วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

@Silavadee Pool Spa Resort

สวัสดีค่ะ เด็กจิ๋วกลับมาแล้วค่ะ มาร่วมมหกรรมรีวิวของโครงการ Thailand Boutique Awards 2011 
ช่วงนี้เพื่อนๆ คงจะได้เห็นรีวิวของโครงการนี้ออกมามากมาย เป็นโรงแรมที่น่าสนใจทั้งนั้น
เราเองก็ดูรีวิวจนตาแฉะเลย ช่วงนี้ เพราะไม่อยากพลาดซักที่ค่ะ สวยๆ ไอเดียดีๆ แทบทุกที่
สำหรับเด็กจิ๋วเอง ที่แรกที่ไปรีวิวของโครงการนี้ คือ AANA Resort เกาะช้างค่ะ
ที่ที่สองนี้เราไปที่เกาะสมุยกัน ซึ่งเป็นการไปเกาะสมุยเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตเด็กค่ะ 
(ก็เพิ่งไป X2 มาเมื่อ 2 เดือนที่แล้วเองง่ะ)
เหตุผลที่เลือกกลับไปสมุยอีก เพราะอดใจไม่ไหวกับความงามของศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ทค่ะ 
เราเคยเห็นภาพงามๆ ของที่นี่มาก่อน ทำให้เลือกที่นี่ไว้ในใจตั้งแต่แรก
และเผอิญเราโชคดีที่ได้เลือกโรงแรมเป็นลำดับต้นๆ เลยได้เลือกที่ที่หมายปองเอาไว้อย่างศิลาวดีค่ะ
การเดินทางไปสมุยครั้งนี้ของเรา แตกต่างจากครั้งก่อนนิดหน่อยตรงที่ เราจะแวะนอนที่ชุมพรก่อน
คราวที่แล้วเราขับรถออกจากกรุงเทพ ตอนกลางคืน ไปสว่างที่ท่าเรือ เด็กจิ๋วดูจะทรมานกับการนอนบนรถพอสมควร
คราวนี้เลยเปลี่ยนเป็นออกจากกรุงเทพเย็นๆ ไปถึงชุมพรมืดๆ นอน แล้วค่อยออกแต่เช้าไปลงเรือเฟอร์รี่
วิธีนี้ work กว่ามาก เด็กจิ๋วดูมีความสุขกว่า แม่ก็ชอบด้วย
เราแวะที่ปั๊มแถวๆ วังมะนาว เพราะอาม่าอากงมาจากราชบุรี มาดักรอเจอเด็กจิ๋ว 
คิดถึงกันมาก ไม่ได้เจอหน้าเด็กจิ๋วหลายอาทิตย์แล้ว
เราเจอฝนตกมาเกือบตลอดทางตั้งแต่ออกจากกรุงเทพเลย
แต่ฟ้าหลังฝนก็มีรุ้งสวยๆให้ดู
กว่าจะร่ำลากับอาม่าอากง พระอาทิตย์ก็กำลังจะลับฟ้าพอดี
เราจองห้องพักไว้ที่ Palm Sweet Resort ชุมพร
ความจริงที่นี่อยู่ใกล้ๆกับแยกปฐมพรมากๆ เลี้ยวออกนอกเส้นทางเรามาจิ๊ดเดียวก็ถึงแล้ว
แต่ GPS ของเรามันพาเข้าซอยลัดอะไรมาไม่รู้ตั้งแต่ก่อนถึงแยกปฐมพร ดึกๆ เงียบๆ เปลี่ยวๆ หุหุ
ถ้าใครจะมาที่นี่ แนะนำให้ขับมาให้ถึงแยกปฐมพรแล้วค่อยเลี้ยวเข้ามานะคะ 
เอาตามแผนที่ที่โรงแรมให้มาจะดีกว่า
เข้ามาถึงโรงแรม แม่แวะลงไปเอากุญแจที่ office ด้านหน้าแล้วก็ขับรถมาจอดที่หน้าห้องได้เลย 
ปะป๊าชอบที่นี่มาก เพราะตรงที่สามารถจอดรถหน้าห้องได้นี่แหละ
ภายนอกที่นี่ดูดีมาก ตกแต่งสวยงาม สะอาด และใหม่มากๆ
เข้าไปในห้องแล้วก็ชอบใจมาก 
ห้องใหม่ สะอาด และกว้างขวางดี ที่นีมีห้อง 2 ราคา คือ 700 และ 600
ห้องที่เราพักเป็นแบบ 700 บาท (ต่างกันตรงที่กว้างกว่า และมีไดร์เป่าผม)
ห้องน้ำสะอาดดี มีอ่างอาบน้ำ แถมยังเปิดหน้าต่างทะลุกับห้องนอนได้ด้วย
ด้านหลังห้องมีสวนเล็กๆให้ออกมานั่งเล่นได้ 
แต่เราไม่ได้ออกมานั่งเลย มาถึงก็อาบน้ำนอน เช้าก็รีบออก
ราคานี้รวมอาหารเช้าด้วย มีน้ำส้ม ชา กาแฟ ชุดไข่ดาวไส้กรอก หรือข้าวต้ม ดูน่ากินมาก
แต่เรารีบออก เลยดื่มน้ำส้มไปแค่แก้วเดียว
เราออกจากชุมพร 7 โมงเช้า มาถึงท่าเรือ Seatran Ferry ก่อน 10 โมงนิดๆ แต่ต้องรอลงเรือรอบ 11 โมง เพราะรอบ 10 โมงเต็มซะแล้ว
เรือ Seatran Ferry จะออกจากท่าดอนสัก ไปท่าเรือหน้าทอน เกาะสมุยทุกๆชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า จนถึง 1 ทุ่ม
ส่วนขากลับจากเกาะสมุย จะเริ่มตั้งแต่ตี 5 จนถึง 6 โมงเย็น
ราคาค่าโดยสารก็ไม่แน่นอนนะคะ ผันผวนตามราคาน้ำมัน ดูรายละเอียดได้ที่ Website ของ Seatran ค่ะ
http://www.seatranferry.com/rate.php
เรามาถึงท่าเรือหน้าทอนเวลา 12:30 พอดี ใช้เวลาอยู่บนเรือ 1 ชั่วโมงครึ่ง
พอข้ามมาเราก็กด GPS ให้นำทางไปศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท ทันที
GPS แจ้งว่าระยะทาง 21.8 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทาง 45 นาที
โห...ไกลพอสมควรเลยนะเนี่ย 
พอมาถึงแล้ว เจ้าหน้าที่มาต้อนรับถึงที่รถ พาไปที่ Lobby และนำน้ำตะไคร้หอมๆ พร้อมผ้าเย็นมาต้อนรับ
เนื่องจากห้องยังไม่เรียบร้อย เพราะเรามาก่อนเวลา Check in คือ บ่ายสอง
เราเลยไปทานกลางวันรอที่ห้องอาหาร The Height 
ที่นี่เป็นห้องอาหารเดียวของทางรีสอร์ท วิวสวยมากเลยทีเดียว
