วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557

@Holiday Inn Pattaya

พัทยา ทะเลใกล้ๆกรุงเทพ ขับรถไปแป๊บเดียวถึง เชื่อว่าเกือบทุกคนน่าจะเคยไปมาแล้ว
เด็กจิ๋วก็เหมือนกันค่ะ ไปนอนพัทยามาแล้ว 6 ครั้ง ยังไม่เคยเห็นว่าทะเลพัทยาสวยซักที
ได้แต่คิดว่าที่นี่คงเป็นทะเลที่ใกล้กรุงเทพที่สุด คนเลยมาเที่ยวกันเยอะ
มันก็เหมือนกับว่า จะไปเที่ยวทะเล คิดไรไม่ออก ก็พัทยา หัวหิน ประมาณนี้
แต่การไปพัทยาครั้งนี้ทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไป เราได้เห็นว่าทะเลพัทยาก็สวยไม่แพ้ที่ไหนๆเหมือนกัน
ตอนฟ้าใสๆ แดดจ้าๆ ทะเลพัทยาสีสวยมากๆ นี่คงเป็นเหตุผลที่พัทยายังคงเป็นที่นิยม คึกคัก ไม่เปลี่ยนแปลง
อยากเห็นทะเลพัทยาสีสวยๆ ตามเด็กจิ๋วไปกันเลยค่ะ

เราออกจากกรุงเทพกันเกือบๆเที่ยง กะว่าจะไปทานกลางวันที่ร้าน Coffee Club สาขาจุดแวะพัก Motor Way ค่ะ
ก่อนหน้าจะไปพัทยา เราเพิ่งได้เห็นรีวิวร้านนี้ และหมายมั่นว่าจะมาชิมซีซ่าร์สลัดที่นี่ให้ได้
และด้วยความบังเอิญ ทาง Coffee Club ก็ชวนให้เราไปชิมอาหารของเค้าพอดี เลยเหมาะมากๆ จังหวะพอดีกันเลย

ร้าน Coffee Club เป็น Chain ร้านกาแฟของประเทศ Australia ที่เครือ Minor Food เป็นผู้นำเข้ามาในไทยค่ะ
ตอนขับรถเข้ามา มองหาป้ายร้านยากซักหน่อย เพราะป้ายไม่ใหญ่มาก แถมเป็นสีดำด้วย
แต่ไม่เป็นไรค่ะ ให้มองหา Burger King เลยค่ะ เพราะร้านอยู่ติดกัน (ก็เครือเดียวกันนี่นา)


Coffee Club สาขานี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ถือเป็นอีกทางเลือกนึงของผู้แวะพักหาอะไรทานที่จุดพักรถนี้ค่ะ
ร้านนี้ไม่ได้ขายแต่กาแฟนะคะ มีอาหารอร่อยๆ มากมายเลยค่ะ
จานแรกนี่ตั้งใจจะมาทานมากๆ ก็คือ Caesar Salad ค่ะ จานนี้อร่อยมากค่ะ รสชาติกำลังพอดี ทานกันหมดเรียบเลย

เมนูโปรดของปะป๊า แฮมเบอร์เกอร์เนื้ออันนี้มีชื่อยาวๆว่า Strong Arm Angus Burger with Cheese and Bacon 
อันนี้ปะป๊าบอกว่าอร่อยมากๆ จริงๆ ทีแรกดูเมนูคิดว่าราคาสูงไปนิด แต่พอยกมาเสิร์ฟถึงรู้ว่าเพราะมันอันใหญ่มากนี่เอง

จานนี้เป็น Grilled Sandwich แฮมกับสัปปะรด ของแม่ เราเฉยๆกับจานนี้นะคะ รสชาติแบบมาตรฐานทั่วไป
ทีแรกก็ลังเลว่าจะสั่งชุดอาหารเช้าดีมั้ย เพราะน่าทานมากๆ (ที่นี่เสิร์ฟเมนูอาหารเช้าทั้งวันนะคะ มาตอนไหนก็สั่งได้ พลาดๆ คราวหน้าเอาใหม่)

