วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

3 ขวบ 6 เดือน



๓ ขวบ + ๑๘๓ วัน...จันทร์ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...ตอนเช้าไม่ยอมลุกจากที่นอน ปะป๊าไปอุ้มก็ดิ้นหนี ปกติไม่เคยเป็นนะ ไม่ว่ายังไงจะยอมให้อุ้มขึ้นมาตลอด แบบนี้น่ากลัวแล้วดิ่ เห็นแม่ๆเพื่อนหลายคนบอกว่าควักออกจากที่นอนยากมาก ในที่สุดก็ยอมลุกขึ้นมาโดยมีข้อแม้ว่าขอเอาตุ๊กตาหมีไปโรงเรียนด้วย 2 ตัว ตัวแรกคือหมีจิ๋วที่ไม่ได้เล่นมาตั้งนานแล้วเมื่อคืนเพิ่งเอามากอด แล้วอีกตัวเป็นหมีโง่ๆสีขาว ได้แถมมาจากไหนไม่รู้ ชอบตัวนี้มาก ปกติอยู่ในห้องครัวก็เอามากอดเล่นเกือบทุกวัน เมื่อคืนเอามานอนกอดด้วย พอไปถึงโรงเรียนก็บอกว่าขอเอาตุ๊กตาหมีไปด้วย เราก็ยอมเพราะว่าครูอนุญาตให้เอาตุ๊กตาไปกอดนอนได้ แต่ขอแค่ตัวเดียว เลยเอาหมีจิ๋วกลับบ้าน เหลือแต่หมีแถมโง่ๆไปกอดนอนที่โรงเรียน ตลกอ่ะ ปะป๊ากับคุณแม่ซื้อตุ๊กตาน่ารักๆให้เยอะแยะ ดันมาชอบหมีแถมซะนี่
...วันนี้ได้การบ้านกลับมาเยอะมากๆ มีเล่มเพิ่มด้วย แล้วก็มีของที่หยุดเรียนไปอาทิตย์หนึ่งด้วย แต่เด็กจิ๋วก็ตั้งใจทำอย่างรวดเร็วดี ที่ไปประชุมผู้ปกครองมีแม่ๆบางคนบอกว่าลูกไม่ยอมทำการบ้าน ทำตัวหนึ่งก็ไปวิ่งเล่น กว่าจะกลับมาทำต่อ ใช้เวลานานมากกว่าจะเสร็จ ถือว่าเด็กจิ๋วดีมากแล้วล่ะ ครูก็ชมว่าอยู่โรงเรียนชอบทำแบบฝึกหัดมาก
...ช่วงนี้ติดเจ๊น่ามากๆ เจ๊น่าขึ้นมาทำการบ้านที่ออฟฟิตทุกเย็น เราก็หลอกเด็กจิ๋วให้ทำแบบฝึกหัดเพิ่มไปด้วย บอกว่าเป็นการบ้านให้ทำกับเจ๊น่า เด็กจิ๋วก็เชื่อดีนะ แต่วันนี้ทำได้นิดเดียว เพราะหมอบอกว่าอย่าไปบังคับ แล้วแต่อารมณ์เด็ก

๓ ขวบ + ๑๘๔ วัน...อังคาร ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เมื่อวานนี้ตอนที่พี่ๆขึ้นมาทำการบ้านกันที่ออฟฟิต ซึ่งจริงๆแล้วไม่ค่อยได้ทำหรอก มาเล่นกันเด็กจิ๋วซะมากกว่า อาโกวขึ้นมาโวยว่าทำไมยังทำการบ้านกันไม่เสร็จอีก เด็กจิ๋วได้ฟังแล้วก็พูดออกมาว่า “ฮึ้ย น้องพริมออกไปนอกห้องดีกว่า เค้าจะได้มีสมาธิทำการบ้านกัน”...ว่าแล้วก็เดินออกจากห้องทำงานปะป๊า ปิดประตูเรียบร้อย ระหว่างที่ทุกคนในห้องกำลังอึ้งกันอยู่ ไปเอาคำพูดแบบผู้ใหญ่แบบนี้มาจากไหนเนี่ยะ
...วันนี้เราลืมเอากระเป๋านักเรียนไปโรงเรียนด้วย ตอนแรกคิดว่าจะให้อี๊ป้อมจ้างมอเตอร์ไซด์มาส่งดีไม๊ แต่ถามคุณครูแล้ว บอกว่าไม่เป็นไร
...รู้สึกว่าครูทุกคนจะเรียกเด็กจิ๋วว่า น้องพริ้ม เพื่อนๆก็เรียก พริ้ม เหมือนกัน เราไม่กล้าถามครูว่า เรียกเล่นๆโดยรู้อยู่แล้วว่าชื่อ พริมใช่ไม๊ หรือเข้าใจผิดแต่ก็ไม่น่าใช่เพราะชื่อภาษาไทยก็เขียนอยู่แล้วว่า พริม
...ตอนไปรับเด็กจิ๋วกลับ ได้คุยกับครูขวัญนานหน่อย โดยสรุปเรื่องตั้งใจเรียนทำได้ดี ชอบทำแบบฝึกหัด ตั้งใจเรียน ตอบคำถามเสียงดัง ฟังดูไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งเหมือนครูขวัญพูดอ้อมๆ คือเรื่องที่ว่าเด็กจิ๋วชอบมาช่วยครูขวัญ เวลาครูขวัญจะสอนเพื่อนๆทำแบบฝึกหัด เด็กจิ๋วก็จะคอยมาช่วย มาช่วยปั้มดาว แล้วบางทีเพื่อนทำไม่ได้ ก็ไปช่วยเค้าตอบอีก คุณแม่เลยถามว่า น้องพริมสร้างความรำคราญให้ครูหรือเปล่า ครูขวัญก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่อยากให้น้องพริมไปเล่นกับเพื่อนๆมากกว่า เรามาวิเคราะห์กันแล้ว ไม่ว่าจะรำคราญหรือไม่ แต่โดยสรุปแล้ว เด็กจิ๋วไม่ควรทำแบบนี้ เพราะการที่ครูสอนเพื่อนทำแบบฝึกหัดอยู่ มันคือการเข้าฐานรายบุคคล แล้วยิ่งเด็กจิ๋วมาช่วยเพื่อนตอบอีกยิ่งไปกันใหญ่ แล้วเราเลยถามต่อว่า น้องพริมไม่ค่อยเล่นกับเพื่อนเหรอ ครูขวัญก็บอกว่า เล่นนะ เข้ากับเพื่อนๆได้ดี แต่แค่เวลามาช่วยครูขวัญแหล่ะ เลยไม่ยอมไปเล่นกับเพื่อนๆ
...เมื่อวานเด็กจิ๋วบอกว่า “พรุ่งนี้น้องพริม อยากไป เออบองเช่ จะไปเรียนปั้นกับครูเมย์ ไม่อยากเรียนกับครูแก้วแล้ว”...เออบองเช่ เนี่ยะ ติดมาจากไหนไม่รู้ เราแก้ให้ถูกว่าบองมาเช่ ก็ไม่จำ พูแต่เออบองเช่ สงสัยเอา เออปองแปง มาปน ส่วนเรื่องเรียนกับครูแก้ว เราก็ถามว่าทำไมอ่ะ เบื่อแล้วเหรอ เด็กจิ๋วบอกว่า “ไม่อยากไป ไปทีไรก็ระบายสีอย่างเดียว”...อ้าว ก็เค้าสอนระบายสี ว่าแล้วเย็นนี้ก็พุ่งตัวไปหาครูเมย์ ตั้งใจเรียนปั้นเรียบร้อยออกมาเป็นหน้าผู้ชายกับผู้หญิง เด็กจิ๋วบอกว่า “หน้าผู้หญิงคือน้องพริม ส่วนหน้าผู้ชายคือปะป๊า”...อ้าว แล้วไม่มีหน้าคุณแม่เหรอ เด็กจิ๋วบอกว่า “เดี๋ยวทำให้พรุ่งนี้”...ที่จริงแล้วไม่ใช่หน้าใครทั้งนั้นแหล่ะ ปั้นตามที่ครูสอน แต่เลือกสีเองนะ ปากสีม่วง คิ้วสีแดง