ระหว่างรออาหาร ก็พาเด็กจิ๋วเดินเล่นลงบันไดไปที่ชั้นล่างของห้อง The Height
ได้พบกับคุณแยม ผู้บริหารและลูกสาวเจ้าของศิลาวดี และคุณ Conor O’Leary GM ของที่นี่
ทั้งสองท่านน่ารักมาก เดินมาทักทายและพูดคุยด้วย คุณ Conor เอาคุ้กกี้มาให้เด็กจิ๋วหม่ำด้วย
ได้คุยกับคุณแยม เลยได้ทราบว่าที่นี่เป็นของคนไทย 100% เป็นของคุณพ่อคุณแยม 
ซึ่งก่อนมาทำศิลาวดี ก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในธุรกินโรงแรมมาก่อน 
แต่ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะคุณแยมบอกว่า ทุกอย่างที่ทำจะคำนึงถึงความต้องการของผู้มาพัก มากกว่ามองในแง่ผู้บริหารกิจการโรงแรม 
นึกว่าเราไปพักต้องการอะไร ก็เตรียมอย่างนั้นให้ลูกค้า มิน่าการบริการที่นี่ถึงได้ดีมากจริงๆ
คุยกันได้ซักพักอาหารก็พร้อมแล้วค่ะ เด็กจิ๋วหิวมากๆ วันนี้ยังไม่ได้ทานกลางวันเลย เกือบบ่ายสองแล้ว
เมนูที่แม่สั่งคือสปาเกตตี้คาโบนาร่า สั่งมาแบ่งกับเด็กจิ๋ว อร่อยดี
ของปะป๊าเป็น Hamburger เนื้อ ที่พอมาถึงแล้วเราก็ตกใจ ทำไมเนื้อมันใหญ่ขนาดนี้
แต่ปะป๊าก็จัดการเรียบไม่เหลือ ปะป๊าบอกว่าอร่อยมากกกก มากที่สุดเท่าที่เคยกินมา
เอ่อ...ปะป๊า ตอนนั้นกิน In n Out ทีเมกาก็บอกว่าอร่อยที่สุดแล้ว อันนี้อร่อยกว่าอีกเหรอ ปะป๊าตอบว่าจำไม่ได้แล้วหง่ะ
ราคาอาหารที่โชว์ในเมนูที่นี่เป็นราคา net แล้ว ไม่ต้องมาคำนวณ +7% +10% ให้งุนงง
เราชอบมากค่ะ ขี้เกียจคิด แก่แล้ว สมองเริ่มช้า
เด็กจิ๋วหม่ำเอง หม่ำไปเยอะมากๆ คงหิวจัด
ศิลาวดี มีห้องพักทั้งหมด 55 ห้อง แบ่งเป็น Pool Villa 19 ห้อง ซึ่งใน type นี้ก็ยังแยกย่อยไปอีก เป็น
   Pool Villa (Tropical และ Ocean View) มีทั้งหมด 10 ห้อง
   Panoramic Ocean View Pool Villa มีทั้งหมด 5 ห้อง 
   Ocean Front Pool Villa Suite มีทั้งหมด 4 ห้อง
โดย villa แต่ละแบบจะแตกต่างกันที่วิว และขนาดพื้นที่ใช้สอย 
(แต่หลังจากการสำรวจ เราพบว่า villa 2 ที่เราอยู่เนี่ย..วิวงามที่สุดแล้วอ่ะค่ะ หุหุ)
และอีกประเภทคือ Deluxe Rooms 36 ห้อง ทั้งหมดอยู่บนอาคารใหญ่ 3 ชั้น
   ชั้นล่างสุดเป็นห้องแบบ Jacuzzi Deluxe มี 12 ห้อง ที่ระเบียงจะไม่มีวิวทะเล แต่จะมีอ่าง Jacuzzi 
   ชั้นสองเป็นห้องแบบ Deluxe Balcony มี 12 ห้อง ที่ระเบียงสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ แต่จะไม่มีอ่าง Jacuzzi
   ชั้นสามเป็นห้องแบบ Ocean View Jacuzzi Deluxe มี 12 ห้อง ที่ระเบียงสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ และมีอ่าง Jacuzzi ด้วย
โดยห้องทั้ง 3 แบบมีขนาดเท่ากัน และภายในเหมือนกันทั้งหมด ต่างกันตรงระเบียงเท่านั้น
แผนผังรีสอร์ทก็จะเป็นไปตามภาพนี้เลยค่ะ
ทานอาหารกลางวันเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็เอารถมารับไปที่ห้อง ปรากฎว่ามันใกล้มากอ่ะค่ะ
เดินไปนิดเดียวก็ถึงนี่นา..หุหุ
ห้องที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้เรา คือ ห้องแบบ Ocean Front Pool Villa Suite หรือมีชื่อเล่นว่า villa 2
ทางเข้าห้องก็จะมีต้องขึ้นลงบันไดเล็กน้อย ทางเข้านี้ใช้ร่วมกับ villa 1 ซึ่งเป็นห้องแบบเดียวกัน
จากในรูปจะเห็นว่าถ้าลงบันไดไป แล้วเลี้ยวซ้ายก็เข้า villa 1 แต่ถ้าตรงขึ้นบันไดต่อมาก็เป็น villa 2
ห้องนี้อยู่ใน Location ที่ดี เพราะไม่ไกลห้องอาหาร และใกล้สระส่วนกลาง และทางลงชายหาดมากๆ
ต่อไปเราเลยใช้เดินเป็นหลัก ยกเว้นเด็กจิ๋วที่ติดใจรถบัคกี้มากๆ เรียกให้พี่พนักงานมาขับให้ตลอด
เดินผ่านประตูบ้านเข้ามาก็เจอวิวนี้ 
โอ้ว..สวยมากเลยนี่นา ทะเลกว้างใหญ่ ฟ้าหลังฝนสดใสแล้ว
(ฝนเทลงมาตอนที่เรานั่งทานกลางวันกันอยู่)
ต่อไปนี้จะขอเรียกห้องที่เราพักว่าบ้านนะคะ เพราะมันใหญ่เกินจะเป็นห้อง 
บ้านนี้มีพื้นที่ใช้สอย 300 ตารางเมตร เปิดบ้านเข้ามาก็จะเป็นเรือนห้องนอนหลักทางขวา 
เดินลงบันไดไปไม่กี่ก้าวก็จะเจอกับสระว่ายน้ำกว้างใหญ่
เลยสระว่ายน้ำไป จะเป็นเรือนห้อง Living Room ค่ะ
เรามาดูเรือนห้องนอนหลักกันก่อนนะคะ
เปิดเข้ามาก็จะเจอเตียงนอนใหญ่อยู่กลางห้อง
ทางซ้ายเป็นโต๊ะยาววาง LCD TV และ iPod Dock 

