วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

1 ขวบ 1 เดือน

วันที่ ๓๙๕ ... เสาร์ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๔
เมื่อ วานคุณแม่เอาข้าวเหนียวให้เด็กจิ๋วกิน ปั้นเป็นก้อนกลมๆขนาดเท่าไข่นกกระทา เด็กจิ๋วก็เอาไปแทะๆจนเกือบหมดอันเลย กินข้าวเหนียวได้แบบนี้ต่อไปกินเสต็กได้แล้ว แล้วข้าวเหนียวเปล่าๆก็ไม่น่าอร่อยนะ แต่เด็กจิ๋วกินแบบว่าอร่อยมาก ตอนนี้ใครๆก็ชอบเอาโน่นนี่มาป้อนเด็กจิ๋ว วันก่อนเจออากงเอากระเทียมให้กิน แล้วเจออาโกวกินข้าวอยู่ก็เอาข้าวสวยมาป้อนเด็กจิ๋วเล่น คือป้อนเล่นกันหนุกหนานอ่ะ เด็กจิ๋วก็ไม่เคยขัดศรัทธาใคร วันนี้อี๊ป้อมก็ป้อนข้าวไก่อบให้กิน ก็กินได้อีก เก่งจริงๆ ตอนเช้าน้าเอ๋มา เอาของมาฝากจากเกาหลี แต่ต้องรออีกหลายปีกว่าจะใช้ได้ เมื่อตอนเด็กจิ๋วเล็กๆก็เคยซื้อเสื้อผ้ามาฝากจากยุโรป มีแบบที่เล็กเกินใส่ไม่ได้ กับแบบที่ต้องรอใส่ตอนโตแล้ว อันนี้เป็นคอนเซฟของน้าเอ๋ 
ตอนกลาง วันออกไปกินข้าวที่เซ็นลาดกัน น้าเอ๋สงสัยใหญ่ ว่าทำไมเด็กจิ๋วซนแบบนี้ เวลาแยกกันเดินในห้าง ก็ไม่ต้องโทรศัพท์หาตัวกัน ใช้เดินตามเสียงเด็กจิ๋วเอา บอกแล้วว่าช่วงนี้กรี๊ดระเบิดมาก ปะป๊าก็อายคนนะ นั่งอยู่ในร้านก็กรี๊ด จนปะป๊าต้องรีบอุ้มออกมา ออกมาแล้วยิ่งกรี๊ดใหญ่ คนในร้านทุกร้านแถวนั้นก็จ้องมองกันใหญ่ คือเสียงดังแบบไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากตัวน้อย บอกให้หยุดก็ไม่หยุด อันนี้กรี๊ดเล่นนะ ไม่ได้ไม่พอใจอะไร แต่ที่ฮามากคือพอปะป๊าอุ้มเด็กจิ๋ววิ่งหนีผู้คนแถวนั้นด้วยความอาย มาหยุดอยู่ที่ร้านขายซีดีของจำรัส Green Music ซึ่งเด็กจิ๋วก็ฝั่งอยู่ที่บ้านทุกวัน เด็กจิ๋วก็ยังคงคึกต่อเนื่อง แต่เลิกกรี๊ดแล้ว หันมาเต้นแทน โยกหัวเหง็กๆอยู่หน้าร้าน อันนี้ปะป๊าว่ามันจะผิดคอนเซ็ปเพลงของพี่จำรัสไปหน่อยนะ พี่เค้าทำเพลงแนว สปาๆ ฟังแล้วหลับ แต่เด็กจิ๋วโยกหัวเต้นเหมือนกับเพลงมันส์มากอ่ะ 
กลับ มาบ้านปะป๊าก็มาทำอาหารให้เด็กจิ๋ว ทำซุปหลายชนิด ทำน้ำสต็อกโครงไก่ใส่ฝัก แล้วก็มีต้มจับฉ่ายด้วย ซื้อปลาโดรี่ กับแซลมอนมาแช่แข็งไว้สำหรับทำให้เด็กจิ๋วกินด้วย วันนี้ปะป๊าแกล้งน้าเอ๋ ถามเด็กจิ๋วว่า...น้าเอ๋หยิกเด็กจิ๋วใช่ไม๊ หยิกที่ไหน...เด็กจิ๋วก็จะยกมือมาชี้ที่หัว...ถามว่าเจ็บไม๊...เด็กจิ๋วก็จะ ทำหน้าย่นปากยื่น แบบว่าเจ็บนะ...คือเด็กจิ๋วจำมาจากที่อาม่าสอนว่ายุงกัดที่ไหน แล้วเค้าชี้ที่หัว พอตอนนี้กลายเป็นว่าถามประโยคอะไรก็ได้ แต่แค่ลงท้ายว่าที่ไหน เด็กจิ๋วก็จะชี้ที่หัวทุกครั้ง ฮาจริงๆ



วันที่ ๓๙๖ ... อาทิตย์ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๔

เมื่อ วานเป็นวันเกิดครบรอบ ๑ ขวบ ๑ เดือนของเด็กจิ๋วนี่ ลืม Happy Birthday กันไปเลย เพิ่งนึกออกวันนี้ วันนี้อากาศเย็นอีกแล้ว ตอนเช้าคุณแม่พาเด็กจิ๋วไปนั่งกินข้าวตรงบ่อปลา ให้กินมันบด กับซุปผักโขมที่ปะป๊าทำไว้เมื่อวาน กินไปกินมา เด็กจิ๋วก็ขอป้อนตัวเอง ตามทฤษฎีแล้วก็ควรส่งเสริม แต่พ่อแม่บ้านนี้ไม่ชอบเลอะเทอะ เลยไม่ค่อยสนับสนุน แต่วันนี้ลองดูหน่อย เพราะไม่งั้นก็ไม่ยอมกินข้าวเลย เด็กจิ๋วป้อนมันบดตัวเอง ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เรียกว่าบริเวณบ่อปลานั้นต้องปิดปรับปรุง ๑ วัน รอพี่สามาทำความสะอาดพรุ่งนี้ คือ ไม่ได้แค่เลอะหน้า เลอะตัวอย่างเดียวนะ อันนี้เล่นดีดมันบดกระเด็กนกระดอนไปทั่ว แล้วก็คลานย้ำไปย้ำมา แล้วไม่พอ เขวี้ยงช้อนลงบ่อปลาอีก วุ่นวายกันน่าดู แล้วใช้เวลาในการกินนานมาก เป็นชั่วโมงกินไปได้หน่อยเดียว คุณแม่ว่าต้องหยุดกินแล้ว ไม่งั้นจะติดนิสัยกินไปเล่นไป 
ตอนกลาง วันเด็กจิ๋วพาอากงอาม่าไปกินข้าวกลางวันที่บางอ้อทะเลเผา กรี๊ดดังลั่นร้านจนแบบเกรงใจอ่ะ ต้องผลัดกันอุ้มออกไปเล่นนอกร้าน ตอนคุณแม่จับเด็กจิ๋วนั่งรถเข็นแล้วล็อคสายรัด ปรากฎว่าตัวล็อคไปหนีบต้นขาเด็กจิ๋วเป็นแผล พอถามว่าเด็กจิ๋วเจ็บที่ไหน ก็ชี้ที่หัว ปะป๊าเลยแกล้งถามว่า...เด็กจิ๋ว ตูดหนูอยู่ที่ไหน...เด็กจิ๋วก็ชี้ที่หัวเหมือนเดิม ฮาดี 
ตอน เย็นปะป๊าทำต้มมะกะโรนีใส่แซลมอนให้เด็กจิ๋วกิน ก็เหมือนจะโอเคนะน้ำซุปก็ทำจากน้ำสต๊อกโครงไก่ที่ต้มไว้เมื่อวานแล้วแบ่งใส่ ชามเล็กๆแช่แข็งไว้

วันที่ ๓๙๗ ... จันทร์ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔

เมื่อวันก่อนลืมเล่าไปว่าเด็กจิ๋วหยิกอกปะป๊าซะเนื้อหลุดเลย คือหยิกเล่นๆเพลินๆ
วัน นี้อี๊ป้อมป้อนข้าวผัดกับจับฉ่ายที่ปะป๊าทำให้เด็กจิ๋วกิน อี๊ป้อมบอกว่ากินเยอะมาก กินจนอ้วกออกมา ปะป๊ากับคุณแม่ไม่อยู่ พาพี่สาไปหาหมอ เพราะพี่สาเป็นชาวต่างชาติไม่มีบัตร ไม่กล้าไปหาเอง กลัวโดนจับ พี่สาตลกไม่รู้นามสกุลตัวเอง วันเกิดก็ไม่รู้ ถามว่าที่ลาวไม่มีบัตรประชาชนกันเหรอ พี่สาบอกว่ามีบ้างไม่มีบ้าง ที่โน่นเค้าง่ายๆ เออ...ที่ไทยยุ่งวุ่นวายไปเอง...

วัน นี้ปะป๊าแกล้งเด็กจิ๋วอีกแล้วนะ ถามว่า...เด็กจิ๋ว หนูอี๊ออกมาทางไหน...เด็กจิ๋วก็ชี้ที่หัว...ฮาดีอ่ะ ชอบ แต่คุณแม่ด่าปะป๊าใหญ่เลย แต่มุกเจ็บตรงไหนเนี่ยะ ทุกคนชอบเล่นกันมาก ทั้งอาม่า หรือพี่ๆที่ออฟฟิต เจอหน้าเด็กจิ๋วเป็นไม่ได้ จะต้องถามประโยคเด็ดนี้ เด็กจิ๋วก็ร่วมมือเล่นด้วยทุกครั้งเลย บางทีเดินผ่านมาเจอหน้ากัน ยังไม่ทันถามอะไร เด็กจิ๋วก็จิ้มหัวตัวเองแล้ว 
ตอน เย็นปะป๊าทำมะกะโรนีอบชีสใส่ปลาโดรี่ให้เด็กจิ๋ว แต่ยังไม่ทันได้กินเพราะต้องใช้เวลาทำนานมาก เลยไปซื้อโจ๊กปากซอยมาให้กินก่อน นี่เป็นครั้งที่สองของเด็กจิ๋วที่ได้กินโจ๊ก ครั้งก่อนเคยลองให้กินก็เฉยๆแต่ครั้งนี้ชอบมาก กินเยอะเลย มะกะโรนีอบชีสไว้กินพรุ่งนี้

วันที่ ๓๙๘ ... อังคาร ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

เมื่อ วานอี๊ป้อมพาเด็กจิ๋วไปเที่ยวโลตัส ผ่านร้านของเล่น เด็กจิ๋วก็ร้องจะเอาของ อี๊ป้อมเลยใจอ่อนซื้อให้ เริ่มส่อแววแล้วเด็กจิ๋ว เดี๋ยวอีกหน่อยต้องมีลงไปแถกๆดิ้นกับพื้นแน่ๆเลย ปะป๊าเลยจะสั่งห้ามไม่ให้ซื้อของเล่นตามใจเค้า แต่คุณแม่ไม่เห็นด้วย สงสัยกลัวลูกเสียใจ เวลาเด็กจิ๋วโยนของ หรือตีคน ก็บอกว่าให้ดุเค้า แต่คุณแม่ก็ไม่ยอมดุอีกเหมือนกัน อี๊ป้อมยิ่งไม่กล้าใหญ่ เดี๋ยวนี้เด็กจิ๋วจะกรี๊ดรุนแรงมาก ถ้าไม่ได้ของตามต้องการก็จะกรี๊ดเสียงดังสุดขีด ไม่รู้ทำไง เรื่องพฤติกรรมที่มีการปรับเปลี่ยนไปอีกอย่างคือการเล่นกิ๊บ เมื่อก่อนหยิบกิ๊บได้จะเอาเข้าปากทันที คือต้องชิมดูว่ารสชาติเป็นไง เวลาเอากล่องกิ๊บให้เล่น เด็กจิ๋วก็จะหยิบมาอมทีละตัวจนครบทุกตัว คือสำหรับเด็กจิ๋วแล้ว การได้ชิมก็เป็นสัมผัสหนึ่งเหมือนการจับหรือดูด้วยตา พอมาตอนนี้เด็กจิ๋วคงจะรู้แล้วว่า กิ๊บทุกตัวไม่ว่าจะลายคิตตี้หรือลายอะไร ก็มีรสชาติเหมือนกันหมด ตอนนี้พอได้กิ๊บก็จะเอามาแปะหัวทันที ไม่ต้องชิมแล้ว
ตอนกลางคืนกล่อมเด็กจิ๋วหลับแล้วเอาไปวางที่นอนเค้า นอนอยู่ดีๆก็เด้งตัวลุกขึ้นมายืน ลืมตาโพรง แล้วไปคว้าหนังสือที่หัวเตียงมาเปิดเล่นไปมา เราก็นึกในใจว่างานเข้าแล้ว ตื่นแบบนี้กว่าจะกล่อมให้หลับได้อีกทีก็สาหัสอยู่ แต่ปั๊บเดียว ไม่ถึงนาที เด็กจิ๋วก็ล้มแพร่บ ลงไปนอนหลับต่อ แบบนี้คงละเมอแล้วล่ะ


วันที่ ๓๙๙ ... พุธ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

เช้า นี้คุณแม่จับเด็กจิ๋วใส่ชุดจีนสีชมพูอย่างแรง น่ารักมาก มีแต่คนชอบ แต่ใส่แค่ครึ่งวันพอนะ เพราะพรุ่งนี้ใส่ต่ออีก เสียดายชุดหนึ่งสองร้อยกว่าบาทใส่ได้แค่วันตรุษจีนวันเดียว เด็กจิ๋วเริ่มได้แต๊ะเอียมาบ้างแล้ว จากอี๊ป้อม อากงอาม่า อาโกว ส่วนคนอื่นๆยังไม่เจอ ช่วงนี้พัฒนาการด้านการพูดของเด็กจิ๋ว ดูมันถอยหลังยังไงไม่รู้ อย่างคำว่าปะป๊า เดี๋ยวนี้ก็เรียก ปาปะป๊า หรือเวลาจะไป เมื่อก่อนก็พูด ไปไป ชัดมาก เดี๋ยวนี้ไม่พูดแล้ว พูด ปะป๊า แทน คือเหมือนพูดไปพูดมาแล้วงงตัวเองอ่ะ บางทีคำสองพยางค์ ก็จะพูดเหลือพยางค์เดียว เช่น ชื่นใจ จะพูดว่า ใจ หมายถึงน้ำ แต่บางทีคำพยางค์เดียว เด็กจิ๋วดันพูดสองพยางค์เฉยเลย อย่าง ปิด ก็จะพูด ปี่ปิ๊ 
พฤติกรรม ที่ฮาอีกอย่างของเด็กจิ๋ว คือ เด็กจิ๋วจะเข้าใจว่า คนที่ถือกระเป๋าคือคนที่กำลังออกไปเที่ยว ฉะนั้นถ้าอยู่กับคนนั้นก็จะได้ไปเที่ยวด้วย มีบางอารมณ์ที่เด็กจิ๋วงอแงไม่ยอมให้คุณแม่อุ้ม เช่นเพิ่งตื่นนอน คุณแม่แค่ไปเอากระเป๋ามาสะพาย เด็กจิ๋วก็จะโผมาทันที ตอนเย็นก็แกล้งเด็กจิ๋วต่อ พอโผไปหาคุณแม่แล้วปะป๊าเอามาสะพายบ้าง เด็กจิ๋วก็พุ่งตัวมาหาปะป๊าทันที

วันที่ ๔๐๐ ... พฤหัส ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

เมื่อ คืนเด็กจิ๋วไม่ยอมหลับอีกแล้ว ปะป๊าใช้เวลาในการกล่อมนาน ๓ ชั่วโมง เป็นแบบวางเฉยๆก็ไม่ได้ ร้องจ๊ากๆๆ พออุ้มมาเต้นก็ไม่เอาถีบตัวออก คือง่วงมากก็เลยงอแง ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ แต่มีกล่อมๆแล้วหลับได้ปั๊บก็ตื่นมาอีก อาการแบบนี้เหมือนจะไม่สบาย สังเกตเห็นมีน้ำมูกออกมาหน่อยด้วย แต่พอตอนเช้าก็ปกติ
ไม่ได้เป็นหวัด 

