วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

3 ขวบ 10 เดือน



๓ ขวบ + ๓๐๕ วัน...ศุกร์ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...วันนี้ปะป๊าและคุณแม่ไปรับเด็กจิ๋วพาไปเรียนเปียโน ระหว่างที่คุณแม่แยกตัวเอา iphone เก่าไปขายแป๊บเดียว เด็กจิ๋วก็เกิดปวดอึ๊ขึ้นมา ปะป๊าต้องรับหน้าที่อีกแล้ว อะไรกันนักกันหนานะเด็กจิ๋ว รอแป๊บหนึ่งก็ไม่ได้ แต่หลังๆมานี่ทำบ่อยๆก็เริ่มชินแล้วล่ะ ตอนนี้เช็ดก้นให้เด็กจิ๋วแบบชิวๆแล้ว
...เด็กจิ๋วตั้งใจเรียนเปียโนมาก แอบดูที่ทางช่องหน้าต่างก็เห็นกดได้อย่างคล่องแคล่ว พอเลิกเรียนครูหวานก็ชมว่าวันนี้ตั้งใจเรียนมากๆ ที่เป็นแบบนี้สงสัยเป็นเพราะว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้ซ้อมที่บ้านเลย เวลาซ้อมที่บ้านแล้วไม่ค่อยตั้งใจ ปะป๊าก็โกรธ อาจจะทำให้เบื่อไม่อยากเล่น
...ตอนหัวค่ำอาบน้ำเสร็จแล้วพากันไปดู The Voice กัน ตอนแรกก็งอแงไม่ยอมดู แต่สักพักก็ชอบ ดูไปเชียร์ไปด้วย บางคนร้องจบแล้วขอดูอีกรอบ ชอบ การประกวดร้องเพลงแบบนี้เด็กจิ๋วชอบอยู่แล้วล่ะ 

๓ ขวบ + ๓๐๖ วัน...เสาร์ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...ตอนสายๆ เจ๊นิว เจ๊แนน มาหา พี่โฮไอก็อยู่ วันนี้เด็กจิ๋วเลยมีเพื่อนเล่นเยอะแยะ มีการแนะนำพี่โฮไอกับเจ๊นิวด้วยนะ ถามพี่โฮไอว่า “พี่โฮไอ รู้จักเจ๊นิวไม๊ เนี่ยะ เจ๊นิว”...เอ่อ คือ เค้าเป็นพี่น้องกันเหมือนหนูนั่นแหล่ะ ทำไมจะไม่รู้จัก เด็กจิ๋วติดเจ๊นิวมาก ไม่ค่อยสนใจเจ๊แนน คือจะชอบพี่โตแบบนี้แหล่ะ เพื่อนๆวัยใกล้ๆกันไม่ค่อยสนใจ
...เด็กจิ๋วร้องอยากจะทำคุ้กกี้แต่เช้าเลย ชอบทำจริงๆนะ แบบนี้โตขึ้นสงสัยจะเป็นคนชอบทำอาหาร แต่ปะป๊าเบื่อคุ้กกี้แล้ว ทำไปหลายครั้ง วันนี้เปลี่ยนมาทำบราวนี่บ้าง ให้เด็กจิ๋วช่วยเทส่วนผสมต่างๆเหมือนเคย มีทะเลาะกันไปหน่อยหนึ่งเพราะเด็กจิ๋วดื้อเล่นถั่ววอลนัทไม่เลิกจนถุงตกลงมา วอลนัทแตกหมด ปะป๊าโมโห บอกว่าอย่างเล่นก็ไม่เชื่อ เลยสั่งให้ไปยืนเข้ามุม เด็กจิ๋วก็ทำหน้าจ๋อยไปเข้ามุมตามคำสั่งแต่โดยดี ปะป๊าถามว่าทำผิดอะไร เด็กจิ๋วก็ไม่ยอมพูด ปะป๊าเลยบอกว่าให้ยืนไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้ว่าทำผิดเรื่องอะไร ยืนเข้ามุมอยู่ได้สิบกว่านาทีจนคุณแม่สงสารไปคุยด้วย ถามว่าทำผิดเรื่องอะไร เด็กจิ๋วก็ตอบว่าทำถั่วตกแตก คุณแม่สอนว่าไม่ใช่ ทำผิดเพราะดื้อไม่เชื่อปะป๊า ปะป๊าบอกว่าอย่าเล่นแล้วไม่เชื่อ ของเลยตกเสียหา เด็กจิ๋วเข้าใจแล้วก็มาขอโทษปะป๊า  ปะป๊าก็คืนดีหายโกรธกัน
...ประมาณสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ เวลาอาบน้ำในอ่าง จะเล่นทำคุ้กกี้กันทุกวันเลย เด็กจิ๋วติดใจจากที่ช่วยปะป๊าทำของจริง เวลามาเล่นในอ่าง ปะป๊าก็ให้ยืมอ่างผสมของจริงมาเล่นเลย เล่นตวงส่วนผสมของคุ้กกี้ลงอ่างแล้วเข้าเครื่องตี ส่วนผสมทุกอย่างก็ใช้น้ำในอ่างทั้งหมด แค่นี้ก็สนุกมากแล้ว

๓ ขวบ + ๓๐๗ วัน...อาทิตย์ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...เมื่อวานนี้นอกจากจะใส่ชุดเจ้าหญิงแล้ว ยังเอาชุดบัลเล่ต์ตัวใหม่มาใส่เล่นด้วย ชอบมาก เริ่มจากตอนที่ดูการ์ตูนบาร์บี้จบ แล้วมีเพลงขี้น เด็กจิ๋วก็บอกว่าให้หยุดไว้ก่อน แล้ววิ่งไปหาคุณแม่ขอใส่ชุดบัลเล่ต์แล้วมาเต้นตามเพลง เช้าวันนี้ตื่นมาก็ขอใส่ชุดบัลเล่ต์ก่อนเลย ใส่ดูการ์ตูน ดูเสร็จก็เต้นรำ เต้นเสร็จปะป๊าก็พาไปกินนมกินหนมในครัว ปรากฎว่าเด็กจิ๋วทำชุดบัลเล่ต์แสนสวยเลอะเต็มเลย ทั้งเลอะนมเลอะช็อกโกแล็ต เลยโดนดุกันทั้งพ่อทั้งลูก ต้องรีบถอดไปซัก ถอดชุดบัลเล่ต์เสร็จก็เปลี่ยนเป็นชุดราพันเซลอีก วันๆอยู่แต่กับจินตนาการเจ้าหญิงตลอดเวลา รักสวยรักงาม เวลาเล่มเกมส์ก็ชอบเล่นเกมส์แต่งหน้ามาก มีพวกเกมส์แต่งหน้าแต่งเล็บเป็นสิบเกมส์เลย
...เด็กจิ๋วเป็นเด็กอารมณ์ดีมาก ทั้งวันจะเล่นโน่นเล่นนี้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ระหว่างเล่นก็จะร้องเพลงไปเรื่อยๆ เวลาพูดคุยก็จะเกรียนไปเรื่อย พูดมั่วบ้าง เล่นพูดตามบ้าง ถามอะไรก็ไม่ตอบตรงๆ ตอบมั่วๆ หัวเราะคิกคักทั้งวัน ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ถ้าอยู่บ้านนี่จะให้นอนกลางวันยากมาก เหมือนทุกนาทีเป็นเวลาเล่นของเด็กจิ๋วไปหมด
...วันนี้ปะป๊ากับคุณแม่ลงมาทำงานกันที่ออฟฟิต ปะป๊าบอกเด็กจิ๋วว่าวันนี้ไม่ต้องทำแบบฝึกหัด มาเล่นของเล่นกันดีกว่า เด็กจิ๋วไม่ยอม บอกว่าอยากทำแบบฝึกหัด แล้วก็ทำแบบฝึกหัดใหญ่เลย ทำไปหลายอย่าง แต่วันนี้พัฒนาการด้านการคัดลายมือทำไมมันถอยหลังลงก็ไม่รู้ วันก่อนฟลุ๊คเขียนได้สวย หรือลืมไปแล้ว หรือวันนี้ไม่ตั้งใจ
...เด็กจิ๋วมาบอกว่า “ครูบอกว่า มดมีปุ่มสถิตไว้วอนที่ขา พอกดแล้วหายตัวได้”...เจ๋งมากอ่ะ ปุ่มสถิตไว้วอน มาจากไหนเนี่ยะ
 

๓ ขวบ + ๓๐๘ วัน...จันทร์ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...เมื่อคืนคุณแม่นอนดึก ซึ่งนอนดึกมาหลายคืนติดต่อกันแล้ว ช่วงนี้นอกจากจะงานเยอะแล้ว การเตรียมการท่องเที่ยวออสเตรเลียก็กำลังเข้มข้นเหมือนกัน หาข้อมูลมาได้ 2 อาทิตย์แล้ว ช่วงนี้ต้องรีบจองที่พัก จองตั๋วร์ จองรถ เพราะเราจะไปกันช่วงหยุดปีใหม่ ที่พักก็เต็มๆกันเกือบหมดแล้ว เช้านี้เลยให้คุณแม่นอนต่อ ปะป๊าไปส่งเด็กจิ๋วคนเดียว
...ตอนออกจากบ้าน เจ๊น่าพร้อมตรงเวลาเรียบร้อย แต่เฮียโรยังไม่ตื่นเลย รอไม่ไหวจริงๆ วันจันทร์รถติดด้วย เลยตัดสินใจทิ้งเฮียโรไป ให้อาโกวไปส่งเอง ซึ่งมารู้ทีหลังว่ากว่าอาโกวจะไปส่งก็ 9 โมง สายมากๆ
...ตอนไปรับเด็กจิ๋วที่โรงเรียน ครูขวัญมากระซิบบอกว่า วันนี้เฮียโรมาหาน้อง เดินเข้าไปในห้องเลย ครูบอกให้เฮียโรออกไปก่อนเพราะปะป๊าคุณแม่ยังไม่มารับ ต้องรอก่อน เฮียโรก็เชื่อฟังยอมออกมา แต่ว่าน้องพริมเริ่มจะงอแงไม่พอใจ เราก็ไม่แน่ใจว่าเด็กจิ๋วทำกิริยายังไงใส่ครูขวัญ แต่ครูขวัญได้แต่พูดว่าน้องพริมก็มีเคืองๆครู ครูขวัญบอกว่ามาหาน้องบ่อยนะ ชอบมาด้อมๆมองๆหน้าห้อง แต่ไม่เคยเดินเข้ามาแบบวันนี้ สรุปแล้วเฮียโรเข้าห้องเด็กอนุบาลแบบนี้ไม่ได้ ปะป๊ากับคุณแม่จัดการสอนไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้สงสัยจะคิดถึงเด็กจิ๋ว เพราะเสาร์อาทิตย์ไม่ได้เจอกัน แล้วเมื่อเช้าก็ยังไม่ได้เจอกันอีก
...ตอนบ่ายปะป๊ากับคุณแม่และอี๊กบอี๊นุ้ยไปขอวีซ่าออสเตรเลียกันเรียบร้อยแล้ว
...เย็นนี้ไปเรียน Helen กับอั่งอั๊งเหมือนเดิม เด็กจิ๋วก็ยังไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษอยู่ดี Teacher Isbella พูดภาษาอังกฤษมา เด็กจิ๋วก็ตอบกลับเป็นภาษาไทย มีตอนหนึ่ง teacher เดินออกจากห้องไปหยิบของ เด็กจิ๋วเดินตามออกมาแล้วตะโกนถาม teacher ว่า “Teacher จะไปไหนอ่ะ”...ขำอ่ะ teacher เค้าไม่เข้าใจหรอก ถึงเข้าใจก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ เพราะไม่งั้นเด็กจะไม่พยายามสื่อสารภาษาอังกฤษออกมา ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าผลของการเรียนจะได้พัฒนาการตามที่หวังไว้ไม๊ แต่ที่รู้ๆเด็กจิ๋วชอบเรียนมาก ไปเรียนด้วยความลั้นลาสนุกสนาน ตอนเลิกคลาสออกมาก็ทำหน้าจ๋อย บอกว่าอยากเรียนต่อ สงสัยจะสนุกจริงๆ

๓ ขวบ + ๓๐๙ วัน...อังคาร ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...เช้านี้ปะป๊าบอกว่าให้คุณแม่พักผ่อนอีก ปะป๊าจะไปส่งคนเดียว แต่เด็กจิ๋วไม่ยอม บอกว่าอยากให้คุณแม่ไปส่งด้วย ก็เลยต้องตามใจลูก ตอนอยู่ในรถ เฮียโรร้องไห้ เพราะจะกินไข่เจียวตอนเช้า สั่งให้อากงทอดให้ ยังไม่เสร็จ ปะป๊าก็มาเร่งให้รีบไป เลยอดกิน นี่ขนาดเร่งแล้วนะ ยังออกสายเลย ออก 7.15 ไปถึงโรงเรียน 8 โมงกว่าแล้ว สายมาก แต่วันนี้เด็กจิ๋วอารมณ์ดีอีกแล้ว วิ่งจูงมือเข้าโรงเรียนไปกับเจ๊น่าเฮียโรลั้นลามาก
...ตอนเย็น พาสามสาวแก๊งนางฟ้าไปเออบองเช่ ตั้งแต่ออกจากโรงเรียนแล้ว เด็กจิ๋วก็ร้องว่าไม่อยากเรียนศิลปะ สงสัยจะเบื่อขั้นหนัก แต่เราคิดว่าวันนี้น่าจะดีขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงปิดเทอม ที่โรงเรียนมีเด็กมาเรียนกันเยอะมาก ครูก็ไม่ค่อยมีเวลา ไม่เคยได้เรียนกับครูแก้วเลย ได้เรียนกับพี่ๆที่เหมือนถูกเกณฑ์มาช่วยดูเด็ก คืออาจจะไม่มีทักษะทางด้านศิลปะมากนัก หรือไม่ก็ไม่มีวิธีสอนเด็ก เราคิดว่าเป็นเหตุที่ทำให้เด็กจิ๋วเบื่อ พอวันนี้ไปก็เป็นไปตามคาด ที่โรงเรียนมีเด็กอยู่แค่คนเดียว บวกกับแก๊งนางฟ้าเข้าไปอีก 3 กลายเป็น 4 ครูแก้วกับครูน้อยช่วยกันสอน แบบนี้มันจะทั่วถึงหน่อย แล้วเด็กจิ๋วก็ดูตั้งใจทำไม่งอแงไม่เบื่อ วันนี้ทำงานศิลปะแบบระบายสีภาพแล้วมีตัวสัตว์ติดโฟมลอยขึ้นมาจากภาพ กับอีกหนึ่งชิ้นทำเป็นปีกนางฟ้า อันนี้ถูกใจเด็กๆทุกคน ทำเสร็จเอามาติดแล้วบินกันใหญ่ แต่ปีกทุกคนจะโรยด้วยกากเพ็ชร แค่ใส่แป๊บเดียวก็ติดหน้าติดผมกันเต็มไปหมด

๓ ขวบ + ๓๑๐ วัน...พุธ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...ครูบุ๋มเล่าว่าตอนเย็นครูบุ๋มจะเดินออกมาเข้าเวร รอรับเด็กที่หน้าตึก เด็กจิ๋วถามครูบุ๋มว่าจะไปไหน พอครูบุ๋มบอก เด็กจิ๋วก็บอกว่า “งั้นครูบุ๋มต้องคอยดูปะป๊ากับคุณแม่น้องพริมด้วยนะ ถ้าปะป๊ากับคุณแม่น้องพริมมา ครูบุ๋มต้องรีบมาบอกนะ”...ครูบุ๋มบอกว่าคุยเก่งมาก สักพักเจอครูนิว ครูนิวก็พูดว่า น้องพริมเนี่ยะไม่ดื้อเลย มีแต่พูดเก่งอย่างเดียว...สงสัยวันนี้จะพูดมากเป็นพิเศษจริงๆ
...ส่วนใหญ่ตอนไปรับเด็กจิ๋วที่โรงเรียน จะเห็นเด็กจิ๋วนั่งอยู่กับครูช่วยครูทำโน่นนี่เกือบทุกวัน มีน้อยมากที่มานั่งเล่นกับเพื่อนๆ ตอนแรกๆ ครูก็มาบอกเราว่าอยากให้น้องพริมไปเล่นกับเพื่อนมากกว่า ไม่ต้องมาช่วยครูก็ได้ เราก็ไม่รู้ว่าเด็กจิ๋วไปทำครูรำคราญหรือเปล่า แต่มาหลังๆนี่ไม่เห็นครูมาพูดอีก ทั้งๆที่ยังไปช่วยครูอยู่ทุกวัน ไม่รู้ว่าครูเบื่อที่จะมาบอกเราแล้ว หรือเริ่มชินกับเด็กจิ๋วแล้ว หรือเด็กจิ๋วปรับปรุงตัวไม่สร้างความรำคราญให้ครูก็ไม่รู้ วันนี้ก็เหมือนกัน ตอนแรกหาเด็กจิ๋วไม่เจอ ปรากฎว่าไปนั่งที่พื้นช่วยครูขวัญติดรูปที่แผ่นฟิวเจอร์บอร์ด มีเด็กจิ๋วช่วยครูอยู่คนเดียว ทำไมเด็กคนอื่นไม่มาช่วย ครูอยากให้ช่วยหรือไม่ หรือครูไล่ให้เด็กจิ๋วมาเล่นแล้วเด็กจิ๋วไม่ยอมมา เราก็ยังสงสัยอยู่ ไม่กล้าถามครู แต่โดยรวมแล้วเด็กจิ๋วไปช่วยครูเพราะชอบจริงๆนะ ไม่ได้หวังจะได้ดาวหรือคำชม เหมือนที่ชอบช่วยปะป๊าทำอาหารทำขนมนั่นแหล่ะ
...ตอนเลิกงาน พี่ๆที่ออฟฟิตจะไปตีแบทกัน เด็กจิ๋ววิ่งไปถามว่าพี่ๆจะไปไหนกัน พี่ๆก็ตอบว่าไปออกกำลังกาย เด็กจิ๋วสงสัย ถามว่า “ออกกำลังกายตอนกลางคืนเนี่ยะนะ ระวังยุงกัดนะ”...ทำหน้าทำตาซะจริงจังเลย

