท
อาม่าบ่นอุบเลยว่าแพง กินจนหมดเกลี้ยง แทบจะกินฝักมันเข้าไปด้วย
เด็กจิ๋วก็ขอชิมด้วย อาม่าบอกว่าอร่อยดี ไม่แน่ใจว่าเพราะหิว หรือว่าเพราะแพง
เด็กจิ๋ว มา Chill Out ที่เกาะปอดะ นะคะ
เรานั่งเล่นกันอยู่ที่นี่พักใหญ่ หาดทรายขาว น้ำทะเลก็สวยจริงๆ
มองไปทางไร่เลย์ ภูเขาสวยมากๆ
น้ำใสมากๆ
ไม่น่าเชื่อว่าพอออกจากเกาะปอดะมาไม่นาน ฝนก็เทลงมา
เห็นฟ้าใสๆอยู่เมื่อกี้ ตอนนี้ดำทะมึน เลยไม่มีรูปที่ไร่เลย์ กับถ้ำพระนางมาให้ดูนะคะ
อันนี้นั่งเล่นทรายที่หาดใกล้ถ้ำพระนาง หลังฝนหยุดแล้ว
ฟ้าใสหลังฝน
ที่พักคืนนี้ของเราคือ Red Ginger Chic Resort ค่ะ
เราโทรสอบถามก่อนเข้ามาพัก ได้ราคาดีพอสมควรก็เลยตัดสินใจพักที่นี่ค่ะ
และก็เคยเห็นรีวิวที่นี่จากใน BP เลยทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นด้วยค่ะ
(ราคา Walk in 1,600 บาท)
พอเราจอดรถเดินมาเช็คอิน ไฟก็ดับทันทีเลยค่ะ 
สามารถขึ้นไปบนห้องได้ แต่ใช้ไฟไม่ได้
ตัวก็เลอะๆเทอะๆมาจากเที่ยวเกาะ เลยต้องอาบน้ำมันทั้งมืดๆยังงั้น
ไฟดับอยู่นานพอสมควร พอไฟติดเราก็พบว่าห้องที่นี่สวยเก๋มากเลยทีเดียว
แต่สำหรับเด็กจิ๋ว สระน้ำที่นี่เป็นอะไรที่ดึงดูดที่สุดแล้ว
พักที่นี่ลงน้ำสองรอบเลย เย็นรอบนึง ตอนเช้าก่อนกลับอีกรอบนึง
สนุกสุดขีดที่สระนี้ เล่นนานมากๆ
มาดูห้องที่นี่กันบ้างดีกว่า
ห้องที่เราพักเป็นแบบ Superior
ตกแต่งด้วยสีแดง สมกับชื่อรีสอร์ท ผ้าม่านก็แดง
ส่วนล้างหน้า ที่นี่มีห้องอาบน้ำ แต่ไม่มีอ่างอาบน้ำนะคะ
ส่วนห้องอาบน้ำจะมืดๆหน่อย ไม่ได้ถ่ายมานะคะ
ระเบียงห้อง
วิวจากระเบียงห้องเห็นสระว่ายน้ำ และห้องอาหารของรีสอร์ท
ปรากฏว่าปะป๊าบอกว่าชอบที่นี่มากที่สุด ที่ไปพักมา 3 วันเลย
เพราะที่นี่ถ่ายรูปสนุกสุด โรงแรมดีไซน์สวยเก๋ดี

ทางเดินไปสระว่ายน้ำ
จะเห็นว่าชั้นล่างสุดของตึกห้องพัก จะเป็นห้องที่สามารถลงสระจากห้องได้เลย
อันนี้ไง ห้อง Deluxe Pool Access
ห้องอาหารของรีสอร์ท ตอนเช้าเราก็จะมาทานอาหารเช้ากันที่นี่
สะท้อนสระว่ายน้ำ แสงสวยดี
ภายในห้องอาหาร ตกแต่งสวยงามน่านั่ง
ยังคง theme แดง ขาว ดำ
ห้องอาหารจะเป็นแบบ Open Air นะคะ
ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ตอนเราไปฝนตก เลยไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่
เดินลงมาดูล้อบบี้กันบ้าง 
ที่นี่มี Wifi Internet ให้ใช้ฟรีเฉพาะตรงล้อบบี้ และสระว่ายน้ำนะคะ
บนห้องใช้ไม่ได้ค่ะ
บาร์สีสวยตรงล้อบบี้
เช้าวันที่เราจะกลับ ฟ้าสดใสมาก 
มา 3 วันเลยรู้แพทเทิร์นละ ว่าช่วงนั้นที่กระบี่ เช้าฟ้าใส บ่ายๆ เย็นๆ ฝนตก 
เป็นอย่างนี้ทั้งสามวันที่เราอยู่ที่นั่นเลย
วันนี้จะกลับบ้านแล้ว ไม่มีไปเที่ยวไหนอีก ไม่เร่งรีบ 
ตื่นสายเล็กน้อย แล้วมาทานอาหารเช้ากันแบบชิลชิล
ชอบต้นไม้แคระที่ประดับบนโต๊ะมาก น่ารัก
หม่ำข้าวเช้ากัน
อาหย่อย
ก่อนกลับแวะถ่ายรูปตรงล้อบบี้ซะหน่อย
กำแพงดีไซน์เก๋มากๆ

บาร์สีสวยเมื่อคืน อยู่ตรงข้ามกับเคาท์เตอร์เช็คอินเลย
จะต้องกลับบ้านแล้วนะเด็กจิ๋ว สามวันนี้ เล่นน้ำ มันส์ไปเลย
ขากลับบ้านเรากลับด้วย TG 
เราเตรียมรับมือเด็กจิ๋วเต็มที่ ทั้งของเล่น ขนม เตรียมไปเต็มที่
แต่คราวนี้เด็กจิ๋วไม่มีงอแง ไม่ร้องเลย คงเพราะมีเสิร์ฟน้ำ ขนมอะไรตลอดเวลา 
ไฟล์ทนี้มีเด็กเล็กเยอะมากด้วย นับได้ไม่ต่ำกว่า 5 คน 
เด็กจิ๋วเห็นเด็กคนอื่นร้องแล้ว ก็เลยไม่ร้องมั้ง อย่างนี้ป๊ากับแม่ค่อยโล่งอกหน่อย
เด็กจิ๋วบ้ายบายไปก่อนนะคะ ทริปหน้าจะพาไปเที่ยวกุยบุรีค่ะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