วันนี้ เด็กจิ๋วได้แต๊ะเอียจากพี่แอล กับอี๊กบด้วย กลางวันพาเด็กจิ๋วไปเดินเล่นห้างใหม่ สุพรีม ตรงใกล้ๆบ้านนี่เอง ไปนั่งกินข้าวร้านฟูจิ สั่งราเมงให้เด็กจิ๋วด้วย แต่สั่งเอากลับไปกินที่บ้าน เพราะยังไม่ถึงเวลากิน ถามพนักงานว่าปกติใส่ผงชูรสเปล่า เค้าก็ว่าใส่ เลยสั่งแบบไม่ใส่ผงชูรส ปะป๊าชิมแล้ว รสชาติไม่ค่อยอร่อย เค็มอย่างเดียว เดี๋ยวตอนจะให้เด็กจิ๋วกิน ต้องเอาไปเจือจางก่อนด้วย 
สองวันมานี่ลองเปลี่ยนสบู่อาบน้ำให้เด็กจิ๋วดู ตอนแรกเกิดเลยใช้ Seba Med เป็น แบบไม่แพ้ แต่เด็กจิ๋วก็ยังแพ้ เลยเปลี่ยนไปใช้ Cetaphil เป็นแบบไม่แพ้ยิ่งกว่า ราคาแพงมาก ใช้แล้วเด็กจิ๋วหายแพ้ ก็เลยใช้มาตลอดเป็นปี ตอนนี้เพิ่งนึกได้ว่าเด็กจิ๋วโตมากแล้ว น่าจะใช้สบู่ธรรมดาได้ เลยลองเปลี่ยนมาใช้สบู่ Dermapon ค่อยรู้สึกว่าเหมือนสบู่หน่อย เพราะ Cetaphil เป็นแบบไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีฟอง ฟอกตัวแล้วไม่ต้องล้างน้ำออก มันเลยไม่เหมือนเวลาเราฟอกสบู่ แต่เหมือนเราทาครีมอะไรซะอย่างมากกว่า 

วันที่ ๔๐๑ ... ศุกร์ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

ขำ มาก เช้านี้คุณแม่ตื่นแต่ ๖ โมง (ปกติตื่น ๘) คึกจัด เพิ่งอ่านหนังสือทำอาหารเด็กมา เลยมาทำบ้าง ไข่ตุ๋นใส่ปลา กับมะกะโรนีต้ม คุณแม่ภูมิใจมาก เหมือนจะเป็นอาหารจานแรกที่คุณแม่เคยทำตั้งแต่เกิด เพราะปกติแค่ล้างผักยังโอดครวญ ทำอย่างมากสุดก็หุงข้าว เด็กจิ๋วตื่นแล้ว แต่งตัว ลงมาทำงาน คุณแม่รีบนำอาหารมาโชว์แล้วก็เริ่มป้อนเด็กจิ๋ว ไข่ตุ๋นคำแรกกินเข้าไปแล้ว เด็กจิ๋วเคี้ยวๆ แล้วทำหน้าหยี เอ...ลองป้อนมักโรนีดู...หน้าหยีอีก...เอ...อาหารคุณแม่เป็นอะไรนี่ หลังจากนั้นก็ไม่ยอมกินแล้ว ส่ายหน้าหนี คุณแม่พยายามยัดเข้าไป เด็กจิ๋วก็เม้มปาก เอาลิ้นดุนดุนออกมา คุณแม่งง งง พยายามยัดจนทะลุเข้าไปได้ เด็กจิ๋วก็พ่นปู๊ดออกมา ปะป๊าขำมาก ว่าแล้ว คุณแม่นี่นะจะทำอาหาร ในที่สุดก็เจอแล้วของอย่างแรกที่เด็กจิ๋วไม่กิน...อาหารฝีมือคุณแม่นี่เอง 
ตอน เย็นปะป๊าเลยทำอาหารบ้าง มีปลาผัดมะเขือเทศใส่มันฝรั่ง กับมักโรนีผัดไข่ซอสมะเขือเทศ คุณแม่ชิมแล้วว่าอร่อย แล้วทำท่าจะมาแย่งลูกกิน ปะป๊าเลยต้องทำมักโรนีผัดไข่ให้คุณแม่ต่างหากจานนึง แต่อาหารที่ทำนี่เด็กจิ๋วต้องกินพรุ่งนี้เพราะวันนี้เลยมื้ออาหารแล้ว เป็นเวลาอาบน้ำ คุณแม่อุ้มเด็กจิ๋วแล้วถามว่าไปไหน เด็กจิ๋วก็ชี้ออกจากห้องครัว พอผ่านไปห้องโฮมก็ชี้ให้เลี้ยวไปห้องน้ำ เข้าไปถึงก็ไปชี้ตรงอ่างอาบน้ำแล้วพยักหน้าหึๆ คุณแม่ตื่นเต้นรีบวิ่งมาเล่าให้ปะป๊าฟังว่าเด็กจิ๋วเก่งมาก ครั้งก่อนตอนอาม่าราชบุรี
อุ้ม อาม่าก็บอกว่าเด็กจิ๋วชี้พาเค้าไปซื้อของเล่นได้ ยังไม่ค่อยเชื่อ แต่ครั้งนี้เจอเองกับตัว แล้วเดี๋ยวนี้พอถามว่าจะกินไม๊ ก็รู้จักพยักหน้าแล้ว


วันที่ ๔๐๒ ... เสาร์ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

เดี๋ยว นี้พอตื่นตอนเช้า อย่างแรกที่เด็กจิ๋วจะทำคือปลุกปะป๊า เพราะปะป๊าจะตื่นสายกว่า เด็กจิ๋วนอนอยู่ในมุ้งจะลุกขึ้นมาแล้วยื่นหน้ามาติดมุ้ง พร้อมกับตะโกนเรียกว่าปะป๊า หรือ ปาปะป๊า ตามด้วย หมี หมี แล้วยื่นหมอนหมีสุดรักมาให้ปะป๊า ปะป๊าก็รีบตื่นขึ้นมาคว้าหมีไปกอดแล้วส่งคืนให้เด็กจิ๋ว ส่งกันไปส่งกันมาผลัดกันกอดแบบนี้ทุกวัน ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเค้าคิดว่าแบ่งกันกอดมันสนุกยังไง พอสักพักก็จะเริ่มชี้นิ้วไปที่ตุ๊กตาที่วางโชว์อยู่บนชั้นหัวเตียง เราก็ต้องไปหยิบมาให้ทีละตัว เด็กจิ๋วจะเอามากอดซบไปมาแบบรักมาก แล้วก็ชี้ตัวอื่นๆทุกตัวจนครบ เหมือนเป็นการกอดรับอรุณกับหมีหมีทุกตัวบนโลกที่เค้ารู้จัก 
ตอน เช้าเอาอาหารที่ปะป๊าทำเมื่อวานมาให้เด็กจิ๋วกิน ก็ชอบกินได้ดี เช้านี้ยังทำซุปสามอย่างด้วย มีแฮมเห็ด อันนี้ของคุณแม่ แล้วก็มีซุปผักโขม กับซุปฝักทอง ทำให้เด็กจิ๋วโดยเฉพาะ ทำแล้วแช่เป็นบล็อกๆ ไว้ เวลาจะกินก็เอามาอุ่น ช่วงนี้เด็กจิ๋วฮิตกินทองม้วนมาก ชอบหนมไทยๆแบบนี้ก็ดีนะ ถูกกว่าขนมฝรั่งเยอะมาก อันนั้นกล่องละ ๒๐๐ มีนิดเดียว แล้วเดี๋ยวนี้เริ่มจะเบื่อแล้วด้วย เมื่อวานให้กินซาลาเปาเป็นครั้งแรก ก็ชอบเหมือนกัน วันนี้กินมะม่วงสุกเป็นครั้งแรก คือช่วงนี้กินโน่นกินนี่แปลกๆเยอะมาก ก็ชอบกินหมดเลยนะ มีจะไม่ชอบก็แค่อาหารฝีมือคุณแม่อย่างเดียวเท่านั้น จริงๆ 
วันนี้ของเด็กจิ๋วที่สั่งไปมาส่งแล้ว มีเสื้อชูชีพจิ๋วลายคิตตี้ สำหรับไปล่องเรือที่สามพันโบก แล้วก็มีแผ่นรอง
คลาน เอามาปูให้คลานเล่นที่ออฟฟิตปะป๊า เมื่อวันก่อน เด็กจิ๋วเจอยุงกัดที่หัวคิ้วด้านซ้าย วันนี้เจอที่หัวคิ้วด้านขวา เป็นแบบสมมาตรอีกแล้ว ทำไมชอบโดนยุงกัดแบบสมมาตรจริง เด็กจิ๋ว


วันที่ ๔๐๓, ๔๐๔ ... อาทิตย์ ๖, จันทร์ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
ไปเที่ยวสวนผึ้ง ราชบุรี
The Scenery สวนผึ้ง ราชบุรี เป็นรีสอร์ทที่จองยากมาก เต็มยาวตลอดทั้งปี กว่าจะได้ไปครั้งนี้ คุณแม่ต้องจองมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม และต้องเป็นวันธรรมดาด้วย เราจองคืนวันอาทิตย์ ถ้าเป็นคืนวันศุกร์ กับเสาร์ จะยิ่งยากกว่านี้

เด็กจิ๋วอ่ะมาที่นี่เป็นครั้งที่ ๔ แล้วนะ เหลือเชื่่อจริงๆ มาบ่อยมาก แต่มาเที่ยวแต่ตรงข้างนอก ยังไม่เคยเข้าไปข้างใน ครั้งนี้พาอากง อาม่า กับอี๊ไก่ มาเที่ยวด้วย อากงก็บ่นว่าทำไมต้องมานอนด้วย ขับมาจากบ้านราชบุรีแป๊บเดียว มาเที่ยวแล้วก็กลับไม่ได้เหรอ

ปะป๊ากับคุณแม่ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ ๗ โมง เอาเด็กจิ๋วไปทิ้งไว้ที่บ้านราชบุรีแล้วก็ไปกินข้าวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไข่กัน กลับมาบ้าน อาม่าก็จัดการเช็ดอึ๊กับป้อนข้าวเด็กจิ๋วเรียบร้อย ตอนแรกก็ลังเลว่าอาม่าจะจัดการได้ไม๊ แต่ปรากฎว่าอาม่ามีเคล็ดลับ ก็อาม่าไปกว้านซื้อของเล่นมาเต็มเลย นับได้ ๖ ชิ้น มีตุ๊กตาเดินได้ หมาวิ่งๆเห่าๆ รถม้าบินวิ่งไปมา หมีพูเล่นฮูล่าฮูบ หมาตาไฟ แล้วอะไรอีกก็จำไม่ได้แล้ว เยอะมาก แต่ของเล่นทุกอันจะมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือเพลงแดนซ์กระจาย ซึ่งเป็นเพลงที่เด็กจิ๋วชื่นชอบอยู่แล้ว เปิดแล้วก็เต้นโยกหัวแทบหลุด อาม่าก็ใช้ของเล่นหลอกหลานจนอยู่หมัด

ออกจากราชบุรีสิบโมงกว่า ประมาณ ๗๐ โลถึงปลายทาง แต่เราไปแวะร้านกาแฟอามันเต้ก่อน แวะร้านกาแฟแต่ไม่มีใครกินกาแฟเลยบ้านนี้ กินชาเขียวลาเต้ ช็อคโกแล็ตปั่น แล้วก็พวกน้ำสีๆ ช็อคโกแล็ตปั่นก็ใช้ได้ แต่ชาเขียวลาเต้ใช้ไม่ได้

ไป ถึงที่ The Scenery เที่ยงๆ ต้องรอเช็คอินบ่ายสอง แต่เราตั้งใจไปก่อนอยู่แล้ว จะได้รีบเข้าไปเที่ยวเล่นบริเวณรีสอร์ทก่อน ยังไม่ต้องเข้าบ้านพักก็ได้ ระหว่างนั่งรอกัน คุณแม่ก็จับเด็กจิ๋วไปนั่งขี่แกะเล่น เป็นหุ่นจำลองแกะ แต่หน้าตามันน่ากลัวไปหน่อย ตาสีเขียวปี๋ ไม่แน่ใจว่าตั้งใจจะทำให้น่ารักหรือทำให้น่ากลัวสำหรับฮาโลวีน แต่ที่แน่ๆเด็กจิ๋วกลัว พอคุณแม่จับวางปั๊บก็ร้องจ๊ากขึ้นมา แล้วก็กลัวมาก กลัวจนตัวสั่นร้องไห้ไม่หยุด เด็กจิ๋วไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ก่อนหน้านี้เคยกลัวหุ่นมือพี่เอลโม่ แต่ก็กลัวเล็กๆ อันนี้กลัวลนลานมาก

ข้างๆ Scenery มีรีสอร์ทอีกอันชื่อ Nagaya อยู่ในรั้วเดียวกันเลย เจ้าของเป็นเพื่อนสนิทกัน Nagaya เลยเหมือนแค่สร้างบ้านพัก แต่ใช้วิวใช้แกะของที่ Scenery ได้เลย

ที่ Scenery มีบ้านแค่ ๑๐ หลังเท่านั้น เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้จองยาก แต่อีกสาเหตุก็คือ ข้างในรีสอร์ทดูแลดีมาก พวกต้นไม้ สนามหญ้า บ่อน้ำ รวมถึงตัวบ้าน ทำให้ใครๆมาก็บอกว่าดี ติดใจ เป็นที่เรื่องรือมาก คือไปเที่ยวรีสอร์ทมาก็หลายที่แล้วนะ ตั้งแต่มีเด็กจิ๋วมาอยู่ด้วยเนี่ยะ บางที่วิวสวย บ้านสวยแต่บริการไม่ดี มันก็ไม่ประทับใจนะ มันต้องดีหมดทุกอย่างจริงๆ

พนักงานให้เราไปนั่งรอกันที่ธารน้ำ อยูด้านหลังของรีสอร์ท เดินเข้าไปจากรีเซ็ฟชั่นประมาณ ๖๐๐ เมตร แต่ที่นี่มีรถกอล์ฟบริการตลอดเวลา

ที่ ลำธารตอนนี้น้ำตื้นแค่น่อง อาม่าไปถึงก็รีบถลกขากางเกงลงไปเดินเล่นทันที เค้ามีชิงชาผูกไว้ให้เล่นด้วย อาม่าก็ไปนั่งเล่นชิว พวกที่เหลือก็อยู่กันข้างบน แต่เด็กจิ๋วเห็นแล้วไม่ยอมดิ่ ร้องจะลงไปเล่นด้วยให้ได้ อาม่าเลยต้องมารับไปเล่นชิงชาด้วย เด็กจิ๋วลั้นลาใหญ่เลย รักอาม่ามากช่วงนี้ เรียกอาม่าว่า มาม่า มาม่า

ช่วง นี้ลำธารน้ำตื้นมาก แต่ถ้าเป็นไม่กี่เดือนก่อนน้ำนี้ อาม่ากับเด็กจิ๋วโดนน้ำป่าซัดจมหายไปแล้ว ช่วงนั้นมีน้ำป่ามาไหลหลากมาพังรีสอร์ทแถวนี้ไปหลายที่ คุณแม่บอกว่าน้ำขึ้นมาเป็นสิบเมตรเลย  

ข้างๆธารน้ำจะมีอ่างน้ำเล็กๆอยู่ ขนาดประมาณ ๒๐ ตารางเมตร จะเรียกว่าสระว่ายน้ำก็คงไม่ใช่ แต่บรรยกาศดีน่าเล่น