๓ ขวบ + ๓๑๑ วัน...พฤหัส ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...วันนี้มีทำผักทอดกันที่โรงเรียน จำได้ว่าเคยทำไปแล้วทีหนึ่ง เรื่องทำอาหารแบบนี้เด็กจิ๋วชอบ ตอนเช้าพอได้ยินครูบอกว่าจะได้ทำก็ดีใจใหญ่ พอตอนเย็นไปรับ ครูขวัญมาเล่าให้ฟังว่า หลังจากวิชาทำอาหาร ครูขวัญก็เอาผักส่วนตัวมาทอดกินเองบ้าง เด็กจิ๋วเห็นก็มาขอกิน เลยแบ่งกันกิน 2 คน พอเพื่อนมาถามว่ากินอะไรอ่ะ เด็กจิ๋วรีบทำเนียน บอกว่าไม่ได้กิน ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งๆที่ปากยังมันแพล็บอยู่เลย
...ปกติตอนขับรถไปโรงเรียน ปะป๊าจะเล่นเกมส์โน่นนี่ ให้เด็กจิ๋ว กับพี่ๆได้ลับสมองกันทุกวัน แต่ละวันก็มีเกมส์ใหม่ๆเกิดขึ้นเรื่อยๆ แล้วแต่จินตนาการของปะป๊า อย่างที่ผ่านมาก็มีเกมส์แข่งพูดชื่อสัตว์ภาษาอังกฤษ แข่งทายสี แข่งพูดของตรงข้าม พูดต่อกัน ทายของที่มีสีตามที่กำหนด จินตนาการสัตว์ 2 ชนิดผสมกันได้ออกมาเป็นตัวอะไร วันนี้มีเกมส์ใหม่ เป็นนิทานเล่าสดๆมีเหตุการณ์ต่างๆแล้วให้เด็กๆตอบว่าจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นั้นๆ วันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับหมาป่าบุกมาที่บ้าน ก็ตั้งแต่เริ่มเคาะประตู พังประตูเข้ามา ตามขึ้นมาดาดฟ้า โดดลงบ่อลมข้างล่าง หนีขึ้นรถเมล์ รถตุ๊กๆ ตอนจบเป็นไงจำไม่ได้แล้ว แต่สุดท้ายถามเด็กจิ๋วว่านิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอะไรค่ะ เด็กจิ๋วตอบอย่างมั่นใจว่า “สอนให้เราหัวเราะ”...เออ จริง เพราะเล่นไปหัวเราะกันไปตลอดเวลา
...วันนี้พยายามคะยั้นคะยอให้เด็กจิ๋วใส่ชุดเบลอีก บอกให้ใส่มาหลายวัน เด็กจิ๋วก็ได้แต่บอกว่า พรุ่งนี้ๆ พรุ่งนี้มาหลายวันแล้ว วันนี้ก็บอกเหมือนเดิม พรุ่งนี้ แต่คราวนี้ปะป๊าไม่ยอม บอกว่ายังไงก็ต้องใส่ ถ้ากลัวว่าใส่แล้วคันก็ให้ใส่เสื้อในไว้ และแล้ว วันนี้ก็สำเร็จ เด็กจิ๋วยอมใส่ชุดเบล สวยงามจะตาย อลังการ เว่อร์ดี แต่ว่าใส่ได้ไม่นานก็ร้องจะตามอี๊ตุ๋มออกไป 7-11 ก็เลยต้องถอดชุดเบลออก ถ้าเป็นชุดราพันเซลจะยอมถอดไม๊น้า
...เด็กจิ๋วชอบทำพฤติกรรมเลียนแบบเรา วันนี้ไม่พอใจอี๊ป้อมก็สั่งอี๊ป้อมให้ยืนเข้ามุม บอกว่า “อี๊ป้อม มายืนเข้ามุมตรงนี้ ยืนเฉยๆห้ามออกมาจนกว่าน้องพริมจะบอกว่าให้ออกมาได้”...คือเลียนแบบพฤติกรรมและคำพูดของเรามาเลย
...เมื่อวานเจ๊น่ากับเฮียโรทะเลากัน ปะป๊าเลยใช้วิธีให้นับลูกแกะกระโดดข้ามรั้ว ซึ่งแกะแต่ละตัวจะกระโดดท่าทุเรศๆกัน บางตัวพุ่งชนรั้ว บางตัวโดดไม่ข้าม โดนรั้วเสียบพุง วิธีนี้เพื่อเบี่ยงเบนให้ลืมเรื่องปัจจุบัน เปลี่ยนมาหัวเราะแทน ใช้ผลได้ดีมาก วันนี้เลยเอามาใช้กับเด็กจิ๋วบ้าง ระหว่างที่เด็กจิ๋วกำลังอาละวาดเพราะง่วงนอน ปะป๊าก็สอนให้นับลูกแกะโดดข้ามรั้วทันที แค่แกะตัวที่ 1 เด็กจิ๋วก็ลืมเบี่ยงเบนทันที ลืมเรื่องอาละวาดเปลี่ยนมาหัวเราะแทน กว่าจะถึงแกะตัวที่ 10 ขากรรไกรค้างกันพอดี ปะป๊าเลยสอนต่อว่า ต่อไปนี้ ถ้าหนูรู้สึกงอแงไม่พอใจ ให้นับแกะโดดข้ามรั้วทันทีเลยนะ เด็กจิ๋วพยักหน้า แต่พรุ่งนี้ก็คงจะลืมไปแล้วล่ะ
...เด็กจิ๋วหลับไปแล้ว คุณแม่กำลังเล่น ipad อยู่ ไม่รู้เด็กจิ๋วหลับฝันถึงอะไร แต่ละเมอลุกขึ้นมาโวยวาย แล้วแย่ง ipad ของคุณแม่ไป แล้วก็เอาเข้าปาก!...คงจะฝันว่าคุณแม่กินอะไรไม่แบ่ง เลยไปแย่งคุณแม่มากิน

๓ ขวบ + ๓๑๒-๓๑๔ วัน...ศุกร์ ๘ – อาทิตย์ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...ไปเที่ยวเขาสก à N’Prim@Kao Sok, Surat
 