นอกจากอาหารฝรั่งแล้ว ก็มีอาหารไทย และญี่ปุ่นที่เป็นอาหารจานเดียว ในราคาจานละ 99 บาทด้วยนะคะ
(เทียบราคากับเมนูอื่นๆแล้ว อาหารจานเดียวก็ถือว่าไม่แพงละค่ะ)
จานนี้ข้าวหน้าแกงกะหรี่หมูทอดของเด็กจิ๋ว
สั่งมาแล้วเพิ่งนึกได้ว่ามันจะมีกลิ่นผงกะหรี่ เด็กจิ๋วไม่น่าจะกินได้ แต่กลับกินได้เฉยเลย

มาถึงเครื่องดื่ม
แก้วนี้กาแฟเย็น Classic Iced Coffee เป็นแบบหวานมัน สไตล์กาแฟเย็นไทยค่ะ ถูกใจเลยค่ะ แม่ชอบรสนี้ อ้วนดี

ปะป๊ากับเด็กจิ๋วไม่กินกาแฟ เลยสั่ง Chocolate มากันคนละแก้ว
ของปะป๊า Signature Iced Chocolate รสชาติเข้มข้นดีค่ะ

ส่วนของเด็กจิ๋ว Marshmallow Chocolate Frappeอันนี้เด็กชอบ แต่ปะป๊าบอกว่านมๆไปหน่อย ปะป๊าชอบแบบเข้มๆ

มื้อนี้อิ่มอร่อยกันแน่นมากๆ

อิ่มแล้วมาดูบรรยากาศร้านกันบ้าง
ร้านตกแต่งเรียบๆ เก๋ๆ น่านั่งค่ะ


ที่ชอบอีกอย่างของร้านนี้คือ ห้องน้ำค่ะ ใหญ่และสะอาด

อิ่มแล้ว เดินทางต่อไปพัทยากันเลยนะคะ
ทางไปพัทยารถติดมากเป็นช่วงๆค่ะ เนื่องจากมีการทำถนนเป็นระยะๆ กว่าจะมาถึงโรงแรมก็บ่ายมากๆแล้ว
Holiday Inn Pattaya อยู่ถนนเลียบหาดพัทยาเลยค่ะ เป็นย่านที่ค่อนข้างคึกคักมากๆ ทั้งริมหาดและในน้ำค่ะ
ที่พักของเราเป็นตึกใหม่ ชื่อว่า Executive Tower จะอยู่ด้านหลังตึกเดิม (Bay Tower)
Lobby ตกแต่งสวยงามมากๆ ค่ะ



โซฟาดีไซน์เก๋ไก๋ สีสันสวยงาม น่านั่งมากๆ เค้าบอกว่าเป็น concept ใต้ท้องทะเลค่ะ


เก้าอี้เป็นก้อนหิน เก๋เก๋


พยายามถามอยู่ว่าอันที่เป็นเหมือนสุ่มสานๆ นี่คืออะไร ได้ความว่าน่าจะเป็นปะการังใต้ทะเล

ประติมากรรมบนผนังตรงโทรศัพท์นี่ดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร เดาว่าเป็นปลารึเปล่า

มุมนึงของ Lobby จะเป็นร้านขนมเครื่องดื่มเล็กๆ ชื่อว่า Flow
ร้านนี้มีทั้ง 2 ตึก ที่ตึก Bay Tower ดูร้านจะใหญ่กว่านี้

ห้องพักเราอยู่ชั้น 16 เป็นห้องแบบ Deluxe Ocean View

ห้องพักที่นี่เห็นทะเลทุกห้อง ขึ้นอยู่กับว่าจะเห็นมากหรือน้อยเท่านั้น
ห้องด้านที่เราพักก็เห็นวิวด้านพัทยาเหนือ แต่จะมีตึกคอนโดสีขาวๆมาบัง

ห้องกว้างขวางพอสมควร ชอบตรงเก้าอี้หวายตัวโตกลางห้อง นั่งเล่นถักลูมกับเด็กจิ๋วตรงนี้ สบาย


ห้องน้ำจะไม่มีอ่างอาบน้ำนะคะ แต่ก็กว้างขวางดี และเป็นสัดส่วน




เตียงนอนนุ่มสบายมากๆ มีหมอนให้สองแบบคือนุ่ม และแน่น เลือกเอาตามสะดวกเลยค่ะ
ตรงจุดนี้ชอบมากๆค่ะ เพราะแต่ละคนชอบนอนหมอนไม่เหมือนกัน มีให้เลือกก็นอนหลับสบายกันไป