กลับ ขึ้นมากินข้าวกลางวันกันที่ห้องอาหาร เอาอาหารของมนุษย์ให้เด็กจิ๋วกิน มีผักโขมอบชีสของอาม่า กับสปาร์เก็ตตี้แซลมอนของคุณแม่ แบบนี้ดี ประหยัด กินอะไรก็ได้ตามผู้ใหญ่ อาม่าก็สงสัยว่าเด็กจิ๋วทำไมให้กินอะไรก็กินหมดเลย ชอบด้วย มีอะไรที่ไม่กินบ้างไม๊ คุณแม่เลยต้องเฉลย ว่าก็มีอยู่อย่างเดียวนั้นแหล่ะ คืออาหารฝีมือคุณแม่ ทั้งส่ายหน้าหนี เอาลิ้นดุน พ่นทิ้งออกมา ของอย่างอื่นขอให้ไม่ใช่ฝีมือคุณแม่ ก็ชอบหมด

กิน เสร็จก็เข้าบ้านพักได้พอดี บ้าน Lucy เป็นหลังเดียวที่มี ๒ ห้องนอน จองแบบนี้จะถูกกว่าจองแยก ๒ หลัง แต่ข้อเสียคือห้องน้ำจะไม่ค่อยสวย ไม่มีอ่างอาบน้ำเก๋ไก๋เหมือนห้องอื่น บ้าน Lucy อยู่โซนติดทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ อีกโซนหนึ่งคือบ้านหลังเขา ปะป๊าดูแล้วว่าโซนทุ่งหญ้าสวยกว่านะ แล้วบ้านที่เหมือนจะดีสุดน่าจะเป็น Pangora อยู่ถัดเข้าไปข้างในใกล้ลำธารใกล้ห้องอาหาร วิวสวยด้วย

ใน บ้านตกแต่งแบบสไตล์ไหนก็ไม่แน่ใจ เหมือนมีสไตล์เป็นของตนเอง แต่หลักๆก็น่าจะเป็นแนวบ้านฟาร์ม ชนบท ย้อนยุคหน่อยๆ กำแพงปูนเปลื่อยสีขาว เพด้านเตี้ยๆ มีคานเยอะมาก พื้นกระเบืองเย็นเจี๊ยบ
ของใช้ กับของประดับตกแต่งเป็นแนวย้อนยุค
ประตูห้องที่นี่จะใช้หินถ่วงให้ปิดอัตโนมัติเหมือนเป็นโช๊ค
ห้องน้ำไม่ค่อยดี แคบๆเล็กๆ
ที่สำคัญ ยุงเยอะไปหน่อย ในตัวบ้านก็มีหลายตัว
โดย รวมแล้วในห้องตกแต่งน่ารัก สวยงาม แต่ฟังก์ชั่นการใช้งานคงเทียบกับพวกรีสอร์ทห้าดาวไม่ได้ แต่เด็กจิ๋วชอบนะ คลานเล่นไปมาลั้นลามาก ทริปนี้เด็กจิ๋วสนุกสนาน อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ลั้นลาตั้งแต่ได้ลงไปเล่นลำธารกับอาม่าแล้ว

ประมาณสี่โมง เราก็ไปเล่นกันที่สระน้ำข้างลำธาร ก็เอาเด็กจิ๋วลงไปเล่นนั้นแหล่ะ ผู้ใหญ่ว่ายเล่นไม่ได้หรอก เด็กจิ๋วได้น้ำก็ลั้นลาอีกตามเคย กินน้ำสระเข้าไปหลายอึก แต่น้ำเย็นไปหน่อย เล่นได้ไม่นานก็ขึ้น

เด็กจิ๋วเจอท่าโพสถ่ายรูปใหม่ ท่าซารังเฮโยกับอาม่า ชอบใจมาก

บ้าน พักส่วนใหญ่ที่นี่จะมีดาดฟ้า บ้านเราก็มี ขึ้นไปนั่งเล่นกัน อากาศกำลังดี อากงชอบเลย จิบเบียไปด้วย ชมวิวไปด้วย บนดาดฟ้าจะมีเตาบาบีคิวเตรียมไว้ให้ ต้องสั่งล่วงหน้าหนึ่งวันกับทางรีสอร์ทให้เตรียมไว้ บาร์บีคิว ๔ ไม้ห้าร้อย เราว่าแพงไปเลยไม่ได้เอา แต่เค้าว่ากันว่ามันจะได้บรรยากาศมาก

ห้อง อาหารที่เรากินกลางวันกัน ชื่อ Honey Scene อยู่ตรงกลางรีสอร์ทเลย ที่จริงแล้วเป็นที่สำหรับกินอาหารเช้า ถ้าจะกินข้าวมื้ออื่นต้องออกไปตรงข้างหน้ารีสอร์ท เป็นร้านอาหารที่ให้คนนอกเข้าไปมากินด้วย มื้อเย็นเราเลยต้องออกมากินกันตรงข้างหน้านี่ สั่งผักโขมอบชีสที่ติดใจมาจากมื้อกลางวัน เสต็กหมู ซี่โครงย่างซอสบาร์บีคิว ข้าวผัดปลาเค็ม ข้าวผัดอเมริกัน มักโรนีผัดผักรวม มื้อนี้เด็กจิ๋วแย่งกินมักโรนีกับข้าวผัด

กลับเข้ามาบ้านเด็กจิ๋วก็ มาคลานเล่นทั่วบ้าน ชอบคลานไปมาระหว่างห้อง พยายามจะไปเล่นก้อนหินที่โรยพื้นประดับไว้ แต่พวกเราไม่ยอมเพราะมันสกปรก แล้วเจอหมีตัวใหญ่ๆที่เค้าวางโชว์ไว้ในบ้าน เด็กจิ๋วก็ชี้หมีหมีจะเอา พอเอามาให้ก็ทำท่ากลัว ตั้งแต่เจอแกะตอนเช้าเข้าไป เหมือนเริ่มไม่ค่อยไว้วางใจ จะกลัวๆกล้าๆ เมื่อก่อนไม่เคยเป็น เหมือนกับว่าเริ่มรู้จักความกลัวแล้ว

ตั้งแต่ที่เขาค้อ ก็ได้ค้นพบวิธีการนอนแบบใหม่ คือเตียง King size เวลาเด็กจิ๋วนอนกลางแล้วมีมุ้งครอบด้วยเนี่ยะ จะเหลือที่ให้ปะป๊ากับคุณแม่นอนนิดเดียว ปะป๊าเลยให้จิ๋วนอนเข้ามุม แล้วปะป๊ากับคุณแม่นอนเป็นตัว L ล้อมไว้ นอกจากไม่ต้องเบียดแล้ว ยังเป็นการล้อมจิ๋วไว้ไม่ตกเตียงแน่นอน

ตอนเช้ามืด ปะป๊าตื่นแต่ก่อนสว่างออกไปถ่ายรูปเหมือนเดิม ที่ตกใจคือ เจอคนสวน คนทำความสะอาด แล้วก็เจ้าหน้าที่ทำงานกันหลายคน ทำกันแบบมืดๆ มีคนปีนขึ้นไปกวาดดาดฟ้าบ้านเราด้วย ตอนแรกก็ตกใจว่าเป็นคนหรือผี นี่คือสาเหตุที่ทำให้ภายในรีสอร์ทมีการดูแลอย่างดีตลอดเวลา

เด็ก จิ๋วตื่นประมาณแปดโมง ออกไปถ่ายรูปกันได้นิดหน่อย ก็ไปกินข้าวเช้ากัน ปะป๊าชอบอาหารเช้าที่นี่ นอกจากไข่ดาวเบคอนแล้ว ยังมีเสต็กหมูเสต็กเนื้อให้กินกันแต่เช้าเลย ส่วนเด็กจิ๋วก็ชอบ ได้ค้นพบเมนูโปรดใหม่คือหนมปังจิ้มเนย ชอบกินมาก แบบป้อนไม่ทันเลย กระโดดงับๆ นั่งในเก้าอี้เด็กได้ด้วย ไม่งอแงไม่ปีนป่าย ใจจดจ่ออยู่กับหนมปังอย่างเดียว อากงบอกว่าตั้งแต่มานี่เพิ่งเห็นเด็กจิ๋วนั่งนิ่งครั้งนี้แหล่ะ

กิน ข้าวเช้าเสร็จ ก็ไปเดินเล่นที่ฟาร์มแกะกับไปยิงธนูกัน ปะป๊ากับอากงพยายามยิงธนูอยู่หลายดอก แต่ไม่ใกล้เคียงความจริงเลย คุณแม่ไม่ให้เด็กจิ๋วเข้าไปใกล้แกะ กลัวเชื้อโรค เลยไม่ได้ป้อนข้าวแกะ ได้แต่ดูอยู่ห่างๆ

ที่ร้านของฝากเด็กจิ๋วร้องจะเอาตุ๊กตาแกะ สุดท้ายคุณแม่ซื้อมาเป็นตุ๊กตาโยกหัว ๒ ตัวมาเป็นที่ระลึก

วันที่ ๔๐๕ ... อังคาร ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔


เมื่อ วานกลับมาถึงบ้านทุ่มกว่าๆ ข้าวเย็นเด็กจิ๋วก็ง่ายนิดเดียว เอาหนมปังใส่ซุปผักโขม ทีแรกป้อนหนมปังกับซุปแยกกัน เด็กจิ๋วก็ไม่ยอมกินซุป จะเอาแต่หนมปัง เลยต้องเอาหนมปังฉีกใส่ซุปทีละคำหลอกให้กิน กินแบบอร่อยสุดขีด เสร็จแล้วก็พาขึ้นไปเล่นข้างบนดาดฟ้า วันนี้เด็กจิ๋วมีพฤติกรรมใหม่อีกแล้ว ปกติที่สนามเด็กเล่นจะมีตัวลายางที่เอาไว้ขี่เด้งดึ๋ง แต่เด็กจิ๋วไม่เคยสนใจเลย วันนี้มาถึงก็มาจะขี่ สงสัยติดใจที่คุณแม่จับไปขี่แกะที่เมื่อวาน ปะป๊าก็จับเด็กจิ๋วขี่โยกเล่นกระโดดไปมาสนุกมาก หัวเราะใหญ่เลย จาน่า กับไจโรก็ขึ้นมาเล่นด้วย เอาของเล่นอันใหม่ที่อาม่าซื้อให้มาเล่นกันใหญ่เลย นี่ยังเอามาจากราชบุรีไม่หมดนะ เหลือทิ้งไว้เวลาไปเที่ยวที่โน่นบ้าง 
เช้า นี้เด็กจิ๋วตื่นมาไม่เจอปะป๊า เพราะปะป๊าตื่นก่อนอยู่ในห้องน้ำ คุณแม่บอกว่าเด็กจิ๋วตื่นมาก็มาหาปะป๊าพร้อมกับยื่นหมีๆให้ แต่ปะป๊าไม่อยู่ มองหาใหญ่เลย เด็กจิ๋วนะ เดี๋ยวนี้เวลาเราห้ามอะไรแล้วจะดื้อ ตามคู่มือก็บอกว่าเด็กจะชอบท้าทาย เวลาเราห้ามเอาของเข้าปาก เด็กจิ๋วก็จะรู้นะว่าเราห้าม แต่ก็จะเอาเข้า แต่จะคอยมองเราว่าจะดุไม๊ บางทีเราไม่มองก็เรียกให้มามองดู ตอนบ่ายนั่งเล่นในห้องทำงานปะป๊า เล่นตัวต่อ ABC อยู่ เด็กจิ๋วก็หยิบมาเล่นทีละตัว แล้วก็เอาเข้าปาก ปะป๊าก็ว่าไม่ให้เอาเข้า เด็กจิ๋วก็เอาออกแล้วไปหยิบตัวอื่นมาอมต่อทำไปเรื่อยๆ พอปะป๊าว่าหนักเข้าก็ตบปะป๊า ปะป๊าก็เลยดุเสียงดังจนเด็กจิ๋วร้องไห้เลย ตอนเย็นพาเด็กจิ๋วไปเดินเล่นที่โลตัส จับเด็กจิ๋วนั่งรถเข็นซุปเปอร์แต่นั่งได้ปั๊บก็ร้องจะให้อุ้ม เวลาปะป๊าหยิบของใส่รถเข็น เด็กจิ๋วก็ร้องจะเอาหมด ก็ต้องส่งให้ไปถือเล่น ก่อนกลับแวะไปโรงเรียนสยามกลการ อยู่ที่โลตัสเลย ไปถามเค้าว่าเด็กจิ่วจะมาเริ่มเรียนเปียโนได้เมื่อไหร่ เค้าก็ว่าสี่ขวบแต่ต้องเริ่มเรียนอิเล็กโทนไปก่อน ตอนนี้จาน่ากับไจโรก็เพิ่งมาเริ่มเรียนเปียโนกันที่นี่ทุกวันศุกร์ ส่วนเด็กจิ๋วต้องรออีกตั้งหลายปีเลย
วันที่ ๔๐๖ ... พุธ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

เมื่อคืนเล่นกันในห้องโฮม หลอกให้เด็กจิ๋วจุ๊บแก้ม เด็กจิ๋วก็จุ๊บให้ เมื่อก่อนเคยสอนให้หอมแก้ม จะไม่ค่อยยอม นานๆจะยอมหอมแก้มเราซะที แต่พอเปลี่ยนเป็นจุ๊บ แล้วทำมีเสียงด้วยนะ เหมือนจะสนุกกว่าเลยทำใหญ่เลย ตื่นมาตอนเช้าก็เล่นอีก จุ๊บแบบไม่มีหยุด อี๊ป้อมสงสัยคืนเดียวทำไมจุ๊บเป็น แต่จุ๊บเสร็จนี่มักจะมีน้ำลายชะโลมแก้มมาด้วยนะ แล้วเมื่อประมาณอาทิตย์ สองอาทิตย์ที่ผ่านมา เด็กจิ๋วส่งจูบเป็นแล้วนะ พอบอกว่าเด็กจิ๋วส่งจุ๊บหน่อย ก็จะเอามือมาปิดปากแล้วทำเสียบจ๊วบ แต่จุ๊บเสร็จแล้วไม่ค่อยยอมส่งจุ๊บออกไป บางทีพาเดินเล่นที่ห้าง ก็บ๊ายบาย กับส่งจุ๊บคนนั้นคนนี้ไปทั่ว
มื้อเช้าวันนี้คุณ แม่ให้เด็กจิ๋วกินซาลาเปาไส้ถั่วดำ แต่เหมือนจะชอบไส้หมูสับ ที่ให้กินเมื่อวานมากกว่า ตอนที่จะให้เด็กจิ๋วหยุดกินอาหารนักบินอวกาศ เปลี่ยนมากินอาหารมนุษย์ รู้สึกว่ามันต้องยุ่งยากมากๆแน่ ใครจะมานั่งทำอาหารให้เด็กจิ๋ววันละสามรอบไม่ต้องทำงานทำการกันพอดี แต่เอาเข้าจริงๆก็สนุกดี ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด ให้กินโน่นกินนี่ ก็กินได้หมด เวลาไปข้างนอกก็ให้แบ่งกับของผู้ใหญ่กิน เมื่อวานซื้อข้าวผัดกลับมาให้กิน ก็ชอบกินดี 

อี๊ ป้อมบอกว่าทำไมกลับจากเที่ยวครั้งนี้แล้วดูอ้วนขึ้น ปะป๊ากับคุณแม่ก็รู้สึกว่าช่วงนี้เด็กจิ๋วอ้วนขึ้นเหมือนกัน คิดไปคิดมา ก็ได้คำตอบว่าที่ไปเที่ยวก็กินแต่อาหารฝรั่ง พวบอบชีส หรือหนมปังจิ้มเนย แล้วอาทิตย์ที่ผ่านมาปะป๊าก็ฮิตทำอาหารฝรั่งให้เด็กจิ๋วกินด้วย น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อ้วนขึ้นทันตาเห็น ตอนเย็นทำอาหารฝรั่งอีก กะว่าจะขุนให้อ้วนอ้วน น่ารักดี ทำออมเล็ต ใส่ปูอัด แครอท หอมใหญ่ ชีส เด็กจิ๋วชอบกินมากเหมือนเคย
วันก่อนที่ไปเที่ยวสวนผึ้ง ระหว่างที่เด็กจิ๋วเล่นหมีหมีอยู่ คือเอาหน้าซบหมอนหมีไปมา ลงไปนอน หันหน้ามาทางมาม่า แล้วตบก้นตัวเอง แบบว่าให้มาม่าช่วยตบก้นให้หน่อย แบบที่ปะป๊ากับคุณแม่ชอบทำเวลาจะกล่อมนอน ฮามากๆ คิดได้ไงเนี่ยะเด็กจิ๋ว นี่เพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรกเลย กลับมาบ้านก็มาทำอีกสองสามที 