N’Prim@Kao Sok, Surat
...คราวนี้พาเด็กจิ๋วไปเที่ยวเขาสก ปะป๊ากับคุณแม่เคยไปกันมาแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน สวยมาก อยากพาเด็กจิ๋วไปอีก ครั้งนี้ประหลาดหน่อยคือเราซื้อทัวร์เลย รวมรถรับส่ง เรือ ที่พัก อาหารทุกมื้อ ไกด์พาเที่ยว เพราะดูแล้วถูกกว่าไปเองมาก โดยเฉพาะเรื่องการเดินทาง
...ออกจากบ้านตี 4 ครึ่ง เรียกแท็กซี่ไปดอนเมือง ไปกินเบอร์เกอร์คิงกันตอนตี 5 เด็กจิ๋วตื่นแล้วแต่ทำหน้ามึนมาก โชคดีที่ไม่งอแง คงจะรู้ว่าได้มาเที่ยว วันนี้อากาศไม่ค่อยดี เครื่องต้องดีเลย์ออกไปครึ่งชั่วโมง บินชั่วโมงเดียวก็ถึงสุราษฎร์ ที่สนามบินสุราษฎร์นี่ปะป๊ากับคุณแม่ก็เพิ่งเคยมาครั้งแรกนี่แหล่ะ พอออกมาจากสนามบินก็เจอกับคนขับรถของบริษัท Surat Inter Tour มาคอยรับ ขนกระเป๋าขึ้นรถตู้เรียบร้อย เพื่อนร่วมกรุ๊ปของเรามีอีก 6 คนมาด้วยกัน รวมบ้านเรา 3 คน เป็นทั้งหมด 9 คน กำลังดีสำหรับรถตู้ รถตู้ก็ดีมาก เบาะนั่งสบาย
...รถตู้พาแวะที่ออฟฟิตเพื่อ check in แป๊บหนึ่งแล้วขับต่อไปที่จุดชมวิวสันเขื่อน ซึ่งปะป๊ากับคุณแม่คงเคยมาแล้วล่ะ แต่จำไม่ค่อยได้ วิวสวยใช้ได้เลย ที่กรุงเทพฯฝนตก แต่ที่นี่ฟ้าใสแดดแรงมาก ถ่ายรูปชมวิวอยู่ 20 นาที ก็นั่งรถต่อไปอีกนิดหนึ่ง ไปที่ท่าเรือ นั่งเรือหางยาวมุ่งหน้าเข้าที่พัก
...เด็กจิ๋วมีเสื้อชูชีพคิตตี้อยู่ตัวหนึ่ง ตอนเล็กๆเคยเอาไปให้ใส่ที่อาน่าเกาะช้าง แต่ตอนนั้นงอแงไม่ยอมใส่ บอกว่ารำคราญ แต่คราวนี้เอาให้ใส่ก็ยอมแต่โดยดี ชอบด้วย ลายสวยงาม บอกว่าน้องพริมมีเสื้อชูชีพของตัวเอง สวยด้วย ตลอดทั้งทริปมีนั่งเรือหางยาวชมวิว หรือพายเรือแคนนูเล่นกับปะป๊า เราให้ใส่ชูชีพตัวนี้ทุกครั้ง เด็กจิ๋วก็ยอมทุกที เป็นเด็กดีมาก
...ระหว่างนั่งเรือในเขื่อนเชี่ยวหลาน ก็มีแวะดูวิวไปเรื่อยๆ ไกด์นั่งอยู่ท้ายเรือถือโทรโข่งบรรยายไปเรื่อยๆ ช่วงที่ไม่ได้บรรยายก็แอบเอาโดโซะมานั่งกินอยู่คนเดียว เด็กจิ๋วหันไปมองๆ พี่ไกด์คงเกรงใจเลยแบ่งโดโซะให้เด็กจิ๋วกิน 2 ห่อ เด็กจิ๋วรีบรับมากินโดยเร็วเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
...จุดแวะวันนี้มีประตูสู่กุ้ยหลิน แล้วก็เขา 3 เกลอ หลังจากดูเขาลูกเล็กๆในเขื่อนเสร็จ เด็กจิ๋วก็เกิดคำถามขึ้นมาที่น่าสนใจมาก อาจเป็นเพราะช่วงนี้ปะป๊ากำลังสอนเรื่องอะไรลอยน้ำ อะไรจมน้ำ พอเด็กจิ๋วเห็นเขาต่างๆ ก็ถามเราว่า “ทำไมภูเขามันลอยน้ำได้อ่ะ”...เราก็ตอบไปว่ามันไม่ได้ลอยนะ มันเป็นภูเขาเป็นหินขึ้นมาจากพื้นแหล่ะ แต่น้ำมันบังมองไม่เห็น ก็ไม่รู้ว่าเด็กจิ๋วจะเข้าใจไม๊ ก็เห็นอยู่ชัดๆว่าภูเขามันลอยน้ำ มันขัดกับที่ปะป๊าบอกว่าก้อนหินหนักๆจะจมน้ำ
...นั่งเรือมาถึงที่แพ 500 ไร่ ใช้เวลา 1.30 ชั่วโมง แพนี้เป็นแพเอกชนที่อยู่ไกลที่สุด ไม่ได้อยู่บริเวณกุ้ยหลินเมืองไทยด้วย อันนี้เลยออกมาข้างนอก มองเห็นวิวกุ้ยหลินแบบไกลๆ ซึ่งก็สวยไปอีกแบบ คือตอนปะป๊ากับคุณแม่มาเมื่อสิบกว่าปีก่อน นอนตรงกุ้ยหลินเลยก็สวยเหมือนกัน แต่ข้างในน้ำจะนิ่งๆกว่า น้ำใสเขียวกว่า แต่ที่แพ 500 ไร่จะได้ความรู้สึกเหมือนเมืองนอกแถวนิวซีแลนด์ เห็นภูเขาซ้อนๆไกลๆ ฉากหน้าเป็นทะเลสาบ
...มาถึงแพก็กินอาหารก่อนเลย อาหารก็จัดเต็มดี มีหลายอย่าง กินกันไม่หมด เด็กจิ๋วไม่ค่อยสนใจอาหารเท่าไหร่ ห่วงแต่จะดูปลก เพราะที่ห้องอาหารของแพ จะมีเจาะพื้นแพเป็นช่อง แล้วมีปลาตะเพียนอยู่เต็มเลย ไม่ได้ขังเป็นบ่อด้วย ปลามารวมตัวกันเพราะมีคนคอยให้อาหารอยู่ทั้งวัน ที่แพจะขายอาหารปลาถุงละ 20 เป็นข้าวโพดแห้ง เด็กจิ๋วได้ฟรีมาถึงหนึ่งเพราะความน่ารัก สนุกสนานกับการให้อาหารปลามาก เราก็กลัวว่าจะเพลินตกลงไปต้องคอยยืนประกบตลอดเวลา
...ที่คุณแม่ยอมมานอนแพนี่เป็นเพราะแพที่นี่ไม่ธรรมดา ใหม่และดีมาก เป็นห้องติดแอร์ ห้องน้ำก็มีถังบำบัดเรียบร้อย ไม่เหมือนสมัยที่เคยมาครั้งก่อน แพเน่ามาก เป็นของอุทธยาน นอนในห้องไม่ได้เลย ร้อนมาก สกปรกด้วย ต้องมานอนกันที่ระเบียงแพ ขับถ่ายกันก็ลงมาในน้ำที่ว่ายเล่นอยู่นั่นแหล่ะ ครั้งนี้เรียกว่าแพไฮโซเลย สภาพห้องก็ดี นอนบนเตียง เห็นวิวสวยงาม มีข้อเสียอยู่ 2 อย่างคืออย่างแรก มดเยอะมาก แกะหนมห่อๆกินแล้วมัดถุงวางไว้ แป๊บเดียวไม่ถึง 10 นาที มดก็มาแล้ว เราพยายามเดินไปบ่นกับเจ้าหน้าที่ ได้คำตอบกลับมาแบบหงายท้องเลย เค้าบอกว่า มดเยอะเพราะนักท่องเที่ยวชอบเอาหนมมากินกันในห้อง...เอ่อ เรานี่แหล่ะ เอาหนมมากินเพียบ แบบนี้เถียงต่อไม่ได้เลย
...อีกเรื่องหนึ่งก็คือแอร์ จะเปิดตอน 1 ทุ่ม ถึงตี 4 ซึ่งคุณแม่เพิ่งมารู้หลังจากจองแล้วว่าแอร์ไม่ได้เปิดตลอด ที่จริงอากาศก็ไม่ร้อนนะ ถ้ามานั่งที่ระเบียงก็มีลมเย็นๆ แต่คุณแม่ติดไฮโซ เลยวีนเล็กน้อย ซึ่งเรื่องแอร์นี่ก็ยังไม่จบ เรานั่งรอเวลาที่แอร์จะเปิดมาตั้งนาน จนทุ่มกว่าแล้วก็ยังไม่ติด ตอนทุ่มครึ่งเลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ พนักงานก็เดินมาทำอะไรไม่รู้ที่คอมเพรสเซอร์แอร์ ถึงจะติด แบบนี้ตุกติกเป่าเนี่ยะ เข้าใจนะว่าหวงไฟเพราะต้องปั่น สิ้นเปลืองน้ำมัน แต่เราร้อนนะจะบอกให้ พอเปิดแอร์ได้แล้ว ก็ไม่ได้เย็นอย่างที่ตั้งใจไว้ ปะป๊าดูแล้วเหมือนโดนหลอกยังไงไม่รู้ แอร์มันเหมือนกับว่า 1 คอมเพรสเซอร์ พ่วงไป 2 Front คือถ้าไปยืนอยู่หน้าแอร์ก็จะเย็นใช้ได้แหล่ะ แต่ถอยมาสัก 5 ก้าวก็เลิกเย็นแล้ว ฉะนั้นส่วนที่เย็นสบายที่สุดในห้องนี้คือบริเวณหน้าห้องน้ำ ตรงเตียงนอนร้อนแบบนอนไม่ได้ จนปะป๊าต้องลงมาปูผ้านอนที่พื้นหน้าแอร์
...ตั้งแต่มาถึง เด็กจิ๋วก็ลั้นลากับหนม ปะป๊าจัดหนมผงชูรสมาให้เต็มกระเป๋า บอกว่าเวลามาเที่ยว ให้กินได้ไม่อั้น เด็กจิ๋วดีใจใหญ่เลย แกะถุงนั้น กินถุงนี้ เริ่มแกะห่อหนมเองเป็นแล้วด้วย ซึ่งนี่แหล่ะ เป็นที่มาของมดเต็มห้อง
...กิจกรรมเด่นของที่นี่คือพายเรือแคนู ทุกบ้านจะมีเรือแคนูจอดไว้ให้บ้านละ 2-3 ลำ แบบว่ามีเยอะมาก คนอื่นๆก็พายเล่นกันใหญ่ เด็กจิ๋วอยากจะพายบ้าง แต่ว่าแดดยังร้อนอยู่ เลยเจรจาว่ารอเย็นกว่านี้หน่อย เด็กจิ๋วตอนแรกๆก็ไม่ยอม แต่ปะป๊าคิดมุกขึ้นมาได้ สอนว่า เด็กจิ๋ว ถ้ามีเค้กอยู่ 2 ก้อน ก้อนแรกเป็นเค้กที่อร่อยที่สุดในโลก อีกก้อนเป็นเค้กที่เสียแล้ว ปะป๊าจะเอาเค้กชิ้นไหนให้หนูกิน เด็กจิ๋วตอบว่า ก้อนที่อร่อยที่สุดในโลก นั่นแหล่ะ ถูกต้อง เพราะปะป๊าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้หนูเสมอ พายเรือก็เหมือนกัน ถ้าต้องเลือกว่าจะพายตอนแดดร้อน หรือพายตอนแดดล่ม ปะป๊าก็ต้องเลือกตอนที่ดีที่สุดคือแดดร่มให้หนู เข้าใจไม๊ เด็กจิ๋วพยักหน้า ราวกับว่าเข้าใจ แต่หลังจากนั้นอีก 1 นาที ก็ร้องต่อ จะพายเรือ จะพายเรือ
...วันนี้ตอนเช้าที่สันเขื่อนแดดดีมาก แต่พอบ่ายๆก็เริ่มฟ้าขาว บ่ายแก่ๆก็ไม่มีแดดแล้ว ปะป๊าเลยจับเด็กจิ๋วใส่เสื้อชูชีพแล้วลงไปพายเรือแคนูกัน 2 คน คุณแม่ไม่กล้าลง พายกันไปไกลเลย ตอนแรกก็กลัวๆนะ เพราะน้ำในเขื่อนอย่างที่รู้ๆกันว่ามันจะลึกมาก ตรงที่เราอยู่ก็ลึก 40-50 เมตร คือตอนเด็กๆเราก็ไม่คิดอะไรมาก โดดน้ำเล่นกันหนุกหนาน แต่พอตอนนี้ ลงไปเล่นน้ำในเขื่อนแบบนี้รู้สึกน่ากลัวยังไงไม่รู้ ทั้งทริปนี้ไม่ได้ลงน้ำเลย แต่พายเรือเนี่ยะโอเค เพราะปะป๊าเชี่ยวชาญแล้ว ไม่มีล่มแน่ๆ เด็กจิ๋วไม่ค่อยกลัวนะ ขนาดมีพี่คนหนึ่งโตเท่าเจ๊น่า ยังร้องโวยวายบอกให้พ่อพายเรือกลับ ไม่กล้าออกไปไกลๆ แต่คงด้วยความที่เด็กจิ๋วยังเล็กแหล่ะ เลยยังกลัวไม่เป็น ก็พายเรือเก็บเศษใบไม้สวยๆกันใหญ่ สักพัก เด็กจิ๋วบอกว่าขอพายบ้าง เราก็หาพายมาให้ถือเล่นๆ แต่เด็กจิ๋วไม่ถือเปล่า เอาจุ๋มลงน้ำด้วย ซึ่งเราก็ต้องบังคับเรือดีๆ เพราะบางทีมันอาจจะทำให้เรือล่มได้ เข้าใจคำสุภาษิตว่ามือไม่พายเอาเท้าลาน้ำเลย คือไม่ช่วยพายไม่ว่า แค่นั่งเฉยๆก็ไม่ได้ จะแหย่พายลงน้ำเล่นทำไมเนี่ยะ
...ได้เวลามื้ออาหารเย็น เด็กจิ๋วก็ยังคงสนุกสนานกับบ่อปลาที่ห้องอาหาร ตอนนี้มีพี่ๆมาเล่นกับเด็กจิ๋วด้วยหลายคน ทั้งไกด์ และนักท่องเที่ยว กลายเป็นดาวบนแพนี้เลย หลายคนซุบซิบกันว่าเก่งมากเลย นั่งเรือไม่กลัวเลย น่ารักมาก อะไรประมาณนี้
...ตอนกลับห้องมานอน คุณแม่เห็นเตียงแล้วช็อคเลย มดเยอะมากแบบหลายสิบตัว มาจากไหนเนี่ยะ หนมเราก็ทิ้งไปแล้วนะ ปีนขึ้นไปดูชั้นลอย เจอมดอยู่เป็นร้อย คิดว่ารังมดอาจจะอยู่แถวข้างบนชั้นลอยนั่นแหล่ะ แล้วกระโดดร่มลงมาที่เตียง ปัดออกไปแล้ว ตอนดึกก็ยังเจออีกหลายสิบ คุณแม่กับเด็กจิ๋วเจอกันไปหลายตุ่ม แต่ปะป๊ารอดคนเดียว เพราะไม่ได้นอนที่เตียง แต่มานอนที่พื้นหน้าแอร์
...ชั้นลอยที่ว่านั่น เป็นของเล่นชิ้นโปรดของเด็กจิ๋วเลย เค้าทำเป็นแบบชั้นลอยแล้วมีที่นอนอีก 2 ที่ปูพื้น คือถ้ามาพักกัน 4 คนก็ได้ การจะขึ้นไปชั้นลอยที่ว่านี่ต้องปีนบันไดลิงขึ้นไป แบบว่าคุณแม่ขึ้นแล้วลงไม่ได้อ่ะ เพราะเสียว ปะป๊าตอนขึ้นก็โออยู่นะ แต่ตอนลงก็เสียวๆอยู่เหมือนกัน แต่เด็กจิ๋วไม่มีกลัวไม่มีเสียว ปีนขึ้นลงหลายรอบ เราต้องคอยประคองกลัวตก แต่ว่าขึ้นลงอยู่หลายรอบแบบไม่มีพลาดเลย เก่งมาก
...ตอนเช้าฟ้าปิดมากๆ มองไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแม้แต่น้อย ทุกคนต้องตื่นเช้าหน่อย จะมาตื่นสายๆ 9 โมงแบบที่อื่นไม่ได้ เพราะต้องกินข้าวเช้าให้เรียบร้อยก่อน 7 โมง พอ 7 โมงทุกคนก็นั่งเรือออกไปชมวิวในเขื่อน ชอบมากๆ บรรายากาศดีมาก อากาศเย็นๆ มีหมอกที่ยอดเขา ซึ่งถ้าวันฟ้าใส เวลานี้คงแดดร้อน แบบไหนจะสวยกว่ากันก็ไม่แน่ใจ เด็กจิ๋วนั่งเรือชมวิวไปกินทาโร่ไปอย่างเพลิดเพลิน เป็นเด็กดีมาก บางทีก็ร้องเพลงไปด้วย
...เราต้องเก็บกระเป๋าออกจากแพกันตั้งแต่ 10 โมง นั่งเรือกลับ ระหว่างทางแวะชมกุ้ยหลินน้อย น้ำเขียวๆสวยดี มาถึงท่าเรือก็นั่งรถต่อไปที่รีสอร์ท ภูผาและลำธาร ระหว่างทางแวะกินข้าวกลางวันที่ร้านโง่ๆร้านหนึ่ง ทำอาหารมาให้เรา 2 อย่าง บอกว่ามากัน 3 คน มีอาหารแค่นี้ แต่จะสั่งให้น้องเพิ่มก็ได้นะ เราเลยสั่งไข่เจียวไป นึกว่าฟรี ที่ไหนได้ เก็บตังค่าไข่เจียวด้วย
...เด็กจิ๋วบอกว่าทริปนี้สนุกดี นั่งรถแท็กซี่ นั่งเครื่องบิน นั่งรถตู้ นั่งเรือ
...ระหว่างทางไปภูผา คนขับรถพาแวะถ้ำปลาแป๊บหนึ่ง เดินทะลุถ้ำไปท่าน้ำ แล้วมีปลามารวมตัวกันรออาหารจากนักท่องเที่ยว คนขับบอกว่าแขกรัสเซียชอบมา ซึ่งก็จริง มีแต่ฝรั่งทั้งนั้น ไม่มีคนไทยเลย คือของไทยมีแบบนี้เยอะมาก แบบปลามารอรับทานอ่ะ ที่นี่เรียกว่าเด็กๆ ที่รัสเซียคงไม่มีละซิ นี่ถ้ามาเจอวัดแถวปทุมที่เคยไปให้อาหารปลากับเจ๊น่าเฮียโร สงสัยฝรั่งตะลึกไปเลย อันนั้นเยอะกว่ามากกกกก
...มาถึงที่พักตอนบ่ายๆ เข้าห้องพักไปร้อนมากๆ แอร์ที่นี่ดูปกตินะ ไม่เหมือนที่แพเมื่อวาน แต่ว่าอากาศข้างนอกร้อนแบบสุดๆ แอร์เอาไม่อยู่ ห้องที่นี่ดีกว่าที่คิด คือดูในรูป มองจากข้างนอกแล้วจะออกแนวชาวบ้านไปหน่อย ผนังเป็นไม้ไผ่สาน แต่พอมาเห็นข้างในของจริงแล้วก็โอเค อยู่สบาย เตียงมองเห็นวิวหุบเขาอยู่ข้างหน้าเลย ไม่นานอี๊ตุ๋มกับอี๊นกก็ตามมา คืออี๊ตุ๋มอี๊นกมาพักที่นี่วันนี้กับวันพรุ่งนี้ อยู่เจอกันวันเดียว ไม่ได้ตามกันมานะ แต่ไม่รู้จองกันยังไง มาอาทิตย์เดียวกันได้ คงเป็นเพราะอยากจะมาช่วงนี้ น่าจะเจอหมอกเยอะ ซึ่งหมอกบนยอดเขาหน้าบ้าน เป็นอะไรที่เด็ดสุดของที่นี่แล้ว
...ตอนบ่ายแก่ๆ ฟ้าเริ่มขาวอีกแล้ว แดดหายหมด ปะป๊าเลยพาเด็กจิ๋วไปว่ายน้ำที่สระ เป็นสระกลมๆเล็กๆ แต่เด็กจิ๋วก็สนุกสนานทั้งนั้นแหล่ะ เล่นอยู่นานเหมือนกัน จนคุณแม่รีบมาตามให้ขึ้น สงสัยว่าทำไม มาคุยกันทีหลัง คุณแม่บอกว่า มีฝรั่งหนีบสาวไทยมาลงน้ำ แล้วทำกอดๆกันน่าเกลียด ถึงว่า เด็กจิ๋วยืนจ้องเค้าใหญ่
...ขึ้นมาจากสระได้ไม่นาน เด็กจิ๋วก็หมดแรงสลบไป ซึ่งเป็นเวลาพอดีกับที่ไกด์นัดให้ไปล่องเรือแคนู เป็นกิจกรรมเด็ดของที่นี่ รวมมากับแพ็กเก็จที่เราซื้อมาอยู่แล้ว จะอุ้มเด็กจิ๋วไปก็ได้นะ แต่สักพักฝนก็ตกลงมาพรำๆ อันนี้ไปไม่ได้แน่ๆ ปะป๊ากับคุณแม่เริ่มวางแผนชั่วร้าย หรือจะทิ้งเด็กจิ๋วให้อี๊ตุ๋มดู แล้วหนีไปกัน เพราะเสียดายตัง แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจไม่ไป ตอนค่ำๆเจอคณะอื่นที่เดินทางมาด้วยกัน ถามว่าไปร่องเรือสวยไม๊ เค้าบอกว่าสวยมาก เสียดายเราไม่ได้ไป สักพักมีเจ้าหน้าที่จากบริษัททัวร์โทรมาบอกว่าจะให้เราไปร่องเรือใหม่ตอนเช้าได้ เพราะเสียดายที่พลาดเมื่อวาน ดีใจมาก
...ตอนมื้ออาหารเย็น กำลังวางแผนกันว่าจะทำยังไงดี ร้านอาหารอยู่ที่หุบเขาด้านล่าง ฝนตกพร่ำ จะอุ้มเด็กจิ๋วไปที่ร้านอาหารก็ไม่ได้ จะสั่งขึ้นมากินที่ห้อง ด้วยสภาพรีสอร์มแบบนี้คงไม่มี room service แน่ๆ ในที่สุดก็ตัดสินใจให้อี๊ตุ๋มอี๊นกมาเฝ้าเด็กจิ๋ว แล้วปะป๊ากับคุณแม่หนีลงไปกินกันสองคน
...เมื่อคืนฝนตก เช้านี้หมอกเยอะสมดังที่หวังไว้ ที่จริงคนที่รีสอร์ทบอกว่ามีหมอกทุกวันแหล่ะ วันไหนฝนตกก็เยอะหน่อย วันฝนไม่ตกก็มี เพราะตรงนี้เป็นหุบเขา ข้างล่างเป็นแม่น้ำ ตอนเช้ารีบกินอาหารเช้ากันโดยเร็ว เพราะต้องมาที่ล็อบบี้เวลา 8.30 น. ต้องไปร่องเรือกัน ตอนนี้รู้สึกลังเลอยู่เหมือนกัน เพราะเวลานี้หมอกกำลังสวยเลย ถ้าออกไปกว่าจะกลับมาหมอกก็หมดแล้ว แต่ยังไงก็ตัดสินใจไป มีรถกระบะมารับ ขับไปไม่ไกลก็จอดข้างทาง เห็นเรือแคนูยางกับคนพายยืนรออยู่ เดินลงไปที่แม่น้ำประมาณ 100 เมตร แล้วก็ลงเรือกัน
...ตัดสินใจถูกมากที่มาล่องเรือกันตอนเช้านี้เพราะอากาศดีมาก เย็นสบาย นั่งก็สบายเรือยางนิ่มๆมีคนพายให้ แล้วเห็นวิวหมอกที่ยอดเขาด้วย แต่เสียอยู่อย่างเดียวคือน้ำเป็นสีน้ำตาล เพราะฝนตกเมื่อคืน ถ้าเมื่อวานตอนเย็นน้ำจะเป็นสีเขียวสวยเลย ระหว่างทาง คนพายเรือจะชี้สัตว์ให้ดู วันนี้เด็กจิ๋วเจอรังต่อ ลิง2ตัว ตัวเงินตัวทอง นกเหงือก 4 ตัว เจ๋งมากอ่ะ นกเหงือกหาดูยากนะ วันนี้เห็น 4 ตัวเลย แต่เห็นบินไกลๆอยู่บนท้องฟ้า เด็กจิ๋วดูแล้วก็ถามว่า ทำไมไม่เห็นเหมือนเงือกเลย เออ ก็จริง ตอนแรกบอกว่ามีนกเหงือก เด็กจิ๋วคงจินตนาการถึง Arial บินได้บนท้องฟ้า
...เด็กจิ๋วตอนแรกๆนั่งเรือไปก็หนุกหนานไป สักพักเริ่มเบื่อ เราก็เลยบอกว่าให้เอามือจุ๋มน้ำเล่นได้ เด็กจิ๋วดีใจ ทำหน้าเหมือนสงสัยว่าทำไมปะป๊าใจดีจัง แล้วก็เอามือลาน้ำไปเรื่อยๆ สักพักก็เบื่ออีก เลยจับไปนั่งหน้าสุด ตอนแรกให้นั่งกลาง พอไปนั่งหน้าก็สนุกอีก บอกว่า ได้กระตุกคนแรก คือเวลาล่องไปบางจุดที่เป็นแก่ง เรือจะกระแทกนิดๆ อันนั้นแหล่ะ คือกระตุก แล้วนั่งหน้าสุดก็ได้กระตุกคนแรก
...เส้นทางที่ล่องเรือจะลัดเลาะแม่น้ำไปตามหุบเขา ช่วงกลางๆจะผ่านรีสอร์ทที่เราพักด้วย ซึ่งพอมาถึงแล้ว ก็เจออี๊ตุ๋มยืนอยู่ที่ท่า อี๊ตุ่มบอกว่าตกใจเลย นั่งกินอาหารเช้าอยู่ดีๆ เห็นเด็กจิ๋วล่องเรือผ่านมา เลยรีบออกมาถ่ายรูปให้
...กลับถึงที่พัก เด็กจิ๋วไปโม้ให้อี๊ตุ๋มอี๊นกฟังใหญ่ เราก็ชวนให้เค้ามาล่องวันพรุ่งนี้ สนุกมาก อี๊นกบอกว่าไม่อยากล่องเพราะกลัว เด็กจิ๋วบอกว่า “ไม่เป็นไร อี๊นอก เรามีชูชีพ ถ้าเรือร่ม เราทุกคนจะลอย”...มันก็จริงอะนะ แต่ไม่ต้องพูดว่าเรือล่มได้ไม๊ ยิ่งพูด อี๊นกยิ่งกลัวใหญ่ ถึงขั้นเรือล่มเชียวเหรอ
...นอกจากเรื่องเรือล่มก็ยังมีเล่นโทรศัพท์กับอี๊ตุ๋ม คือตลอดทั้งทริป เด็กจิ๋วจะพกโทรศัพท์ติดตัว ควักออกมาถ่ายรูปตลอดเวลา ตอนนั่งรถตู้ พอเห็นอะไรก็รีบควักโทรศัพท์มาถ่ายรูป ถ่ายแชะๆๆๆๆๆ คนขับขำใหญ่เลย ตอนนั่งเรือก็ถ่าย ตอนอยู่ในรีสอร์ทก็ถ่าย ตอนเล่นกับอี๊ตุ๋มก็แกล้งทำเป็นโทรไปคุยกับคนโน้นคนนี้ แล้วโม้กับอี๊ตุ๋มว่า “อี๊ตุ๋ม น้องพริมมีเบอร์สัตว์ทุกตัวเลยนะ อี๊ตุ๋มอยากคุยกับตัวอะไร น้องพริมจะโทรให้”...อี๊ตุ๋มบอกว่าหมาเป้ เด็กจิ๋วแกล้งโทรติดต่อหมาเป้ แล้วบอกว่า “เป้ไม่รับสาย เอาตัวเงินตัวทองได้ไม๊”...คือเมื่อเช้าเพิ่งเจอมาไง ในที่สุด เด็กจิ๋วโทรหาตัวเงินตัวทองสำเร็จ อี๊ตุ๋มเลยต้องคุยกับตัวเงินตัวทองไป
...เราสัญญากับเด็กจิ๋วว่ากลับจากล่องเรือจะให้ลงเล่นน้ำอีกรอบ แต่วันนี้แดดแรงมาก จะไม่ลงก็กลัวผิดสัญญา เลยยอมพาลง ปะป๊าต้องไปแอบอยู่ตามขอบบ่อ ให้พอมีร่มเงาหน่อย แต่เด็กจิ๋วคะนองมาก ไม่รู้จักร้อนหรือไง เล่นร่าเริงสุดขีด ออกแดดจัดๆ เด็กนี่ไม่มีความกลัวจริงๆ ทั้งกลัวอันตราย หรือกลัวตัวดำ
...พอเที่ยงๆก็เก็บกระเป๋าเดินทางออกจากที่พัก ครั้งนี้เด็กจิ๋วก็หสนุกสนานเหมือเคย มีความสุขมากที่ได้มาเที่ยว คราวนี้มีกิจกรรมแปลกๆด้วย ประทับใจตอนพายเรือแคนูที่เขาสกมากๆ
 