๓ ขวบ + ๑๘๕ วัน...พุธ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เมื่อคืนนี้ปะป๊ากับคุณแม่จะหนีไปงานศพ แต่เด็กจิ๋วบีบน้ำตาขอไปด้วย เราเลยต้องยอมตามใจ ช่วงนี้เด็กจิ๋วดราม่าหนักมาก เอะอ่ะอะไรก็บีบน้ำตา สงสัยรู้ว่าบีบแล้วสำเร็จ รู้ก็รู้ว่าแกล้ง แต่เล่นบีบน้ำตาจริงๆกระเด็นออกมาเป็นเม็ดๆ ทำไมเด็กมันแอ็คติ้งเก่งจังนะ เด็กจิ๋วไม่ค่อยได้ไปวัดเลย เคยไปงานศพครั้งหนึ่ง ไปเที่ยววัดอีกครั้งสองครั้ง ครั้งนี้ไปงานที่วัดชลประทาน ซึ่งเป็นวัดที่ปะป๊าเคยบวชเณรเมื่อ 25 ปี ที่แล้ว พยายามจะดูหน้าพระที่มาเทศน์ว่าคุ้นไม๊ ก็คิดไปคิดมา 25 ปีที่แล้ว คงจะยังเป็นเณรอยู่เลย คงจะจำไม่ได้แล้วล่ะ อย่างหลวงพ่อปัญญาก็มรณะภาพไปนานแล้ว พระที่เคยรู้จักหลายๆรูปก็คงไม่อยู่แล้วล่ะ
...งานศพนี้เป็นงานแม่ของน้าอ้อ วันนี้เด็กจิ๋วเลยได้เจอลูกๆของน้าอ้อ 3 คน คนสุดท้องจะแก่กว่าจิ๋ว 2 ปี ค่อยเล่นกันได้หน่อย ส่วนคนอื่นๆโตกันหมดแล้ว และเด็กบ้านนี้โตแล้วโตจริง ไม่มาเล่นโนะเนะแบบเจ๊น่าเฮียโรนะ จะเป็นแบบสุขุมแบบผู้ใหญ่ ตอนแรกๆระหว่างฟังพระเทศน์ เด็กจิ๋วก็เบื่อๆจะเริ่มอาละวาดแล้ว ปะป๊าหากระดาษมาพับกบให้ ลุงโก้สามีน้าอ้อก็เอากระดาษมาฉีกๆทำเป็นค้อปเตอร์แบบปล่อยแล้วมันหมุนๆหล่นลงมา เรียกความสนใจจากเด็กจิ๋วได้พอควร ทำให้ไม่กรี๊ด ตอนหลังๆให้ไปเล่นกับลูกลุงโก้คนสุดท้อง ชื่อธัญญ่า เด็กจิ๋วเจอแล้วก็ชอบเลย คอยเดินตาม ให้เค้าจูงมือด้วย ตอนที่เค้าจะไปกวดน้ำกัน ก็ขอตามเค้าเข้าไปด้วย พี่ธัญญ่าก็น่ารักมาก ดูแลน้องอย่างดี พาไปนั่งบอกให้พนมมือ เด็กจิ๋วก็เชื่อฟังนั่งนิ่งพนมมือเรียบร้อย นี่ไปเสร่ออะไรกับบ้านเค้าด้วยเนี่ยะ

๓ ขวบ + ๑๘๖ วัน...พฤหัส ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...วันนี้ปะป๊ากับคุณแม่ต้องไปทำกิจกรรมพ่อแม่อาสากัน เตรียมการมาล่วงหน้าอาทิตย์กว่าแล้ว เพราะต้องเตรียมท้อปปิ้งให้เด็กๆช่วยกันแต่งหน้าช็อกโกแล็ตปั่น พยายามเลือกหลายอย่าง พวกเกล็ดช็อกโกแล็ต ต่างๆ พอเช้าวันนี้ไปโรงเรียนก็แวะ 7-11 เหมืนทุกวัน เด็กจิ๋วซื้อโกโก้คลันช์มากิน เราก็เลยคิดว่า เออ ทำไมไม่เอาโกโก้คลันช์มาทำท้อปปิ้ง ดูดี มีประโยชน์ ดีกว่าพวกโรยหน้าสีๆ ว่าแล้วก็รีบไปซื้อโกโก้คลันช์แล้วก็พวกคอนเฟล็กต่างๆอีกรวม 4 อย่าง เอามาทำท้อปปิ้งด้วย กลายเป็นว่าท้อปปิ้งอลังการมากๆ ไปถึงมีแต่คนตกใจ บอกว่ามืออาชีพมากๆ
...พอไปถึงก็เจอครูนิวพาไปเตรียมของที่ห้องทำอาหาร นัดแม่ๆของเพื่อนเด็กจิ๋วมาช่วยกันด้วย วันนี้มีแม่นิตา แม่อั่งอั้ง แม่ปาร์ตี้ แม่ครับ พ่อนีโอ ที่จริงจะมีแม่น้องเบ๊บอีกคน แต่ว่าวันนี้ไม่มา ที่ไม่มาก็เพราะว่าห้องแปดมีคนเป็นโรค มือเท้าปากแล้ว 1 คน คือน้องเจ้นท์ ถ้าเป็น 2 คนจะต้องปิดเรียนไปเลย 1 สัปดาห์ ห้อง 10 ปิดไปแล้ว 1 ห้อง ที่จริงห้องเรายังไม่ปิด แต่แม่ๆบางคนก็กลัวเลยให้ลูกหยุดก่อนเลย วันนี้เลยมีเด็กมาแค่ 24 คน แต่สุดท้ายเราคิดว่า 24 คนกำลังพอดีแหล่ะ ถ้ามาครบคงจะวุ่นวายกว่านี้
...พอได้เวลา ครูก็ทยอยพาเด็กเข้ามาในห้องทำอาหาร พาเด็กผู้ชายมาก่อน แล้วค่อยพาเด็กผู้หญิงมา แม่ๆทุกคนรวมทั้งปะป๊าก็ตื่นเต้นมากเลย นี่แหล่ะคือเหตุผลที่อยากมาทำกิจกรรมนี้ คือได้มาดูลูกเรียนหนังสือกับตาจริงๆ เด็กๆเชื่อฟังครูกันมาก ครูแหววจะมีนกหวีดเป่าเรียกให้เด็กเงียบด้วย บางทีก็ร้องเพลง ซ่าๆๆ ฝนตกลงมา.... เด็กๆก็หยุดเล่นแล้วมาร้องตามกันใหญ่ ตลกดี
...เริ่มต้นสอน ปะป๊าก็ถามก่อนเลยว่า เด็กๆ มีใครเคยกินช็อกโกแล็ตปั่นบ้าง เด็กจิ๋วรีบยกมือแล้วตะโกนดังลั่นว่า “น้องพริมอยากกิน”...เอ่อ คือก่อนหน้านี้ มีเตี้ยมกันมาก่อนว่า ถ้าปะป๊าถามว่า ใครอยากกินบ้าง ให้เด็กจิ๋วช่วยเป็นหน้าม้าหน่อย บอกว่าน้องพริมอยากกิน เตี้ยมกันอย่างดี พอถึงเวลาจริง ปะป๊าถามผิดเองแหล่ะ ดันไปถามว่า ใครเคยกินบ้าง
...ปะป๊าอธิบายส่วนประกอบของช็อกโกแล็ตปั่น แล้วให้เด็กๆชิมส่วนผสมด้วย ตัวแรกเลย คือผงโกโก้ บอกว่ามีใครอยากชิมบ้าง...ไม่มีใครชิมเลย ปะป๊าก็เลยบอกว่า น้องพริมแล้วกัน มาชิมหน่อย หน้าม้าเราต้องช่วยเราแน่ๆ น้องพริมตอบว่า “น้องพริมไม่ชิม”...อ้าว ที่จริงแล้วเราพลาดเอง เราดันไปซ้อมกันไว้ก่อน ก่อนมานี่เคยให้เด็กจิ๋วชิมผงโกโก้ก่อน แล้วมันขม กินเสร็จต้องรีบกินน้ำแทบไม่ทัน เด็กจิ๋วก็เข็ดดิ่ ปะป๊าเลยต้องบอกว่า อ๋อ ที่น้องพริมไม่ยอมชิมเพราะรู้ว่ามันขม
...ส่วนประกอบนอกจากผงโกโก้แล้ว ก็ตามด้วย นม นมข้นหวาน แล้วก็อีกหลายอย่าง เป็นสูตรลับ บอกเด็กๆก็ไม่หมดด้วย ถ้าบอกหมดจะงงมาก ปั่นเสร็จก็แจกจ่ายให้เด็กๆแต่งหน้ากัน ก็สนุกสนานดี เด็กบางคนก็กินแต่ท้อปปิ้ง ส่วนใหญ่จะกินช็อกโกแล็ตปั่นกันไม่หมด แต่บางคนก็หมดเกลี้ยงอย่างนีโอ กับปาร์ตี้
...ระหว่างแต่งหน้ากันอยู่ น้องเจอร์นีย์ทำช็อกโกแล็ตปั่นหกใส่ตัว ชุดเลอะทั้งตัวเลย กลับบ้านไปพ่อแม่จะแอบว่าปะป๊าเป่าเนี่ยะ แล้วก็มีน้องเติม เพิ่งเคยเจอหน้าจังๆวันนี้ นั่งหน้าตูดมากๆ ไม่กินด้วย เพราะแพ้นม แต่ที่หน้าบึ้งนี่ไม่เกี่ยวกับที่ไม่ได้กินนะ ครูๆบอกว่าน้องเค้าจะหน้าแบบนี้อยู่แล้ว
...แต่งหน้าเสร็จ กินเสร็จ ครูก็รีบปิดงานอย่างรวดเร็ว ช่วยกันเก็บโต๊ะ ทำความสะอาดเรียบร้อย รู้สึกว่าครูๆจะรวดเร็วมาก มืออาชีพจริงๆ ปั๊บเดียวเก็บเรียบ รวมตัวเด็กได้ ให้เด็กจิ๋วเป็นตัวแทนมามอบของที่ระลึกแล้วก็กลับห้องเรียนกัน เหตุการณ์ผ่านไปเร็วมาก ประมาณ 45 นาที มาเร็วไปเร็วจริงๆ ตอนตั้งแถวเดินกลับห้องเรียน เด็กจิ๋ววิ่งเข้ามากอดเราแล้วร้องไห้ด้วย ไม่อยากจากกัน เลยให้อั่งอั้งมาจูงมือเด็กจิ๋วเดินไป
...เด็กจิ๋วเอากล่องท็อปปิ้งที่เป็นสีๆมาเขย่าเล่นที่ออฟฟิต แล้วบอกพี่ๆว่าดูดิ่มันลอยติดฝาเลย แล้วก็บอกว่าพี่ๆว่า “มันเป็นไฟฟ้าสถิตย์”...พี่ๆงงกันใหญ่ รู้จักไฟฟ้าสถิตย์ได้ไง ปะป๊าหรือคุณแม่สอนเหรอ เราก็บอกว่าเปล่าไม่ได้สอน คิดไปคิดมา ก็คือวันก่อนปะป๊าคุยกับคุณแม่คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆพูดถึงกล่องท็อปปิ้งแวปเดียวเองว่ามีไฟฟ้าสถิตย์ด้วย เหลือเชื่อว่าเด็กจิ๋วจะจำไปพูดได้...สรุปแล้วเด็กจิ๋วคงไม่เข้าใจมั้งเนี่ยะว่าไฟฟ้าสถิตย์คืออะไร พูดไปเฉยๆ