วันที่ ๔๐๗ ... พฤหัส ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

เมื่อวานปะป๊ากับคุณแม่สบายเลย เด็กจิ๋วกินนมตอนสามทุ่มแล้วก็หลับไป ไม่ต้องกล่อมถึงเที่ยงคืนตีหนึ่งแบบหลายวันที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นแบบนี้นานแล้ว เพราะเด็กจิ๋วชอบนอนตอนเย็นทำให้ช่วงหัวค่ำไม่ยอมนอน เมื่อวานปะป๊าเลยแกล้งไม่ให้เด็กจิ๋วนอนตอนเย็นก็พาเล่นโน่นเล่นนี่ไปเรื่อย สำหรับเด็กจิ๋วถ้าได้เล่นก็พอแล้วไม่ต้องกินต้องนอนก็ได้ ตอนเช้า ป้อนซาลาเปา ตอนกลางวันพาออกไปเที่ยวฟอร์จูน เดี๋ยวนี้เรื่องการนั่ง Car Seat มีบางครั้งก็ยังงอแงไม่ยอมนั่ง แต่บางครั้งก็ยอมแต่โดยดี ยังไม่รู้หลักการของเด็กจิ๋วว่าคิดยังไง ที่ฟอร์จูนไปนั่งกินข้าวร้านเจียงกัน เด็กจิ๋วยอมนั่งเก้าอี้เด็กนานจนปะป๊ากับคุณแม่กินเสร็จเลย ที่อยู่ได้เพราะให้แทะเมอร์แลงไปด้วย เป็นขนมสุดโปรดอยู่ช่วงนี้ วันนี้เด็กจิ๋วทำตัวดีอยู่ได้นาน อุ้มเดินไปมาก็ลั้นลาดี มีตอนใกล้กลับที่เกิดง่วงขึ้นมาเลยอาละวาดนิดหน่อย ตอนซื้อแผ่นรองคลานที่เอามาปูที่ห้องทำงานปะป๊า เค้าแถมแผ่นโฟมต่อ ABC มาด้วย เด็กจิ๋วชอบเล่นมาก ชอบดึงตัวอักษรออกจากแผ่น ทีแรกก็ดึงไม่เป็นใช้กระชากเอา พอปะป๊าทำให้ดูว่าต้องใช้นิ้วดันออกมาเบาๆก็หลุด แค่ทีเดียว เด็กจิ๋วก็ทำตามได้อ่ะ รู้สึกทึ่งจริงๆ แต่ที่ไม่ทึ่งเลยก็คือแกะตัวอักษรออกมาแล้ว จะต้องเอาเข้าปากทุกครั้ง ไม่รู้จะดุจะว่ายังไงแล้ว ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง เด็กจิ๋วก็ไม่เชื่อ ยังไงก็ขออมหน่อย แต่ตัวเองก็รู้อยู่ว่าปะป๊าไม่ให้อม บางทีก็อมเป็นพิธี พอเรามองก็เอาออก แต่บางทีก็ไม่ยอมเอาออก จนต้องไปดึงออกจากปากเอง

วันที่ ๔๐๘ ... ศุกร์ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

เด็กจิ๋วเป็นบ้าไปแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นนางสาวไทยหรือไง วันนี้พาไปเดินเซ็นลาด โบกมือบ๊ายบายคนนั้นคนนี้ไปทั่ว มีส่งจุ๊บให้ด้วย ใครมาเล่นก็ยิ้มเล่นกับเค้าทุกคน คือคึกมากๆอ่ะ คล้ายคนเมายา นอกจากจะหันซ้ายหันขวาเล่นกับคนนั้นคนนี้แล้ว เด็กจิ๋วยังพูด พูด พูดไม่หยุด ไม่ได้งอแงนะแต่พูดไปเรื่อย คงคิดว่ามีคนฟังรู้เรื่องมั้ง แล้วก็ปีนป่าย คว้าข้าวของที่อยู่ใกล้มือทุกอย่าง ปะป๊ากับคุณแม่ไปดูเสื้อก็คว้าเสื้อที่แขวนไว้มาเล่น เวลาเลือกเสื้อในกระบะลดราคา เด็กจิ๋วก็จะทิ้งตัวลงไปนอนในกระบะ แบบจับไม่ทันเลย นั่งรถเข็นนี่เลิกคิด รถเข็นมีไว้ใส่ของ ขนาดอุ้มก็ยังไม่ค่อยจะอยู่เลย เพราะเด็กจิ๋วจะถีบตัว ทิ้งตัว ปีนตัว แบบทำทุกอย่างให้หลุดจะได้ลงไปคลานเล่น ถ้าเป็นที่บ้านก็ปล่อยคลานแล้ว เดี๋ยวนี้เห็นเด็กจิ๋วคลานแล้วน่ากลัวมาก คือคลานตัวปลิวอ่ะ เหมือนตัวลอยไม่แตะพื้น เร็วมากๆ ปะป๊าไล่ตระคุบเด็กจิ๋วจนปวดแขนไปหมดเลย ปะป๊าถามคุณแม่ว่า เห็นเด็กคนอื่นที่อยู่ในห้าง มีใครเป็นแบบนี้ไม๊...ก็ไม่มี เด็กคนอื่นเค้าจะนั่งรถเข็นมาชิวๆ บางคนก็ให้อุ้มนิ่งๆ ไม่มีใครเป็นขนาดนี้เลย พนักงานขายแผนกเด็กก็มาทักทายเด็กจิ๋วเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้มาแปลก พูดว่าจำได้ตั้งแต่เด็กจิ๋วยังอยู่ในท้องเลย นี่ผ่านมาปีกว่าแล้ว ก็งงๆ แต่คิดไปคิดมา ก็ อ๋อ ว่าห้างนี้กำลังจะปิดปรับปรุงหลายเดือน คงแบบอารมณ์ว่าญาติสนิทจะต้องจากกันเลยอาลัยอาวรณ์
เด็ก จิ๋วช่วงนี้เรียกชื่อพี่ๆที่ออฟฟิตได้หลายคนแล้ว วันก่อนเรียกอี๊ตุ๋ม กับพี่ต่องได้ วันนี้เรียกบอยได้ พี่ๆในออฟฟิตฮือฮาตบมือชอบใจกันใหญ่ ก็คำแบบพวก ต เต่า พูดง่าย แต่ บอย นี่พูดยากนะ ไม่คิดว่าเด็กจิ๋วจะพูดได้ เดี๋ยวนี้เด็กจิ๋วจะต้องเล่น facetime กับอาม่าทุกวัน วันนี้ก็เล่นเหมือนทุกที แต่อาม่าดันแกล้งกินหนมชั้นยั่วเด็กจิ๋ว เด็กจิ๋วก็ปรี่ยื่นหน้าไปหาโทรศัพท์ แล้วพูด หม่ำ หม่ำ พร้อมกับเลียปากแพร่บๆ ตอยเย็นให้เด็กจิ๋วกินหนมปังแผ่นกับซุปฟักทอง เหมือนหนมปังแบบนี้มันจะชอบติดเพดานปาก เรากินก็เป็น เวลาเด็กจิ๋วกินก็จะชอบทำปากเบี้ยวไปมา เหมือนพยายามจะดุนหนมปังให้ลุด วันนี้ทำไปทำมาอ้วกออกมาเลย ปกติหลังกินข้าวเย็นสักพัก ปะป๊าก็จะพาไปอาบน้ำ
แล้วคุณแม่ก็เอาไปแต่งตัว ช่วงอาบน้ำตอนนี้จะอยู่ตัว
แล้ว เด็กจิ๋วลั้นลามากได้เล่นน้ำในอ่างกับปะป๊าทุกวัน กระโดด พลิกตัวไปมา ตีขาน้ำกระจาย แต่ช่วงแต่งตัวนี้ดิ่ เด็กจิ๋วไม่ชอบมาตั้งแต่เกิดแล้ว ทุกวันจะต้องงอแงกับแค่ใส่เสื้อผ้า ปะป๊าชอบบอกว่าเด็กจิ๋ว นี่ไม่ได้ตัดแขนหนูทิ้งนะ แค่ใส่เสื้อเอง ทุกวันพอคุณแม่ใส่เสื้อผ้าเด็กจิ๋วเสร็จแล้ว ก็จะพูดว่า เสร็จ เด็กจิ๋วจากที่งอแงอาละวาดอยู่ ก็จะยิ้ม เข้าสู่โหมดลั้นลาทันที 


วันที่ ๔๐๙ ... เสาร์ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

ตอนเช้าคุณแม่ลากปะป๊าขึ้นมาจากเตียงตอนแปดโมง มาทำออมเล็ตให้เด็กจิ๋ว ครั้งนี้ลองใส่กุ้งดู แต่ไม่ค่อยโอ ใส่ปูอัดดีกว่า ที่จริงควรใส่แฮมแต่ไม่แน่ใจว่าจะดีต่อเด็กไม๊ กินข้าวเสร็จปะป๊าก็พาขึ้นไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ตอนนี้ปะป๊ารวบรวมของเล่นเด็กจิ๋วทุกชิ้นมาเก็บไว้ในตู้ก็เกือบเต็มแล้วล่ะ ของเล่นทั้งหมดไม่ทิ้งนะ จะเก็บไว้หมดเลย วันนี้เด็กจิ๋วมาเปิดตู้เลือกของเล่น ปะป๊าก็หยิบให้เลือกทีละชิ้น เด็กจิ๋วไม่เอาชิ้นไหนก็จะส่ายหัวไปมาแรงๆ รู้จักเลือกของเล่นเองแล้ว
ตอนกลางวันพาอากงอาม่าไปกินข้าวร้านเกียง้วน มหาชัยซีฟู้ด เด็กจิ๋วชอบเรียกอา กงมากเลย จะตะโกนเสียงดังๆ กง กง ระหว่างที่เรากินข้าวกันก็เอาเมอร์แรงให้เด็กจิ๋วแทะเล่นไปเรื่อย สงสัยจังว่าเดี๋ยวนี้ทำไมเด็กจิ๋วกินเมอร์แรงแล้วไม่ต้องคายถั่ว เมื่อก่อนจะคายถั่วออกมาทุกครั้ง พอตอนเย็นคุณแม่เช็ดอึ๊เด็กจิ๋ว เจอถั่วจากเมอร์แรงอยู่ในอึ๊เต็มเลย คือเคี้ยวไม่ได้ก็กลืนไปทั้งยังงั้น ไม่ย่อยด้วย ตอนค่ำปะป๊ากับคุณแม่พาเด็กจิ๋วไปเที่ยวเซ็นลาดอีกที ติดใจเมื่อวาน รู้สึกว่าเด็กจิ๋วลั้นลามาก คงชอบเดินช็อปปิ้ง วันนี้เราไปกันสามทุ่มเลย เพราะมีมิดไนท์เซลปิดเที่ยวคืน กะว่าคนจะได้น้อยๆ แต่ไปถึงแล้วตกใจเจอคนเยอะมาก วันนี้เด็กจิ๋วดูซึมๆ สงสัยง่วง ไม่ค่อยลั้นลาแบบเมื่อวาน ก็ซื้อของได้นิดหน่อย ห้าทุ่มก็กลับ 

ปกติที่ประตูกระจกเข้าออฟฟิต จะมีที่หุ้มมือจับประตูเป็นตุ๊กตาหมี หมีตัวนี้อยู่กับแพรกซิสมา ๘ ปีได้แล้ว
วัน ก่อนเด็กจิ๋วเอื้อมมือไปจะจับตุ๊กตาหมีที่ว่า แต่มือยังเอื้อมไปไม่ถึง อยู่ๆก็ชักมือกลับมาไว้ข้างหลังก้น พร้อมกับร้องว่า อี๋ อี๋ พี่ๆที่ออฟฟิตขำกันใหญ่เลย ก็ปะป๊าชอบสอนเด็กจิ๋วเวลาไปเจอพวกเศษขยะตามพื้น ก็จะร้องอี๋ อี๋ ไม่ให้ไปจับ นี่เด็กจิ๋วคงเห็นว่าตุ๊กตาหมีนั่นเป็นขยะแน่ๆ


วันที่ ๔๑๐ ... อาทิตย์ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

ตอนเช้า คุณแม่ก็ลากปะป๊าขึ้นมาทำกับข้าวอีกแล้ว วันนี้ทำวุ้นเส้นผัดไข่ใส่ผักกาดขาว ทำได้ออกมาทีแรก รสชาติมันแปร่งๆ เพราะไส่เครื่องปรุงเป็นเกลือกับน้ำปลา ถ้าปรกติผัดให้ผู้ใหญ่ก็จะใส่พวกซอสเห็ดหอม แต่มันมีผงชูรสเลยใช้ไม่ได้ เด็กจิ๋วกินไปได้หน่อยก็ส่ายหน้าไม่กินปะป๊าเลยไปผัดใหม่ คราวนี้ใส่น้ำตาลกับซีอิ๊วลงไปหน่อย ที่จริง ซีอิ๊วนี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าดีไม๊ เพราะเค้าเขียนว่าใช้วัตถุปรุงแต่งรส แต่ไม่ได้ใช้โมโนโซเดียมกลูตาเมต พอทำออกมาใหม่นี่ รสชาติค่อยปกติมนุษย์กินหน่อยแต่เด็กจิ๋วก็ไม่ค่อยชอบ ตอนเย็นทำหมี่เตี๊ยวผัดกุ้งให้กิน ก็ดูเหมือนจะชอบนะ แต่ก็กินได้ไม่เยอะ เลยสงสัยว่าเด็กจิ๋วอาจไม่ชอบพวกเส้นๆ เพราะมันกลืนยาก ถ้าเป็นพวกข้าวจะชอบมากกว่า
ตอนบ่ายปะป๊ากับคุณแม่ไปกินบุฟเฟ่กัน ทิ้งเด็กจิ๋วไว้กับอี๊ ป้อมที่บ้าน พอตอนกลับเข้ามา เด็กจิ๋วเห็นปะป๊าก็วิ่งโผหาเข้ากอดกัน แล้วเด็กจิ๋วก็เอามือมาตบหลังปะป๊าเบาๆ คือเป็นมาวันสองวันแล้ว เวลากอดกันแล้วเด็กจิ๋วจะชอบตบหลังปะป๊าเบาๆ คงคล้ายๆกับเวลาที่ปะป๊าชอบทำ แต่ที่จริงปะป๊าจะใช้มือลูบหลังเด็กจิ๋วนะไม่ได้ตบ สงสัยจะงงกับเวลาที่ตบก้นตอนจะนอน ว่าเรื่องกอด เมื่อเช้าปะป๊าก็กอดรัดเด็กจิ๋วจนอ้วกอีกแล้ว คุณแม่บอกว่าทำไมต้องกอดแรงๆด้วย ปะป๊าก็บอกว่าเพราะเด็กจิ๋วเค้าน่ารัก เด็กจิ๋วจะมีของเล่นเป็นเครื่องเป่าฟองสบู่คิตตี้อยู่อันหนึ่ง น้ำยาที่แถมให้ใช้ปั๊บเดียวก็หมด เมื่อวานที่ไปห้าง ก็ไปหาดูตกใจเลย ทำไมมันแพงจัง ขวดละสามร้อยกว่า เลยให้อาม่าทำให้ ก็อาม่าเคยบอกว่าได้สูตรลับมาจากคนขาย เค้าว่าให้ใช้ยาสระผมซันซิ้ลผสมกับน้ำและน้ำตาล ยาสระผมขวดละ ๒๐ บาทเอง