๓ ขวบ + ๓๑๕ วัน...จันทร์ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...เมื่อคืนตอนนั่งรถแท็กซี่กลับจากดอนเมืองมาบ้าน เด็กจิ๋วหมดแรงหลับไป ตั้งแต่ 6 โมงกว่า พอตอนตี 5 ตื่นมาร้องขอกินนมไป 2 กล่อง คงจะหิวมากละสิ เสร็จแล้วก็ทำท่าจะหลับต่อ แต่ก็ไม่หลับ นอนกลิ้งไปกลิ้งมา วันนี้เลยแต่งตัวออกจากบ้านเร็วเป็นพิเศษ ไม่งอแงด้วย เป็นเด็กดีมาก พอตอนไปส่งที่ห้อง ก็บ๊ายบายปะป๊าแล้วเดินตามครูนิวเข้าห้องไปเองเลย
...วันนี้เป็นวันจันทร์ เรามาแอบดูเด็กจิ๋วเข้าแถวที่สนามกันหน่อย พอได้เวลา 8 โมงกว่าๆ ก็ตั้งแถวเดินกันมาที่สนามด้านหน้า ร้องเพลงประกอบท่าประมาณ 3-4 เพลง แล้วจบด้วยให้เต้นตามเพลงขอใจเธอแลกเบอร์โทร เพลงลูกทุ่งแดนซ์ที่ฮิตติดปากเด็กจิ๋วอยู่ในขณะนี้ ปรากฎว่าทุกเพลงเลย เด็กจิ๋วยืนแน่นิ่ง มองหน้าปะป๊ากับคุณแม่ตลอดเวลา บอกให้หันไปเต้นก็ไม่ยอม ไม่รู้ว่าถ้าไม่เห็นเราแล้วจะยอมเต้นไม๊ แต่ครั้งโน้นน้าปอยเคยมาดูก็บอกว่าไม่ยอมเต้นเหมือนกัน ที่จริงผู้ปกครองก็ไม่ควรมายืนดูกันนะ มันทำเด็กเสียสมาธิ แต่ห้ามไม่ไหว เพราะยืนเกาะลูกกรงเรียงกันประมาณ 30 คนได้ แต่ละคนก็อยากจะดูลูกตัวเองเต้นกันทั้งนั้นแหล่ะ พอเราเห็นว่าเด็กจิ๋วไม่เต้น ก็เลยไปแอบอยู่หลังต้นไม้ พอเด็กจิ๋วหาเราไม่เจอก็ทำหน้าจ๋อย สักพักก็เริ่มร้องไห้ ต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่ละข้าง มันเป็นภาพบาดตาจริงๆ เห็นแล้วน่าสงสารมากๆ
...ตอนเย็นไปเรียน Helen เสร็จก็ชวนอั่งอั๊งไปกินข้าวเหมือนเดิม วันนี้ปะป๊าแกล้งหาเรื่องเด็กจิ๋ว จำไม่ได้แล้วว่าอะไร คือเด็กจิ๋วทำผิดนิดเดียวแหล่ะ ปะป๊าก็แกล้งทำเป็นโกรธแล้วบอกว่าจะลงโทษไม่กอดนอนหนึ่งคืน แต่คิดไปคิดมา เอาเป็นว่าลงโทษโดยไม่ให้เด็กจิ๋วเลือกร้านอาหารดีกว่า เพราะเบื่อ Fuji กันมาก ขอเลือกเองบ้างเถอะ เด็กจิ๋วหลงกลยอมให้เราเลือกจนได้ วันนี้เลือกไปกิน S&P กัน เด็กจิ๋วกินมักโรนีคนเดียวหมดจานเลย กินดุมาก อั่งอั๊งวันนี้ก็กินเยอะเป็นประวัติการณ์แต่ก็ยังสู้เด็กจิ๋วไม่ได้ เสร็จแล้วปะป๊าไปซื้อเสื้อที่ CMG เหนื่อยกับเด็กมาก วิ่งเล่นไล่จับกัน เราก็ต้องเลือกเสื้อไปด้วย ระวังเด็กหายไปด้วย เด็ก 2 คน เวลาใครทำอะไรก็จะทำตาม ชอบอะไรก็จะต้องชอบเหมือนกันแย่งกัน อันนี้ก็เข้าใจนะ แต่ว่าดันปวดฉี่ตามกันนี่ไม่ไหวจริงๆ แล้วที่สำคัญช่วงที่ปวดฉี่พร้อมกันนี่ น้าปอยก็หายตัวไป คุณแม่ก็ติดสาย ปะป๊าเลยต้องพาทั้งเด็กจิ๋วทั้งอั่งอั๊งไปฉี่
...เด็กจิ๋วกับอั่งอั๊งวิ่งเล่นไล่จับ กอดรัดฟัดเหวี่ยง บี้หน้าบี้ตา เด็กจิ๋วชอบเล่นแรงๆแบบหมั่นเขี้ยว คนในห้างส่วนใหญ่เห็นแล้วก็ชี้ชวนกันดู บอกว่าน่ารัก เด็กอนุบาลใส่ชุดเกาหลีเหมือนกันมาวิ่งเล่นกันในห้าง ตอนจะกลับบ้าน เด็กจิ๋วเล่นดราม่าใส่อีก บอกว่า “อั่งอั๊ง เดี๋ยวเราต้องจากกันแล้วนะ”...ทำเสียงสะอื้น “พรุ่งนี้เจอกันใหม่”...ตอนแยกกัน เห็นอั่งอั๊งยังคงอารมณ์ค้างเหมือนเดิม ยังไม่อยากกลับบ้าน อยากเล่นต่อ

๓ ขวบ + ๓๑๖ วัน...อังคาร ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...วันนี้ตอนเช้านัดกับเจ๊น่าเฮียโรว่าต้องออกจากบ้านเร็วหน่อย เพราะปะป๊าต้องรีบไปประชุมต่อหลังจากส่งเด็กจิ๋วแล้ว ปรากฎว่าเจ๊น่ากับเฮียโรสายอีกตามเคย คือปกติก็สายอยู่ทุกวันแหล่ะ สายประมาณ 10 นาที เราก็รอได้ แต่วันนี้รอไม่ได้ เลยให้อาโกวไปส่งเจ๊น่ากับเฮียโรแทน ซึ่งโชคดีมาก เพราะระหว่างนั่งรถไปโรงเรียน เฮียโรกินนมอยู่แล้วอ้วกพุ่งออกมา ดีแล้วที่ไม่มาอ้วกใส่รถเรา
...ตอนเย็นคุณแม่ไปรับคนเดียวเพราะปะป๊ายังติดประชุมอยู่ ตอนไปรับที่ห้องก็เห็นคุณครูทำผมให้เด็กจิ๋วแบบอลังการสวยงามมาก พอเดินออกมาได้หน่อย เด็กจิ๋วก็สั่งให้คุณแม่แกะผมออกให้หน่อย ตอนแรกคุณแม่ไม่ยอมบอกว่าแกะได้ไง ครูเพิ่งทำให้ เดี๋ยวครูมาเห็นก็เสียใจหรอก เด็กจิ๋วก็อาละวาดไม่ยอม พอคุณแม่จะตามใจไปแกะผมให้ เด็กจิ๋วก็กลับไม่ยอมอีก กลัวครูเห็น คราวนี้เริ่มอาละวาดดังขึ้นเรื่อยๆ คนอื่นๆเริ่มมามุงดูกันแล้ว เจ๊น่ากับเฮียโรยังมามุงด้วย ถามครูแล้วว่านอนกลางวันไม๊ ครูก็บอกว่านอนปกตินะ ตอนอยู่ในห้องเรียนยังปกติดีไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมงอแงหงุดหงิด ตอนเย็นปะป๊าถามเด็กจิ๋วดูว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กจิ๋วบอกว่าอาละวาดเพราะไม่เห็นปะป๊ามารับ คุณแม่มารับคนเดียว หรือจะจริงของเค้า เพราะครั้งก่อนที่คุณแม่ไปรับคนเดียวก็อาละวาดแบบนี้แหล่ะ
...วันนี้ปะป๊าสอนเด็กจิ๋วเรื่องวัตถุลอยน้ำ ลงทุนเอาของต่างๆในออฟฟิตมาหย่อนลงตู้ปลา ดูกันชัดๆว่าลอยหรือจม แบบนี้เด็กจิ๋วต้องจำได้ติดตาแน่ๆ
...ตอนหัวค่ำพาเด็กจิ๋วมาซ้อมเปียโน รู้สึกว่าห่างหายจากการซ้อมมานาน 2 อาทิตย์ได้แล้ว ตอนมาซ้อมก็รู้แล้วล่ะว่าง่วงนอนมาก แต่ถามดูแล้วเด็กจิ๋วก็บอกว่าอยากซ้อม พอเริ่มซ้อมก็งอแงอาละวาด บอกว่าปะป๊าไม่ชี้โน๊ต พอปะป๊าชี้โน๊ต ก็อาละวาดหาว่าปะป๊าชี้ทำไม บอกไม่ให้ปะป๊าพูด พอไม่พูดก็โวยวายหาว่าปะป๊าไม่สอน คืองอแงไร้สาระมากอ่ะ เราก็บอกว่าไปนอนเถอะไม่ต้องซ้อมแล้ว ก็ไม่ยอมอีก บอกว่าจะซ้อม ปะป๊าพยายามหลอกล่อด้วยการนับลูกแกะ เฮียโรก็ไม่ช่วยเล่นเป็นรั้วให้ แกะแต่ละตัวกระโดดฮาๆทั้งนั้น เด็กจิ๋วมีหลุดขำเป็นระยะๆ แต่ยังไงก็ยังไม่สามารถเอาชนะความง่วงได้ พอขำได้หน่อยก็กลับไปงอแงอีก รู้สึกว่าหลังๆมานี่เด็กจิ๋วช่วยฝึกให้ปะป๊าเป็นคนใจเย็นได้มากเลย ระหว่างเด็กจิ๋วอาละวาดหนัก ไม่ว่าจะงี่เง่ายังไง ปะป๊าไม่มีโมโหเลยแม้แต่น้อย ขอบคุณมากนะเด็กจิ๋ว

๓ ขวบ + ๓๑๗ วัน...พุธ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...เช้านี้ยังคงงอแงผิดปกติอยู่ ตอนไปส่งให้ครูที่หน้าห้องก็บอกครูว่า 2 วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร งอแงมาก สงสัยเป็นเพราะมีแผลในปาก คือบอกครูให้ระวังตัวไว้ก่อน กลัวเด็กจิ๋วอาละวาดใส่ ครูก็มาตรวจดูปากดูมือ กลัวว่าจะเป็นมือเท้าปากหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ก็กลับมาระบาดอีกแล้ว แต่ก็ไม่เป็น คุณแม่เดาว่าเป็นเพราะตอนไปเที่ยว ให้กินหนมผงชูรสเยอะมาก พวกเลย์ มันแข็งๆแล้วก็ผงชูรสเยอะ เวลาเรากินยังชาๆปากเลย แล้วเด็กจิ๋วก็ไม่ยอมกินน้ำอีก เดาว่าเป็นสาเหตุให้มีแผลในปากเนี่ยะแหล่ะ
...วันนี้ครูๆมาถามคุณแม่ใหญ่เลยว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น คือที่เด็กจิ๋วเดินออกจากตึกมาหยุดที่บ่อปลาแล้วอาละวาด ตอนนั้นครูนิวมาเห็นเหตุการณ์ คงเอาไปเล่าให้ครูคนอื่นๆฟังในห้อง ดูครูๆกังวลกันใหญ่ ครูขวัญมาอบรมเด็กจิ๋วต่อหน้าคุณแม่ว่า ห้ามตีคุณแม่ ให้ขอโทษคุณแม่ด้วยที่เมื่อวานอาละวาดตีคุณแม่...คือว่า อยากบอกครูว่ามันปกตินะครู เวลาอยู่บ้านก็อาละวาดแบบนี้แหล่ะ แค่ไม่เคยมาสำแดงที่โรงเรียนเท่านั้นเอง
...ทุกๆเย็น เจ๊น่ากับเฮียโรจะขึ้นมาเล่นกับเด็กจิ๋ว ช่วงก่อนหน้านี้จะพากันขึ้นไปเล่นดาดฟ้า แต่ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา จะอยู่กันที่ห้องทำงานปะป๊า เล่นโน่นเล่นนี่เสียงดังลั่นออฟฟิต ปะป๊าต้องคอยดุเป็นระยะๆ ที่ไม่ขึ้นไปดาดฟ้าก็เพราะเจ๊น่าต้องทำการบ้าน ซึ่งการบ้านของเจ๊น่าจะยาวนานมาก ที่จริงแล้ว เรียกว่าไม่ได้ทำมากกว่า มัวแต่เล่นกับน้องเลยไม่ยอมทำ มันก็ไม่เสร็จซะที ต้องรอจนน้องขึ้นข้างบนแล้วถึงค่อยไปทำต่อกับอาเอ้