มีจดหมายต้อนรับจาก จากคุณ Conor GM ของที่นี่ด้วย
ผนังห้องด้านที่หันออกทะเล เป็นกระจกบานใหญ่ ตอนเช้าเราสามารถนอนดูพระอาทิตย์ขึ้นจากบนเตียงได้อย่างสบายๆ
เตียงนุ่มน่านอน
มีตู้แช่ไวน์ในห้องด้วยนะคะ
วัสดุและข้าวของเครื่องใช้จะใช้ไม้เป็นหลัก

ผนังห้อง พื้นห้อง ก็เป็นไม้ทั้งหมด
โทรศัพท์หน้าตาไม่ค่อยเข้ากับห้องไปหน่อย
Welcome Fruits วางไว้ให้ที่โต๊ะริมหน้าต่าง

มะม่วงสุกอร่อยมาก เด็กจิ๋วหม่ำไปครึ่งลูกเลย
มองลงไปเห็นสระน้ำน่าว่ายมากๆ
เดินเลี้ยวเข้าห้องด้านหลังไป ก็จะเจอกับส่วนแต่งตัว มีตู้เสื้อผ้า ส่วนมินิบาร์ และตู้เย็น ทางซ้าย
ทางขวาจะเป็นโต๊ะทำงาน มีเครื่องชงกาแฟสด พร้อมผงกาแฟเตรียมไว้ให้ด้วย

(เด็กจิ๋วพยายามจะมีส่วนร่วมกับงานถ่ายภาพของปะป๊าตลอดเวลา วิ่งมาเข้าฉากตลอดอ่ะ)
มีบานประตูไม้กั้นระหว่างส่วนนี้กับห้องนอน แต่ไม่มีล๊อคนะคะ 

พยายามจะขังเด็กจิ๋วเอาไว้ตรงนี้เวลาปะป๊าถ่ายรูป แต่ไม่สามารถ เด็กจิ๋วเปิดประตูวิ่งออกไปเองได้
โต๊ะทำงาน/โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะตัวยาวดี วางของได้เยอะ
ตู้เย็นและมินิบาร์

ฟรีน้ำดื่มที่เป็นขวดแก้ว (น้ำสิงห์) วันละ 4 ขวด
มีกระเป๋าสานเอาไว้ให้ใส่ของไปเดินชายหาดได้ด้วย 

แต่เด็กจิ๋วเอามาใส่ของเล่นตัวเอง หิ้วไปมาสนุกไปเลย
ถัดเข้าไปก็จะเจอห้องน้ำอันกว้างใหญ่ กว้างมากจริงๆ แต่เสียที่มืดไปหน่อย ชอบห้องน้ำสว่างๆ เป็นการส่วนตัวน่ะค่ะ
อ่างล้างหน้า 2 ชุด วางอยู่บนโต๊ะไม้ตัวยาว
Amenities ต่างๆ ไม่ได้ใช้อะไร นอกจากสบู่ เป็นกลิ่นตะไคร้ หอมดี
เลยจากเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าไป จะเจออ่างอาบน้ำปูนเปลือยใบกลม

ห้องน้ำจะเน้นเป็นปูนเปลือยกับไม้ ออกแนวดิบๆ หน่อยค่ะ
อ่างอาบน้ำกลมเหมือนชามก๋วยเตี๋ยวค่ะ ตรงนี้มีฝักบัวมือถือ แต่มันอยู่ใกล้หน้าต่างเกิน มู่ลี่ก็ปิดไม่ค่อยสนิท 

และหน้าต่างตรงนี้ตรงกับทางเดินหลักเข้าบ้าน เลยไม่ได้มาอาบตรงนี้ มีแต่เด็กจิ๋วที่มาอาบตรงนี้
มองจากมุมนี้จะเห็นทางเข้าไปห้องอาบน้ำ และห้องปลดทุกข์
ห้อง shower แยกส่วนต่างหาก แต่มีเรื่องขัดใจนิดตรงที่ มันมีแต่ฝักบัวแบบ rain shower ไม่มีฝักบัวมือถือ เพราะเราว่า rain shower มันเบาไปหน่อย สระผมลำบาก
ส่วนปลดทุกข์ที่นี่ มีสายฉีดชำระคุณภาพดีไว้ให้ค่ะ
ที่ต้องบอกคุณภาพของสายฉีดชำระก็เพราะว่า คุณภาพของมันมีส่วนต่อการใช้งานมากเหมือนกัน

เคยเจอบางที่มีให้ใช้จริง แต่คุณภาพแย่ อันนี้ก็เป็นอุปสรรคของชีวิตอย่างหนึ่งค่ะ
ก๊อกน้ำที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นอ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ ฝักบัว จะเป็นของดีมีคุณภาพทั้งหมดค่ะ
มาชมสระว่ายน้ำซึ่งเราว่าเป็น highlight ของห้องนี้เลย
เดินลงบันไดไปไม่กี่ขั้นก็ถึงสวรรค์สระว่ายน้ำแล้ว
บริเวณสระว่ายน้ำ จะมีชุดโต๊ะไม้ตัวใหญ่เอาไว้ให้ เราสามารถมานั่งทานข้าวตรงนี้ได้