เอาของเก็บที่ห้องเรียบร้อย เราก็ลงไปชั้น 4 ไปชมส่วนที่เรียกว่า Auditorium ของที่นี่
ชั้นนี้เอาไว้จัด Workshop หรือสัมมนาต่างๆ


เป็น Auditorium ที่มีจอ presentation ใหญ่มากๆ และสีสันเก้าอี้น่านั่ง น่ารัก

ตรงนี้เอาไว้เสิร์ฟ Coffee Break หรือมื้ออาหารของลูกค้าที่มาใช้บริการที่ชั้นนี้

จากชั้น 4 เราก็ขึ้นไปชั้น 20 ไปชมห้องแบบ Suite ของตึกนี้
ที่ตึก Executive Tower จะมีห้องทั้งหมด 4 แบบ คือ
- Deluxe Ocean View (แบบที่เราพัก)
- Executive Club Access Ocean View (เหมือนที่เราพัก + สิทธิ์ในการใช้ Executive Club)
- Executive Club Access Corner View (กว้างกว่าห้องเรานิดนึง ที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือ มีอ่างอาบน้ำ และวิวที่ระเบียงเห็นทะเลงามมากๆ + สิทธิ์ในการใช้ Executive Club)
- Executive Suite Club Access Ocean View (ห้องกว้างมากเพราะมีห้องนั่งเล่น และห้องนอนแยกจากกัน มีอ่างอาบน้ำ และวิวงามมากๆ + สิทธิ์ในการใช้ Executive Club)
ในรูปจะเป็นห้องแบบ Suite นะคะ จะเห็นว่าวิวจากระเบียงสวยมากๆ ดูพระอาทิตย์ตกจากที่ห้องได้เลย



อ่างน้ำห้องนี้มองเห็นวิวทะเลด้วย


พอตกเย็นแดดร่มลมตก เราก็ขึ้นไปชั้น 25 กัน
ชั้นนี้เป็น Executive Club ซึ่งลูกค้าที่จะมาใช้บริการที่ชั้นนี้ จะต้องซื้อห้องแบบ Executive Club Access
ง่ายๆ คือลูกค้าที่พักชั้น 20 ขึ้นไป จะได้รับสิทธิ์นี้ค่ะ โดยจะต้องใช้ Key Card ที่เปิดประตูห้องในการกดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 25


ส่วน Executive Club จะมีทั้งส่วนห้องแอร์ และส่วนระเบียงด้านนอกนะคะ
ด้านใน ตกแต่งสวยงามน่านั่งมากๆ ที่เห็นว่าโล่งๆ อย่างนี้เพราะแขกส่วนใหญ่เลือกนั่งด้านนอกกันค่ะ ข้างในเลยโล่งๆ ถ่ายรูปสบาย



มาดูอาหารกันค่ะ ว่ามีอะไรให้หม่ำบ้าง
เด็กจิ๋วกินผลไม้ไปเยอะมาก กินแก้วมังกรกับมะละกอแทบจะหมดถาดที่เค้าเอามาวาง

เดินออกมาดูด้านนอกกันบ้างนะคะ
ดูเหมือนจุดนี้จะเป็น Highlight ของ Executive Club เลย เพราะสามารถมองเห็นวิวทะเลพัทยาได้กว้างไกลมาก
มีแค่ยอดตึก Bay Tower ของที่นี่ที่มาบดบังสายตา (เลยคิดว่าถ้าห้อง Ocean View ของตึก Bay วิวคงงามมากๆ)
(รูปภาพจากที่อยู่ทั้ง 3 วันเอารวมกันนะคะ บางรูปแดดแจ๋ๆ จะเป็นช่วงกลางวันของวันถัดไปค่ะ)



ทะเลพัทยาวันนี้สีสวยมาก และเป็นอะไรที่คึกคักมาก มองไปเห็นมีเรือแล่นตัดกันไปมายุบยับไปหมด


โซฟาแถวนี้ ช่วงเย็นๆ มีคนจับจองกันเต็มตลอด แต่ตอนกลางวันแดดแจ๋ ไม่มีใครมานั่งข้างนอกเลย