๓ ขวบ + ๓๑๘ วัน...พฤหัส ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...ตอนขับรถไปโรงเรียน เด็กจิ๋วหันมาพูดกับคุณแม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “คุณแม่ คุณแม่รู้เปล่า อาหารที่โรงเรียนอ่ะน้อยมากเลย น้องพริมกินไม่อิ่มอ่ะ”...อ้าว ก็ขอเติมดิ่ เด็กจิ๋วบอกว่า “ถ้าขอเติมแล้วเพื่อนคนอื่นจะไม่ได้กิน”...พูดไปทำหน้าเศร้าไปด้วยนะ เรื่องอาหารคือรู้มาเหมือนกันแหล่ะ เจ๊น่าเคยบอกว่าอาหารกลางวันจะเติมได้ แต่อาหารเช้าเค้าจะตักไว้ให้แล้วแค่ไหนแค่นั้น ถ้าเจอแม่ครัวอยู่ก็ขอเติมได้ แต่ปกติก็เติมไม่ได้ แล้วเด็กจิ๋วมาพูดทำไมเนี่ยะ ว่าแล้วเด็กจิ๋วก็พูดต่อ “คุณแม่ น้องพริมขอแวะ 7-11 ได้ไม๊ จะซื้อหนมกิน”...อ๋อ ก็แค่จะขอแวะ 7-11 แค่นั้นแหล่ะ รู้จักเล่าเรื่องปูพื้นมาก่อน มีเหตุมีผล เก่งอ่ะ เราก็เลยต้องตามใจ ยอมแวะให้หลังจากที่ไม่ได้แวะมาเป็นเดือนๆตั้งแต่ summer
...วันนี้หลังจากส่งเด็กจิ๋วที่โรงเรียนเสร็จ ปะป๊ากับคุณแม่ลองขับรถไปที่โรงเรียนครูรส เป็นครูดังที่สอนติวเข้าสาธิต โรงเรียนอยู่ไกลมาก วัชรพล ไปถึงก็เจอตัวโรงเรียนแล้ว แต่ปิดอยู่ นั่งรอกันในรถได้ 20 นาที ระหว่างรอ คุณแม่ก็หาข้อมูลเพิ่มเติม มีข้างบ้านมาเขียนด่าว่าบ้านครูรสนิสัยไม่มี ต่อเติมบ้านแล้วทำให้เพื่อนบ้านเดือดร้อน อ่านๆดูแล้ว คุณแม่เลยจะไม่ให้เรียนกับครูรสแล้วเพราะเชื่อคำกล่าวอ้างที่ว่า เหมือนครูรสจะนิสัยไม่ค่อยดี แล้วก็อยู่ไกลอีกต่างหาก
...วันนี้ปะป๊ากับคุณแม่ไปจองคอนโดแถวบ้านไว้อีกห้องหนึ่ง เป็นของศุภาลัย ติดกับ Udelight2 ที่มีอยู่แล้วห้องหนึ่ง ส่วนคอนโดที่ Udelight รัตนาธิเบศก์ที่จองไว้ 2 ห้อง ปล่อยขายต่อไปห้องหนึ่ง อีกห้องหนึ่งขอคืนโครงการไปเพราะโครงการไม่ผ่าน EIA
...ตอนไปรับเด็กจิ๋วที่โรงเรียน ครูแหววบอกว่าวันนี้ให้น้องพริมระบายสีภาพกระทงส่งเข้าประกวด เป็นตัวแทนคนเดียวของห้องเลยนะ น่าจะประกาศผลพรุ่งนี้เพราะเค้าจะมีงานลอยกระทงเล็กๆจัดที่โรงเรียน วันนี้ก็เห็นครูนั่งทำกระทงกันอยู่  ครูขวัญบอกว่าพรุ่งนี้ให้แต่งชุดสวยๆมานะ ชุดไทยก็ดี แต่พอตกเย็น ครูแหววโทรมาแจ้งว่าพรุ่งนี้ต้องหยุดเรียนทั้งห้อง เพราะมีคนเป็นโรคมือเท้าปาก 2 คืน คือนิตา กับฟ้าใส นิตาเพิ่งกลับจากภูเก็ตเมื่อคืนนี้เอง มาถึงโรงเรียนตอนเช้าก็เจอว่าเป็นแล้ว ไม่น่าติดจากเพื่อนในห้อง ส่วนฟ้าใสไม่รู้ติดมาจากไหน
...เด็กจิ๋วเล่นอยู่ในออฟฟิต อยู่ดีๆก็รับโทรศัพท์ ทำเสียงกระซิบๆแล้วเดินออกไปนอกห้องทำงาน ได้ยินคุยกับใครไม่รู้ว่า “โอเค ประชุมอยู่เหรอ ไปก่อนนะ เดี๋ยวตามไป”...ทำพฤติกรรมเลียนแบบปะป๊าเลย เราเลยถามต่อว่าคุยเรื่องอะไร เด็กจิ๋วตอบว่า “ประชุมกับลูกค้าธุรการ คุยกับพี่ต้อ โปรเจกต์คอปเปอร์ เจ๋งที่สุดมาก”
...วันนี้เด็กจิ๋วกินป๊อบคอร์นอยู่ กินเสร็จก็เอายางมามัดปากถุง มัดแบบ 2 ทบ ปะป๊าตกใจรีบถ่ายคลิปให้คุณแม่ดู ทำไมลูกเราเก่งจัง มัดยางได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คือมันต้องดึงๆไขว้แล้วสวมกลับ เราว่ามันยากเกินอายุเท่านี้หรือเปล่า แต่คุณแม่มาดูแล้วบอกว่า เด็กจิ๋วมัดได้นานแล้ว เคยมัดผมเล่นกับคุณแม่บ่อยๆ

๓ ขวบ + ๓๑๙ วัน...ศุกร์ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...เมื่อวานเห็นว่าวันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียน เลยให้นอนดึกหน่อย ตื่นสายๆได้ อาบน้ำกันตอน 3 ทุ่ม อาละวาดใหญ่โตมาก อาบน้ำเล่นเทสบู่ลงอ่างฟองฟูเต็ม แล้วก็มาโวยวายว่ามือเลอะ เราก็ล้างมือให้ ล้างเสร็จก็โวยวายว่าล้างทำไม จะเล่นฟอง กว่าจะอาบเสร็จ กว่าจะเอาขึ้นมาเป่าผม มาทะเลาะกับคุณแม่อีกรอบ
...เช้านี้แทนที่เด็กจิ๋วจะตื่นสายๆ กลับตื่นตั้งแต่ 7 โมง นอนก็ดึก ไม่ต้องไปโรงเรียน จะตื่นเช้าทำไมเนี่ยะ ตื่นมาไม่เจอปะป๊า เพราะปะป๊าออกจากบ้านไปหาลูกค้าแต่เช้าเลย เด็กจิ๋วร้องไห้จะหาปะป๊า คุณแม่เลยโทรมาให้คุยกัน
...วันนี้ครูบอกว่าให้ผู้ปกครองแวะมารับกระเป๋าเสื้อผ้ากลับบ้านด้วย เรามีเจ๊น่าอยู่แล้ว สบาย ใช้เจ๊น่าไปเอาได้ แต่แม่ๆคนอื่นๆต้องไปเอาเอง มีแม่เพื่อน 2 คน มาลงรูปประกวดระบายสีกระทง รู้สึกว่าจะแปะไว้ที่บอร์ดตรงทางเดินไปตึกเรียน ของ อ.1 ให้ระบายสีรูปกระทง แบ่งเป็นชายกับหญิง ฝ่ายชายที่หนึ่งได้แก่น้องเจ้นท์ห้อง 8 ส่วนฝ่ายหญิงได้แก่น้องพริมห้อง 8 เหมือนกัน เด็กจิ๋วชนะเลิศ เก่งมากอ่ะ ปะป๊าดีใจสุดขีด อารมณ์ดีทั้งวันเลย ถามเด็กจิ๋วว่าจะเอาอะไรเป็นรางวัล อะไรก็ได้ในโลกนี้เลย บอกมาหนึ่งอย่าง ปะป๊าจะหามาให้ วันก่อนก็เคยถามไปทีหนึ่งแล้ว เด็กจิ๋วตอบว่า “ขอใส่ชุดราพันเซล” ส่วนวันนี้ตอบว่า “ขอวิตามินมิ้นซี”...โลภน้อยมาก ปะป๊าเลยบอกว่า งั้นพิเศษ ให้กิน 6 เม็ดเลย ปกติจะให้กินแค่วันละ 5 เม็ด แต่เด็กจิ๋วได้ยินก็หน้ามุ้ย ต่อรองบอกว่า “ขอ 5 เม็ดไม่ได้เหรอ”...นี่เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าเนี่ยะ 6 เม็ดมันเยอะกว่า 5 นะ แล้ววิตามินมิ้นซีก็ได้กินเกือบทุกวันอยู่แล้ว ไม่ต้องแข่งชนะก็ได้กิน จะขอเป็นรางวัลทำไมเนี่ยะ
...ตอนเย็นพาเด็กจิ๋วไปเรียนเปียโน เด็กจิ๋วขอใส่ชุดราพันเซลไป เราก็ยอม แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยแตกตื่นเท่าไหร่ มีคนมาทักบ้างแต่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นป้าๆมาทักว่า เจ้าหญิงสโนวไวท์ บางคนก็ทักว่า ซินเดอเรลล่า เด็กจิ๋วหันมาถามปะป๊าว่า “ทำไมเค้าไม่ดูตรงนี้อ่ะ” พร้อมกับชี้ที่หน้าอก เป็นตราสัญลักษณ์ราพันเซล แล้วใครจะรู้จักละเนี่ยะ

๓ ขวบ + ๓๒๐ วัน...เสาร์ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...ระหว่างนั่งกินข้าวกันอยู่ในห้องครัว เด็กจิ๋วหยิบทิชชูมาเช็ดปากแผ่นหนึ่ง เช็ดเสร็จแล้ววางไว้บนโต๊ะ ปะป๊าก็หยิบทิชชูมาใช้บ้าง หยิบมาแผ่นหนึ่ง เด็กจิ๋วเห็นก็โวยวายใหญ่ “ปะป๊า รู้ไม๊ กระดาษทิชชูมันต้องตัดต้นไม้ ปะป๊าตัดต้นไม้ไปกี่ต้นแล้ว”...ว่าแล้วก็แย่งทิชชูจากมือปะป๊าไปทิ้งถังขยะ...อ้าว แล้วปะป๊าจะใช้ทิชชูบ้างไม่ได้เหรอ แล้วหนูเอาทิชชูที่เพิ่งหยิบมาใหม่ไปทิ้งถังขยะ มันไม่ยิ่งเปลืองต้นไม้เหรอ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าเนี่ยะ
...วันนี้ชวนพี่โนพี่โน่มาลอยกระทงที่บ้านกัน ลอยกันที่บ่อปลาเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ เด็กจิ๋วลอยแบบนี้มา 3 ปีแล้ว พี่โนพี่โน่เรียนพิเศษเสร็จก็รีบมาที่บ้านตอนบ่ายโมง มาถึงก็พากันขึ้นไปเล่นดาดฟ้าเหมือนเดิม พอเหนื่อยก็ลงมาพักดูการ์ตูนในห้องโฮม พอตอนเย็นๆก็มาลอยกระทงกัน เด็กจิ๋วซื้อกระทงหนมปังมาจาก Top เมื่อวานนี้ 39 บาท กะว่าจะลอยให้เต่ากับปลากิน แต่เต่ากับปลาบ้านนี้กลัวหนมปัง เจอแล้วก็ว่ายหนี สงสัยไม่คุ้นเคย ในที่สุดก็ต้องเก็บขึ้นมา

๓ ขวบ + ๓๒๑ วัน...อาทิตย์ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...อยู่ๆก็ตัดสินใจไปราชบุรีกระทันหัน ออกจากบ้านเที่ยงๆ ปกติจะไปราชบุรีทางนครปฐม แต่หลังๆมานี่รถติดมาก ไปทีใช้เวลาเกิน 2 ชั่วโมงทุกครั้ง เพราะแถวๆนั้นมีทำถนนรถติด วันนี้เลยลองเปลี่ยนไปทางปากท่อ สมุทรสาคร ระยะทางมากขึ้น 20 กว่าโล แต่ใช้เวลาได้ดีกว่ามาก ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงแล้ว
...ที่จริงวันนี้เป็นวันลอยกระทงของจริง เมื่อวานเด็กจิ๋วลอยเล่นกับโนโน่ไปรอบหนึ่ง วันนี้เลยมาลอยกันใหม่ที่ราชบุรี ตอนแรกอาม่าชวนเด็กจิ๋วออกไปซื้อกระทงที่ตลาดกัน แต่ได้กลับมาเป็นหยวกกล้วยกับดอกบัวใหญ่ๆ คืออาม่าจะเอามาทำกระทงเอง เป็นกระทงดอกบัว ก็ทำง่ายๆ แค่เด็ดกลีบอกบัวมาติดรอบๆแล้วก็เอาดอกบัวอีกดอกวางตรงกลาง เด็กจิ๋วช่วยเด็ดกลับดอกบัว กับช่วยเสียบเข็มมุดนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นการทำกระทงครั้งแรกของเด็กจิ๋วแหล่ะ ทำเสร็จก็ไปลอยกันที่ท่าน้ำแม่น้ำแม่กลอง
เวลาประมาณ 5 โมง ยังไม่มืด แต่มาลอยเร็วหน่อยเพราะเด็กจิ๋วง่วงนอนมากแล้ว อากงจุดธูปเทียนแล้วช่วยกันลอยกับเด็กจิ๋วเรียบร้อย พอกระทงลอยไปได้หน่อย เด็กจิ๋วก็ร้องโวยวาย จะเอากระทงคืน ให้คุณแม่ไปเก็บมา...ตลกแล้วเด็กจิ๋ว ลอยกระทง มีที่ไหนไปเก็บกลับมา โวยวายร้องไห้อยู่นาน ที่จริงก็เป็นเพราะง่วงนอนนั่นแหล่ะ พอจับขึ้นรถ เบี่ยงเบนโน่นนี่หน่อย แป๊บเดียวก็หลับคาอกคุณแม่ไป
...วันนี้เด็กจิ๋วใส่ชุดราพันเซลบุกราชบุรีเลย ตอนเดินไปตลาดกับอาม่า มีแต่คนชม อาม่ายิ้ม ดีใจใหญ่
...ตอนออกจากบ้าน ปะป๊าให้ใส่ที่คาดผมอันหนึ่ง เด็กจิ๋วไม่ยอมจะใส่อีกอันหนึ่ง ปะป๊าเลยงอนซะงั้น ตอนนั่งในรถ เด็กจิ๋วทำหน้าจ๋อยนั่งนิ่งเลย เพราะรู้ว่าปะป๊าโกรธ แต่ไม่นานปะป๊าก็คิดได้ เลยขอคืนดีกับเด็กจิ๋ว พอคืนดีเท่านั้นแหล่ะ เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย เด้งตัวขึ้นมาลั้นลาร่างเริงซะงั้น 
...ขับรถอยู่ในราชบุรี เจอป้ายข้างทางเป็นงานอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ แต่มีรูปพี่เก่ง the voice เด็กจิ๋วเห็นก็บอกว่า “คนนี้ที่น้องพริมกลัวไง ที่เซนลาดอ่ะ ที่เค้าบอกให้น้องพริมกินก่อนก็ได้”...เด็กจิ๋วเป็นคนความจำดีมาก ดีเว่อร์จนเราแปลกใจว่าเด็กจะความจำดีแบบนี้อ่ะเหรอ หรือเราความจำเสื่อม คือเด็กจิ๋วจะจำหน้าคนได้แม่น จำเหตุการณ์ได้ดี แล้วสามารถลงลายละเอียดเหตุการณ์ได้ด้วย คือจำได้ว่าเจอพี่เก่งตอนไปซื้อของที่ top เซนลาด แล้วตอนเจอกัน เด็กจิ๋วกำลังกินหนมอยู่ พี่เก่งเค้าบอกว่าให้กินเสร็จแล้วค่อยมาถ่ายรูปก็ได้ 