มีเตียงนอนชายหาดตัวโตด้วย นอนเล่นสบายมากๆ
สระกว้างมาก ว่ายไปมาเหนื่อยเอาการ
มองกลับมาจากสระว่ายน้ำ จะเห็นห้องนอนใหญ่ ด้านขวาเป็นประตูเข้าบ้าน
มีเตียง Aqua Jet Massage ด้วย อันนี้เด็กจิ๋วชอบเล่นมากเป็นพิเศษ
พื้นสระจะเป็น slope ลึกสุดน่าจะอยู่ที่ราวๆ 1.50 เมตร มิดหัวแม่พอดีเป๊ะ
เป็นสระว่ายน้ำ infinity edgeที่มีวิวสวยมากๆอีกแห่งหนึ่ง
ตรงนี้ลูกบอลเด็กจิ๋วตกลงไปด้วย เราตกใจแทบแย่ นึกว่าจะตกลงไปตรงโขดหิน

แต่ปรากฏว่าค้างอยู่ตรงรางน้ำด้านล่าง เดือดร้อนเจ้าหน้าที่ต้องปีนไปเก็บให้เลย ขอบคุณมากนะคะ
มองลงไปยังโขดหินข้างล่าง หินก้อนโตกับน้ำทะเลสีเขียว สวยจัง
สระที่นี่เป็นน้ำเกลือ ฉะนั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อผิวของเด็กจิ๋วเลย
มี outdoor shower ริมสระน้ำให้ด้วย
เดินเลยสระว่ายน้ำมาก็เป็นเรือนห้องนั่งเล่น
ห้องนี้สามารถดัดแปลงเป็นอีกห้องนอนนึงได้สบายๆ เพราะขนาดที่กว้างขวาง และสิ่งอำนวยความสะดวกครบเหมือนห้องใหญ่ 

ไม่ว่าจะเป็น ทีวี ตู้เย็น มินิบาร์ ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ
เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าแขกมา 2 คนก็ set เป็นห้อง living room แต่ถ้ามา 4 คนก็ set เป็นห้องนอน
สำหรับเราก็ set เป็น living room ที่เอาไว้ขังเด็กจิ๋ว เพราะปะป๊าจะถ่ายรูปที่ห้องใหญ่ เด็กจิ๋วจ้องจะรื้อข้าวของ และกระโดดขึ้นเตียง 
ถ้าเป็นที่อื่น แม่กับเด็กจิ๋วต้องไปอยู่ในห้องน้ำกันก่อน แต่ที่นี่ดีที่มีห้องนี้ เลยมาอยู่ห้องนี้กัน

เด็กจิ๋วชอบเล่นโทรศัพท์มาก เจอไม่ได้ ต้องขอกด แล้วพูดว่า ฮาโหลอาม่า
วิวห้องนี้ก็สวยมากๆ มองผ่านชุดโต๊ะไม้นี้ไปก็เป็นทะเล มองต่ำหน่อยเจอโขดหินกับน้ำทะเลสีสวย
สวยจริงๆเลยค่ะ

เรื่องหินก้อนโตๆ นี่ความจริงเราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในรีสอร์ท เนื่องจากพื้นที่ตั้งของโรงแรมเป็นลักษณะแหลมที่มีหินอยู่มาก เวลาก่อสร้างอาคารห้องพัก เค้าก็จะพยายามเคลื่อนย้ายหินเหล่านั้นให้หลบหลีกสิ่งปลูกสร้างบ้าง หรือบางจุดที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ก็จะยังคงไว้ และสร้างสิ่งปลูกสร้างคล่อมหินนั้นไป นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติดั้งเดิมของที่นี่ไว้ ยังเป็นการทำให้รีสอร์ทสวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ด้วย ซึ่งหินเหล่านี้เป็นที่มาของชื่อ ศิลาวดี นั่นเองค่ะ
ห้องน้ำก็ตกแต่งเหมือนกัน แต่เล็กกว่า และไม่มีอ่างอาบน้ำ แต่ว่าน้ำฝักบัว rain shower ห้องนี้แรงดีมาก สระผมสบายเลย
ตอนเย็นๆ คุณบีพาเราไปดูห้องแบบ Deluxe กันค่ะ 
ห้อง Deluxe ทั้ง 3 แบบจะอยู่บนตึก 3 ชั้น 3 ตึก ขนาดห้องเท่ากันทั้งหมด 
จะต่างกันที่ระเบียงของแต่ละห้องในแต่ละชั้นค่ะ

ฉะนั้นเราก็เลยเข้าไปถ่ายรูปแค่แบบเดียวคือห้องที่ชั้น 3 Ocean View Jacuzzi Deluxe
เดินขึ้นบันไดไม้นี่ไปนะคะ ไม่มีลิฟท์ค่ะ
ทางเชื่อมระหว่างตึก มองเห็นทะเลทั้งสองฝั่ง ทั้งตะวันออกและตะวันตก
ทางเดินเข้าห้อง
ภายในห้องตกแต่งคล้ายในวิลล่า วัสดุ ข้าวของเครื่องใช้ก็เหมือนๆกัน
ห้องนี้เจ้าหน้าที่ set เป็น Honeymoon เอาไว้ อันนี้สามารถ request ทางโรงแรมได้ ถ้าไม่ได้ request จะไม่มีกุหลาบมาโรยแบบนี้ค่ะ
ตรงอ่างอาบน้ำเปิดทะลุกับส่วนห้องนอนได้
ระเบียงมีอ่างจากุซซี่ไว้ให้นั่งแช่ชมวิวทะเลได้สบายๆ

และระเบียงของทุกห้องในรีสอร์ทนี้จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ฉะนั้นจะเห็นเฉพาะพระอาทิตย์ขึ้น
ถ้าอยากดูพระอาทิตย์ตก ต้องมาที่ทางเดินอีกด้านของตึก Deluxe
ซึ่งก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะมีเขาบัง
พอพระอาทิตย์ตก เด็กจิ๋วก็หลับไปแล้ว ยังไม่ได้อาบน้ำกินข้าวใดๆเลย
ที่หลับได้เร็วขนาดนี้ เพราะพี่ๆที่นี่ใจดี เห็นเดด็กจิ๋วชอบนั่งรถบัคกี้ ก็เลยพาไปวนชมวิวรอบๆรีสอร์ทหนึ่งรอบ

กลับมาน๊อคไปเลย
บันไดลงจากตึก Deluxe ลงไปสุดเป็น Lobby
ตอนกลางวันที่มาถึงที่รีสอร์ท ไม่ได้ถ่ายรูปหน้า lobby เอาไว้เลยค่ะ

มีแต่รูปตอนกลางคืน ก็สวยไปอีกแบบ
แม่อุ้มเด็กจิ๋วนอนหลับอยู่แถวๆนี้ ลมพัดเย็นสบายดี
มานั่งเล่นตรงนี้ เลยเห็นว่าน้องสาวๆที่ Front มีเป็นชาวต่างชาติหลายคน เดาว่าคงเป็นเยอรมัน