ตักขนมมานั่งหม่ำข้างนอก ดูวิวไปด้วย เพลินมากๆ ค่ะ




เด็กจิ๋วพกข้าวตังหมูหยองมาหม่ำด้วย อร่อยสุดๆอ่ะอันนี้




เรานั่งเล่นกันตรงนี้พักใหญ่ รอดูพระอาทิตย์ตก
ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ท้องฟ้าสีสวยมากๆ




ทุกครั้งที่เรามาพัทยา เราไม่เคยมานั่งดูพระอาทิตย์ตกแบบนี้ซักที
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลย พัทยาสวยแบบนี้นี่เอง



ค่ำวันนี้เราไปทานอาหารกันที่ห้องอาหาร East Coast Kitchen กันค่ะ
ห้อง East Coast Kitchen นี้เป็นห้องอาหารเดียวที่ Executive Tower ค่ะ คือทุกมื้อเสิร์ฟที่นี่หมดค่ะ
ร้านอาหารแต่งสีสว่างๆ น่านั่ง สบายตา





มื้อค่ำวันนี้จะมี theme เป็นแบบ food market คือ มีเนื้อต่างๆ โชว์ให้เรามาเลือกชิ้นเนื้อได้เองเลย เพื่อให้ chef เอาไปปรุงตามรายการที่เราเลือก

ของปะป๊าเป็นสเต๊กเนื้อ Rib Eye
ซึ่งปะป๊ายืนยันมาว่าอร่อยอีกแล้วค่ะ บอกว่าอร่อยสุดๆมาก จานนี้ ใครชอบสเต๊กเนื้อ ต้องลองค่ะ

ของแม่เป็นกุ้งลายเสือย่าง กุ้งไม่ค่อยสดเลย ผิดหวังเล็กๆ 

จานนี้ของเด็กจิ๋ว สปาเก๊ตตี้ซอสมะเขือเทศ อร่อยมั้ยไม่รู้ค่ะ แต่เด็กหม่ำหมดเรียบเลย

ยำหมูย่างค่ะ จานนี้อร่อย ใช้ได้ค่ะ หมูมันไปนิด แม่ไม่ชอบ แต่ปะป๊าปลื้มเลย

แก้วสีส้มนี่แม่ชอบมาก ชื่อว่า Sunrise อร่อยมากๆ ส่วน Mojito เฉยๆ ไม่ค่อยโดน ยกให้ปะป๊าไป แก้วสีส้ม แม่ยึด

ปิดท้ายด้วย Chocolate Moose จานนี้ท่าจะอร่อยค่ะ เพราะปะป๊ากับเด็กแย่งกันหม่ำใหญ่ค่ะ

ออกมาดูวิวสระว่ายน้ำยามค่ำคืนกันหน่อย
สระว่ายน้ำของ Executive Tower จะอยู่ชั้น 6 หน้าห้องอาหารเลยค่ะ
(ตรงนี้เป็นภาพรวมๆ ของทั้ง 2 เย็นนะคะ)



คอนโดสีขาวอันนี้ เป็นสิ่งที่ขัดตาขัดใจขัดวิวมากๆค่ะ แม่บ่นตลอดๆ แต่ปะป๊าบอกว่ามีก็ดีไง ทำให้ภาพ balance
จริงเหรอ หลอกเราเป่า ถ้าไม่มีตึกขาว ภาพน่าจะสวยกว่านี้ป่ะ? งง? 


เช้าแล้ว มีแสงพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆจากด้านนี้เหมือนกันนะคะ 


มาดูอาหารเช้ากันบ้าง
อาหารเช้าก็มาที่ East Coast Kitchen อีกเช่นเดิม



วิวตอนเช้าก็สวยงามสดใสไปอีกแบบค่ะ


อาหารเช้าโดยรวมค่ะ ไลน์ไม่ได้เยอะมากมาย แต่ก็ครบครันและอร่อยค่ะ



ของเด็ก กินคลีนๆ รักษาหุ่นและสุขภาพ

ของปะป๊ากับแม่ รวมๆกัน สองวัน




หลังอาหารวันนี้ เด็กจิ๋วได้ฤกษ์ลงน้ำแล้ว เด็กเฝ้ารอมานาน อยากจะลงตั้งแต่เมื่อวาน


สระใสๆ น่าเล่นมากๆ




อย่างที่บอกว่าสระน้ำที่ตึกนี้ อยู่ชั้น 6 ฉะนั้นทำให้วิวงามมากๆ ว่ายไป ชมวิวอ่าวพัทยาไป