๓ ขวบ + ๑๘๗ วัน...ศุกร์ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เมื่อวานปะป๊าตัดกระดาษทำค้อปเตอร์เลียนแบบที่ลุงโก้ทำ ทำง่ายมาก เด็กๆชอบด้วย ทำให้เจ๊น่ากับเฮียโรเล่นก็ชอบกันใหญ่ เด็กจิ๋วเอาไปเล่นแป๊บเดียว ปะป๊ามาดูอีกที เห็นมีคนวาดตาสองข้างของปีกค้อปเตอร์แล้วก็เขียนโค้งๆเป็นปากใต้ตา พอปะป๊ามาเห็นก็คิดว่าเจ๊น่าเป็นคนวาดแน่ๆ สอบสวนเจ๊น่าดู เจ๊น่าบอกว่าน้องวาด มันจะเป็นไปได้ไง ปะป๊าทึ่งมากอ่ะ เรื่องแรกเลยคือวาดได้สวยงามมากๆ เป็นตากลมๆอยู่ในปีกเล็กๆสองข้างอย่างสมดุลย์ อีกเรื่องคือ ไอเดีย จินตนนการ มันล้ำมากๆ คิดได้ไงว่าเอาปีกมาวาดเป็นหน้า รู้ด้วยว่าหน้าต้องประกอบด้วยตาและปาก...เราคิดว่าสงสัยเป็นผลมาจากเรียนปั้นดินที่ cray work หรือเปล่า เพราะตรงกลางลูกตามีจุด 1 จุดด้วย วิธีการเหมือนครูเมย์สอนเลย เด็กจิ๋วอัจฉริยะจริงๆ
...ตอนไปรับเด็กจิ๋วกลับ เจอครูอ๊อดเป็นครูห้องภาษาอังกฤษ ครูอ๊อดมาฟ้องว่าเดี๋ยวนี้เวลาให้ออกไปหน้าชั้นไปพูดกับ teacher J แล้วไม่ยอมพูด เวลานั่งเรียนอยู่แล้ว teacher ถามก็ตอบได้ แต่ให้ออกไปพูดตัวต่อตัวไม่ยอมพูด ไม่แน่ใจว่าอายหรือไง เราก็งงเหมือนกันนะ เพราะปกติเด็กจิ๋วกล้าพูดจะตาย เวลาเข้า 7-11 ก็ไปพูดกับพนักงานเลย พี่ค่ะแยกถุงให้ด้วยค่ะ วันก่อนซื้อของตัวเองอย่างเดียว ยังบอกให้พี่เค้าแยกถุงให้อีก งงเลย คิดไปคิดมา หรือว่าเด็กจิ๋วคาดเรียนไปนาน มาต่อไม่ทันเลยพูดไม่ได้ แต่ครูอ๊อดก็บอกว่าเวลาอยู่ในกลุ่มก็พูดได้ เอาแล้วไง ทำไงดี สงสัยต้องให้คุณแม่คุยเป็นภาษาอังกฤษบ่อยๆ
...วันนี้พาไปเรียนกับครูแก้ว ระหว่างเรียนอยู่ นิตาก็ตามมา ได้คุยกับน้าเบียร์เห็นบอกว่าพรุ่งนี้จะพานิตาไปเรียนว่ายน้ำที่เกษตร เราก็เคยคิดจะให้เด็กจิ๋วไปเรียน แต่เอาไว้ก่อนดีกว่า ช่วงนี้ป่วยบ่อย
...มีอยู่วันหนึ่ง ครูขวัญทำผมให้เด็กจิ๋วเป็นแบบมีเปียเล็กๆห้อยมาข้างหน้า 2 ข้าง ครูๆเรียกกันว่าอึ้งย้ง เด็กจิ๋วกลับมาบ้าน มาบอกว่า “ทรงบะย้ง”...รู้สึกว่าครูๆจะชอบให้เด็กจิ๋วทำทรงนี้ เห็นเรียกเด็กจิ๋วว่าแม่นางอึ้งย้งมาหลายครั้งแล้ว วันนี้ครูขวัญก็จัดทรงอึ้งย้งให้อีก
...วันนี้เด็กจิ๋วเรียน cray work ขึ้นเล่มใหม่แล้ว เล่ม 1 10 ครั้งหมดไปแล้ว รวดเร็วมาก เล่นมาทุกวันแบบนี้ ไปถามครูว่าเดี๋ยวเล่นจบ 4 เล่มแล้วยังไงต่อดี ก็ได้ความเหมือนว่า step ต่อไปต้อง 5 ขวบ ถึงจะได้ปั้นแบบเป็นตัว ทุกวันนี้ปั้นติดลงกระดาษเฉยๆ
...พี่เคนเดินมาเล่นกับเด็กจิ๋ว บอกว่า จ๊ะเอ๋ วันนี้ไปไหนจ๊ะ พยายามเล่นใหญ่ เด็กจิ๋วตอบกลับไปว่า “น้องพริมไม่คุยด้วย น้องพริมไม่ชอบคนอ้วน พี่เคนตัวอ้วน”...อ้าว อ้าว