วันที่ ๔๑๑ ... จันทร์ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

วันนี้วันวาเลนไทน์เลยนะ แต่เด็กจิ๋วไม่ได้ดอกไม้อะไรกับเค้าเลย คุณแม่พยายามเลือกเสื้อสีสมพูใส่ให้เข้ากับโอกาสก็แค่นั้น ช่วงนี้เด็กจิ๋วกินขนมเยอะมาก วันๆหนึ่งเจอคนนั้นคนนี้พาไปเล่นด้วย แต่ละคนก็ชอบเอาขนมแปลกๆมาป้อน เวลาไปเล่นบ้านอากงอาม่าก็ไปอ้อนขอกินขนมทุกที แต่คุณแม่เริ่มโวยแล้ว เพราะกินขนมเยอะจนไม่ยอมกินนมกินข้าว กลัวผอมเกินมาตรฐาน ปะป๊ากับคุณแม่เลยตกลงกันว่าเดี๋ยวตั้งแต่พรุ่งนี้จะสั่งห้ามทุกคนไม่ให้ ป้อนขนมเด็กจิ๋วโดยพละการเด็ดขาด ต้องมาขออนุญาตจากคุณแม่ก่อน นอกจากนั้นยังจะจัดเวลาการกินการนอนใหม่ด้วย เพราะตอนนี้พยายามจะให้นอนกลางวันทีเดียวแล้วมานอนกลางคืนเลย กลางคืนจะได้นอนตั้งแต่หัวค่ำ ไม่งั้นกว่าจะหลับได้ก็เที่ยงคืนตีหนึ่ง ทีนี้พอให้นอน
กลางวันทีเดียว บางทีตอนเย็นๆจะเริ่มง่วงจัดแล้วก็ตามมาด้วยการกรี๊ดๆ อาละวาด เดี๋ยวตั้งแต่พรุ่งนี้จะจัดตารางใหม่
๐๙.๓๐ ตื่นนอน
๑๐.๐๐ กินนม
๑๑.๐๐ กินข้าวเช้า
๑๓.๐๐ กินนม แล้วก็นอน
๑๕.๐๐ ตื่นนอน
๑๕.๓๐ กินข้าวกลางวัน
๑๘.๐๐ กินนม
๒๐.๐๐ กินข้าวเย็น
๒๑.๓๐ กินนม แล้วก็นอน
กลางดึกตื่นมากินนมอีกรอบ


วันที่ ๔๑๒ ... อังคาร ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

วันนี้เหมือนว่าแผนการณ์ที่วางไว้จะสัมฤทธ์ผลดี ตื่นเช้ามาก็กินนม พอ ๑๑โมงก็ให้กินข้าวเช้าเป็นมักโรนีผัดที่เหลือจากเมื่อวาน แต่เด็กจิ๋วไม่ยอมกิน เลยลองให้กินข้าวต้มหมูหยอง เป็นเมนูที่ฮิตเมื่อสามอาทิตย์ก่อน แต่ว่าเบื่อไปแล้ว ลองกลับมากินวันนี้กลับชอบกินขึ้นมาอีก ตอนบ่ายโมงกินนมเสร็จก็สลบไปตามแผน หลับยาวเกือบสองชั่วโมงเลย เมื่อก่อนให้นอนเที่ยง คือนอนเร็วไป ยังง่วงไม่ได้ที่ บางทีก็นอนครึ่งชั่วโมง บางทีก็ไม่ยอมนอนเลยเปลี่ยนใหม่นี่ดีขึ้น ตื่นมาบ่ายสามก็ให้กินเยื่อไผ่ห่อกุ้ง อันนี้ไปซื้อมาจากที่
ร้าน เลยนะ กะว่าแปลกๆ เด็กจิ๋วน่าจะกิน แต่ปรากฎว่าดันไม่กินอีก ก็เลยงง แล้วทีนี่ จะยังไงกันแน่ ปะป๊ากับคุณแม่ต้องขับรถไปโลตัส ไปซื้อซาลาเปากับเครปมาให้กิน สรุปแล้วก็คือเด็กจิ๋วชอบกินแต่ขนม ไม่ชอบกินข้าว หรืออาหารปกติ แบบนี้ต้องพยายามหาขนมที่กินแทนข้าวได้แล้ว แป้งกับโปรตีนหาได้ไม่ยาก แต่ขนมที่ใส่ผักด้วยนี่ ไม่ค่อยมีนะ 

ตอนเย็นปะป๊าลองทำข้าวผัดปู ใส่แครอท หน่อไม้ฝรั่ง ต้นหอม หอมใหญ่ ให้มีผักเยอะๆ ทำเสร็จต้อง
ลุ้น ว่าเด็กจิ๋วจะกินไม๊ ปรากฎว่าก็กินได้ดี สรุปแล้วว่าเด็กจิ๋วจะกินหรือไม่กินก็ขึ้นกับอารมณ์เค้าแล้วล่ะ บางวันชอบกินแบบนั้นบางวันอยากกินแบบนี้ ถ้าไม่ถูกใจก็ไม่กิน หรือบางทีกินอยู่ดีๆแล้วมีบางคำที่ป้อนคำใหญ่ไป หรือบางคำที่มีเนื้อสัตว์หรือของที่เด็กจิ๋วไม่กินติดไปด้วย ก็จะคายออก แล้วก็จะไม่ยอมกินต่ออีก คุณแม่บอกว่าเด็กจิ๋วเรื่องมากเหมือนปะป๊า 


วันที่ ๔๑๓ ... พุธ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

เด็กจิ๋วยังไม่ยอมเดินซะที เด็กคนอื่นอายุเท่านีั้เดิน กันได้หมดแล้วนะ วันก่อนจับไปฝึกเดินที่สนามเด็กเล่น ให้จาน่าสอนเข็นเก้าอี้เดิน แต่จาน่าเข็นวิ่งเร็วจี๋ เด็กจิ๋วก็สามารถทำได้นะ เข็นเดินไปเดินมาอย่างคล่องแคล่วเลย คือเหมือนว่าจะมีศักยภาพในการเดินได้แล้ว แต่ยังไม่รู้จักใช้อย่างถูกวิธี ถ้าหยิบเก้าอี้ออก ก็จะลงไปคลานทันที ยังไม่รู้ว่าการเคลื่อนที่ด้วยการเดินดีกว่าคลานอ่ะ
เด็ก จิ๋วมีหนังสือผ้าเยอะมากประมาณ ๑๐ เล่ม ตอนเด็กๆก็ยังเล่นไม่ค่อยเป็น แต่เมื่อวานเอามาให้เล่น ไม่เล่นแล้ว ยังมีอีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้แกะจากห่อเลยนะ ช่วงนี้จะสนใจพวกกล่องที่สามารถเปิดปิดได้จะชอบมาก เวลาจะเปิดก็จะพูดว่า ปีปิ๊ด เวลาจะปิดก็จะพูดว่า ปีปิ๊ด คือเปิดหรือปิดก็ปีปิ๊ดหมดยังแยกไม่ออก วันนี้อี๊ไก่ก็พยายามสอนพูดคำว่าเปิดอยู่ตั้งนานจนพูดได้แล้วว่า เปิด แต่พอคว้ากล่องมาได้จะเปิดก็พูด ปีปิ๊ด อีก ตอนเย็นทำผัดมักโรนีซอสขาวใส่ปลาโดรี่ให้เด็กจิ๋วกิน ชอบกินมาก ถ้าอาหารฝรั่งส่วนใหญ่จะชอบทุกที ที่ช่วงนี้ทำอาหารฝรั่งบ่อยก็เป็นเพราะมีอยู่วันหนึ่งทำมักโรนีอบชีสให้จา น่ากับไจโรกิน แล้วเด็กสองคนเกิดติดใจ มาร้องขอกินทุกวันเลยจนต้องทำสัญญาว่าจะทำให้กินอาทิตย์ละครั้ง วันนี้ปะป๊ากับคุณแม่ไปเยาวราชซื้อเชอร์รี่กลับมาให้เด็กจิ๋วกิน เด็กจิ๋วชอบกินมาก

วันที่ ๔๑๔ ... พฤหัส ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

หลังจากจัดโปรแกรมการดำรงชีพของเด็กจิ๋วใหม่แล้วรู้สึกว่าเข้าที่เข้าทางดี มาก ตอนบ่ายกินนมแล้วก็หลับ ตอนหัวค่ำกินนมแล้วก็หลับ นอกเหนือจากว่าเราไม่ต้องเหนื่อยเต้นกล่อมเป็นชั่วโมงๆแล้ว เด็กจิ๋วยังไม่ต้องทุรนทุรายเวลาง่วงแต่ไม่ยอมนอน จะฝืนเล่นแล้วงอแงมาก ช่วงนี้ไม่ค่อยมีแล้ว ว่าด้วยเรื่องการพูดของเด็กจิ๋ว ทุกวันจะพูดคำแปลกๆออกมาได้หลายคำ ส่วนใหญ่จะพูดตาม บางคำก็ไม่คิดว่าจะพูดได้ บางทีไม่ได้สอนให้พูด เราคุยกันเฉยๆ เด็กจิ๋วก็พูดตามออกมา วันนี้พูดคำว่า สวยไม๊ค่ะ ได้
วันนี้เด็กจิ๋วปินลงเก้าอี้ แล้ว ขาไปขัด คงเจ็บจนร้องจ๊ากออกมา เราถามว่าเจ็บตรงไหน ทีแรกนึกว่าจะต้องชี้ที่หัวอีกแน่ๆ แต่ไม่แล้ว วันนี้ชี้ที่เท้าอย่างถูกต้อง ตอนเย็นปะป๊าทำเต้าหู้ทอดราดไชเท้าขูดฝอย ชิมดูแล้วก็อร่อยนะ แต่เด็กจิ๋วกินไปได้หน่อยก็ไม่ยอมกินต่อ คุณแม่ได้ทีเยาะเย้ยทันใด บอกว่ารู้สึกแล้วใช่ไม๊ ทำอาหารมาแล้วลูกไม่ยอมกินเป็นไง ต้องเอาซาลาเปามาล่อ คือป้อนซาลาเปาไปแล้วทีเผลอก็ยัดเต้าหู้ไป ก็ยังไม่รู้ว่าแบบไหนกินแบบไหนไม่กิน




วันที่ ๔๑๕ ... ศุกร์ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

ตื่น กันมาแต่เช้า วันนี้ปะป๊าทำหนมปังชุบไข่ทอดให้เด็กจิ๋วกิน มีสูตรแบบทอดเนยกับทอดน้ำมัน ถ้าเด็กน่าจะชอบทอดเนย แต่ผู้ใหญ่จะชอบทอดน้ำมันมากกว่า ก่อนทอดต้องเอาไปอบก่อนนะ ไล่ความชื้นหนมปังจะได้ไม่อมน้ำมัน ได้ออกมาน่าตาดี เด็กจิ๋วก็กินใหญ่เลย กลางวันทำเสต็กปลาโดรี่ราดซอสขาวใส่
ผักด้วย กับพิซซ่าหน้าปูอัดกับผักนานาชนิด เด็กจิ๋วชอบกินเสต็กปลานะ ส่วนพิซซ่านี่ ไม่เอา ก็สมควรอยู่หรอก เพราะมันไม่ค่อยเหมือนพิซซ่าเท่าไหร่ ใช้หนมปังแผ่นทำเป็นแป้ง แล้วหน้าพิซซ่าก็ใส่แครอทกับหน่อไม้ฝรั่งอีกต่างหาก
เย็นๆโฮไอขึ้นมาเล่น ที่ห้อง อึกทึกมากวิ่งไปมาร้องโวยวาย แต่พอเปิดการ์ตูนเรื่อง Cars เท่านั้นก็เปลี่ยนเป็นคนละคน นั่งนิ่งไม่ได้ยินเสียงอีกเลย มีพี่จาน่ากับไจโรก็มาเล่นด้วย วันนี้วันหยุดไม่ต้องไปโรงเรียนเป็นวันมาฆะบูชา เนื่องว่าเป็นวันพระใหญ่พี่โฮไอกับอากงอาม่าก็ไปวัดกันแต่เช้า อี๊ป้อมกับพี่ๆที่ออฟฟิต
ก็ไปคิชกูดกันไปไหว้พระ แต่ปะป๊าด้วยความที่เคยบวชเรียนมา และยังเป็นอดีตประธานชมรมพุทธด้วย เข้าถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนาแล้วเลยไม่ต้องออกไปไหว้พระเหมือนคนอื่นๆ ตอนเย็นพากันไปกินข้าวที่ร้านพะนะคอน บรรยากาศที่ร้านตอนเย็นๆก็ดีนะ เด็กๆไปวิ่งเล่นริมน้ำกัน จาน่าแจกลูกโป่งให้น้องๆคนละ
ใบด้วย แต่พอเริ่มมืดหน่อย ยุงก็โผล่มากันเต็ม แล้วเด็กจิ๋วก็เริ่มโวยวายไม่พอใจ คืออาการเหมือนง่วงมาก เนื่องจากวันนี้ตื่นเช้า กินก็เร็วขึ้น ตารางเวลาเลยเขยิบไปหมด นอนตอนบ่ายก็นอนไปไม่ถึงชั่วโมง ทำให้ง่วงเร็วกว่าปกติ ตอนนั่งรถกลับ เนื่องจากต้องเบียดกันหลายคน คุณแม่เลยอาสาไปนั่งท้ายรถ เด็กจิ๋วนั่งกับพี่โฮไอ พอไปได้หน่อย เด็กจิ๋วก็เริ่มกรี๊ดๆกรี๊ดๆ ยัดน้ำเข้าไปก็หายแต่พอน้ำหมดก็กรี๊ดอีก เปลี่ยนน้ำขวดใหม่ให้ จนน้ำหมดเกลี้ยงแล้ว ทีนี้เอาไงก็ไม่อยู่แล้ว เด็กจิ๋วกรี๊ดดังมาก อาแปะบอกว่าแรงกว่าโฮไออีก ที่จริงวันนี้เรียกว่ากรี๊ดหนักสุดเลยก็ว่าได้ กรี๊ดจนอ้วกออกมาเลยเสื้อเต็มไปหมด กลับมาถึงบ้านปะป๊าก็รีบไปอุ้มเด็กจิ๋ว เด็กจิ๋วก็กอดแน่นไม่ยอมปล่อย แค่จะไปขยับรถก็ไม่ได้ ไม่ยอมเลย คุณแม่ก็เหมือนกัน จะเดินไปก็ไม่ยอม ต้องอยู่กันให้ครบก็เลยอ๋อว่าที่เด็กจิ๋วร้องเยอะในรถก็คงเป็นเพราะไม่เห็น ปะป๊ากับคุณแม่มั้งเพราะปกติคุณแม่ต้องนั่งข้างๆ วันนี้ไม่มี แล้วปะป๊าก็ขับรถอยู่ข้างหน้า คงคิดว่าถูกลักพาตัวแน่ๆ