น้องบีก็บอกว่าที่นี่มีแขกเยอรมันมาเยอะ บางทีมาอยู่ยาวกัน 2-3 อาทิตย์เลย
ห้องสมุดข้างๆ Lobby
วันนี้นับว่าเด็กจิ๋วหลับเร็วมาก คงจะเหนื่อยและเพลียจากการเดินทาง และวิ่งเล่น
เราเลยไม่ได้ไปทานเย็นกันที่ห้อง The Height แต่สั่งมาทานที่ห้องกันแทน

ส่งปะป๊าไปเป็นตัวแทนเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืนของห้อง The Height ก็ละกัน
บรรยากาศดีทีเดียว
เนื่องจากว่าฝนตก ทางห้องอาหารเลยไม่ได้ set โต๊ะในส่วน outdoor เอาไว้เลย

พอฝนหยุด ปะป๊าเลยขอให้น้องเค้าจัดให้โต๊ะนึงเพื่อถ่ายรูป
ห้องที่เห็นด้านขวา ตอนเช้าจะเอาไว้วางไลน์บุฟเฟต์ของอาหารเช้า
ตึกห้องอาหารจะมี 3 ชั้น ที่เห็นในภาพจะเป็นชั้นบนสุดและชั้นกลาง
ส่วนชั้นล่างสุดเป็นโซฟาให้นั่ง chill และมีบาร์เครื่องดื่มค่ะ
ไปคราวนี้ไม่ได้สั่ง Cocktail มาชิมเลย ไม่รู้ว่าอร่อยมั้ย
เวลาเราสั่งเครื่องดื่มของอาหารเช้า เจ้าหน้าที่ก็มาเตรียมจากตรงนี้เหมือนกัน
อาหารเย็นของเราวันนี้ เป็นพิซซ่าและซีซาร์สลัด 
เราเฉยๆกับพิซซ่านะคะ เราว่าแป้งมันไม่ค่อยอร่อย และ Parma Ham เค็มไปนิดค่ะ
ส่วนซีซาร์สลัดนั้นอร่อยมากๆ ค่ะ 
ของหวานมี Warm Chocolate Cake กับ Vanilla Ice Cream และกล้วยหอมทอด กับ Vanilla Ice Cream 

ไม่มีรูปของหวานเช่นกันค่ะ ไอติมมันละลายหมด ไม่สวยค่ะ
ตอนที่เรากลับเข้ามาในห้องตอนค่ำนั้น พนักงานมา Turndown ห้องให้เรียบร้อยแล้ว
เอามุ้งลงมาให้อย่างนี้
เงยขึ้นไปเห็นหลังคา ก็พูดเรื่องหลังคาหน่อยนะคะ

หลังคาเป็นวัสดุธรรมชาติ สูงโปร่งดีค่ะ เครื่องปรับอากาศก็ถูกซ่อนไว้ซักที่ มองไม่เห็น ทำให้ไม่ขัดสายตาค่ะ
อย่างที่บอกตั้งแต่แรกอ่ะค่ะ ว่าพื้นห้องที่นี่เป็นไม้ ซึ่งเราชอบมากกว่ากระเบื้องอยู่แล้ว

เดินแล้วอบอุ่น แต่จะมีข้อเสียคือไม้บางแผ่นมันจะดังเอี๊ยดๆ เดินไปเดินมาเด็กจิ๋วอาจตื่นได้ แม่เลยต้องจำไว้ว่าแผ่นไหนเสียงดัง ต้องเดินข้ามมันไป
มีกล้วยกวนใส่กระติ๊บวางไว้ให้ด้วย
อิ่มแล้วลงมานั่งเล่นริมสระน้ำดูดาวกันค่ะ
ความจริงไฟสระน้ำนี่ทางรีสอร์ทเค้าตั้งเปิดปิดอัตโนมัติไว้ 

แต่ก็สามารถเปิดปิดได้เองค่ะ
ตอนกลางคืนดาวเต็มฟ้าค่ะ ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ นึกภาพตามละกัน
เช้าวันแรกที่ศิลาวดี เราตื่นมารอดูพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตี 5 ที่นี่ดีตรงที่เรานอนรอดูพระอาทิตย์ขึ้นได้เลย

ไม่ต้องลุกไปไหน เพราะมันจะมาขึ้นตรงหน้าต่างห้องนอนเราเป๊ะเลย
แต่เสียดาย วันนี้ฟ้าปิดมากๆ
เมฆดำเต็มฟ้า มีช่องว่างให้แสงแดงๆโผล่มานิดเดียว
ได้แต่หวังว่าเช้าวันพรุ่งนี้จะสดใสกว่านี้นะ
เห็นแสงแดงๆนิดเดียวแล้วก็ค่อยๆสว่างเลย ไม่เห็นโฉมหน้าดวงกลมๆแม้แต่นิดเดียว
ฟ้าเริ่มสว่างละ
พอสว่าง ฝนก็เทลงมา
แต่ก็ยังดีที่ตกไม่นาน แป๊บเดียวฟ้าก็ใสอีก

ที่นี่อากาศเปลี่ยนเร็วมากๆ
เช้านี้เด็กจิ๋วก็ตื่นแต่เช้า คงเพราะเมื่อวานนอนเร็วมาก
เราเดินไปทานข้าวเช้าที่ห้อง The Height
ดูเหมือนเราจะมากันเป็นโต๊ะแรกเลย
บรรยากาศยามเช้าหลังฝนตก สดชื่นมาก อากาศก็ไม่ร้อนจนเกินไปนัก
แต่ยังไงก็ขอนั่งในห้องแอร์ดีกว่านะ
ข้างนอกเก็บไว้ให้ฝรั่งผู้รักแสงแดดนั่งละกัน
ฝรั่งส่วนใหญ่จะนั่งทานอาหารเช้าด้านนอกจริงๆ ท่ามกลางแดดๆเนี่ยแหละ

เค้ามาเที่ยวเมืองไทยนี่ก็มาหาแสงแดดโดยเฉพาะ เคยมีนักท่องเที่ยวชาวโครเอเชียเล่าให้ฟังว่า พวกเอเชียอย่างเราไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าเค้าต้องจมอยู่กับความมืดๆ เทาๆ ในหน้าหนาวเป็นระยะเวลายาวนานมากใน 1 ปี มันทรมานแค่ไหน ฉะนั้นพวกฝรั่งจึงพิศมัยแสงแดดเอามากๆ
เท่าที่เราพบเจอแขกคนอื่นๆที่นี่ เห็นมีเป็นชาวต่างชาติซะส่วนใหญ่