๓ ขวบ + ๑๘๘ วัน...เสาร์ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เมื่อวานเพิ่งโดนครูอ๊อดทักเรื่องไม่กล้าพูด วันนี้ตอนพาไปเรียนเปียโนก็เป็นจริงๆด้วย ครูให้ออกไปหน้าชั้น ร้องเพลงตามเปียโน เด็กจิ๋วดื้อมากไม่ยอมร้องเลย เดินออกไปนั่งพิงประตู พอลากกลับมาเข้ากลุ่มก็ไม่ยอมร้องอยู่ดี หันไปเล่นโน่นเล่นนี่ สงสัยแบบนี้หรือเปล่าที่ครูอ๊อดหมายถึง อย่างวันนี้เราคิดว่าเด็กจิ๋วไม่พอใจเพื่อนหรือเปล่า เพราะตอนแรกเด็กจิ๋วออกไปคนแรก แต่โดนเพื่อนๆเบียดแทรกตัวเข้าไปเลยต้องมาอยู่หลัง อาจจะงอนเพื่อนเลยมีอาการแบบนี้ แต่ก็ไม่ชัดเจน พอช่วงหลังๆถึงค่อยดีหน่อย วันนี้ครูให้เล่นเพลงไหนก็เล่นได้หมดแหล่ะ ที่จริงเล่นได้มากกว่าที่ครูสอนด้วย เพราะปะป๊าฝึกจากที่บ้านไปอย่างดีแล้ว ตอนนี้บอกชื่อเพลงไป เด็กจิ๋วจะสามารถเล่นได้เลย มีเพลงช้าง นางฟ้า หนมปังกรอบ พระราชา กบ จะว่าไปก็เล่นได้หลายเพลงแล้วนะเนี่ยะ เห็นเพื่อนๆเด็กจิ๋วที่วัยไล่ๆกันยังกดไม่ค่อยได้เลย
...เรียนเปียโนเสร็จก็พากันไปกินฟูจิ เด็กจิ๋วบอกว่าอยากกินข้าวหน้ากุ้งกรอบๆ เราก็อ๋อ หมายถึงที่ร้านคินิกุ แต่ที่เซนลาดไม่มีเลยพาไปกินฟูจิแทน ปะป๊าทำน้ำราดให้เอง ใช้ซีอิ้วหวานผสมกับน้ำจิ้มเทมปุระ ปรากฎว่าเด็กจิ๋วบอกว่าอร่อยกว่าที่คินิกุอีก ในร้านเจอเพื่อนที่เรียนเปียโนด้วยกัน ชื่อ น้ำฟ้า อายุไล่ๆกัน แต่เห็นบอกว่าอยู่ อ.2 แล้ว อาจจะแก่กว่าจิ๋วไม่กี่เดือน เด็กจิ๋วพยายามปีนไปคุยกับน้ำฟ้าใหญ่ น้ำฟ้าก็เหมือนกัน ปีนมาจับมือกัน คุยเล่นกันใหญ่ สักพัก ก็เดินไปเล่นด้วยกันเลย อย่างน้ำฟ้านี่เหมือนถูกชะตานะ เจอกันก็ชวนกันเล่นกันลั้นลา ไม่เห็นเหมือนนิตาเลย วันศุกร์ไปเจอกันที่เรียนระบายสีก็ไม่เห็นมาเล่นแบบนี้เลย เราคิดว่านิตาดูจะไม่เล่นติงต๊องแบบเด็กจิ๋วหรือเปล่า เด็กจิ๋วออกแนวบ้าบอมากกว่า
...กินข้าวเสร็จก็พาไปซื้อรองเท้าตามสัญญา วันนี้ต้องรีบบอกเด็กจิ๋วว่า เดี๋ยวตอนไปซื้อ ต้องให้ปะป๊าเลือกให้นะ เพราะบางคู่มันแพงมาก เราไม่มีตังซื้อ ที่จริงแล้วกลัวเด็กจิ๋วไปชอบคู่ประหลาดๆแล้วจะเอาให้ได้ จะกลายเป็นกรี๊ดกลางห้างแบบคราวที่แล้ว ในที่สุดก็ได้คู่ถูกใจ ซึ่งคู่นี้เมื่อวันก่อนที่เดอะมอลล์ก็มี คือไม่ค่อยมีถูกใจเท่าไหร่ มีคู่นี้แหล่ะ สวย แต่ข้อเสียคือมีพู่ฟูๆสีขาวอยู่ที่หัว กลัวจะเลอะง่าย เด็กจิ๋วก็ชอบถูกใจรีบใส่ทันทีเลย
...วันนี้พาเด็กจิ๋วไปแผนกของเล่นเด็ก ปะป๊าไปดูหุ่นยนต์ปลา เคยเห็นพี่โนพี่โน่มี รอเมื่อไหร่จะลดราคาซะที ให้เด็กจิ๋วไปถามหน่อยว่ามีลดราคาไม๊ เด็กจิ๋วก็คว้าหุ่นยนต์ปลา เดินฉับๆไปที่เค้าเตอร์จ่ายตัง “พี่คะ พี่คะ อันนี้มีลดราคาไม๊ค่ะ”...พี่บอกว่าไม่มี แต่เราก็ซื้อให้เพราะปะป๊าอยากได้มาก เด็กจิ๋วกล้าหาญมากๆเลย กล้าเดินไปถามพี่ ภูมิใจ
...กลับมาบ้านเด็กจิ๋วร้องขออาบน้ำทันที ถามไปถามมาก็คืออยากจะเล่นหุ่นยนต์ปลา พอได้เวลาอาบน้ำก็แกะเอาลงไปเล่นกัน ดีมากๆ ว่ายเหมือนปลาจริงๆ ปะป๊ากับเด็กจิ๋วเล่นหนีปลากัดกันเจ็บตัวไปหมด พอปลาว่ายมาเด็กจิ๋วก็กระโดดปีนป่ายตัวปะป๊าอย่างแรง นี่กลัวจริงหรือแอ็คติ้งก็ไม่รู้ เล่นอยู่นานไม่เลิก จนต้องพาหุ่นยนต์ปลาใส่ชามเข้าไปเล่นต่อในห้องนอน