วันที่ ๔๑๖ ... เสาร์ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

วันนี้ตื่นแต่เช้าเลยนะเด็กจิ๋ว คงรู้ว่าจะได้ไปเที่ยว ปกติเก้าโมงยังไม่ยอมจะลุกนี่ยังไม่หกโมงก็ตื่นแล้ว ออกจากบ้านหกโมงกว่าๆไปเที่ยวสุพรรณกัน มีอากง อาม่าไปด้วย วันนี้กลับมาเป็นไม่ยอมนั่ง Car seat อีกแล้ว ต้องใช้หมีๆล่ออ่ะ ไปถึงตลาดร้อยปีสามชุก แปดโมงกว่า ร้านที่นี่ยังไม่เปิดกันดีเลย แต่ดีแล้วล่ะ
เพราะ อากาศไม่ร้อน ที่จอดรถก็ใกล้ บ้านเรือนที่นี่เป็นแบบไม้เก่าๆ ของที่ขายก็ย้อนยุคหน่อย เด็กจิ๋วได้ของเล่นย้อนยุคมาสองสามชิ้น ตอนที่ไปนั่งกินข้าวเช้ากันอยู่ ปะป๊าพาเด็กจิ๋วไปเล่นกับเด็กท้องถิ่น น่าจะแก่กว่าเด็กจิ๋วหลายเดือนอยู่ เด็กจิ๋วก็ไปบ๊ายบ่ายกับส่งจู๊บให้ เด็กท้องถิ่นคนนั้น ร้องไห้จ๊ากจ๊าก ปะป๊าเลยรีบพาเด็กจิ๋วหนีจากที่เกิดเหตุก่อนพ่อแม่เด็กท้องถิ่นมาจับได้ เด็กจิ๋วลั้นลาดี นั่งอยู่ในเป้อุ้มเขย่าของเล่นไปไม่มีงอแง ออกจากสามชุกก็ขับรถต่อไปอีกสี่สิบโลถึงบึงฉวาก เด็กจิ๋วยังไม่เคยมา แต่คนอื่นๆเคยมากันแล้ว สมัยก่อนเคยพาจาน่า กับเจ๊นิว มาเที่ยว ตอนนั้นยังไม่มีไจโร เจ๊แนนกับโฮไอเลย อาคารโลกใต้ทะเล รู้สึกว่าจะทำใหม่ เมื่อก่อนที่มาไม่มี อันนี้ต้องเสียตังเข้าต่างหากอีกคนละ ๑๕๐ เข้าไปแล้วก็เล็กๆแหล่ะ แต่เหมือนจะดีกว่าที่พัทยา เด็กจิ๋วมาครั้งนี้ก็เริ่มดูโน่นดูนี่เป็นแล้ว ตอนไปพัทยายังดูไม่เป็นเลย ตอนจะออกมาเจอร้านของฝาก ปะป๊ากับคุณแม่ซื้อหมวกแมวน้ำสีชมพูให้เด็กจิ๋วใส่ด้วย น่ารักสุดขีด เด็กจิ๋วก็ชอบ ใส่แล้วไม่ถอด ด้านหน้าอาคาร มีปลาฉลามกับปลานีโม่เดินอยู่บนบก คุณแม่เอาเด็กจิ๋วไปถ่ายรูปคู่ด้วย เด็กจิ๋วมีอาการกล้าๆกลัวๆ เดี๋ยวนี้เริ่มกลัวโน่นกลัวนี่เยอะเลย อย่างเวลาที่คุณแม่ร้อยอุ๊ย ไม่ว่าจะอุ๊ยตกใจ หรืออุ๊ยอะไรก็ตาม เด็กจิ๋วจะตกใจสุดขีด กระโดดขึ้นมาเกาะเราแน่น บางทีก็กลัวจนตัวสั่น 
มื้อ ๑๑ โมงวันนี้เด็กจิ๋วกินข้าวผัดหมูสับ คุณแม่ซื้อจากที่ร้านตรงทางเข้า ใส่กล่องโฟมมากินข้างใน กินได้ดีเลย แล้วมีขนมไข่ที่ซื้อมาจากสามชุก ก็ชอบกินเหมือนกัน ออกจากบึงฉวาก แวะกินข้าวกลางวันกันแล้วก็กลับ

วันที่ ๔๑๗ ... อาทิตย์ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔


วัน นี้อาม่าอากงราชบุรีมาหา เอาของเล่นมาให้อีกสองตัว เป็นหมีพูฮูลาฮูบกับตุ๊กตาเด็กเกรียน มาถึงกันตอนบ่ายโมง มาถึงปั๊บ เด็กจิ๋วหลับพอดี เลยต้องนั่งรอกันไปอีกสองชั่วโมง ถ้าเมื่อก่อนจะนอนไม่เป็นเวลาแบบนี้ไง บางทีก็ไม่ได้นอนกลางวัน ไปนอนเย็น เด็กจิ๋วหลับไปสองขั่วโมง ตื่นมาก็กินไข่ตุ๋น กินหมด
ถ้วยเลย ไข่หนึ่งฟอง ปกติจะกินแค่ครึ่งเดียว ไข่ตุ๋นไม่พอ กินกล้วยน้ำหว้าของอาม่าเข้าไปอีกเยอะ คือเจริญอาหารมากๆ เป็นเพราะมื้อนมก่อนหน้านี้กินน้อยไป เลยหิว วันนี้เด็กจิ๋วให้อาม่ากับอี๊ไก่อุ้ม แต่ไม่ยอมให้อากงอุ้ม ไม่รู้เป็นอะไร ปกติจะชอบให้อากงอุ้ม ไม่เอาอาม่า เพราะอาม่าเคยไปแกล้งไว้ เด็กจิ๋วโชว์
การซบหมีหมีลงไปนอนแล้วตบก้นตัวเอง ยังไม่พอ มีทำเสียงกรนด้วย ขำกันใหญ่เลย เลียนแบบเสียงกรนใครนะ...

มื้อ เย็นเป็นเสต็กปลากุเลาไวท์ซอสอบชีส อ่านชื่อเมนูแล้วก็...อ้วนแน่ๆ...เด็กจิ๋วชอบกินมาก กินเข้าไปเยอะ ชามของตัวเองหมดแล้ว ยังมากินต่อชามของคุณแม่อีก วันนี้ช่างตู่พาลูกสาวมาเยี่ยมที่บ้าน ช่างตู่เป็นช่างไฟช่างแอร์ประจำบ้านเรา น้องน้ำผึ้งนี่อายุน้อยกว่าเด็กจิ๋วสองเดือน แต่ตัวโตกว่าเยอะ ตาโต ผมยาว เหมือนแก่กว่าเด็กจิ๋วขวบหนึ่ง เดินได้เก่งกว่า คือยังเดินเองไม่ได้เหมือนกันแต่ก็สามารถเกาะกำแพงเดินได้คล่องแคล่ว ที่สำคัญเลย คือไม่มีเสียงกรี๊ดแม้แต่แอ่ะเดียว ความซนก็มีอยู่แต่ก็ซนเฉยๆไม่กรี๊ด ช่างตู่บอกว่าเวลาขับรถก็ให้นอนข้างหลังรถ จะหลับได้เองถ้าตื่นก็เอามานอนตักไปด้วยขับไปด้วย โอโห้ถ้าเป็นเด็กจิ๋วมีหวังได้หักเลี้ยวรถพลิกคว่ำไปแล้วล่ะ ทำไมมันช่างแตกต่างกันจังเลย สงสัยมาจากดาวคนละ
ดวงกัน


วันที่ ๔๑๘ ... จันทร์ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

ตอนกลางวัน พาเด็กจิ๋วไปกินข้าวที่เซ็นปิ่น ต้อง ไปซื้อของใช้หลายอย่างด้วย ตอนแรกก็อารมณ์ดี ทักทายคนทั่วห้างตามแบบนางสาวไทยที่เด็กจิ๋วชอบทำ แต่เดินไปเดินมาพอใกล้เวลากินนมนอนเท่านั้นแหล่ะ กรี๊ดลั่นห้างเลย คราวนี้ไม่มีอะไรมาหยุดเด็กจิ๋วได้อีกแล้ว ตอนเดินในซุปเปอร์ เห็นพัฒนาการของเด็กจิ๋วชัดเลย เรื่องความซนอ่ะนะ เวลาเราหยิบของอะไร เด็กจิ๋วก็จะพุ่งตัวไปจับ จับเฉยๆก็ดีแต่บางทีก็ไปรื้อเขวี้ยงลงพื้น บางทีก็ทิ้งตัวลงไปในกองผัก ผลไม้ ต้องเอาพวกแครอท ไช้เท้าให้ถือเล่น ถึงจะช่วยลดดีกรีความร้อนแรงไปได้ปั๊บหนึ่ง ตอนนี้ถ้าเดินผ่านพวกแผนกถ้วยชามกับพวกเครื่องแก้ว ต้องระวังเป็นพิเศษ ถ้าเผลอก็หายนะได้บังเกิดแน่ๆ
เมื่อวันก่อนที่ซื้อของเล่นจากสามชุกมา มีอยู่อันหนึ่งเป็นโซปราโนแซก เอาให้เด็กจิ๋วเป่าเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียง ปกติเด็กจิ๋วจะมีทรัมเป็ตอยู่อันหนึ่ง เป่าเก่งมาก วันนี้คุณแม่เพิ่งค้นพบความจริงบางอย่าง ทรัมเป็ตที่เป่าอยู่ทุกวันน่ะ แท้จริงแล้วไม่ได้เป่า ใช้ดูดเอา คุณแม่บอกว่าสังเกตเห็นปากมันบุ๋มๆ มิน่าล่ะ    

วันที่ ๔๑๙ ... อังคาร ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

อาหาร มื้อเช้าของเด็กจิ๋วันนี้เป็นออมเล็ทใส่ปลากุเลากับบล็อกโครี่ เด็กจิ๋วชอบมาก กินเข้าไปเยอะ ตอนกลางวันซื้อข้าวผัดปูมาให้จากข้างนอก ส่วนตอนเย็นเป็นหนมปังชุบไข่ทอด แต่ครั้งนี้ใส่บล็อกโครี่กับชีสลงไปในไข่ด้วย เด็กจิ๋วชอบกินอีกตามเคย วันนี้เจอพี่จ๊อบ บอกให้เด็กจิ๋วเรียก จ๊อบ เด็กจิ๋วก็พูด จ๊อบ ออกมาได้ชัดเจนทันที 
ช่วง นี้ตอนเย็นๆพี่จาน่ากับพี่ไจโรขึ้นมาเล่นกับเด็กจิ๋วที่สนามเด็กเล่นทุกวัน เลย วันนี้มีเล่นซ่อนแอบให้เด็กจิ๋วหาด้วย แต่ส่วนใหญ่จะชอบเล่นวิ่งหนีเด็กจิ๋ว แล้วให้เด็กจิ๋วคลานตาม ชอบวิ่งขึ้นวิ่งลงตรงบ้านน้อยสองชั้นแหล่ะ เราก็ต้องคอยวิ่งไล่จับเด็กจิ๋วตามไปด้วย เพราะเด็กจิ๋วสามารถปีนขึ้นไม้ลื่นเองได้แบบคล่องแคล่วมาก พอขึ้นไปถึงก็จะคลานปรู๊ดไปลงอีกฝั่งหนึ่ง แบบวัดใจกันอ่ะ ถ้าเราไม่ไปคว้าตัวไว้ทัน เด็กจิ๋วก็อาจจะพุ่งตัวลงมาเอง พอลงมาถึงพื้นได้ ก็จะคลานปรู๊ดไปขึ้นไม้ลื่นใหม่ ขึ้นๆลงๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ วันนี้เด็กจิ๋วเล่นไปเล่นมาก็คลานมาที่พี่ไจโรที่นอนคว่ำอ่านการ์ตูนอยู่ แล้วก็เอาหน้าไปซบกับก้นพี่ไจโรทำแบบซบหมีหมี ไม่แน่ใจว่าเห็นลายการ์ตูนที่ก้นเฮียโรเป็นหมีๆ หรือรู้สึกว่าก้นเฮียโรนิ่ม เลยไปนอนซบ หลังจากที่ฝึกหนักหัดเดินเข็นเก้าอี้มาหลายวัน วันนี้เด็กจิ๋วสามารถเดินปล่อยมือได้ ๒ ก้าวแล้ว

วันที่ ๔๒๐ ... พุธ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

เมื่อ วานที่ปะป๊ากับคุณแม่หนีเด็กจิ๋วไปห้างกัน ได้ซื้อมักโรนี ABC แบบตัวเล็กๆ มาให้เด็กจิ๋วด้วย เช้านี้คุณแม่ไม่ล้มเลิกความพยายามในการทำอาหาร ตื่นเช้ามาต้มมักโรนี ABC ใส่ปลากับผักกาดขาว ตอนแรกก็กลัวจนตั่วสั่นว่าเด็กจิ๋วจะกินไม๊ กลัวจะเหมือนครั้งที่แล้วที่ไม่ยอมกิน แต่ปรากฎว่าครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ชอบกินใหญ่เลย ที่ว่าเมื่อวานเด็กจิ๋วเดินได้เอง ๒ ก้าว วันนี้ก็เดินอีก แต่ไม่ยอมปล่อยมือ ใช้เกาะกำแพงเดิน แต่ก็เดินได้หลายก้าวอยู่เหมือนกัน คือเวลาอยู่ในออฟฟิตห้องทำงานปะป๊า แล้วเด็กจิ๋วชอบหนีออกไปเล่นกับพี่ๆข้างนอก เราปิดประตูไว้ เด็กจิ๋วก็สามารถเลื่อนประตูเปิดได้เอง เวลาจะเปิดก็จะยืนเปิด แล้วก็เดินออกไปข้างนอก 
ตั้งแต่ เด็กจิ๋วเกิด ปะป๊ากับคุณแม่ได้ซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้หลายตัว วางไว้ตามห้องต่างๆ กะว่าเพื่อสุขภาพของเด็กจิ๋ว ใช้แล้วไม่รู้สึกหรอกว่ามันดีขึ้นหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆเวลาเด็กจิ๋วอึ๊ทีไร เครื่องฟอกจะฟ้องไฟแดงฉาน แล้วก็พ่นตัวพลาสม่าอย่างแรงมากำจัดเชื้อโรคและกลิ่นเหม็น แค่นี้ก็รู้สึกว่าดีแล้วล่ะ เหมือน
มันตรวจสอบความสกปรกภายในห้องได้จริงๆ ไม่ใช่แค่เด็กจิ๋วอึ๊นะ เวลาผู้ใหญ่ไปตดแถวๆนั้น เครื่องฟอกมันก็จะฟ้องเหมือนกัน
 

วันที่ ๔๒๑ ... พฤหัส ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

คุณ แม่บ่นว่าหมู่นี้ข้าวของหายสาบสูญบ่อย บางทีถุงเท้าก็ไปเจออยู่ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง บัตรเครดิตก็ไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า หรือก็ไปอยู่ตามถังขยะ นี่ยังดีนะ รู้สึกจะมีที่หายไปแบบหาไม่เจอด้วย เดาว่าเด็กจิ๋วคงเอาไปซ่อนที่พิลึกๆ หรือไม่ก็ทิ้งไป เด็กจิ๋วจะชื่นชอบการรื้อข้าวของออกแล้วเก็บกลับมาก แต่ปัญหาคือเก็บไม่เข้าที่เดิม ชอบรื้อกระเป๋าตัง กระเป๋าถือ ลิ้นชักโต๊ะทำงาน ลิ้นชักตู้เสื้อผ้า แล้วก็ในตู้เย็น
วันนี้ปะป๊ากับคุณ แม่ไม่อยู่บ้านเกือบทั้งวันเลย ทิ้งเด็กจิ๋วไว้กับอี๊ป้อม รู้สึกว่าจะไม่รักษากฎระเบียบที่กำหนดไว้เรื่องกินเรื่องนอนเลย นอนไม่เป็นเวลา แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะคืนนี้ดึกๆเราจะไปเที่ยวภูเก็ตกัน เด็กจิ๋วไม่ต้องนอนหัวค่ำก็ดีแล้ว ไปนอนเอาเที่ยงคืนเลย จะได้หลับยาวบนรถ ทีแรกว่าจะออกเดินทางกันตอนหัวค่ำ แต่อาป๊าบอกว่าให้ออกดึกกว่านั้น ให้ไปสว่างแถวชุมพร เพราะแถวนั้นถนนน่ากลัว ถามพี่ต้อ
ดูเพราะบ้านพี่ต้อ อยู่ภูเก็ต พี่ต้อก็บอกว่าน่ากลัวเหมือนกัน ชอบเจอคนหลับในขับตกถนนเต็มเลย เราเลยมาออกกันห้าทุ่ม พอขึ้นรถไปได้ หน่อยเด็กจิ๋วก็หลับสบายไปตื่นอีกทีก็เช้าเลย
 
วันที่ ๔๒๒-๔๒๔ ... ศุกร์ ๒๕ เสาร์ ๒๖ อาทิตย์ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
ไปเที่ยวภูเก็ตกันที่ ศรีพันวา รีสอร์ท