และทั้งหมดก็มากันเป็นคู่ๆ หรือเป็นครอบครัวเล็กๆ แบบพ่อแม่และลูกน้อย 1 คน เหมือนครอบครัวเรา
พอสายหน่อยแดดเริ่มเข้าเต็มๆ
อาหารเช้าที่จะมีสองส่วนคือ สั่งจากเมนูและจัดไว้ในไลน์บุฟเฟต์
พวกที่สั่งจะเป็นพวกเมนูไข่ต่างๆ French Toast Pancake ข้าวต้ม ข้าวผัดต่างๆ

จานนี้ French Toast ของเด็กจิ๋ว
ไข่ดาวของปะป๊า
ข้าวต้มหมูสับอร่อยกว่าข้าวต้มกุ้ง แต่ปะป๊าถ่ายไม่ทัน แม่กับเด็กจิ๋วหม่ำไปแล้ว
เด็กจิ๋วหม่ำข้าวเองอย่างคล่องแคล่ว คุณน้าโต๊ะข้างๆมาแซวหน่อย

เด็กจิ๋วเขินทำขอแข็งไม่ยอมหันมา แต่มีแอบเหลือบตามามองนิดนึง
ส่วนที่เป็นบุฟเฟต์ ก็มีพอสมควร ไม่มากไม่น้อย 

อันนี้เป็นซีเรียลและผลไม้แห้งแบบต่างๆ
ถ้วยขาวๆที่เห็นเรียงๆไว้ เป็นโยเกิร์ตแบบต่างๆที่ทางรีสอร์ททำเอง 
คงจะอร่อยเพราะเด็กจิ๋วกินไปเยอะเลย

มุมนี้ก็มีผลไม้แห้งแบบต่างๆอีก เด็กจิ๋วชอบกินมากๆ
ตักผลไม้แห้งมากินเล่น
ขนมปังหลากหลาย
น้ำผึ้งแท้ หยดจากรัง
แตงโมหั่นได้เก๋มากๆ ตอนเห็นครั้งแรกรู้สึกว่าไอเดียดีจัง อย่างนี้จับทานง่ายดี

แต่พอกลับมาเห็นรีวิวหลายโรงแรมในโครงการ TBA ก็หั่นอย่างนี้เหมือนกันนิ
อิ่มแล้วก็วิ่งเล่น เดินขึ้นลง วิ่งเข้าๆออกๆ แม่ตามจนเหนื่อยอ่ะ
ตอนสาย เรามีนัดกับคุณบีไปดู Panoramic Pool Villa
Villa ประเภทนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 5 หลัง บ้านที่เราไปดูคือ villa 11 
ภายในบ้านแบบนี้จะเหมือนกับบ้านแบบที่เราอยู่เกือบทุกประการ 
ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง ข้าวของเครื่องใช้ และ layout ของห้อง 

จะต่างกันตรงขนาดที่ย่อมลงมา และ ไม่มีเรือนหลังเล็ก
ออกระเบียงไปจะเจอสระว่ายน้ำเลย
ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว ก็เหมือนกับห้องเราแบบเด๊ะๆ
มาห้องนี้ เด็กจิ๋วก็มาเล่นโทรศัพท์อีกละ
สระว่ายน้ำของบ้านแบบนี้จะเป็นทรงสี่เหลี่ยม ไม่ได้เป็น free form เหมือนห้อง Ocean Front Pool Villa Suite

แต่ก็จะมีเตียง Aqua Jet Massage เหมือนกัน
วิวที่เห็นก็เป็นวิวทะเลเหมือนกัน แต่จะมีหลังคาของวิลล่าด้านหน้า และต้นไม้บังนิดหน่อย
เพื่อนบ้านที่เห็นเป็นบ้านแบบ Pool Villa ค่ะ เป็นแบบที่เราไม่ได้เข้าไปดูด้านใน
ห้องนี้ก็จัด welcome fruit ไว้เรียบร้อย เพราะหลังจากเราถ่ายรูปเสร็จ ก็จะมีแขกมาเข้าพักค่ะ
เดี๋ยวบ่ายนี้ปะป๊าจะรับหน้าที่ดูแลเด็กจิ๋ว ให้แม่ไปว่ายน้ำเล่นคนเดียว
แม่ว่ายน้ำเล่นคนเดียวท่ามกลางแดดเที่ยงวัน

แต่ถึงแม้แดดจะแรงยังไง แม่ก็ยังมีความสุขมากกับวิวที่ได้ชม
ระหว่างว่ายน้ำเล่น ก็ให้ปะป๊าเอาเด็กจิ๋วนอนกลางวันไป
เด็กจิ๋วขอขนมจากห้องอาหารเช้ามากินที่ห้องด้วย
แม่บ้านเอา Welcome Fruit มาเพิ่มให้ใหม่ หลังจากที่เมื่อวานเรากินมะม่วงสุกหมดไปแล้ว 

วันนี้ได้กล้วยมาแทน แหว่งไปหน่อยเพราะเด็กจิ๋วหม่ำไปแล้ว 1 ลูก
แม่ว่ายน้ำเสร็จ ก็ทิ้งปะป๊ากับเด็กจิ๋วไว้ ไปทำสปาที่นัดเอาไว้
ซึ่งโปรแกรมที่เลือกไป จะใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว งานนี้ต้องทิ้งเด็กจิ๋วไปนานเลย

สปาที่นี่มีชื่อว่า Silavadee Wellness Spa ตั้งอยู่ถัดจากลอบบี้เข้ามา ซึ่งก็ไม่ไกลจากห้องเท่าไหร่ แม่เดินไปได้สบายๆ
ทางขึ้นส่วนของสปาจะอยู่ข้างๆห้องสมุด
เมื่อวานนี้แวะมาเลือกกลิ่นน้ำมันที่จะใช้นวดไว้แล้ว คือกลิ่น Truth
น้ำมันหอมที่ใช้นวดจะมีทั้งหมด 5 กลิ่น มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน

แม่จำไม่ได้ทั้งหมด ความจริงที่เลือกกลิ่น Truth เพราะชอบกลิ่นมากกว่า ไม่ได้คำนึงถึงคุณสมบัติเล้ย
พอไปถึงเจ้าหน้าที่ให้กรอกประวัติเกี่ยวกับสุขภาพนิดหน่อย 
เอาน้ำกระเจี๊ยบเย็นๆมาต้อนรับ อร่อยมากทีเดียว
แล้วก็แนะนำให้รู้จัก Therapist ของเราวันนี้ ชื่อพี่แมงมุม
พี่แมงมุมพาเราไปห้องสปาที่มีชื่อว่า Truth เหมือนกัน ตอนที่ไปทำ ไม่เห็นมีแขกคนอื่นเลยอ่ะ

ห้องสปาที่นี่จะมีทั้งหมด 5 ห้อง ห้องละ 2 เตียง แบบมาด้วยกันเป็นคู่ๆก็มาทำพร้อมๆกันได้
ในห้องนวดจะมีอ่างล้างหน้า ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ พร้อมสรรพ์
อันนี้อีกห้องนึง เป็นห้องนวดไทย
นวดเสร็จจะมีน้ำขิงผสมน้ำผึ้งอุ่นๆ พร้อมข้าวแต๋นมาให้ทาน อันนี้ไม่มีรูปนะคะ เพราะตอนนั้นปะป๊าไม่ได้อยู่ด้วย

พอแม่ทำสปาเสร็จสำราญบานใจสบายสุดๆ เดินกลับมาห้องเจอเด็กจิ๋วกำลังเล่นน้ำกับปะป๊า อย่างสนุกสนาน
เล่นกดปุ่ม Aqua Jet Massage ขำมากๆ ไม่รู้ทำไมขำ
ปะป๊าเล่นน้ำไป กินยำเนื้อไปด้วย เห็นบอกว่าอร่อยมากๆ บ่นเสียดายใหญ่ที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู

ส่วนแม่ หิวมากถึงมากที่สุด สั่งข้าวกระเพราหมูสับไข่เจียว เด็กจิ๋วกินกับแม่ กินเฉพาะข้าวกับไข่ก็อร่อยแล้ว
ช่วงบ่ายๆ เรามีนัดไปถ่ายรูปที่ห้อง villa 1 ซึ่งติดกับห้องเราแทบจะทางเข้าเดียวกันเลย
ข้างในเหมือนกันมากๆ ยกเว้นรูปทรงของสระว่ายน้ำ และวิว 
วิวห้องนี้จะมีต้นไม้บังค่อนข้างมาก ซึ่งเราลงความเห็นว่าของห้องเราสวยกว่ามาก ไม่มีอะไรบังเลย ก็เลยไม่เอารูปมาลงนะคะ ดูของห้องเราแทนละกัน

เด็กจิ๋วกินข้าวไข่เจียวเสร็จแล้ว ลงมานั่งเล่นริมสระว่ายน้ำต่อ
Welcome Fruit กับชามะนาวที่พยายามปลอมตัวเป็นไวน์
เด็กจิ๋วเล่นขายของ
เบื่อแล้วก็เล่นลูกบอล
เล่นบอลเบื่อแล้วก็ไปเล่นปุ่ม Aqua Jet อีก อันนี้กลัวแม่ดุ หัวมามองด้วยความระแวง
แอบดูข้างบ้าน เป็น Ocean Front Pool Villa 4
แดดร่มลมตก เราก็พากันออกมาเดินเล่น จุดหมายคือสระว่ายน้ำส่วนกลาง และชายหาด
ตรงสระว่ายน้ำส่วนกลางจะมีบาร์เครื่องดื่มเล็กๆ ด้วยค่ะ มานั่งดื่มชิลล์ๆตรงนี้ได้
ตอนที่ไปไม่เห็นมีแขกมาว่ายน้ำที่สระกลางเลยนะคะ
ตรงนี้มีเตียง Aqua Jet Massage ให้หลายเตียงเลย
ทางเดินลงหาด ทำเป็นสะพานไม้ เดินสบายๆ
แถวนี้มีแต่หินทั้งนั้นเลย
ตอนกลางวันฝรั่งนอนอาบแดดกันเต็มไปหมด
เราไปตอนแดดหมดแล้ว ไม่มีคนเลย
เราเจอพนักงานของรีสอร์ทกำลังจัดสถานที่ที่ชายหาดกันใหญ่
ถามไว้ความว่ากำลังจัด BBQ Dinner ให้กับแขก

ถ้าใครอยากให้จัดก็ request ได้ค่ะ แต่เรื่องราคานี่ไม่ทราบว่าเท่าไหร่ค่ะ
ชายหาดที่นี่น้ำใสน่าเล่นอยู่เหมือนกันนะ เสียดายไม่ได้ลงเล่นน้ำเลย
ก่อนไปเพิ่งอ่านเรื่อง Rip Current จากห้อง BP เนี่ยแหละค่ะ

แล้วหาดตรงนี้ก็หินเยอะซะด้วย ไม่กล้าเอาเด็กจิ๋วลงเล่นแน่ๆค่ะ
อันนี้ไม่รู้จัดไว้สำหรับถ่าย wedding หรือว่าจัดไว้อยู่แล้วก็ไม่รู้

เพราะวันที่เราไป มีคนไปถ่ายภาพ Pre Wedding กันด้วย
นั่งเล่นริมทะเล
ตามทางเดินไม้จะมีที่ใส่เทียนเป็นระยะๆ
เย็นมากแล้ว เดินกลับห้องกัน
คืนนี้เราทานอาหารเย็นกันที่ห้องอีกแล้ว เพราะเด็กจิ๋วหลับแต่หัวค่ำ 
อาหารเย็นมื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยมากจริงๆ 

จานแรกเป็น Caesar salad ที่ติดใจมาตั้งแต่เมื่อวาน
ของแม่เป็นปลาแซลมอน ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า  Salmon Baked Filet of Salmon with Spinach, Creamy Mash, Champagne & Dill Sauce