วันนี้ฟ้าใส แดดแรง แต่ไม่ค่อยร้อน อากาศเป็นใจจัง



ใครกลัวแดด ก็มาหลบในร่มกันค่ะ



มื้อกลางวันวันที่สอง เราเดินมาที่ตึก Bay Tower เพื่อมาทานที่ห้องอาหาร Café G
ความจริงระหว่างสองตึกจะมีรถคอยรับส่ง แต่มันใกล้กันมากๆ เดินจิ๊ดเดียวก็ถึงแล้วอ่ะค่ะ เราเลยไม่เคยได้ใช้บริการรถเลย
ตรงนี้เป็นหน้าตึก Bay Tower

Lobby ของตึกนี้ก็สวยงามเหมือนกัน จะออกแนวเรียบๆกว่า Lobby ของ Executive Tower



ห้องอาหาร Café G อยู่ชั้น 4 ของ Bay Tower ค่ะ
มีทั้งที่นั่งในห้องแอร์และริมสระน้ำค่ะ สำหรับแขกที่พักตึกนี้ จะทานอาหารเช้าที่ห้องนี้ด้วยค่ะ


กลางวันนี้เริ่มด้วยน้ำปั่นชื่นใจๆ


มื้อนี้เป็นแนวจานเดียวง่ายๆค่ะ รสชาติโอเคค่ะ ตามมาตรฐานทั่วไปค่ะ
ของแม่เป็นปลาเปรี้ยวหวาน ทานกับข้าว

ปะป๊าสั่ง Burger อีกละ แล้วก็บอกว่าอร่อยอีกละ อมยิ้ม36

สองจานนี้เป็นทอดมันกุ้ง กับสลัดกุ้งกั้ง (ไม่รู้เมนูนี้ชื่ออะไร เพราะทาง รร จัดมาให้ลองชิมดูค่ะ)
กั้งและกุ้งสดดี น้ำสลัดอร่อย แต่เราไม่ทานอโวคาโด เสียดายจัง


ของเด็กจิ๋ว Fish and Chips
ที่ Holiday Inn จะเน้นการมาพักผ่อนกับครอบครัว โดยจะมีโปรโมชั่น Kids Eat Free
คือสำหรับแขกของโรงแรมที่เป็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ถ้ามาทานกับพ่อแม่จะทานฟรีค่ะ และให้สิทธิ์เด็ก  4 คนต่อครอบครัวค่ะ

ปะป๊ากับแม่ยังกินข้าวไม่อิ่มดี เด็กจิ๋วอิ่มก่อน เริ่มเบื่อซะแล้ว เลยพาไปปล่อยที่ Kids Club ที่อยู่ข้างๆ Café G



การเอาเด็กไปฝากที่ Kids Club ของที่นี่ดูปลอดภัยดี เพราะประตูเป็นระบบล็อคอัตโนมัติ
เด็กเปิดออกมาเองไม่ได้ และคนนอกเข้าไปเองไม่ได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่กดเปิดให้
และที่นี่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ Kids Club นอกซะจากว่าเด็กๆอยากทำงานศิลปะ หรือกิจกรรมพิเศษ
ซึ่งวันนั้นแม่ก็โดนไป 1 รายการ เพราะเด็กจิ๋วอยากทำที่คาดผมดอกไม้ ราคา 180 บาท
สำหรับภาพนี้จะเป็น Kids Club ที่ชั้น 6 Executive Tower
มองด้วยสายตา เหมือนเล็กกว่าที่ Bay Tower แต่ที่แน่ๆคือ จะไม่ค่อยมีกิจกรรมของเด็กเล็ก จะมีเน้นเครื่องเล่นของเด็กโตมากกว่า
ฉะนั้น สำหรับวัยอย่างเด็กจิ๋ว เล่นที่ Bay Tower จะเหมาะกว่าค่ะ

กิจกรรมต่อมาที่มีโอกาสได้ทำที่นี่คือการไปสปา
ปกติแม่ก็มีเคยใช้บริการสปาอยู่บ้าง เวลาไปพักผ่อนตามรีสอร์ท และทุกครั้งก็จะต้องฝากเด็กจิ๋วไว้กับปะป๊า
แต่คราวนี้พิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะทาง Holiday Inn Pattaya มีโปรแกรมสปา แม่ลูก ให้เราได้ลองใช้บริการกัน
เด็กจิ๋วเลยได้ทำสปาเป็นครั้งแรก เหมือชื่อโปรแกรมนี้คือ My First Package with Mom ที่ Tea Tree Spa ชั้น 5 Bay Tower