๓ ขวบ + ๓๒๒ วัน...จันทร์ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...เมื่อวานหลับมาตอนนั่งรถ ตั้งแต่ 6 โมงกว่า นอนยาวถึงเช้า วันนี้ดูท่าทางสดชื่นมาก ตื่นมายิ้มแย้มแจ่มใส วันนี้มีโครงงานด้วย ที่โรงเรียนเชิญผู้ปกครองไปร่วมกัน ตอนออกจากบ้าน เด็กจิ๋วถามว่า “คุณแม่ไม่เตรียมของเหรอ”...สงสัยคิดว่าเป็นพ่อแม่อาสาแบบคราวก่อน
...ไปส่งเด็กจิ๋วเสร็จก็นั่งเม้าส์กับแม่ๆอยู่พักหนึ่ง พอได้เวลา 9 โมง ครูก็เรียกเด็กๆเข้าแถว เดินไปที่โรงยิม มีครูปุ๊กมาอธิบายเรื่องที่มาของโครงงาน แล้วสาธิตวิธีการสอนเด็กๆ มีถามให้เด็กยกมือตอบ เด็กจิ๋วรีบยกมือเร็วทุกครั้ง เด็กจิ๋วได้ออกไปตอบหน้าห้องครั้งหนึ่ง แล้วก็ได้โชว์เต้นเพลงไก่ย่างทีหนึ่ง เด็กจิ๋วทุกคนเต้นไก่ย่างเหมือนกันหมด คือกระโดดอย่างเดียว ไม่เห็นจะมีท่าทางอะไรเลย เสร็จแล้วก็ให้ทำงานศิลปะร่วมกับผู้ปกครอง ระบายสีมะพร้าม ทำมะพร้ามนุ่มนิ่ม ปั้นดินเป็นรูปมะพร้าว กิจกรรมทั้งหมดก็ใช้เวลาไปชั่วโมงนิดๆ วันนี้เป็นของห้อง 8 อย่างเดียว เห็นของห้องอื่นๆเป็นเรื่องผัก ผลไม้กันมั้ง
...พอทำกิจกรรมเสร็จ เด็กบางคนก็จะกลับกับผู้ปกครองเลย บางคนก็อยู่เรียนต่อ พอแม่ๆเริ่มคุยกันว่าใครอยู่ใครไม่อยู่ เด็กจิ๋วได้ยินก็หูผึ่งเลย รีบวิ่งมาเกาะขาปะป๊า บอกว่าจะกลับด้วย พยายามบอกว่าอยู่เรียนไปก่อน อีกแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็มารับแล้ว แต่เด็กจิ๋วทำอ่อดอ้อนจนเราใจอ่อนในที่สุด
...เด็กจิ๋วตาบวมมาได้ 2-3 วันแล้ว บวมนิดๆ เมื่อวานเห็นตาแดงๆหน่อยด้วย ครูแหววก็บอกว่าน้องอิ๊กก็เป็น เชื้อแบคทีเรียเข้าตา ตาบวม 2 ข้างต้องหยุดเรียนเลย ออกจากโรงเรียนเลยรีบพาไปหาหมอ หมอก็บอกว่ามีเชื้อโรคเข้าตาแหล่ะ ให้ยามาหยอดตา แค่นั้น
...ตอนแรกปะป๊าคิดว่าเด็กจิ๋วจะมีปัญหาในการหยอดตา ปะป๊าเองยังกลัวเลย แต่เอาเข้าจริงๆ เด็กจิ๋วยอมหยอดแต่โดยดี มีขัดขืนเล็กๆ แต่สุดท้ายก็ยอมให้คุณแม่หยอด

๓ ขวบ + ๓๒๓ วัน...อังคาร ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...เมื่อวานเพิ่งชมว่าหยอดตาเก่ง ตกดึก เป็นเรื่องเลย ไม่ยอมหยอดตา ทะเลาะกับคุณแม่กันใหญ่ แต่ในที่สุดก็สำเร็จ พอมาเช้าวันนี้ก็เอาอีก ไม่ยอมหยอด เราก็บอกว่าถ้าไม่หยอดแล้วจะลามไปตาอีกข้างนะ ตาจะบอดนะ ต้องไปให้หมอผ่านะ หลอกหลายอย่างจนตอนหลังเด็กจิ๋วก็บอกว่า “น้องพริมอยากหยอด แต่น้องพริมไม่กล้า”...เราก็บอกว่า ถ้างั้นไม่ต้องหยอดแล้ว ไปโรงเรียนเลย เด็กจิ๋วก็ไม่เอา ร้องลั่นบ้าน “น้องพริมอยากหยอด น้องพริมอยากหยอด”...เอ้า ถ้าอยากหยอดก็มาหยอด พอจับมาหยอดก็บอกว่า “น้องพริมไม่กล้าหยอด”...พยายามกันอยู่นานมาก จากข้างบนย้ายลงมาที่ออฟฟิตมาพยายามกันต่อก็ยังไม่สำเร็จ จนคุณแม่บอกว่า งั้น ปะป๊ามาหยอดให้น้องพริมดู ถ้าป๊าหยอดแล้วน้องพริมต้องยอมหยอดนะ...อ้าว ทำไมความซวยมาตกอยู่ที่ปะป๊าอ่ะ คือต้องบอกว่าก่อนว่านิสัยไม่กล้าหยอดตาเนี่ยะ ก็คงจะติดมาจากปะป๊านั่นแหล่ะ ปะป๊าอะกลัว ไม่กล้า ไม่เหมือนคุณแม่ ทำไมคุณแม่ต้องมาหลอกใช้ปะป๊าเป็นเครื่องมือด้วย พอคุณแม่จะหยอด ปะป๊าเลยกระซิบว่า หยอดปลอมๆนะ แล้วคุณแม่ก็หยอดปลอมๆ ปะป๊ารับแอ๊คติ้งหน่อย ทำตาปิ๊งๆ ก็หลอกเด็กจิ๋วได้ พอเด็กจิ๋วเห็นปะป๊าหยอด ก็ยอมให้คุณแม่หยอดให้บ้างแต่โดยดี มุขนี้ใช้การได้ดี พอตอนเย็นกลับมาบ้านก็เอาอีก ให้หยอดไม่หยอด แต่พอให้ปะป๊าหยอดก่อน เด็กจิ๋วก็ยอมหยอดตามอีก ได้ผลเป็นครั้งที่ 2
...เช้านี้ตื่นมาจะไปโรงเรียนแล้วเด็กจิ๋วตัวร้อนๆ เลยตัดสินใจไม่ไป แทนที่เด็กจิ๋วจะนอนต่อ กลับมาปลุกปะป๊าให้พาไปดูการ์ตูน ปะป๊าไม่ยอม เลยปล่อยให้เล่นเกมส์ไป สักพักก็ลั้นลาตัวหายร้อน ไม่มีอาการป่วยใดๆ ตอน 9 โมงลองถามเด็กจิ๋วดูว่าอยากไปโรงเรียนเปล่า เด็กจิ๋วบอกว่าอยากไป ก็เลยพาไป ไปถึงโรงเรียน 10 โมง เพื่อนๆอยู่กันที่ห้องคอมพิวเตอร์ พอเด็กจิ๋วไปถึง เห็นครูเรียกไปหน้าห้อง ใช้เม้าส์จิ้มผลลัพธ์ของ 1 + 1...เออ เราเพิ่งรู้ว่ามีสอนบวกเลขแล้วด้วย พอเด็กจิ๋วจิ้มเสร็จก็เลิกคลาสพอดี
...อีกเหตุผลหนึ่งที่เด็กจิ๋วอยากไปโรงเรียนวันนี้ ก็คือรู้ว่าจะมีการแจกรางวัลประกวดภาพระบายสี และแล้วเด็กจิ๋วก็ได้รางวัลกลับมาบ้านจริงๆด้วย ตอนไปรับก็เอามาอวดใหญ่เลย เรียกว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี แบบว่าแข่งครั้งแรกก็ชนะ แบบนี้ครั้งต่อๆไปมันก็จะชนะไปเรื่อยๆ ที่จริงก็ไม่ควรคาดหวังลูกมาก แต่เอาเข้าจริงแล้วเรื่องแบบนี้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ลูกแข่งชนะเราก็ดีใจ และอยากให้ชนะเรื่อยๆ รางวัลที่ได้ เป็นตัวต่อกระดาษแข็ง 3 มิติ แบบ 3 อัน 100 เคยซื้อมาให้เด็กจิ๋วเล่นแล้ว กลับมาถึงบ้านก็รีบให้แกะมาช่วยกันต่อกับปะป๊า

๓ ขวบ + ๓๒๔ วัน...พุธ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...ตอนเช้าพยายามหยอดตาตั้งนาน ไม่สำเร็จ ไปต่อที่ลานจอดรถโรงเรียน พยายามกันอยู่นานมาก เด็กจิ๋วก็เหมือนเดิมคืออยากหยอดแต่ไม่กล้าหยอด สุดท้ายหยอดไปได้แต่ไม่รู้เข้าไม๊ เพราะเด็กจิ๋วหลับตาปี๋ แล้วเอาผ้าเช็ดอย่างแรง บอกว่าแสบตา ที่จริงมันไม่แสบนะ เพราะคุณแม่ลองกับตัวเองแล้ว ตอนไปส่งที่ห้องก็เอายาให้ครูแหววไว้ บอกว่าฝากหยอดให้หน่อย หยอดทุก 2 ชั่วโมง คือในใจเราก็คิดว่าโยนขี้ให้ครูแล้ว หวังว่าครูจะมีวิธีจัดการให้เด็กจิ๋วยอมหยอด พอตอนเย็นไปรับกลับ ครูแหววบอกว่าหยอดง่ายมาก ยอมหยอดแต่โดยดี หยอดครบทุก 2 ชั่วโมงเลย อาการตาก็ดีขึ้นแล้วนะ หายบวมแล้ว แต่มันเป็นแบบตาแฉะๆแทน
...วันนี้แม่ๆเพื่อนมาถามเรื่องงานระบายสีกระทงของเด็กจิ๋ว คือก่อนหน้านี้เราก็ชอบไปบ่นว่าเด็กจิ๋วขี้เกียจระบายสี เวลาทำการบ้านก็ไม่ยอมระบายสี แล้วอยู่ดีๆทำไมถึงมาระบายเก่งจนได้รางวัลที่หนึ่ง เป็นเพราะไปเรียนบองมาเช่หรือเปล่า เราก็งงเหมือนกัน เมื่อก่อนเด็กจิ๋วขี้เกียจระบายสีจริงๆ แต่ก็มาช่วงหลังๆนี่แหล่ะ ที่รู้สึกว่ามาสนุกกับการระบายสีแบบใช้หลายๆสีผสมกัน เหมือนจะนีกสนุกขึ้นมาเฉยๆไม่เกี่ยวกับที่เรียนบองมาเช่ด้วย อยู่ที่ความตั้งใจมากกว่า คิดว่าถ้าเด็กคนไหนตั้งใจก็ทำได้ดีหมดแหล่ะ อย่างวันนี้มีการบ้านให้ระบายสีทหาร เด็กจิ๋วเปลี่ยนสีไปมาประมาณ 30 ครั้ง กว่าจะได้ทหารคนหนึ่ง ตั้งใจทำมาก เราบอกว่าให้ใช้สีเดียวก็ได้ สงสาร แต่เด็กจิ๋วบอกว่า ไม่เอาเดี๋ยวไม่สวย ส่วนของหมวกทหารที่เป็นตารางๆตาข่าย ก็ระบายแบบช่องละสี ละเอียดมากๆ
...ตอนนี้ปะป๊ากับเด็กจิ๋วกำลังฝึกร้องเพลงทะเลสีดำกันอยู่ กะว่าเอาแบบร้องคู่กันแล้วปะป๊าเล่นกีตาร์ไปด้วย ท่าทางจะน่ารักมากๆ แต่ดูแล้วยากอ่ะ ถ้าร้องตามกันเด็กจิ๋วจะร้องได้ แต่ผลัดกันร้องคนละท่อนก็งงไปเลย ร้องต่อไม่ถูก ต้องขึ้นคำแรกให้ แบบนี้จะพอต่อไปได้

๓ ขวบ + ๓๒๕ วัน...พฤหัส ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...วันนี้ปะป๊าติดประชุม ไปรับเด็กจิ๋วไม่ได้ ให้คุณแม่ไปรับคนเดียว ตอนคุณแม่ไปรับ คุณครูบอกว่าตาน้องพริมเริ่มแย่ลงอีกแล้วนะ ทั้งๆที่หยอดตาทั้งวัน แล้วได้เจอแม่น้องอิ๊ก คือน้องอิ๊กหยุดเรียนไปยาว เพิ่งมาวันนี้ สาเหตุที่หยุดก็คือแบคทีเรียขึ้นตา ต้องแอ็ดมิท 3 คืน ฟังดูน่ากลัวมาก คุณแม่ตกใจรีบพาเด็กจิ๋วไปหาหมอทันที หมอคนนี้คนละคนกับเมื่อคราวที่แล้ว คนเดิมบอกว่าเป็นเชื้อโรคเข้าตา หรือไม่ก็แพ้อะไรสักอย่าง แบบนี้ไม่ติดต่อ หยอดตาเดี๋ยวก็หาย แต่หมอคนใหม่บอกว่าเป็นโรคตาแดงเลยแหล่ะ เกิดจากไวรัสหวัดนี่แหล่ะ ที่เด็กจิ๋วเพิ่งหาย มันขึ้นไปที่ตา แล้วที่สำคัญ แบบนี้มันติดต่อนะ แล้วเพื่อนๆในห้องไม่ติดกันไปแล้วเหรอเนี่ยะ
...ปะป๊าเสร็จจากประชุมแล้วรีบตามไปที่โรงพยาบาล คือกำลังกลัวกันอยู่ว่าเพื่อนๆในห้องจะติดกันไม๊ ปะป๊านี่แหล่ะ ติดเด็กจิ๋วมาแล้ว พอคุณแม่เจอปะป๊าที่โรงพยาบาลก็ตกใจเลย ปะป๊าตาแดงมาก อาการสาหัสกว่าเด็กจิ๋วอีก มิน่าละ วันนี้รู้สึกแปลกๆ ตาเคืองๆ ตาแห้งๆทั้งวัน มองอะไรก็ไม่ค่อยชัด ปะป๊าเลยโดนคุณหมอจับตรวจอีกคน คุณหมอบอกว่าเด็กจิ๋วขาลง ใกล้หายแล้ว แต่ปะป๊าขาขึ้น ต้องระวังจะติดกลับไปที่ลูกอีก
...วันนี้ซ้อมร้องเพลงทะเลสีดำ เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว บางท่อนปะป๊าจำผิด เด็กจิ๋วยังแย้งเลยว่า ท่อนนี้ต้องผู้หญิงร้อง คือความจำดีมากอ่ะ แต่ยังสับสนท่อนอยู่นิดหน่อย
...วันนี้เอาแบบฝึกหัดสาธิตให้ทำอีกแล้ว ภาพตรงข้าม ยากมาก แต่เด็กจิ๋วก็ทำได้ เวลาตอบถูกแล้วปะป๊าขนลุกเลย เก่งเกินคาด เป็นเด็กอัจฉริยะชัดๆ ตอนที่ปะป๊าสอน ก็ไม่รู้จะสอนยังไง สอนไปมั่วๆ แบบอันนี้ดำ อันนี้ขาว อันนี้ขาว อันนี้ดำ คือแค่ชี้ให้เค้าดู ปรากฎว่าเด็กจิ๋วสามารถเข้าใจได้เอง แล้วก็ตอบได้ถูกทุกข้อ จะมีบ้างที่ใจเร็วตอบเร็วเกิน ดูไม่ละเอียด
...ตอนค่ำต้องหยอดตาก่อนนอน ปะป๊าเป็นคนหยอดเอง เด็กจิ๋วเหมือนเดิม ยอมหยอดแต่กลัว พอจะหยอดก็หนี พอหยอดได้แล้วก็เช็ดออก ปี๋ตาแรงๆ ปะป๊าหมดความอดทนก็เลยโกรธเด็กจิ๋ว หลังจากนั้น เด็กจิ๋วก็ยอมให้คุณแม่หยอดให้แต่โดยดี นอนลืมตานิ่งๆ หยอดง่ายๆเลย แต่ปะป๊าเผลอหลับไปก่อนเลยยังไม่ได้คืนดีกัน มาคืนดีกันตอนเช้า