๓ ขวบ + ๑๘๙ วัน...อาทิตย์ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เด็กจิ๋วตั้งชื่อหุ่นยนต์ปลาว่า อนาสิส เก่งอ่ะ รู้จักตั้งชื่อให้ด้วย คราวก่อนตั้งชื่อลูกของพี่สามาครั้งหนึ่งแล้ว คราวนี้ตั้งชื่อให้หุ่นยนต์ปลาอีก เดาว่าเอาชื่อมาจากเรื่องบาร์บี้ เพราะตอนเช้าเพิ่งดูบาร์บี้กันไป เหมือนคราวก่อนเพิ่งกลับจากฟอร์จูนเลยตั้งชื่อลูกพี่สาว่าฟอร์จูน เด็กจิ๋วชอบอนาสิสมากๆๆ ขออาบน้ำตั้งแต่เช้า คืออยากจะเล่นกับอนาสิสนั่นเอง เราเลยเอากะละมันใส่น้ำมาให้เล่น นั่งเล่นอยู่ในห้องครัว มีเฟสไทม์ไปหาพี่โนพี่โน่ด้วย โชว์อนาสิส พี่โนพี่โน่ก็โชว์ของตัวเองบ้าง พร้อมกันโชว์การเด็ดหางปลาเล่น
...เมื่อวานดูการ์ตูนเรื่อง the land before time ถึงภาค 5 ดูเกือบจะจบแล้ว วันนี้บอกให้ดูต่อจนจบ แล้วจะได้ต่อภาค 6 เด็กจิ๋วไม่ยอม ขอดูภาค 5 ตั้งแต่ต้นใหม่ ตลกมาก แล้วก็ตั้งใจดูตั้งแต่ต้นใหม่จริงๆ สนุกมากเลยเรื่องนี้ ผจญภัยทุกตอนเลย มีทั้งหมด 13 ภาค เด็กจิ๋วชอบมาก
...พี่โฮไอขึ้นมาหา เอาการบ้านมาทำด้วย การบ้านของพี่โฮไอมีการ์ตูนสีสันสวยงาม ไม่เหมือนการบ้านของแสงโสมเลย พี่โฮไอจะเป็นโรคอิดอ่อดเหมือนกัน เวลาทำการบ้านจะใช้เวลานานมาก วันนี้เด็กจิ๋วช่วยพี่โฮไอเขียนตัวหนังสือด้วย
...วันนี้ตอนเช้ามีไอเยอะ ตอนกลางวันไม่ค่อยไอ แต่พอกลางคืน ไอเยอะมาก หลับไปแล้วก็ไอเรื่อยๆเป็นระยะๆ แต่ไม่ไอแล้วอ้วกแบบมีเสมหะเหมือนคราวก่อน คือดูก็รู้เลยว่าไม่เหมือนกัน 

ประชุมผู้ปกครอง 29/6/2556
MCC Hall ชั้น 4 The Mall งามวงศ์วาน
เดินเข้างานไปลงทะเบียน เซ็นชื่ออย่างเดียว เห็นมีบูธ Hotdog หมูปิ้ง กาแฟ มีคนมุงเต็ม นึกในใจว่า โห...รร แสงโสมใจดีจัง เลี้ยงอาหารเช้าด้วย ตอนนั่งประชุมยังส่ง message ไปบอกปะป๊ากับพริมให้มากินกัน รร เลี้ยง แล้วก็นึกในใจว่า อาจารย์แสงโสมนี่เห็นเหมือนเจ้าระเบียบแต่ก็ใจดี มีเลี้ยงหมูปิ้งด้วย แต่พอตอนเลิกเดินออกมารับปะป๊ากับพริมเข้ามาจะพาไปกิน คนที่มุงๆก็หายไป เลยได้เห็นว่ามีป้ายราคา ที่แท้ก็ขายนี่เอง ....
พอลงทะเบียนเสร็จก็เดินไปที่โต๊ะของห้อง 1/8 งงๆนิดนึง เพราะคุณครูของพริมแต่งตัวกันสวยมาเป็นพิเศษ ครูขวัญครูนิวเกือบจำไม่ได้ มีรูปถ่ายกิจกรรมแปะบอร์ดให้ดู ดูได้แป๊บนึงคุณครูก็มาเรียกไปนั่งรวมที่เวทีใหญ่เพื่อฟังครูปุ๊ก (อ.มณฑิรา ทวีสิน) บรรยาย ครูปุ๊กก็พูดเรื่องหลักสูตร คือ จบ อ.1 จะอ่าน ก-ฮ A-Z ได้ เขียนตามเส้นประได้ พอ อ.2 จะเน้นวิชาการมากขึ้น การบ้านก็จะมีมากขึ้น ฝึกเขียนมากขึ้น จบ อ.2 จะเขียนหนังสือได้ อ่านได้แบบมีสระเดี่ยว บวกเลขได้ พอจบ อ.3 จะอ่านแบบสระผสมได้ ลบได้ (แบบยังไม่ขอยืม) ทุกชั้นจะมีการสอบวัดระดับ โดย อ.1 จะสอบกับคุณครูประจำชั้น เรียกมาสอบทีละคน เหมือนการเรียกมาทำแบบฝึกหัดปกติ บรรยากาศสบายๆ พอ อ.2 จะสอบแบบการสอบปกติ โดยคุณครูคุมสอบจะเป็นครูประจำชั้นห้องอื่น และคุณครูผู้ช่วยห้องตัวเอง คุณครูจะอ่านโจทย์ 2 ครั้ง แล้วให้เด็กทำข้อสอบ อ.3 ก็เหมือนกัน
คุณครูปุ๊กอธิบายเรื่องการเรียนการสอน ว่า อ.1 มีครู 4 คนต่อห้องพอ อ.2 3 จะเป็น 3 คนต่อห้อง มีการเรียนแบบดูแลใกล้ชิด ครูประจำชั้นจะเรียกมาสอน และทำแบบฝึกหัดทีละไม่กี่คน ที่เหลือก็จะเข้าศูนย์เฉพาะตัวกับครูผู้ช่วย หรือนั่งเล่นของเล่น
มีการสอนทำอาหารให้กับเด็กๆ โดยมีห้อง cooking ให้เด็กๆทำอาหารต่างๆ เช่นบัวลอย ผักทอด เป็นต้น
มีการให้เล่นสนามเด็กเล่น ห้องหนูน้อยพาเพลิน และเรียนว่ายน้ำ แต่ช่วงนี้โรคมือเท้าปากระบาด และฝนตกๆ จะให้หยุดการลงน้ำไปก่อนซัก 1 เดือน ครูปุ๊กพูดเรื่องมาตรการการดูแลโรคมือเท้าปากว่าทาง รร มีการพ่นยาฆ่าเชื้อทุกวัน คุณครูก็จะตรวจสอบเด็กๆทุกๆวันว่ามีอาการมั้ย ถ้ามีเด็กที่เป้นเกิน 2 คนต่อห้อง จะปิดเรียนห้องนั้นทันที ประมาณ 3-5 วันเพื่อตัดวงจรการแพร่เชื้อ
จากนั้นก็เป็นอาจารย์แสงโสมมาพูดเสริม เท่าที่จำได้ก็มีเรื่องการเรียน 3 ภาษา โดยมีการเพิ่มจีนกลางเข้าไป โดยเริ่มเรียนตอน ป.1 มีการเอา clip เด็ประถมพูด speech เป็นภาษาจีน และอังกฤษมาให้ดู มีเอา clip วงดุริยางค์มาให้ดู
สุดท้ายเป็นจิตแพทย์เด็กมาพูด อันนี้ยาวมากๆ มีน้ำเยอะหน่อย เนื้อที่จำได้สำคัญๆ คือ อย่ากดดันเด็กให้เครียดมาก ถ้าเครียดปุ๊บ ศักยภาพต่างๆ จะ drop ลงทันที (ข้อนี้ครูปุ๊กก็พูด) บอกว่าให้เดินทางสายกลาง พยายามกระตุ้นเด็กในทางบวกมากกว่าทางลบ ให้กำลังใจลูกมากกว่าที่จะบังคับ (บางเรื่องดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กับพริม และเพื่อนพริม เพราะแม่เบ๊บก็หันมาบอกว่า ใช้กับลูกเราไม่ได้นี่นา...) หมอบอกว่าเด็กวัยนี้ สมองส่วนที่เป็นความคิดยังพัฒนาไปได้น้อยมาก สองส่วนอารมณ์จะมีอิทธิพลมากกว่า ฉะนั้นเด็กๆ ก็มักจะใช้อารมณ์มากกว่าความคิด ไม่เหมือนผู้ใหญ่ (สมองส่วนความคิดจะพัฒนาเต็มที่เมื่อายุ 25)
พอฟังคุณหมอจบ ก็แยกย้ายไปที่โต๊ะกลุ่มของห้องตัวเอง โดยคุณครูประจำชั้น และครูผู้ช่วยจะแนะนำตัว และเล่าถึงการเรียนการสอนที่เกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่เช้าไปถึง รร ถ้ามีกินข้าวเช้าก็กิน ถ้าไม่มีก็ไปเล่นสนาม พอ 8 โมงก็เข้าแถวร้องเพลงชาติ เพลง รร กิจกรรมเข้าจังหวะต่างๆ (วันจันทร์จะเข้าแถวรวมที่สนาม วันอื่นๆ เข้าแถวในห้อง) เสร็จแล้วล้างมือ กินนมกินขนมของว่าง แล้วเริ่มเรียนด้วยกิจกรรมาต่างๆ ที่จะไม่เหมือนกันในแต่ละวัน เช่นเชิดหุ่น ดนตรี ศิลปะ ทำอาหาร พละศึกษา และเล่นห้องหนูน้อย จากนั้นก็เรียนวิชาการ ถ้าเด็กเรียนภาค E ก็จะไปเรียนวิชานั้นๆกับครู Jay แต่ถ้าเรียนปกติ ก็เรียนที่ห้องกับครูแหวว โดยมีเนื้อหาเหมือนกัน วิชาเดียวกันจะมีเรียน 3 ครั้งใน 1 สัปดาห์ เรียนเป็น Eng 1 ครั้งและไทย 2 ครั้ง ฉะนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าเด็กจะไม่ได้เนื้อหาครบถ้วน เรียนภาค E เสร็จก็กลับห้องมาเรียนกับครูแหววอีก 1 วิชา จากนั้นก็กินข้าวกลางวัน และนอน ตื่นมาก็มีเรียนพิเศษ (ถ้ามี)
คุณครูมีการสาธิตการทดลองวิทยาศาสตร์ที่เด็กๆได้ลองทำ และการเข้าศูนย์เฉพาะตัวให้พ่อแม่ดูด้วย จากนั้นก็เปิดโอกาสให้ถามคำถามต่างๆ
แม่ได้มีการถามครูแหววเรื่องการเขียนหนังสือของพริม ครูบอกว่าเด็ก อ.1 ยังไม่เขียน freehand ยังเขียนตามรอยประ และเน้นการจำและแยกตัวอักษรมากกว่า เช่น ก ถ ภ หรือ บ ป ษ เค้าจะเรียนเป็น set ไม่ได้เรียงตาม ก ข ค ง ... ครูแหววว่าอย่าไปบังคับเค้ามากไม่งั้นเค้าจะต่อต้านการเขียนไปเลย และครูแหววบอกว่าเวลาพริมอยู่ รร ก็ทำแบบฝึกหัดได้ดี ทำคล่องแคล่วรวดเร็ว ไม่น่ากังวลอะไร และเป็นเด็กอารมณ์ดี ร้องเพลง ฮัมเพลงตลอด