เนื้อ Salmon อร่อยนุ่มมาก ย่างกำลังพอดี ที่อร่อยมากก็ตรงซอสนี่แหละ อร่อยจริงๆง่ะ มันบดก็อร่อย แต่ไม่ค่อยชอบผักโขมที่แปะมา มันเยอะไปหน่อย กินไปกินมามันเหม็นเขียว เลยต้องเหลือผักทิ้งเลย
ของปะป๊าเป็น Pork Chop ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Char Grilled Pork Chop Served with Apple Mash & Red Wine Reduction อันนี้ก็อร่อยเช่นกัน ตอนแรกปะป๊าตัดเนื้อออกมา ดูเหมือนเนื้อแน่นๆ ไม่ค่อยมีมัน ปะป๊าส่ายหน้าเลย คิดว่าต้องเนื้อแน่นแข็งไม่อร่อยแน่ๆ ปรากฎว่าผิดคาด เนื้อมันนุ่มใน ด้านนอกกรอบเกรียมนิดๆ อร่อยมาก แม่ชิมแล้วไม่ค่อยชอบซอสไวน์แดงจานนี้ซักเท่าไหร่ แต่ปะป๊าชอบมาก แม่เอาหมูมาจิ้มซอสของ Salmon อร่อยจริงๆ
ที่เด็ดของจานนี้อีกอย่างคือมันบดที่ใส่เนื้อแอปเปิ้ลลงไปด้วย อร่อยมากๆ

ปิดท้ายด้วย Chocolate Mud Cake with Vanilla Ice Cream อร่อยตามมารฐานทั่วไปค่ะ
เช้าวันสุดท้ายที่นี่แล้ว อยู่ที่นี่มีความสุข เวลาผ่านไปเร็วจัง

เราตื่นมานอนรอพระอาทิตย์ตั้งแต่ตี 5 อีกแล้ว

เริ่มแดงมาละ
วันนี้ท่าทางพระอาทิตย์จะขึ้นสวยกว่าเมื่อวาน

มีสีแดงๆให้เห็นเยอะเลย
วันนี้ปะป๊าเปลี่ยนโลเกชั่นไปถ่ายที่ชายหาด
วันนี้ท้องฟ้าสีสวยจริงๆ จนแม่ทนนอนดูอยู่บนเตียงไม่ได้ 

เอา iPhone ตัวเองมาเก็บรูปไว้เยอะเลย กะเอามาสู้กับรูปจาก 5D mkII ของปะป๊า
ฟ้าสีสวยสะท้อนกับสระว่ายน้ำส่วนกลาง
ท้องฟ้าสีสวยจริงๆ
เดินดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาดกันไปเรื่อยๆนะคะ





พอดวงอาทิตย์โผล่พ้นน้ำทะเลแล้ว ก็กลับมาเก็บภาพต่อที่ห้องกันอีกนิดนึง

ได้แสงทองๆ กำลังสวยเลย



ภาพแบบนี้แหละที่อยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง สวยงามสงบจริงๆ
เด็กจิ๋วตื่นแล้ว 

(ความสงบจากไปทันที)
นอนกลิ้งเล่นอย่างมีความสุขบนเตียง
วันนี้เราไปทานอาหารเช้าค่อนข้างสาย มัวแต่เล่นกับเด็กจิ๋วอยู่
มาสาย แดดแข็งมาก
แต่ดูเหมือนคนอื่นๆ ก็มาสายๆเหมือนกัน เพราะเราก็มาเป็นโต๊ะแรกๆเหมือนเดิม

หรือว่าคนอื่นเค้ากินเสร็จไปหมดแล้วไม่รู้
ชามนี้เป็นโยเกิร์ตสตรอเบอรี่ของเด็กจิ๋ว
กินไปชมวิวไป คงมีความสุขมากๆ แต่เราไม่ได้นั่งตรงนี้นะคะ ยกจานมาถ่ายรูปเฉยๆ แดดมันร้อน..
ข้าวผัดกุ้งของเด็กจิ๋ว มาเป็นภูเขาเลย

เด็กจิ๋วกินไปจิ๊ดเดียว แม่เลยต้องช่วยรับผิดชอบ จุกเลย
Egg Benedict ปกติจะเจอแบบไม่ค่อยอร่อย เลยเข็ด เมื่อวานก็ไม่สั่ง
แต่วันนี้ปะป๊าอยากถ่ายรูป เลยสั่งมา ปรากฎว่าอร่อยมากที่สุด

ปะป๊าเบิ้ลสองเลย
วันนี้เด็กจิ๋วสดชื่นมาก กินอาหารได้เยอะ มีความสุขมากๆ
ในที่สุดก็ถึงเวลากลับบ้านแล้ว เราประทับใจกับการที่ได้มาพักผ่อน + ทำงานที่นี่มากๆ
การบริการที่น่าประทับใจมากๆ เริ่มจากการต้อนรับตั้งแต่เราเลี้ยวรถเข้าไปยังรีสอร์ท

พนักงาน รปภ ที่โบกรถ พนักงานยกของ พนักงาน front ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร และนอบน้อมมาก
เมื่อเราไปทานอาหารที่ห้องอาหารของรีสอร์ทก็ยิ่งประทับใจยิ่งขึ้น 
เพราะพนักงานจะรู้จักชื่อเราด้วย จะมาสวัสดีและเรียกชื่อเราอย่างถูกต้อง 
และทุกครั้งที่มาที่ห้องอาหาร พนักงานก็จะทักชื่อเราตลอด 

ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเราที่ไปในฐานะนักรีวิวเท่านั้น แขกต่างชาติคนอื่นๆ พนักงานก็เรียกชื่อด้วย
ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น เมื่อเดินสวนกับพนักงานคนใดก็ตาม จะยิ้มทักและสวัสดีเราทุกครั้งไป 
และเมื่อเราเดินตากแดดไปถ่ายรูปที่ชายหาด พนักงานก็จะรีบนำน้ำดื่มเย็นชื่นใจมาให้ 

สรุปว่าประทับใจกับการบริการที่นี่มากๆ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณโครงการ Thailand Boutique Awards ที่เปิดโอกาสให้เราได้รู้จักกับที่พักดีๆมากมาย
ไม่เฉพาะแต่ที่เราไปเอง แต่เรายังรู้จักที่อื่นๆ ผ่านภาพ และตัวหนังสือของเพื่อนๆ ที่ไปรีวิวด้วย
ขอบคุณศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท คุณแยม คุณ Conor คุณ Sabine คุณบี และพนักงานที่น่ารักทุกๆคน
ขอบคุณปะป๊าที่ถ่ายรูปสวยๆ และขอบคุณเด็กจิ๋วที่ทำให้แม่กับปะป๊ามีความสุขมากๆ
smile เอาละค่ะ เด็กจิ๋วต้องบ้ายบายไปก่อนนะคะ ทริปหน้าเด็กจิ๋วพาไปศาลาเขาใหญ่ค่ะ

แต่คงอีกพักนึงกว่าจะเอามารีวิว ขอพักก่อน แม่กับปะป๊าหมดแรงค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น