ครั้งแรกที่รู้ว่าทางโรงแรมจัดโปรแกรมนี้ไว้ให้เด็กจิ๋ว ปะป๊ากับแม่ก็ลุ้นกันมากว่าจะสำเร็จมั้ย
เพราะเด็กจิ๋วอยู่ไม่ค่อยนิ่ง และไม่ค่อยชอบให้ใครมาจับทำโน่นนี่
แต่งานนี้ผิดคาด เพราะเด็กให้ความร่วมมือดีมากๆ 
เหตุจูงใจมีนิดเดียว แต่สำคัญกับเด็กมากๆ นั่นคือ ขั้นตอนสุดท้ายของการทำสปา จะได้ทาเล็บ
คือเด็กจิ๋วเคยเห็นผู้ใหญ่หลายคน หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆ ทาเล็บ แล้วอยากจะทาบ้าง แต่แม่ไม่เคยอนุญาต
แต่งานนี้ มีเป้าหมายว่า ถ้ายอมทำทุกอย่างตามขั้นตอน ท้ายที่สุดจะได้ทา เด็กเลยอดทนทำทุกขั้นตอนจนสำเร็จไปได้ด้วยดี
เริ่มด้วยแช่เท้าด้วยน้ำนม

เตรียมนวด เด็กไม่มีชุด bathrobe เลยเอาผ้ามาห่อแทน

นอนให้นวดตัวอย่างนิ่งเลย
เด็กจิ๋วเลือกกลิ่นน้ำมันหอมระเหยเอง คือกลิ่น Lavender ส่วนของแม่เลือกกลิ่น Pattaya Sunrise จะออกส้มๆ สดชื่นค่ะ

ขั้นตอนสุดท้ายที่รอคอยมาถึง คือการทาเล็บ อันที่จริงเด็กจิ๋วหมายมั่นว่าจะทาเล็บสีม่วงให้ได้
แต่ที่สปาไม่มีสีม่วง เลยเอาสีน้ำเงินแทน ทุกๆคนพยายามเกลี้ยกล่อมให้เปลี่ยนสี เด็กก็ไม่ยอม จะเอาสีนี้ให้ได้ แรงไปมั้ยเนี่ย 
เบ็ดเสร็จขั้นตอนทั้งหมด ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ค่าใช้จ่ายก็ราวๆ 3 พันกว่าบาทต่อ Package ค่ะ (2 คนแม่ลูก)

มุมนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Tea Tree Spa คือเป็นมุม Outdoor ที่เอาไว้สำหรับนวดเท้าค่ะ

จบจากสปา เราลงมาแวะชิมขนมที่ Flow ชั้นล่างสุดกัน

Flow ที่ Bay Tower จะใหญ่กว่าที่ Executive Tower ที่นั่งมากกว่า และมีขนมมากกว่าค่ะ




กิจกรรมถัดมาเพื่อเด็กจิ๋วอีกแล้ว คือ มาเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำเด็ก ที่ Bay Tower
ที่ตึกนี้จะมีสระว่ายน้ำ 3 สระ คือสระเด็กที่ชั้น 4 สระใหญ่ที่ชั้น 3 และสระเล็กๆอีกสระที่หน้า Havana and Bar
สระเด็กจะมีสไลเดอร์และปลาพ่นน้ำ เป็นสระที่อยู่ใกล้ๆ Kids Club และอยู่หน้า Café G เลยค่ะ






เดินต่ำลงมาอีกชั้นจะเจอสระใหญ่


แถวๆสระใหญ่นี้วิวตอนพระอาทิตย์ตกก็สวยมากเหมือนกันค่ะ


เรากลับไปอาบน้ำอาบท่าที่ห้องเรียบร้อย ก็เดินกลับมาด้านหน้าฝั่ง Bay Tower อีกครั้ง เพื่อไปทานอาหารที่ Havana Bar
เวลาโพล้เพล้แบบนี้ ฟ้าสีสวยจริงๆ