๓ ขวบ + ๑๙๐ วัน...จันทร์ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เช้านี้ไม่ไปโรงเรียนนะ ไปหาหมอแทน หมอบอกว่าเป็นหลอดลมอักเสบ มีไข้นิดๆ ถึงว่าอาการไม่เหมือนครั้งก่อนๆ หมอบอกว่าครั้งนี้จะต้องกินยา 2 ขวด คือฟังดูเหมือนจะหนักกว่าครั้งก่อนๆ เป็นเหมือนนิตาเลย ที่นิตาเป็นก็ต้องหยุดเรียนไป 2 อาทิตย์เลย ต้องครอบกุ๊กไก่ด้วย ตอนเข้าห้องครอบกุ๊กไก่ ดันเจอเด็กคนหนึ่งกำลังครอบอยู่แล้วร้องไห้ลั่นห้องเกือบแตกอยู่ เราเข้าไปเห็นสภาพเด็กกำลังถูกผ้ามัดตัวไว้แล้วร้องทุรนทุราย น่าจะให้เด็กคนนี้ทำเสร็จก่อนถึงค่อยให้เราเข้าไปนะเนี่ยะ พอเด็กจิ๋วเข้าไปเห็นแบบนั้นเข้าก็เอาเลย ไม่ยอมบ้าง ร้องโวยวายเล็กน้อย แต่คุณแม่ขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยแล้วจับที่ครอบไว้ให้ กอดเด็กจิ๋วเอาไว้ เด็กจิ๋วถึงจะยอม แต่ก็มีอิ๊อ๊ะเป็นระยะๆ ที่โรงพยาบาล เราเจอน้องเจแปนด้วย เป็นเด็กที่ไปเรียน cray work ด้วยกัน
...ตอนบ่ายๆเย็นๆเด็กจิ๋วก็ยังตัวอุ่นๆ ไอเป็นระยะๆ ป่วยครั้งนี้ท่าทางจะหนักจริงๆ
...ตอนเย็นปะป๊าสอนให้เล่นเปียโนเพลงหนูมาลี แค่บอกตัวโน๊ต เด็กจิ๋วก็เล่นเองได้เลย เก่งมาก มีเรโด เรมีมีมี เรเรเร มีซอลซอล กำลังฝึกอยู่ ยังไม่คล่อง

๓ ขวบ + ๑๙๑ วัน...อังคาร ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เด็กจิ๋วตามอี๊ป้อมไปตลาด ได้ของกลับมาเป็นไมโลกล่องหนึ่ง กับเยลลี่อยู่ในของเล่นเป็นร่ม เราบอกว่ากินไม่ได้ ปะป๊ากับคุณแม่ไม่ให้กินเยลลี่นะ จะทำให้ฟันผุ ต้องแปดขวบก่อนถึงจะกินได้ เด็กจิ๋วบอกว่า “งั้นน้องพริมเก็บเอาไว้ก่อน พอ 8 ขวบแล้วค่อยกิน”...โห อีก 5 ปี มันจะเสียไม๊เนี่ยะเด็กจิ๋ว เอาไปแบ่งพี่ๆกินดีกว่า เด็กจิ๋วเดินออกไปถามพี่ๆแต่ละคนว่าอายุเท่าไหร่ พี่เก่งบอกว่า 26 เด็กจิ๋วบอกว่า ยังไม่ถึง 8 อดกิน แล้วก็ผ่านโต๊ะพี่โอ แต่พี่โอไม่อยู่ เด็กจิ๋วรักพี่โอมาก เอาเยลลี่วางไว้ให้บนโต๊ะพี่โอ บอกว่าเดี๋ยวพี่โอกลับมาจะได้กิน
...ตอนบ่ายหนีเด็กจิ๋วไปตลาดหลังการบินไทยกัน ตั้งใจจะไปซื้อชุดบัลเล่ต์ เบื่อมาก ฝากครูแอนซื้อมาจะหมดเทอมแล้วยังไม่ได้ชุดเลย ได้มาแต่บอดี้สูท ยังขาดกระโปรง ล่าสุดครูแหววบอกว่า เดี๋ยวครูแอนจะโทรมาคุยเรื่องชุด แต่ก็รอมานานแล้วยังไม่เห็นโทรมา ดูเลื่อนลอยมากๆ ที่ตลาดหลังการบินไทยมีขายชุดบัลเล่ต์อยู่ 5-6 ร้าน เราซื้อชุดสีขาวให้ราคา 450 ซื้อเสร็จแล้วเดินไปอีกร้านหนึ่ง เจอสวยกว่าเยอะมาก ราคาพอๆกัน เสียดายมากๆ ลังเลอยู่ว่าจะซื้อใหม่อีกชุดดีไม๊ แต่เสียดายตัง สรุปแล้วก็ได้ชุดสีขาวแบบมาตรฐานธรรมดา วันนี้เจอรองเท้าแบบที่เพิ่งซื้อให้เด็กจิ๋วจากห้าง คู่ละ 400 กว่าบาท ที่ห้างแพงกว่าเท่าตัว เป็นของแท้ด้วย ขายถูกมากๆ วันหลังต้องมาซื้อที่นี่แล้ว เป็นพวกรองเท้ายี่ห้อคิตตี้ วันนี้นอกจากได้ชุดบัลเล่ต์แล้ว ยังได้ชุดกระโปรงอีก 3 ชุด คิดว่าเด็กจิ๋วต้องชอบแน่ๆ เพราะตอนนี้ชอบไปเอาชุดกระโปรงตอนขวบหนึ่งมาใส่ แต่ปรากฎว่าพอเอามาให้ดูแล้ว ดันบอกว่าไม่ชอบ ชอบชุดบัลเล่ต์อย่างเดียว ว่าแล้วก็รีบใส่ชุดบัลเล่ต์เต้นโชว์ใหญ่