๓ ขวบ + ๓๒๖ วัน...ศุกร์ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...วันนี้เด็กจิ๋วหยุดเรียน ปะป๊าต้องไปประชุมก็ยกเลิกประชุม อาการแย่มาก มองแต่ไกลก็ดูออกว่าเป็นตาแดง ส่วนเด็กจิ๋วใกล้ปกติแล้วแหล่ะ วันนี้ยอมหยอดตาแต่โดยดีหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน กลัวปะป๊าโกรธอีก แบบนี้โกรธทุกวันเลยดีไม๊
...วันนี้นอกจากงดเรียนแล้ว ยังต้องยกเลิกเปียโนด้วย ที่จริงไปเรียนได้นะ ร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตาก็ไม่ค่อยแดงแล้ว แต่กลัวไปติดคนอื่นเท่านั้นแหล่ะ เปียโนนี่งดไปที่แล้วครั้งหนึ่ง
...วันก่อนเด็กจิ๋วทำการบ้านกับคุณแม่ มีแบบที่ต้องตัดกระดาษแล้วใช้กาวติด คุณแม่ไปเอากาวยู้ฮูมาทาๆ เด็กจิ๋วถามว่า “คุณแม่ กาวยู้ฮู เราใช้เสร็จแล้วต้องไปคืนพี่ยู้ฮูหรือเปล่า”...เอ่อ คือ มุกหรือถามจริง อาจจะคิดว่ากาวยู้ฮูคือกาวของพี่ยู้ฮูหรือเปล่า
...วันนี้ที่เด็กจิ๋วหยุดเรียน เห็นครูบุ๋มเอารูปเด็กๆมาโพสในเว็ป เพิ่งรู้ว่าเค้ามีการลอยกระทงย้อนหลังกันด้วย เพราะศุกร์ที่แล้วหยุดทั้งห้อง วันนี้เลยมาลอยกระทงกัน คือให้เด็กๆร่วมบรรยากาศ ถ่ายรูป เห็นเพื่อนๆเด็กจิ๋วบางคนใส่ชุดไทยมาด้วย
...วันนี้เราฝากเจ๊น่าไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าจากครูแหววกลับบ้าน เพราะทุกวันศุกร์ต้องเอาเครื่องนอนกลับมาซัก แต่วันนี้เจ๊น่าลืม ฝากเด็กก็อย่างงี้ยแหล่ะ ต้องทำใจ

๓ ขวบ + ๓๒๗ วัน...เสาร์ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...เมื่อคืนเราบอกเด็กจิ๋วว่าวันนี้จะพาไปดูโรงเรียนพิเศษ เด็กจิ๋วทำหน้าเสีย บอกว่า “แต่ที่แสงโสมมีครูขวัญนะ”...คือคิดว่าเราจะให้ย้ายโรงเรียน คิดถึงครูขวัญ เราต้องบอกว่าไม่ใช่ เรียนแสงโสมเหมือนเดิม อันนี้ไปเรียนพิเศษเหมือนครูหวาน ครูเมย์ไง
...วันนี้มี open house ที่บ้านครอบครัวสาธิต ไปกันถึง 10 โมง กด GPS ไป ปรากฎว่ามันพาเข้าทางลัด เข้าซอยตรงรัชดา แป๊บเดียวถึงโรงเรียนแบบงงๆ เร็วมากๆ ไม่ต้องเข้าถนนลาดพร้าว แต่ซอยแคบไปหน่อย ไปถึงก็เจอบ้านทาวน์เฮ้าส์ 1 ห้อง คับแคบมาก แต่เห็นว่าเค้ากำลังทำบ้านเพิ่มอีกห้อง ตอนที่เด็กจิ๋วไปเรียนไม่รู้จะเสร็จแล้วยัง
...เริ่มต้นครูดนัยก็แจกของเล่นเด็กๆเป็นห่อเล็กๆ ข้างในเป็นตัวต่อกระดาษโดเรม่อน ตอนแรกเด็กจิ๋วคิดว่าเป็นช็อกโกแล็ต จะขอแกะกินทันที ครูดนัยเป็นพ่อ เคยติวลูกสาวทั้ง 2 คน เข้าสาธิตเกษตรมาแล้ว ตอนนี้ลูกๆเรียนแพทย์จบแล้ว เลยมาช่วยกันสอนติวเด็ก 3 พ่อแม่ลูก เสร็จแล้วก็พากันไปดูห้องเรียน ซึ่งเป็นห้องรับแขกเก่าของบ้าน ยังคงเฟอร์นิเจอร์ของบ้านไว้อยู่เลย พวกตู้โชว์ เหมือนว่าแค่เอาโซฟาออกแล้วเอาโต๊ะเรียนเด็กมาตั้งแทน บรรยกาศไม่น่าเรียนเลย ห้องแคบๆประมาณ 3*3 เมตร เค้าบอกว่าจะมีเด็กเรียน 12-15 คน ก็รู้สึกแออัดเหมือนกัน
...ดูห้องเรียนเสร็จก็พากันลงมาทดลองเรียน ครูดนัยสอนเด็กๆโดยการเล่านิทาน ตอนแรกเราไม่รู้ว่านี่เป็นการสอน คิดว่าสันทนาการเด็กๆเฉยๆ เล่านิทานเรื่อง เรือแสนสนุกกับเสื้อแสนวิเศษ มีอุปกรณ์ เป็นกระดาษมาให้เด็กๆพับกันด้วย ตอนแรกพับเป็นเรือก่อน แล้วระหว่างเล่าเรื่องไปก็จะมีเหตุให้ฉีกเรือออกทีละส่วน ฉีกไปฉีกมาจนจบเรื่อง กางกระดาษออกมาจะกลายเป็นรูปเสื้อ ก็ตื่นตาตื่นใจดี แต่ที่สำคัญคือหลังเล่าเรื่องจบ ครูดนัยก็จะถามคำถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่เพิ่งเล่าไป อันนี้แหล่ะ เป็นข้อสอบใหญ่ของสาธิตเกษตรเลย คือจะเล่าเรื่องแล้วให้จับใจความพร้อมรายละเอียดให้ได้ เช่นใครใส่เสื้ออะไรถืออะไรอยู่ เด็กต้องจินตนาการเป็นภาพในหัว ถึงจะจำรายละเอียดได้ดี เพิ่งรู้ว่าข้อสอบสาธิตเกษตรมีแบบนี้ด้วย และเป็นส่วนสำคัญด้วยเพราะเค้าบอกว่าเป็นครึ่งหนึ่งของข้อสอบทั้งหมดเลย ข้อสอบทั้งหมดมี 80 ข้อ
...ตกลงเราก็จะเลือกที่นี่แหล่ะ เพราะครูดนัยดูเป็นคนดีมาก ลูกๆก็ดูน่ารัก วันนี้น้าเบียร์ไปด้วย แต่นิตาไม่ได้ไป ส่วนน้าปอยติดไปเที่ยวต่างจังหวัดเลยฝากเราดู

๓ ขวบ + ๓๒๘ วัน...อาทิตย์ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...คุณแม่เอาปูอัดมาให้เด็กจิ๋วกิน เด็กจิ๋วไม่ยอมกิน บ่นโวยวายโน่นนี่ คุณแม่เลยบอกว่า เจ้านี้อร่อยนะ ที่หนูเคยชอบไง เด็กจิ๋วย้อนตอบว่า “เราไม่ได้ซื้อจากจ้าว จ้าวที่ไหนขายปูอัด เราซื้อจากเซนทรัลนะ”...มุกนี้เด็ด
...ตอนเที่ยงๆปะป๊าทนไม่ไหว ต้องไปหาหมออีกรอบ เพราะตาแดงไม่หายซะที เป็นหนักกว่าเก่าอีก ไปหาหมอแล้วก็บอกว่าไม่มีอะไร แค่เชื้อตัวนี้อาจจะแรงซะหน่อย ก็ต้องทนต่อไป แต่เปลี่ยนยาให้ หวังว่ายาตัวนี้จะดีกว่าเก่า เลยให้หมอช่วยดูตาเด็กจิ๋วให้ด้วย หมอบอกว่าก็เชื้อน่าจะหมดแล้ว ไปโรงเรียนได้ แต่ตายังแดงๆอยู่นิดๆเพราะเป็นแผลจากเชื้อไวรัส
...เราเลื่อนเรียนเปียโนเมื่อวันศุกร์มาเป็นวันนี้ ตอนบ่าย 2.30 เลยพากันไปเซนลาด วันนี้ครูหวานบอกว่าเด็กจิ๋วตั้งใจเรียนดี วันนี้เริ่มเรียนสองมือในเพลงเดียวกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้กดพร้อมกันนะ คือท่อนแรกมือซ้ายอีกท่อนมือขวา เล่นต่อกัน
...วันนี้ไปซื้อหนังสือสารานุกรมเด็กมาให้เด็กจิ๋ว ซื้อมาลอง 3 เล่ม อยากจะซื้อมานานแล้วแต่ลืมๆไม่ได้ซื้อซะที ที่จะซื้อก็เพราะรู้สึกว่าเด็กจิ๋วความจำดีมาก เคยสอนอะไรไปจะจำได้หมด ถ้าเราลองใส่ข้อมูลความรู้เข้าไป ก็น่าจะมีประโยชน์มิใช่น้อย ที่เมื่อวานไปบ้านครอบครัวสาธิต ครูดนัยก็พูดถึงความรู้รอบตัว เป็นส่วนหนึ่งของข้อสอบ วันนี้เลยจัดมาลอง เด็กจิ๋วให้ความสนใจฟังดีนะ บางเรื่องจะยากเกินไปก็ข้ามๆไปก่อน แต่บางเรื่องก็น่าสนใจมาก อย่างเช่นเวลาเราอึ๊ลงชักโครกแล้ว อึ๊ไปอยู่ที่ไหน เด็กจิ๋วตั้งหน้าตั้งตาฟังคำตอบใหญ่เลย

๓ ขวบ + ๓๒๙ วัน...จันทร์ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...เมื่อวานไปหาหมอกันอีกรอบหนึ่ง เพราะปะป๊าอาการไม่ค่อยดี กลัวว่าเชื้อจะเข้ากระจกตา เพราะหมอเคยบอกว่าถ้าเข้ากระจกตาจะอันตราย วิธีสังเกตก็คือตาจะมองไม่ชัด ซึ่งมันก็ไม่ชัดมาตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะ แล้วอาการไม่เห็นดีขึ้น หมอบอกว่าจะหายใน 3 วัน นี่วันที่ 3 แล้วอาการยิ่งหนักลงอีก ตาบวมปิดเกือบจะมิดแล้ว วันนี้ได้หมอใหม่ เป็นผู้ชายไม่แก่มาก เป็นอาจารย์หมออยู่วชิระด้วย น่าจะโอเค หมอบอกว่าเชื้อยังไม่เข้ากระจกตา แต่ยาตัวเดิมมันอ่อนไป เลยเปลี่ยนยาใหม่ให้ แล้วก็ให้ดูเด็กจิ๋วด้วย หมอบอกว่าเด็กจิ๋วหายแล้ว ไปโรงเรียนได้แล้ว ไม่น่าจะแพร่เชื้อแล้วล่ะ แต่อาการจะยังมีอยู่เพราะเส้นเลือดต่างๆยังแตกๆไม่เข้าที่ จะยังแดงเล็กน้อยไปอีกสักพัก
...เมื่อวานพอกลับมาบ้าน คุณแม่ก็เริ่มเป็นตาแดงอีกคนแล้ว คราวนี้เป็นกัน 3 พ่อแม่ลูกเลย
...ตอนเช้าวันนี้ตื่นมาแต่เช้า กะว่าจะพาเด็กจิ๋วไปโรงเรียน เพราะหมอบอกว่าหายแล้ว แต่จะไปยังไงดีล่ะ ปะป๊ากับคุณแม่ก็ไปส่งไม่ได้เพราะตาแดง เดี๋ยวไปติดคนอื่น จะฝากอาโกวไปก็ลำบาก เพราะปกติเวลาอาโกวไปส่งจะส่งที่ธนาคารปากซอย แล้วให้เจ๊น่าเฮียโรนั่งรถตู้ต่อเข้าไป คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจไม่ไปดีกว่า ช่วงนี้มีสอบอยู่ด้วย แต่ไม่เป็นไร สอบแบบตัวต่อตัว สอบทีหลังก็ได้
...วันนี้อยู่กันแต่ข้างบนบ้าน ไม่ไปโรงเรียน ไม่ลงไปออฟฟิตด้วย กลัวพี่ๆที่ออฟฟิตติดเชื้อ ทำอาหาร ดูการ์ตูน เล่นของเล่น แล้วช่วงนี้ปะป๊าพยายามอ่านหนังสือสารานุกรมเด็กให้ฟัง รู้สึกดีมาก เพราะอ่านไปสอนไปแล้วเด็กจิ๋วจำได้หมดเลย วันนี้สอนยากๆเลยเกี่ยวกับออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์

๓ ขวบ + ๓๓๐ วัน...อังคาร ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...ทำไมหมดบอกว่าเด็กจิ๋วหายแล้ว คุณแม่ดูยังไงก็ไม่หายนะ คือแดงไม่มากแบบปะป๊า แต่ก็มีน้ำตาไหล มีขี้ตาแฉะทั้งวัน ส่วนคุณแม่เองเมื่อวานเป็นข้างเดียว วันนี้ลามมา 2 ข้างแล้ว รวดเร็วมาก มีอาการปวดๆด้วย ฟังดูเหมือนรุนแรงกว่าปะป๊าเลย วันนี้เลยพากันไปหาหมออีกรอบ ของคุณแม่นี่เป็นขั้นรุนแรงจริง เข้ากระจกตาแล้ว คาดว่าเป็นเพราะวันแรกที่เริ่มเป็น ยังไม่ได้ถอดคอนแทคเลนส์ เลยอาการหนัก ส่วนปะป๊าเองก็เริ่มเข้ากระจกตาตามมาติดๆ ส่วนเด็กจิ๋วที่วันก่อนบอกว่าหายแล้ว วันนี้ดูอีกทีก็บอกว่าเข้ากระจกตาแล้วเหมือนกัน อ้าว เป็นหนักพ่อแม่ลูกเลยเหรอ เริ่มไม่แน่ใจในตัวหมอแล้วดิ่ หมอก็เพิ่มยาเสตียรอยให้ เป็นยาแรงขึ้น แต่ของเด็กจิ๋วให้ใช้ยาตัวเดิม คุณแม่มาหาข้อมูลในเว็ปเพิ่มเติม ก็รู้หลายอย่างที่หมอไม่ได้บอก คือพวกเราเป็นตาแดงจากไวรัส จะหายช้ากว่าแบคทีเรีย เด็กจะมีอาการน้อยกว่าผู้ใหญ่ แล้วก็จะเป็นอยู่ 2 อาทิตย์เลยถึงจะหาย โอ้ว ช่างโหดร้ายมาก เพิ่งรู้ว่าโรคตาแดงมันรุนแรงขนาดนี้
...ช่วงนี้เด็กจิ๋วดื้อจัดมาก วันก่อนน้าปอยเพิ่งมาบ่นๆว่าไม่ไหวแล้ว อั๊งดื้อมาก คิดว่าเด็กจิ๋วก็เป็นเหมือนกันอยู่เนี่ยะ ตอนนั้นอั๊งป่วยเหมือนกัน คือเข้าใจแหล่ะ เด็กมันป่วยอยู่ ถึงแม้ตัวเองจะไม่รู้ว่าป่วย แต่มันก็คงจะหงุดหงิดรำคาญ เลยงอแงแล้วก็ดื้อไปซะทุกอย่าง ปะป๊ากับคุณแม่ก็ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง เมื่อคืนปะป๊าก็โกรธไม่นอนกอดไปทีหนึ่ง พอเช้ามาคืนดีกัน ก็เหมือนจะกลับตัวเป็นเด็กดีไม่ชั่วโมงเดียวก็ดื้ออีก