ศรีพันวา ภูเก็ต เป็นอีกรีสอร์ทที่คุณแม่ฝันอยากจะไปมาก ที่ว่าฝันก็เพราะคงไม่มีปัญญาไปเอง เป็นรีสอร์ทที่แพงมาก จัดว่าเป็นโรงแรม ๖ ดาวเลย แต่อยู่ๆลาภก็ลอยมาเอง ได้ไปฟรีอีกแล้ว สืบเนื่องมาจากที่เราเคยไปพักฟรีและรีวิวให้ที่ฐูษิตา พนักงานของฐูษิตามาหาคุณแม่ที่ออฟฟิตพร้อมกับพาเพื่อนมาด้วย เป็นพนักงานของศรีพันวา คุยไปคุยมา ก็เลยติดต่อขอไปพักฟรีโดยจะรีวิวลงนิตยสารของอี๊ตุ้ยให้ ทริปนี้เลยมีอี๊ตุ้ยไปด้วย เป็นมาร์เก็ตติ้งเมเนเจอร์ อี๊กบเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ปะป๊าเป็นช่างภาพ คุณแม่เป็นที่ปรึกษาช่างภาพ ส่วนเด็กจิ๋วเป็นที่ปรีกษาของคุณแม่อีกที

ปะป๊าขับรถไปถึงศรีพันวา ตอนแปดโมง เด็กจิ๋วหลับได้ดีตลอดทาง เรียกว่าเดินทางมาได้อย่างสงบสุข ไม่เหมือนทริปเชียงใหม่ที่กรี๊ดจนต้องจอดรถมาสงบศึกพักยก แล้วพอออกรถต่อก็กรี๊ดต่อ

ศรีพันวาอยู่บริเวณแหลมพันวา เนื้อที่ ๘๐ ไร่ กินอาณาบริเวณเกือบทั้งแหลม วิวที่นี่เลยสวยมาก ถ้าขึ้นไปสูงๆจะสามารถมองเห็นวิวทะเล ๓๖๐ องศา เห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก โดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่บนภูเขา ส่วนที่เป็นชายหาดมีอยู่หน่อยเดียว แค่ประมาณ ๑๐๐ เมตร

พอไปถึงหน้า ล็อบบี้พนักงานก็ให้เราลงจากรถ แล้วไปวาเลรถให้ พร้อมกับขนของลงจากรถเองเสร็จสรรพเรียบร้อย รถที่บริการทั้งของทั้งคนที่นี่ไม่ได้เป็นรถกอล์ฟแบบที่อื่น แต่เป็นรถกระป๊อ ถามดูแล้ว เค้าว่าที่นี่พื้นที่ชันมาก รถกอล์ฟเอาไม่อยู่
ที่ ส่วนล็อบบี้ จะติดกับห้องอาหาร Baba Q ในส่วนของ Baba Pool Club เป็นสระน้ำกว้างๆ แล้วมีโต๊ะนั่งเป็นหลุมลึกลงไปในน้ำ เสียดายไม่ได้มาใช้บรรยกาศนั่งกินนั่งดื่มกันตรงนี้เลย เพราะถ้าทำยังงั้นก็ต้องจ่ายเอง ราคาอาหารกับเครื่องดื่มที่นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ แพงกว่ารีสอร์ทห้าดาวที่เคยไปมาแบบเท่าตัวเลย อาหารจานเดียวถูกสุดก็ ๔๐๐++ ที่อื่นยังกัดฟันกินได้ แต่ที่นี่กัดฟันกัดปากจนเลือดไหลแล้วก็กินไม่ไหวจริงๆ

เด็กจิ๋ว เดี๋ยวนี้เวลาพวกเราพูดขอบคุณคนอื่น เด็กจิ๋วก็จะยกมือไหว้ด้วยทันที น่ารักมาก นอกจากขอบคุณแล้วเรื่องการโบกมือบ๊ายบายคนนั้นคนนี้ ก็เป็นอะไรที่เด็กจิ๋วไม่เคยละทิ้งหน้าที่ พนักงานทุกคนที่นี่จะเป็นแบบ friendly เกินเหตุ ไม่ว่าจะคนสวน คนขับรถ ยาม หรือตำแหน่งหน้าที่อะไร ถ้าเจอลูกค้าก็จะยิ้มทักทายตลอดเวลา เพราะเจ้าของที่นี่เค้าจะดูแลพนักงานทุกคนแบบดีเป็นพิเศษ

จาก ล็อบบี้ไปห้องพักต้องนั่งรถไป คือไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตามในรีสอร์ทนี้ก็ต้องนั่งรถหมดเลย เพราะแต่ละที่อยู่ไกลกันมากไม่ว่าจะล็อบบี้ ห้องอาหารเช้า ห้องพัก สระว่ายน้ำ ชายหาด สปา แล้วที่สำคัญเป็นทางเขาชันอีกต่างหาก เดินไม่ไหว

ห้อง พักที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้เป็นแบบวิลล่า ๒ ชั้น ราคาห้องนี้ตามหน้าเว็ปก็คืนละ ๔ หมื่น เราพัก ๒ คืนแล้วถ้ารวมพวกสปา กับพวกอาหารที่เค้าจัดให้ก็เหยียบแสนเลย แต่โชคดีที่ทั้งหมดฟรี ไม่เสียตังค์ เปิดเข้าวิลล่าไป จะเจอกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ แล้วก็ศาลานั่งเล่น ชมวิวทะเลด้านหน้าแบบพาโนราม่า ห้องพักของที่นี่จะมีสระว่ายน้ำทุกห้อง ขนาดห้องถูกที่สุดบนตึกโรงแรมก็ยังมีสระว่ายน้ำอยู่ที่ระเบียง

เปิด เข้าตัวบ้านจะเจอห้องนั่งเล่นก่อน มีโซฟาเบดขนาดใหญ่ ประมาณที่นอน King size 2 อันรวมกัน บนนั้นจะเจอหมอนอยู่สิบกว่าใบ คาดว่าจะเอาไว้ให้ขว้างเล่นกัน ไม่รู้จะเยอะไปไหน จากห้องนั่งเล่นก็สามารถกระโดดลงสระว่ายน้ำได้เลย

นอกจากทีวี UBC แล้วยังมี iPod ให้ด้วย ที่อื่นเคยเจอแต่ด็อก ที่นี่มีไอพอดต่อไว้ให้เลย มีเพลงอยู่ในนั้นหลายร้อย ส่วนใหญ่จะเป็นแนว Bossa เจ้าของรีสอร์ทเป็นคนเลือกเพลงทั้งหมดเอง iPod ดูจะธรรมดาไปเลย เมื่อก้มลงมามองชุดเครื่องเสียงที่จัดไว้ให้ มี Media Player ของ Bose ต่อกับพาวเวอร์แอมป์ แล้วก็ชุดลำโพง Bose แบบ 2.1 ลำโพงตู้ซับน่าจะมี 10 นิ้วขึ้น ไม่พอนะ มีการต่อเสียงออกไปยังลำโพงตัวอื่นๆทั่วทั้งบ้าน ห้องนอน ห้องน้ำ ศาลาข้างสระว่ายน้ำก็มี ทุกตัวเป็นของ Bose หมด ยังไม่พอ ภายในรีสอร์ทขนาด 80 ไร่นี่ ก็ยังติดลำโพง Bose ไว้ตามจุดต่างๆ เรียกว่าอยู่ในนี้ไม่มีขาดเสียงเพลง แล้วก็รสนิยมของเจ้าของรีสอร์ทนี่ไม่เบาจริงๆ

ระบบไฟที่นี่ก็ไม่ ธรรมดา สวิทเปิดปิดไฟธรรมดา ไม่มีให้เห็นนะ จะเป็นแผงควบคุมอัฉริยะ แบบปุ่ม Welcome Relax Night แล้วไฟในห้องก็จะปรับฟื้ดฟ้าดไปเอง ตอนแรกก็งงกันอยู่พักหนึ่งถึงจะเข้าใจความเป็นอัฉริยะของมัน

ถัดจาก ห้องนั่งเล่น จะเป็นห้องครัว คือเรียกว่าห้องครัวไปเถอะ เพราะเป็นห้องจริงๆ มีอุปกรณ์เครื่องใช้ครบ ไมโครเวฟ เตาไฟฟ้า เครื่องต้มกาแฟแบบหรูเลิศ ตู้เย็นโนฟรอสขนาด 14 คิว เป็นตู้เย็นในรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็อกน้ำอ่างล้างจานของ Grohe เป็นแบบที่ปะป๊าไฝ่ฝันอยากได้แต่ไม่มีปัญญาซื้อ แล้วที่สำคัญคือของทุกอย่างในห้องครัวนี่สามารถกินได้หมด ฟรี ยกเว้นพวกแอลกอฮอล์ แต่ราคาห้องขนาดนี้ พวกขนมห่อ กับน้ำอัดลมต่างๆก็ให้ฟรีไปเถอะ ไม่กี่กะตางค์ ตอนจะกลับบ้าน อี๊ตุ้ยขนของกินทุกอย่างกลับหมด ทางรีสอร์ทจะอึ๊งไม๊อ่ะ มาพักฟรีแล้วยังเอากันอย่างนี้อีก ไม่พอนะ มีการขอ Welcome Fruit เพิ่มได้ด้วย แล้วก็ขอผ้าขาวม้าที่มีปักโลโก้ของศรีพันวากลับมาด้วย 2 ผืน

ถัด จากห้องครัว จะเจอทางเลี้ยวเข้าห้องนอน เตียงนอนขนาด 7-8 ฟุต พร้อมกับหมอนเกือบสิบใบ กำแพงกระจก 3 ด้าน ล้อมรอบด้วยสระว่ายน้ำ จะกระโดดลงสระจากด้านซ้าย ด้านขวา หรือด้านหน้าดี นอนอยู่บนเตียงจะเห็นวิวสระว่ายน้ำตกทะเลแบบสวยเว่อร์มากๆ

ห้องน้ำมี อ่างล้างหน้า ๒ ฝั่ง นี่คือสำหรับ ๒ คนนะ เพราะห้องนอนอีกห้องก็จะมีห้องน้ำต่างหากอยู่แล้ว สงสัยว่าคนไฮโซต้องใช้อ่างล้างหน้าแยกกันของใครของมัน ใช้ปนกันไม่ได้ แต่โถส้วมกลับมีอันเดียว ปะป๊าว่าน่าจะมีโถส้วมส่วนตัว ก้นใครก้นมันไปเลยจะดีกว่า

อ่างอาบน้ำจากุซซี่ขนาด 3 พ่อแม่ลูก ตั้งอยู่บนระเบียงขนาดใหญ่ แช่ไปชมวิวทะเลไป พวกเราก็ใช้กันคุ้มเลย แช่กันไปคนละ 2 รอบ เด็กจิ๋วก็แช่ด้วย ปะป๊าเล่นเอา Bath Foam ใส่อ่างแบบปีบใส่ไปเรื่อยๆ กะว่าเอาฟองสวยๆแบบในหนัง จะถ่ายรูป แต่ทำไปทำมา ฟองออกมาเยอะมาก ท่วมตัวแบบไม่เห็นคนแช่ ถ้านอนแช่ก็จะจมฟองตาย ฟองเยอะจนล้นทะลักอ่างออกมา ฮามาก แต่สงสารแม่บ้านนะ เด็กจิ๋วก็ได้ชิมฟองโฟมไปหลายคำอยู่

นอกจากอ่างน้ำจากุซซี่แล้ว ในสระว่ายน้ำเอง ก็มีจากุซซี่อีกสองจุด มีส่วนที่ทำเป็นตื้นๆให้นอนแล้วมีท่อพ่นลมนวดหลัง ส่วน Shower ก็มีสองจุด แบบ indoor กับแบบที่ระเบียงชมวิว มีระบบทำไอน้ำในห้อง Shower อีกต่างหาก ไม่ว่าจะพวกก็อกน้ำหรืออุปกรณ์อะไรต่างๆ ล้วนแต่หรูเลิศอลังการหมด เป็นแบบที่เราชอบแต่ซื้อไม่ลง แล้วทั้งหมดนี้เป็นของห้องนอนเดียวนะ

อีก ห้องนอนต้องเดินลงบันไดไป จากห้องนี้ก็จะเห็นทะเลวิวเดียวกับข้างบน มีตู้เย็น ทีวี iPod เครื่องเสียง ห้องน้ำ อุปกรณ์ต่างๆครบถ้วน แยกต่างหากอีกชุดหนึ่ง เฉพาะห้องนี้เองถ้าเทียบกับรีสอร์ทที่อื่นๆแล้วก็เรียกว่าหรูเลิศแล้วล่ะ แต่ถ้าไปเทีบบกับห้องข้างบนแล้ว ก็จะดูเหมือนห้องคนใช้ไปเลย พวกเราเลยตัดสินใจอยู่กันข้างบนให้หมดเลย ไม่มานอนข้างล่างหรอก ให้อี๊ตุ้ยอี๊กบนอนห้องนอนไป ส่วนเราสามคนก็นอนห้องนั่งเล่น

สมคำร่ำ ลือจริงๆ น้าเอ๋ยังบอกเลยว่าที่นี่เป็นที่ที่แบบว่าก่อนตายต้องขอมาเหยียบสักครั้งให้ ได้ คือเรียกว่าหรูเลิศ สวย สบาย ทุกอย่างดีไปหมด ยกให้เป็นรีสอร์ทที่ดีที่สุดที่เคยไปมาเลย พวกเราตื่นเต้น เด็กจิ๋วก็ตื่นเต้น คลานเล่นไปทั่วห้อง แล้วก็ลั้นลา หาแต่อี๊กบ ไม่เอาปะป๊ากับคุณแม่เลย เด็กจิ๋วตื่นเต้นจนไม่กินข้าวไม่กินนมเลยตลอดทั้งวัน คือกินนมมื้อล่าสุดก็ตอนตีห้าระหว่างเดินทาง หลังจากนั้นป้อนทั้งนมทั้งอาหารก็ไม่ยอมกิน คือดูรู้เลยว่ากำลังสนุก ห่วงเล่น ไม่สนอย่างอื่นแล้ว เด็กจิ๋วมากินนมอีกทีตอนสามทุ่ม กินเสร็จก็หมดแรงสลบไปโดยง่าย

เนื่องจากว่าเรามาในฐานะสื่อ ทางรีสอร์ทเลยจัดเจ้าหน้าที่มาพาเราชมบริเวณรีสอร์ท มีจัดตารางการทัวร์ไว้เต็มวัน เริ่มด้วยไปชมบ้านหลังล่าสุดที่เพิ่งสร้างเสร็จ เป็นบ้านพักแบบสี่ห้องนอน 2 สระว่ายน้ำ คือบ้านพักเราที่ว่าหรูแล้วนะ เจอบ้านหลังนี้เข้าไป ถึงกับอึ้งเลย เจ้าของรีสอร์ทต้องเป็นบ้าไปแล้วอ่ะ ไม่ใช่แค่ใหญ่นะ แต่ข้าวของเครื่องใช้ก็อลังการมาก ห้องครัวก็เป็นแบบอลังการเต็มรูปแบบ อุปกรณ์ทุกอย่างเป็นแบบแพงสุด ดีสุด มีน้ำตกส่วนตัวด้วย คือในตัวบ้านมันคล้ายๆกับล็อบบี้กับสวนของโรงแรมหรูๆเลยแหล่ะ ราคาเข้าพักบ้านหลังนี้ก็ แสนแปดต่อคืน หรือไม่อยากเช่าเป็นคืน จะซื้อทิ้งไว้เลยก็ขายนะ 220 ล้านบาท ถามว่าแพงขนาดนี้ มีแขกมาพักไม๊...มี...ฝรั่งก็มี คนไทยก็มี