๓ ขวบ + ๑๙๒ วัน...พุธ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...สองวันมานี่เด็กจิ๋วอยู่ออฟฟิต รู้สึกว่าก่อกวนพี่ๆเยอะเหมือนกัน ไปโรงเรียนดีกว่าเยอะ ปะป๊ากับคุณแม่ก็จะได้มีเวลาทำงานด้วย แบบนี้ต้องอยู่กับเค้าทั้งวัน ยิ่งไม่สบายยิ่งดูงอแงด้วย
...ปะป๊าให้เด็กจิ๋วระบายสีรูป โดยเลียนแบบครูแก้ว ดูรูปตัวอย่างในเว็ปแล้ววาดลงกระดาษแผ่นใหญ่ ให้เด็กจิ๋วตัดเส้นแล้วระบายสี เออ มันก็ทำเองก็ได้นี่ ไม่ต้องไปเรียนกับครูแก้วก็ได้ แต่ครูก็จะวาดรูปสวยกว่า มีสีน้ำให้ระบายด้วย แล้วก็ช่วยเก็บงานให้เรียบร้อย มีตกแต่งเพิ่มเติมด้วย
...เมื่อวานซื้อกิ๊ฟหูกระต่ายมาจากตลาดหลังการบินไทย น่ารักมาก ปะป๊าชอบ ตอนแรกบอกให้ติด เด็กจิ๋วก็ทำเล่นตัวไม่ยอม แต่สักพักก็เอามาติดเอง แล้วก็ติดไว้ทั้งวันเลย
...วันนี้ให้เด็กจิ๋วเล่นเปียโนเพลง หนูมาลี ฝึกอยู่ 2-3 วันนี้เล่นเกือบได้แล้ว เก่งมากๆ อาโกวบอกว่าเล่นได้พอๆกับเจ๊น่าเลย เจ๊น่าเรียนมาหลายปีแล้ว ตอนนี้อาโกวอยากซื้อเปียโนแบบเด็กจิ๋วไปไว้ให้เจ๊น่าซ้อมที่บรัดดารมย์บ้าง
...วันนี้เอาชุดกระโปรงส้มมาใส่ น่ารักมากๆๆๆ ไม่เคยคิดจะซื้อแนวนี้ให้ใส่มาก่อนเลย
...ช่วงนี้ ทุกๆคืน ตอนพาเข้านอน นอนได้สักพักต้องร้องขอไปฉี่ เมื่อก่อนไม่เคย เดาว่าที่ต้องฉี่ทุกวันก็เพราะอยากจะเล่นซ่อนแอบกับปะป๊า พอฉี่เสร็จ กลับเข้าห้องมา ปะป๊าต้องแอบ ปะป๊าแอบทุกวันในห้องเล็กนิดเดียว จะหมดมุขแล้วนะ หลังๆซ่อนใต้ผ้าห่มอย่างเดียวเลย หลอกเด็กจิ๋วได้ทุกวัน
...เราซื้อหนังสือนิทานมาให้เด็กจิ๋วเยอะมาก แต่ว่าเด็กจิ๋วจะชอบพวกเล่มเล็กๆขนาดแบบ 6 นิ้ว ยิ่งพวกเล่มหนาๆแบบรวมเรื่อง จะไม่ยอมหยิบมาให้อ่านเลย ที่เบื่อมากที่สุดก็คือหนังสือโฆษณาครีมกันแดด เอามาให้อ่านอยู่เรื่อยเลย ที่เราสงสัยมากก็คือพวกหนังสือเล่มเล็กๆอย่างที่ว่านั้นมันจะเป็นเรื่องราวที่เขียนเป็นกลอนคล้องจองกัน ภาษาก็ฟังเข้าใจยาก ไม่แน่ใจว่าเด็กจิ๋วชอบอะไร ชอบรูปภาพ ชอบความคล้องจ้องของบทกลอน

๓ ขวบ + ๑๙๓ วัน...พฤหัส ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...ตั้งแต่วันจันทร์มาแล้ว ตอนเช้าต้องตื่นมางอแงทุกวันเลย คือถ้าเป็นวันหยุดปกติจะมาปลุกปะป๊าไปดูหนัง ส่วนวันธรรมดาที่ไปโรงเรียนก็จะอุ้มขึ้นรถ ไปงอแงในรถตอนแต่งตัวทุกวัน อันนี้ไม่รู้จะงอแงอะไรก็โวยวายจะไปห้องครัว พอไปอุ้มก็งอแงไม่ให้จับตัว อะไรประมาณนี้ คืองอแงไร้สาระนั่นแหล่ะ เป็นแบบนี้ทุกเช้าเลย
...วันนี้พาไปหาหมออีกที เพราะคุณหมอบอกว่าถ้า 2-3 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นให้มาหาหมอใหม่ เราคิดว่าคุณหมอคงไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีเพราะอาการมันก็ไม่ได้หนักลง ตรวจปอด ตรวจคอ ก็ปกติ ว่าแล้วก็ขอตรวจเลือดดีกว่า คือคุณหมอบอกว่าอยากให้รู้ไปเลยว่าเป็นไวรัสหรือแบคทีเรีย เราก็งงๆ จะรู้ไปทำไม สรุปแล้วหลังตรวจเลือดก็ได้ผลว่าเป็นไวรัสธรรมดา ไม่ได้เป็นไข้เลือดออก คือเด็กจิ๋วเจ็บตัวฟรี ตอนที่พาไปเจาะเลือด เราก็หลอกไว้ว่าพี่พยาบาลจะมากดนิ้ว คือเราก็ยังไม่รู้ด้วยว่าเค้าจะทำยังไง ตอนแรกพยาบาลก็เจาะนิ้วก่อน ไม่รู้สึกอะไร แต่หลังจากนั้น พยาบาลใช้วิธีเอาหลอดมาขูดนิ้วเพื่อรีดเลือดออก ขูดอยู่นานเป็นสิบๆที ระหว่าที่ทำเด็กจิ๋วก็อิ๊อ๊ะเล็กน้อยแต่ไม่ร้องไห้ แต่พอเสร็จเท่านั้นแหล่ะ ร้องไห้ใหญ่เลย ไม่ร้องโวยวายแต่ร้องแบบเสียใจ ร้องอยู่นานมากๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ หลอกล่อด้วยหลายวิธี จนในที่สุดไปซื้อสมุดสติ๊กเกอร์ให้เล่น ถึงเพลินๆไปได้ ตอนก่อนจะเจาะเลือด ถามเด็กจิ๋วว่าอยากโดนกดนิ้วหรืออยากครอบกุ๊กไก่ เด็กจิ๋วรีบตอบว่าไม่ครอบกุ๊กไก่จะกดนิ้ว แต่พอทำเสร็จ กลับมาบอกว่า “ทีหลังทำกุ๊กไก่ดีกว่า ไม่เจาะเลือดแล้ว”
...วันนี้ครูแหววโทรมาแจ้งว่าพรุ่งนี้โรงเรียนหยุด 1 วัน เพราะเจอเด็กเป็นโรคมือเท้าปาก 2 คนแล้ว ไม่นับน้องเจ้นท์นะเพราะอันนั้นหายดีแล้ว ที่เป็น 2 คนคือน้องเก็ต และน้องอิงดาว น่ากลัวมากๆ โชคดีที่เด็กจิ๋วป่วยซะก่อนไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่งั้นเราต้องกลัวกันแน่ๆ เพราะเด็กจิ๋วค่อนข้างสนิทกับอิงดาวซะด้วย แต่คุณแม่กำลังสงสัยว่าทำไมครูแหววให้หยุดแค่พรุ่งนี้วันเดียว รวมเสาร์อาทิตย์ก็แค่ 3 วันเอง โรคนี้มีระยะฝักตัว 3-7 วัน แบบนี้วันจันทร์อาจจะมีเด็กที่อยู่ในระยะแพร่เชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการมาโรงเรียนก็เป็นไปได้ดิ่