๓ ขวบ + ๓๓๑ วัน...พุธ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...ช่วงนี้ไม่ค่อยขอใส่ชุดราพันเซลแล้ว เปลี่ยนเป็นชุดบัลเล่ต์แทน ใส่ทุกวันมาตั้งแต่วันจันทร์แล้ว บางวันขอใส่ชุดชมพูด บางวันใส่สีขาว ใส่แล้วก็ไม่ได้เต้นบัลเล่ต์นะ ใส่อยู่เฉยๆทั้งวันนี่แหล่ะ
...วันนี้เจ๊น่าเอาการบ้านจากครูแหววมาให้ มี 11 หน้า ที่จริงการบ้านแค่นี้สำหรับเด็กจิ๋วนี่ไม่คณามืออยู่แล้ว ทำรวดเดียวเสร็จได้ง่ายๆ แต่วันนี้ให้ทำไป 9 หน้าพอ เก็บไว้ทำต่อพรุ่งนี้บ้าง กลัวพรุ่งนี้ไม่มีไรทำ สงสัยว่าทำไมการบ้านเด็กต้องมีระบายสีทั้งนั้นเลย คือปกติการบ้านมาทุกวันก็มีระบายสีแหล่ะ แต่วันละหน้า อันนี้พอมารวบกันเยอะๆกลายเป็นว่าต้องระบายเต็มไปหมด เด็กจิ๋วก็ระบายไปมั่วๆ ทำเสียชื่อแชมป์ชนะเลิศระบายสีภาพกระทงเลย ที่ให้ระบายสีเยอะๆ ไม่รู้ว่าต้องการให้เด็กสนุกไม่เบื่อ หรือต้องการให้เด็กฝึกกล้ามเนื้อมือก็ไม่แน่ใจ
...ช่วงนี้เอาแบบฝึกหัดสาธิตเกษตรมาให้เด็กจิ๋วทำทุกๆวัน ครั้งแรกๆที่ซื้อแบบฝึกหัดมาเปิดดู รู้สึกว่ามันยาก แต่พอเอามาทำแล้ว ทำไปทำมา เด็กจิ๋วก็ทำได้ส่วนใหญ่นะ อะไรที่ไม่รู้ว่าจะสอนยังไงก็แค่บอกให้ดูเอาเอง อย่างรูปเงาสะท้อน ก็บอกว่าตัวอย่างเป็นแบบนี้ มันจะกลับหัวแบบนี้นะ แล้วให้ลองทำ ก็ทำพอได้ มีจะงงบ้างเพราะขนาดผู้ใหญ่เองก็จะงงๆเหมือนกัน คือต้องสังเกตดีๆ เด็กจิ๋วเข้าใจแล้วล่ะแต่ขึ้นอยู่ว่าจะใจร้อนหรือละเอียดรอบคอบก็เท่านั้น แล้วก็มีเรื่องต่อภาพสมดุลย์ อันนี้ไม่รู้จะสอนยังไงเหมือนกัน ก็แค่บอกว่า ดูเอา ทำยังไงให้รูปมันสวยงาม บาลานซ์กัน คำว่าบาลานซ์ เด็กจิ๋วก็คงไม่เข้าใจ จะอธิบายก็พูดไม่ถูก แต่เด็กจิ๋วก็ดูๆเอาแล้วก็ทำได้เอง รู้สึกว่าทึ่งกับลูบรักคนนี้มาก เด็กอัจฉริยะชัดๆ
...รู้สึกว่าได้อยู่บ้านกับปะป๊าคุณแม่ทั้งวันจะมีความสุขมากเลยนะ ตื่นนอนมาก็ไม่ต้องไปโรงเรียน นอนจับมือปะป๊าแล้วก็อมยิ้มไปมา ร่าเริงสนุกสนานทั้งวัน ตอนอาบน้ำก็ลั้นลามาก แวกว่ายอยู่ในอ่างไม่ยอมขึ้น ว่ายไปก็ร้องเพลง classsic ไปด้วย ราวกับตัวเองเป็นเจ้าหญิงกำลังเต้นรำอยู่ในน้ำ

๓ ขวบ + ๓๓๒ วัน...พฤหัส ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...วันนี้พากันขึ้นไปเล่นดาดฟ้า ที่จริงอยู่บ้านมาหลายวันแต่ไม่ได้ขึ้นดาดฟ้ากันเลย ส่วนใหญ่อยู่กันแต่ห้องครัวกับห้องโฮม ปะป๊ากับคุณแม่ขี้เกียจขึ้น
...อาทิตย์นี้ป่วย อยู่บ้านทั้งวัน เป็นโชคดีที่ปะป๊าได้มีเวลาฝึกซ้อมกีตาร์ หวนคืนวงการ หลังจากวางมือไป 20 ปี ต้องซื้อสายมาเปลี่ยน รื้อฟื้นคอร์ดต่างๆ จับคอร์ดทุกวันให้นิ้วด้าน ในที่สุดวันนี้ก็ได้ฤกษ์พาเด็กจิ๋วมาร้องเพลงทะเลสีดำ ถ่ายคลิปได้สำเร็จ ต้องพยายามอยู่ 5-6 เทค บางทีไม่ตั้งใจ บางทีล่ม บางทีถ่ายๆอยู่แล้วโทรศัพท์เข้า จนเทคสุดท้ายน่าประทับใจสุดๆ เด็กจิ๋วร้องแบบทำหน้าทำตา ตอนจบมีจุ๊บให้กล้องแถมอีกต่างหาก ปะป๊ากับคุณแม่ดีใจมาก
...เด็กจิ๋วชอบพี่ตุ๊กตา the voice มาก เวลาดูคอนเสิร์ตกันก็จะขอดูแต่พี่ตุ๊กตา ดูซ้้ำไปซ้ำมา เวลาดูเค้าร้องจบแล้ว ปะป๊าจะปิดก็ไม่ให้นะ บอกต้องรอเค้าประกาศผลก่อน คือดูไปหลายรอบแล้ว รู้อยู่แล้วว่าชนะ เวลาดูซ้ำก็ดูเฉพาะตอนร้องก็พอ จะมาดูตอนประกาศผลทำไมเนี่ยะ แล้วไม่ดูเปล่านะ คคคมาชวนปะป๊าเชียร์ไปพร้อมๆกัน ตุ๊กตา ตุ๊กตา คือทำเหมือนไม่เคยดูมาก่อนอ่ะ แล้วพอประกาศผลชนะ ก็ดีใจสุดขีด ตลกมาก
...วันนี้รู้สึกว่าเป็นเด็กดีนะ ไม่ดื้อเลย หรือว่าจะดื้อจนเบื่อแล้ว เริ่มคิดว่ามันอาจจะเป็น cycle คือดื้อไปเรื่อยๆพอถึงจุดอิ่มตัวก็หายดื้อ แล้วสักพักก็กลับมาดื้อใหม่ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ วันนี้ยอมหยอดตาแต่โดยดี ไม่อาละวาด ไม่บอกว่ากลัวๆแล้ว

๓ ขวบ + ๓๓๓ วัน...ศุกร์ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...วันนี้รู้สึกว่าเด็กจิ๋วจะหายแล้วนะ ตาดีมากแล้ว เหลือแค่จุดแดงๆที่คงเป็นเส้นเลือดฝอยแตก เชื้อไวรัสคงหมดแล้ว แต่เปียโนวันนี้ก็ต้องยกเลิกเพราะไม่รู้จะไปส่งยังไง ขอเลื่อนทางโรงเรียนไปเป็นวันอาทิตย์ก่อน เผื่่อฟลุ๊คๆปะป๊าหายทันไปส่ง แต่ปะป๊ากับคุณแม่เองตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าดีขึ้นเลย เป็นแบบรุนแรงเหมือนเดิม โทรไปถามน้าแจ๊คที่เคยเป็นมาแล้ว น้าแจ๊คบอกว่าตอนนั้นติดน้องมุกมาเหมือนกัน เป็น 2 อาทิตย์เต็มจริงๆ อาการมันจะไม่ค่อยดีขึ้นนะ มันจะหนักๆ แล้ววันที่ 12-13 ก็จะขาวเอง แต่ก็จะยังมีจุดแดงๆเส้นเลือดฝอยอยู่
...วันก่อนที่เล่นกีตาร์ร้องเพลงกัน ท่อน Intro ปะป๊าเกากีตาร์ผิดไปสายหนึ่ง เด็กจิ๋วหันมาถามว่า ทำไมเสียงเพี้ยนอ่ะ คือแบบนี้มันหูขั้นเทพคารวะเลย คุณแม่ฟังไม่รู้เรื่อง แต่เด็กจิ๋วช่างสังเกตุด้วยแล้วก็หูดีด้วย คำว่า "ขั้นเทพคารวะ" นี่เด็กจิ๋วคิดเองนะ คือระดับเหนือมาก ขนาดเทพยังต้องคาระวะ ไม่รู้ไปเอามาจากไหน ควดว่าคิดเอง เพราะปกติเป็นเด็กสร้างสรรค์ชอบคิดคำใหม่ๆขึ้นมาเองเรื่อยๆอยู่แล้ว
...ที่อัดคลิปร้องเพลงกัน เด็กจิ๋วเค้าจะพูดนำเข้าเพลงก่อนนะ "ท่านผู้ประชมคะ ต่อไปนี้จะเป็นคนร้องเพลงทะเลสีดำ"...น่ารักมาก คิดมาจากไหนก็ไม่รู้ ไม่มีใครสอนนะ เราไม่เคยแน่ๆ อี๊ป้อมก็ไม่น่า คงฟังมาจากทีวี แต่ก็นึกไม่ออกเพราะปกติไม่เคยให้ดูทีวีอยู่แล้ว คำว่าท่านผู้ประชม คิดเอง เอาคำว่า ผู้ชม กับประชุม มาผสมกัน
...วันนี้ทำแบบฝึกหัดเรื่องภาพหมุน ยากเหมือนกัน ขนาดผู้ใหญ่ยังมึน คือมีภาพโจทย์ 1 ภาพ แล้วภาพตัวเลือก 4 ภาพ ให้เลือกว่าภาพไหนเหมือนภาพโจทย์ แต่ภาพในตัวเลือกก็จะหมุนตีลังกาไปเรื่อยๆ เราดูก็งง ต้องหมุนรูปไปมา ตอนแรกสอนเด็กจิ๋วแล้วท้อเหมือนกัน มันยากมาก ต้องสอนให้ดูภาพโจทย์ก่อน แล้วดูว่าภาพสัตว์หรือหน้าคน หันหน้าไปด้านไหน ซ้ายหรือขวา แล้วให้กำมือข้างนั้นไว้ แล้วค่อยๆหมุนภาพตัวเลือกว่าภาพไหนหันไปด้านที่มือกำ ก็จะเป็นภาพที่ถูก คือที่ต้องให้กำมือก็เพราะเด็กจะช้ามาก ในการหมุนภาพตัวเลือกทีละภาพ ถ้าไม่กำมือไว้ก็จะลืมว่าภาพโจทย์หันด้านไหนกันแน่ ตอนแรกๆที่สอน ถ้าปะป๊าทำไปพร้อมๆกับเด็กจิ๋ว เด็กจิ๋วก็จะตอบถูก แต่เวลาให้ทำเอง เหมือนขี้เกียจหมุน หรือบางทีหมุนไปแล้วก็ลืมว่าภาพโจทย์หันทางไหน มือที่กำบางทีก็เผลอแบ มันมีอุปกสรรคเต็มไปหมดสำหรับเด็ก ในที่สุดก็เอาการ์ตูนมาหลอกล่อ แล้วเด็กจิ๋วก็ตั้งใจทำ ก็สามารถทำได้อย่างถูกต้อง คือทุกอย่างถ้าตั้งใจก็จะทำได้แหล่ะ
...ช่วงหยุดตาแดงนี่ดูการ์ตูนทุกวัน วันละ 1-2 เรื่อง ได้ดูเรื่องแปลกๆเยอะแยะ ไม่จำเจอยู่กับบาร์บี้แล้ว วันนี้ดู Ice Age มี 4 ภาค ภาคแรกที่ดูคือภาค 2 ตอนแรกจะดูภาค 3 ก่อนซะด้วยซ้ำ เราบอกต้องดูภาค 1 ก่อน ก็ไม่เอา ในที่สุดต่อรองได้ภาค 2 พบกันครึ่งทาง คือเด็กจิ๋วคงไม่เข้าใจหรอกว่าภาค 1 2 3 มันมีความหมายยังไง ใช้วิธีดูรูปเอาว่าชอบรูปไหน อย่างถามว่ารักปะป๊าที่เท่าไหร่ ก็ตอบว่าที่ 10 ซึ่งที่ 10 นี่คือเยอะนะ ถ้ารักน้อยๆจะเป็นที่ 1

๓ ขวบ + ๓๓๔ วัน...เสาร์ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
...อาทิตย์ที่ผ่านมาเด็กจิ๋วตื่นสายขึ้น สายขึ้นทุกวัน เมื่อวานตื่นเกือบเที่ยง จนวันนี้เที่ยงแล้วยังไม่ตื่น อะไรมันจะชีวิตแหลกเหลวอย่างงี้ ต้องไปปลุก กว่าจะลุกได้ก็เที่ยงครึ่ง กินอาหารกลางวันพอดี
...วันนี้ให้ทำแบบฝึกหัดเรื่อง sequence รู้สึกยาก สำหรับเราก็ยาก สำหรับเด็กจิ๋วก็ยาก ไม่รู้จะสอนยังไงให้เข้าใจ พยายามจนเด็กจิ๋วท้อ ต้องขอพัก คุณแม่ก็บอกว่าปะป๊าอัดเกินไป สงสารเด็กจิ๋ว แต่ปะป๊าว่าตั้งมาตรฐานไว้สุงๆตั้งแต่ต้นดีกว่า ต่อไปจะได้สบายยาว แล้วเห็นเด็กจิ๋วก็สนุกลั้นลาดีไม่เห็นจะเครียด เวลาสอนปะป๊าก็สอนเอง เด็กจิ๋วก็ดูมีความสุขที่ได้เรียนกับปะป๊า วันนี้ลองให้คุณแม่มาสอนบ้าง เด็กจิ๋วบอกว่าไม่เอา ปะป๊าสอนเก่งกว่า สอนเสร็จก็ให้รางวัลเป็นการ์ตูน กับวิตามิ้นมินซี
...สองวันมานี่ ปะป๊ากับคุณแม่นั่งทำของขวัญปีใหม่บริษัท จะเริ่มแจกให้ลูกค้าวันจันทร์หน้านี้แล้ว ต้องทำโบว์ ทำป้ายติด เด็กจิ๋วก็มาช่วยป่วนด้วย ขโมยเชือกสีๆไปเล่น ปะป๊ากับคุณแม่นั่งทำกันไปหน้าห้องโฮม ให้เด็กจิ๋วดูการ์ตูนอยู่ในห้องโฮมคนเดียว แต่ต้องเปิดประตูทิ้งไว้ เพราะเด็กจิ๋วจะต้อง
คอยมารายงานเรื่องราวให้เราฟังตลอดเวลา แบบคิดว่าเราคงอยากรู้ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว
...วันนี้เด็กจิ๋วเกิดอยากเป็นเบบี๋ สงสัยดูจากการ์ตูน Ice Age ภาค 1 มีเด็กทารกอยู่ในเรื่อง บอกว่าอยากกลับไปเป็นเบบี๋อีก แล้วก็ทำอ้อแอ้พูดไม่ได้ ตอนแรกคุณแม่ก็สงสัยว่าทำไมเด็กจิ๋วถึงรู้รายละเอียดของเบบี๋ ว่า พูดไม่ได้ เดินไม่ได้ อยู่นิ่งๆ เวลาจะเอาอะไรก็อ้อๆแอ้ๆ คิดไปคิดมาก็คือคงจำมาจากการ์ตูนส่วนหนึ่งซึ่งคิดว่ายังไม่เพียงพอ ต้องประติดประต่อจากข้อมูลอื่นๆอีกด้วย ซึ่งเด็กจิ๋วเป็นเด็กช่างสังเกตุและความจำดีเป็นเลิศ รายละเอียดพวกนี้มาจากไหนบ้างเราก็จำไม่ได้แล้ว แต่เด็กจิ๋วจะเก็บได้หมด อย่างวันก่อนเราบอกเด็กจิ๋วว่าหนูแขนสั้น หยิบของไม่ถึงหรอก เด็กจิ๋วก็บอกว่า "แขนไม่ยาวเหมือนแม่นาคพระโขนงเหรอ"...เราก็สงสัย ทำไมถึงรู้จัก เด็กจิ๋วก็เล่ารายละเอียดเลย "ก็วันนั้น ที่อาโกว เจ๊น่า เฮียโร ขึ้นมาดูแม่นาคพระโขนงกันที่ห้องโฮมไง แล้วที่ไม่ให้หนูดูอะ"...คือจดจำรายละเอียดได้ดีมากๆ
...วันนี้ทดสอบความจำเด็กจิ๋วโดยเล่าเรื่องลูกแพะสามตัวหนีออกจากบ้านให้เด็กจิ๋วฟัง แล้วให้ตอบคำถามถึงรายละเอียดในตัวละครในเรื่อง เด็กจิ๋วจดจำได้ดีมาก ไม่ครบถ้วนเต็มร้อย แต่ก็เก่งมากๆ ขนาดปะป๊าเล่าเอง แล้วให้คุณแม่นั่งจำด้วย ยังจำไม่ค่อยได้เหมือนกัน คือแพะแต่ละตัวใส่เสื้อสีอะไร กางเกงหรือกระโปรงสีอะไร มือถืออะไรอยู่ แล้วระหว่างกลางเรื่อง ปะป๊าก็แอบซ่อนความยากตรงที่ของที่ถือในมือ มีการโยนส่งให้คนอื่น อันหนึ่งให้คนหนึ่ง อีกอันตกใส่หัว แล้วลองถามดูว่า ตอนหลังใครถืออะไร เด็กจิ๋วก็ตอบได้แม่นไม่หลงกลเลยแม้แต่น้อย พอจบแล้วปะป๊าก็ลองให้มาช่วยกันวาดรูปประกอบเรื่องราวที่เพิ่งจบไป เห็นเค้าบอกว่าข้อสอบที่สาธิตรามจะเป็นแบบนี้ ให้ฟังเรื่องแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นภาพ แต่อันนี้ยังยากไปสำหรับเด็กจิ๋ว ปะป๊าเองก็ยังเกือบไม่รอด วาดได้มั่วซั่วมาก แต่กะว่าจะฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าทำได้นี่ขั้นเทพคาระวะเลย