หลังจากอี้งกันเสร็จ ก็ได้เวลาอาหารกลางวัน เราไปกินกันที่ห้องอาหาร Baba Q ในที่สุดก็ได้เจอเจ้าของรีสอร์ทแล้ว ชื่อ คุณปลาวาฬ เป็นไฮโซที่ Friendly มากๆ มาดูแลต้อนรับเราอย่างดี เล่นกับเด็กจิ๋วด้วย เป็นคนชอบทำอาหาร วันวันจะอยู่แถวห้องครัวห้องอาหาร คือคิดทำเมนูแปลกๆไปเรื่อยๆ วันนี้เราโชคดีได้เจอกับเตาย่างอันใหม่ที่คุณปลาวาฬเพิ่งสั่งเข้ามาถึง ราคาเตา 6 แสนบาท หน้าตามันก็เป็นตู้สี่เหลี่ยมธรรมดา ข้างในก็ใส่ถ่านธรรมดา มีตะแกรงเหล็ก เราเนื้อวางลงบนตะแกรงแล้วย่างๆ เอ มันต่างจากเตาอั้งโล่ยังไง คุณปลาวาฬบอกเองว่าเป็นเตาเดียวในประเทศไทย เพราะไม่มีใครโง่แบบนี้อีกแล้ว แต่ถ้าเทียบกับข้าวของเครื่องใช้อื่นๆในรีสอร์ทแล้ว เตาย่างแค่ 6 แสนก็ไม่แพงแล้วล่ะ เพื่อโชว์ศักยภาพของเตา คุณปลาวาฬรีบสั่งพ่อครัวให้ย่างเนื้อให้เรากินทันที บอกว่าไม่ต้องปรุงมาก เน้นรสชาติจากเตาวิเศษ

เนื้อจากเตาหกแสนมาแล้ว เป็นขาแกะอย่างดี อาหารอย่างอื่นก็มากันเต็มโต๊ะแล้ว มีชุดรวมปลาดิบรวม เป็ดราดซอส กุ้งราดซอส ลาภปลาแซลมอน หลังจากปะป๊าทำหน้าที่ถ่ายรูปอาหารเสร็จแล้ว พวกเราก็เริ่มมองหน้ากัน ขาแกะอย่างดี ไม่กิน ปลาดิบ ไม่กิน เอายังไงดีล่ะ ปลาดิบอย่างดี นี่ดีจริงๆนะ เพราะเป็นปลาสดๆที่บินมาจากญี่ปุ่นเลย ตอนแรกปะป๊าถ่ายรูปชุดปลาดิบ ก็หันด้านปลาแซลมอนมาถ่าย คุณปลาวาฬเดินไปเดินมา แล้วคงหงุดหงิดใจ มาบอกให้หมุนจานปลาหน่อย หันด้านปลาโทโร่ออกมา คือมาจากนิตยสารอาหารแต่ไม่รู้จักหรอก ปลาโทโร่อะไรนี่ เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นปลาที่แพงมาก ถ้าร้านในกรุงเทพปกติ คำหนึ่งก็มี 280 บาท แต่อันนี้เหมือนจะชิ้นใหญ่มาก สดมาก แล้วมาอยู่ที่ศรีพันวาด้วย ปลาดิบรวมจานนี้ราคาไม่น่าต่ำกว่า 5 พันบาทแน่ๆ หลังจากประชุมกันอย่างหนัก ในที่สุดก็ให้อี๊ตุ้ยไปบอกความจริงกับเค้า ว่าถ่ายรูปเสร็จแล้ว ขอคืน กินปลาดิบไม่เป็น พ่อครัวเลยเอาปลาดิบไปย่างแล้วมาเสร์ฟใหม่ ตอนนี้ปลาดิบหน้าตาเปลี่ยนไปแล้ว ปลาอะไรเป็นปลาอะไรก็ไม่รู้ แต่มีอันที่เนื้อเหมือนหมู มีอันที่มันมากๆ ก็กินกันไม่ค่อยได้อยู่ดี แต่ก็พอจะฝืนกินกันไปจนใกล้หมด แต่ที่หนักที่สุดเลยก็คือขาแกะย่าง มันย่างมาจากเตาหกแสนที่คุณปลาวาฬภูมิใจนำเสนอมาก จะขอคืนก็ไม่กล้า ปะป๊าเองนี่เคยพยายามกินเนื้อแกะอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะโรงแรมไหนที่บอกว่าไม่เหม็นสาบ ลองทีไรก็ต้องคายออกทุกครั้ง แต่เพื่อมารยาทแล้วก็ต้องฝืนกินเข้าไป เคี้ยวๆแล้วรีบกลืน กินน้ำตาม

อาหาร อย่างอื่นๆก็กินได้นะ แต่มันเน้นฟิวชั่นไปหน่อย ลาภปลาแซลมอน กินยังไงก็สู้ลาภหมูไม่ได้อยู่ดี ขนาดน้ำผลไม้ปั่น แบบแตงโมปั่น สัปปะรดปั่น ที่นี่ก็ไม่มีนะ จะต้องเติมตะไคร้บ้าง สะระแหน่บ้าง มีอร่อยอยู่อย่างเดียวเลยคือเทมปุระโรล อันนี้คุณแม่ดูรีวิวในเว็ปแล้วเค้าว่าอร่อย เลยลองสั่ง ก็อร่อยมากจริงๆ กินเข้าไปแล้วทำให้ระลึกถึงข้าวหน้าเทมปุระที่อาคิฮาบาร่าทันที ส่วนขนมหวานนี่ทุกคนบอกว่าอร่อยเลย มีไอศครีมวนิลา ซ็อกโกแลตเค้ก กับพุดดิ้งชาเขียว

หลังจากมื้ออาหาร เราก็ไปต่อกันที่ Beach Pool เป็นสระว่ายน้ำที่อยู่หน้าชายหาด งงจริงๆนะกับสระว่ายน้ำเนี่ยะ คือแต่ละห้องก็มีสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่อยู่แล้ว สระว่ายน้ำรวมที่ Baba Pool Club ตรงล็อบบี้ก็มี ใครจะมาว่ายน้ำที่นี่ล่ะ อยู่ไกลด้วย แต่ก็มีนะ ไปถึงก็เจอฝรั่งแก้ผ้าอาบแดดอยู่

จากที่นี่เดินลงบันไดไปก็จะถึงชาด หาดขนาดเล็ก หาดทรายตรงนี้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ตรงชายหาดนี่ ทางรีสอร์ททำเป็นท่าเรือส่วนตัวด้วย มีสะพานยื่นลงไปในทะเลระยะทางประมาณ 100 เมตร ขนาดสะพานของที่นี่ยังไม่ธรรมดาเลย เป็นเหมือนกล่องพลาสติกลอยน้ำ เอามาต่อๆกันเป็นจิ๊กซอ น่าตาดูไฮโซมาก ปะป๊าไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน

ต่อ มาก็ไปที่ห้องอาหารเช้า สวนสมุนไพร แล้วก็สปา ที่สปานี่อี๊กบเป็นตัวแทนของพวกเราไปลองใช้บริการดู ทำไปชั่วโมงกว่า คิดค่าใช้จ่ายออกมาเป็นเงิน 5,000 บาท อันนี้ก็ฟรีอีกเหมือนกัน ตอนนี้เด็กจิ๋วหมดแรงสลบไปแล้ว ปะป๊ากับคุณแม่พากลับไปนอนที่ห้องต่อ

ตอน เย็นขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกที่บ้านคุณปลาวาฬ ยังสร้างไม่เสร็จแต่ก็ขึ้นไปชมวิวได้แล้ว ถ้าบ้านตอนเช้าที่เราไปดูมาราคา 200 ล้าน บ้านคุณปลาวาฬที่กำลังสร้างอยู่นี่ ราคาต้องเป็นพันล้านแน่ๆ ใหญ่โตอลังการที่สุด เป็นตึกสี่ชั้น แต่ละชั้นมีสระว่ายน้ำอยู่ด้วย

ตอน เช้าปะป๊าตื่นออกไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นที่บ้านคุณปลาวาฬ เนื่องจากอยู่บนยอดเขา และที่ตรงนี้เป็นแหลม เลยสามารถเห็นวิวทะเลรอบตัว เห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตก บ้านหลังนี้ต้องเป็นบ้านที่สวยที่สุดหลังหนึ่งในประเทศไทยแน่ๆ

ตอน นี้ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว อาหารเช้าที่นี่มีส่วนที่เลือกสั่งจากเมนูเป็นอาหารฝรั่งทั่วไป แต่สั่งกี่อย่างกี่ครั้งก็ได้ กับอีกส่วนที่เป็นบุฟเฟ่อาหารไทย พวกขนมจีน น้ำยาปลากระพง โรตี แกงปู แกงไก่ ห่อหมกปลามง โดยรวมแล้วก็อร่อยดี เด็กจิ๋วได้กินเฟรนช์โทส กับไข่คน

เดินขึ้นมาจากห้องอาหารเช้า จะเจอส่วนนั่งเล่นกับห้องสมุด เด็กจิ๋วเจอของประดับชิ้นหนึ่งเป็นดินปั้นรูปช้าง เจอปั๊บเด็กจิ๋วก็อี๋ทันทีเลย คือมันน่าอี๋จริงๆ เป็นดินปั้นแบบศิลป์ๆเลอะๆ เดี๋ยวนี้มีของหลายอย่างที่เด็กจิ๋วเห็นแล้วอี๋ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของสกปรก หรือเก่าๆ คือเด็กจิ๋วสามารถแยกแยะออกแล้ว อย่างช้างดินปั้นนี่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกก็รู้ว่าสกปรก อย่างพวกพรมเช็ดเท้าก็เหมือนกัน บางทีคลานเล่นอยู่ที่บ้าน คลานไปทั่วบ้าน พอไปเจอพรมเช็ดเท้าก็นั่งลงหน้าพรมแล้วก็ทำอี๋อี๋ อี๋อี๋

วันนี้เรา ไม่ต้องไปปฏิบัติภาระกิจแล้ว สามารถพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย แต่ที่จริงแล้วปะป๊าชอบนะ ให้เค้าพาไปถ่ายรูปทั่วรีสอร์ท นี่ยังอยากให้เค้าเปิดบ้านหลัง 17 ขอเข้าไปถ่ายรูปหน่อย เพราะเป็นหลังที่วิวสวยที่สุด สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากห้องได้เลย แต่มีแขกพักอยู่เข้าไปไม่ได้ ห้องที่เราพักกันเบอร์ 14
กินข้าวเช้า เสร็จเราก็รีบกลับมาห้องพัก มาใช้บรรยากาศให้เต็มที่ ตอนแรกมีแผนว่าจะออกไปเที่ยวรอบเกาะ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจ อยู่ที่ห้องก็สวยที่สุดแล้ว

จับจิ๋วใส่ชุดว่ายน้ำลงเล่นกัน เกือบเที่ยง แดดแรงเลย เป็นครั้งแรกที่ทาครีมกันแดดให้เด็กจิ๋ว คุณแม่ซื้อมาเป็นแบบแท่งๆสำหรับเด็กจิ๋วโดยเฉพาะ ไม่รู้ทำไมทำเป็นแท่ง มันต้องถูไปถูมาก็ไม่ทั่ว ถ้าเป็นครีมธรรมดาจะทาง่ายกว่า ถึงแดดจะแรงแต่น้ำเย็นเจี๊ยบเลย สงสัยว่าอยู่บนเขา ลมแรง พวกเราก็หนาวสั่นกันแต่เด็กจิ๋วไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย เล่นกวักน้ำใส่หน้าตัวเองสนุกสนาน สระว่ายน้ำที่นี่เป็นน้ำเกลือทุกสระ ไม่ใช้คลอรีน

ตอนบ่ายแก่ๆ พวกเราก็ออกไปกินข้าวกลางวันกันที่แหลมพรมเทพ กินกันตอนสี่ห้าโมงนี่แหล่ะ เพราะอิ่มมาจากอาหารเช้า ร้านอาหารนี้อยู่ที่แหลมพรมเทพเลย วิวสวยแต่อาหารแย่มากอ่ะ ไม่อร่อยอย่างแรง เด็กจิ๋วเริ่มกรี๊ดๆแล้ว มีของอย่างหนึ่งที่สยบเด็กจิ๋วได้อยู่หมัดในสถานการณ์แบบนี้ คือใบไม้ ไปเด็ดใบไม้มาให้เค้าถือเล่นอ่ะ ชอบมากที่สุด

จากร้านอาหาร เดินต่อไปสัก 200 เมตร ก็ถึงจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก เด็กจิ๋วเจอนั่งท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งมาเล่นด้วย แล้วก็ขอถ่ายรูปใหญ่เลย ขออุ้มเด็กจิ๋ว เด็กจิ๋วก็ยอม ไม่เคยกลัวแปลกหน้า แต่ไม่ชอบคนหน้าไม่สวยนะ ถ้าหน้าตาไม่สวยก็จะไม่ยอมให้อุ้ม

ปะป๊าเดินลงไปถ่ายรูปที่แหลมคน เดียว คนอื่นๆนั่งรออยู่ข้างบน เด็กจิ๋วอยู่เฉยๆไม่มีอะไรทำ ก็กรี๊ดเล่น เสียงกรี๊ดเด็กจิ๋วดังกึกก้องไปทั่วทั้งแหลมพรมเทพเลย

เช้าอีกวันปะป๊าลงไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาด ก็ไปคนเดียวตามเคยนั่นแหล่ะ เด็กจิ๋วยังไม่ยอมตื่น

หลัง อาหารเช้าวันนี้เรารีบกลับห้องมาเล่นน้ำกันอีกรอบ ครั้งนี้ปะป๊าโยนผลไม้กับของเล่นทั้งหมดลงไปในสระ เด็กจิ๋วก็สนุกสนานเลย ชิวมากๆ เล่นน้ำชมวิวไป เล่นของเล่นไป กินชมพู่ไป กินชมพู่จริงจังมาก กินไปครึ่งลูกเลย

ตอนเที่ยงๆเราก็เช็คเอาท์ออกจากห้องกัน มาเที่ยวครั้งนี้เรียกว่าสวยงาม หรูเลิศอลังการที่สุด แล้วที่สำคัญคือฟรี ไม่ต้องจ่ายตังค์ ตอนนี้ให้อี๊ตุ้ยเริ่มติดต่อที่ใหม่อยู่ ไม่รู้จะได้หรือเปล่า

ตอนนั่งรถกลับไม่เหมือนตอนขามาแหะ เด็กจิ๋วงอแงมาก ร้องไห้จนอ้วกเลอะไปทั้ง Car Seat ตอนมามันเป็นกลางคืนเวลานอนพอดีด้วยมั้ง อันนี้มันตอนเย็นๆ นอนบ้างตื่นบ้าง 

วันที่ ๔๒๕ ... จันทร์ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
กลับ จากเที่ยวครั้งนี้กรี๊ดหนักมาก เพมือนไปปรับตั้งโวลุมมาใหม่จากแหลมพรมเทพด้วย วันนี้กรี๊ดเสียงดังกังวาล อยู่ใกล้ๆนี่หูดับกันเลยทีเดียว ตอนกลางวันพากันออกไปกินข้าวที่เซ็นปิ่น กรี๊ดไม่ยอมนั่งคาร์ซีท คุณแม่บอกว่าเด็กจิ๋วเบื่อนั่งรถแล้ว คุณแม่เองก็ยังเบื่อ เดี๋ยวนี้เวลากินข้าวตามร้านอาหาร ให้เด็กจิ๋วนั่งด้วยไม่ค่อยได้แล้ว ต้องผลัดกันอุ้มออกไปเดินเล่นข้างนอก จะไปไหนนี่เด็กจิ๋วจะเป็นคนออกคำสั่งเอง ปะป๊าไปไป แล้วก็ชี้นิ้วไปทางที่อยากจะไป ถ้าเราไม่เดินไป เด็กจิ๋วก็จะทิ้งตัวพุ่งไปทางที่ต้องการ เราก็ต้องยอมเดินตามไปอยู่ดี ถ้านั่งอยู่ในร้านแล้วให้กินอาหารกับเรา ก็เละเทะมาก จะคว้าของทุกอย่างบนโต๊ะมาเขวี้ยงทิ้ง หรือไม่ก็เอามือละเลงอาหารเละเทอะมาก 
กลิ่น อ้วกตั้งแต่เมื่อวานยังไม่หมดเลย รู้สึกปะป๊าจะสระผมไม่เกลี้ยง ส่วนที่ Car Seat ไม่มีเหลือ  ตอนนี้คุณแม่รื้ออกไปซักแล้ว วันนี้คุณแม่เป็นคนอาบน้ำให้เด็กจิ๋วเพราะปะป๊าติดประชุม คุณแม่บอกว่ากรี๊ดหนักมาก เพราะเวลานอนมันมั่วๆมาทั้งวัน