บรรยากาศที่ Havana Bar ลักษณะจะเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็กเล็กๆแบบเด็กจิ๋ว
เราโชคดีที่มากันคืนวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นคืนเดียวที่ไม่มีดนตรีมาเล่น (ปกติจะเล่นทุกคืน ยกเว้นวันอาทิตย์)
ถ้ามีดนตรีสดเล่นด้วย คงยิ่งไม่เหมาะกับเด็กเท่าไหร่


ถ้าเป็นคืนวันเสาร์ ที่นี่จะมี theme Latin Night ซึ่งมีโปรโมชั่นเป็น Mojito แก้วละ 159 บาท
หรือในทุกๆวัน ช่วงเวลา 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม จะเป็น Happy Hour เป็น But 1 Get 1 สำหรับเครื่องดื่มบางรายการค่ะ


อาหารค่ำวันนี้ทางโรงแรมแนะนำให้นะคะ เราเลือกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะกินอะไรดี
ซึ่งเรารู้สึกว่าอาหารที่ Havana นี่อร่อยที่สุดกว่าทุกๆห้องที่ชิมมาเลย
(ส่วนเรื่องการบริการ ที่เคยเห็นบางคน comment กันว่าควรปรับปรุง อันนี้เราไม่มีความเห็นนะคะ
เพราะเราไปกับน้อง PR ของโรงแรม ซึ่งได้รับการดูแลที่ดีมากๆค่ะ)
เริ่มด้วย Mocktails กันก่อน อร่อยดี

จานนี้ชื่อยากนิดนึง Fettuccine Gamberoni Rosa เด็กจิ๋วชอบมาก กินคนเดียวเกือบหมด
ซึ่งเราก็ลงความเห็นว่าอร่อยจริงๆ ชอบมากๆ ป๊ากับแม่แย่งลูกกินกันใหญ่

พิซซ่าที่นี่อร่อยมากเช่นกัน จานนี้เป็นหน้า half ครึ่งนึงเป็น HIP Special No.3 กับอีกครึ่งเป็นคล้ายๆ Hawaiian แต่มีพริกโรยด้วย อันนี้ชื่อยากมากๆ จำไม่ได้จริงๆค่ะ แต่อร่อยทั้งคู่
เมนูพิซซ่าที่นี่จะพิเศษกว่าที่อื่นเพราะ chef จะคิดเมนูใหม่ๆขึ้นมาตลอดเวลา
(สำหรับเมนูพิซซ่า จะมีโปรโมชั่นช่วงเวลา 3-5 โมงเย็น ลด 50% ด้วยค่ะ)

จานนี้เป็นเหมือน Appetizer มีชื่อว่า Havana Platter Uno ชิมแล้วอร่อยทุกอย่างค่ะ โดยเฉพาะลาบก้อนทอด

Salmon Fillet เสิร์ฟกับเพรสโตมันบด คือเป็นมันบดผสมใบโหระพา อร่อยจริงๆ ชอบมากๆ

เดินออกมาข้างหน้า Havana จะเจอสระว่ายน้ำของโรงแรมอีกสระ ตรง Terrazzo Bar
เรามองดูเหมือนเป็นสระประดับมากกว่า แต่น้องที่นี่เค้าบอกว่ามีคนว่ายจริงๆนะคะตรงนี้

สุดท้าย Terrazzo Bar เป็นร้านอาหารเหมือน Havana Bar แต่จะเป็นส่วน Outdoor มานั่งชิลล์ๆรับลมทะเลกัน

3 วัน 2 คืนผ่านไปไวจริงๆ เป็นอันจบทริปพัทยาครั้งนี้ด้วยความสุขและประทับใจค่ะ 
เด็กจิ๋วต้องบ้ายบายไปก่อนนะคะ พบกันใหม่รีวิวหน้า จะเป็น CR แล้วนะคะ
มีทริป CR ที่ดองๆ เอาไว้ และตั้งใจจะรีวิวเยอะมากจริงๆ กำลังเลือกๆ อยู่ว่าจะเอาอันไหนมาต่อค่ะ
จะเป็นเกาะเจจู เกาหลี หรือสามพันโบก หรือเขาสก หรือจะเป็นทะเลอีกดี (มีเกาะในสต๊อกให้เลือกเพียบเลย 555) 
แล้วไปเที่ยวด้วยกันอีกนะคะ ขอบคุณมากค่ะ