๓ ขวบ + ๑๙๔ วัน...ศุกร์ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...อาโกวขึ้นมาดูเด็กจิ๋วเล่นเปียโนแล้วบอกว่าเก่ง ถึงขั้นจะซื้อเปียโนให้เจ๊น่าบ้าง เอาไปไว้ที่บรัดารมย์ จัดการให้คุณแม่สั่งซื้อให้เรียบร้อย เราก็พยายามบอกแล้วว่าให้เจ๊น่ามาเล่นของเด็กจิ๋ว แต่เจ๊น่าไม่ยอมเล่นเลย เหมือนอายๆ
...ช่วงที่ไม่ได้ไปโรงเรียนหลายวัน เราก็พยายามเอาแบบคัดลายมือให้เด็กจิ๋วทำเรื่อยๆทุกวัน แบบก.ตอนนี้คัดถึง ฏ ส่วนแบบตัวเลข คัดถึงเลข 8 เด็กจิ๋วบอกว่าเลข 8 ง่ายมาก ใครๆทุกคนทำได้หมดเลย แล้วตอนนี้อยู่ดีๆก็สามารถเขียนชื่อตัวเองภาษาอังกฤษได้เฉยเลย เราไม่ได้สอนด้วย แต่ตัวมันออกแนวแปลกๆนิดหนึ่ง อย่างตัว P ก็จะเป็นกลมๆแล้วมีเส้นลากผ่านวงกลมลงมา ส่วนตัว R จะคล้ายตัว P มาก แล้วลากเส้นลงมา 2 เส้น แต่แค่นี้เราก็คิดว่าเก่งแล้วล่ะ ไม่แน่ใจว่าฝึกเองหรือไง เพราะครูบอกว่า อ.1 ยังไม่ฝึก Free Hand นะ
...ตอนกลางคืน เด็กจิ๋วดูพี่ๆ AF ร้องเต้นกันในทีวี ตัวเองก็กระโดดๆเต้นตามบ้าง สักพักอ้วกออกมาจนได้ อ้วกเสร็จแล้วก็เลิกกระโดด มานั่งดู AF ดีๆ สักพักหันมาบอกปะป๊าว่า “เดี๋ยวพี่เค้าก็อ้วกหรอก เต้นใหญ่เลย”

๓ ขวบ + ๑๙๕ วัน...เสาร์ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...วันนี้ตื่นสาย ดูการ์ตูนก่อนไปเรียนเปียโนไม่ทัน พยายามเจรจาว่าไปเรียนก่อนแล้วค่อยกลับมาดู แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดก็พบกันครึ่งทาง เปิดให้ดูแค่หน่อยเดียวแล้วหยุดไว้ก่อน เด็กจิ๋วก็โอเค ไม่งอแงอะไร แต่พอจับแต่งตัวก็เริ่มอาละวาด อารมณ์แปรปรวนมากๆ
...ความจริงวันนี้ไม่อยากไปห้าง เพราะกลัวเชื้อโรค มือเท้าปาก แต่เสียดายค่าเรียนเปียโน ชั่วโมงนึงตก 700 บาท เลยตัดสินใจว่ารีบไปเรียนเสร็จแล้วกลับทันที ไม่แวะกินข้าวช้อปปิ้ง พอไปถึง ปะป๊าก็พาเด็กจิ๋วไปเรียน ให้คุณแม่ไปช้อปซื้อของให้เรียบร้อย เสร็จแล้วจะได้รีบกลับบ้าน แต่ว่าพอเด็กจิ๋วเรียนเสร็จแล้ว คุณแม่ก็ยังไม่เสร็จซะที ก็ต้องพาเด็กจิ๋วไปเดินซื้อของกันต่ออีกเป็นชั่วโมง กลัวกันมาก สั่งว่าห้ามจับของทุกอย่าง เด็กจิ๋วเชื่อฟังดี แต่มันก็มีเผลอลืมบ่อยๆ จะติดโรคกลับมาไม๊เนี่ยะ
...เรื่องเรียนเปียโน คิดดูแล้วว่าพอหมดคลาสนี้จะเลิกเรียนแล้วล่ะ เปลี่ยนไปเรียนตัวต่อตัวที่ KPN ดีกว่า อันนี้เรียนแล้วไปได้ช้ามาก แต่ละวันเวลาหมดไปกันการสันทนาการ แจกสติ๊กเกอร์ ครูต้องเดินดูเด็กแต่ละคน เด็กเยอะก็งอแงต้องคอยควบคุมเด็กอีก เด็กจิ๋วเองก็สมาธิเสียมากๆเวลาเห็นเพื่อนๆออกนอกลู่นอกทาง ถ้าเรียนตัวต่อตัวน่าจะตั้งใจกว่า เหมือนที่เรียนปั้นดินกับครูเมย์ อันนั้นตั้งใจมากๆเป็นชั่วโมงเลย ได้สมาธิดีมากๆ


๓ ขวบ + ๑๙๖ วัน...อาทิตย์ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...ช่วงนี้เด็กจิ๋วงอแงมากกๆๆ อย่างตอนเช้าพามาดูการ์ตูน ดูไปได้หน่อยก็บ่นหิว ปะป๊าบอกว่าจะไปหยิบอาหารให้ก็ไม่เอา ให้พาเด็กจิ๋วไปด้วย แต่พออุ้มเดินออกไปก็งอแงไม่เอาอีก ว่าแล้วก็อาละวาดแบบโมโหอย่างรุนแรง คุณหมอจิตแพทย์ที่โรงเรียนบอกว่าให้เบี่ยงเบน เอาเด็กออกจากสถานการณ์นั้นให้เร็วที่สุด แล้วเราพยายามแล้วไม่สำเร็จ พอเบี่ยงเบนอุ้ยโน่นนี่ เด็กจิ๋วยิ่งโมโหอาละวาดหนักเข้าไปใหญ่ ไม่ใช่แค่ตอนเช้านะ อาละวาดเป็นระยๆทั้งวันเลย 4-5 รอบได้ อาการแบบนี้เป็นมาตั้งแต่เริ่มป่วยรอบนี้ เราคิดว่าเป็นเพราะกินยาดื้อมั้ง แต่บางวันไม่ได้กินก็ยังเป็น อันนี้ก็อาจเป็นเพราะติดนิสัยต่อเนื่องมา บางทีคุณแม่ก็คิดไปว่าอาจจะอยากยาหรือเปล่า คือกินยาทุกวันจนบางวันไม่ได้กินแล้วเหมือนลงแดง แต่อันนี้เว่อร์ไปแล้ว ไม่น่าใช่ วันก่อนๆปะป๊าจะใช้วิธีเบี่ยงเบนโดยไปยิ้ม บอกให้ยิ้มพร้อมกัน ทำแบบนี้ 2-3 รอบ เด็กจิ๋วก็จะยอมยิ้ม ถึงแม้จะยิ้มไปด้วยร้องไห้ไปด้วย ตลกมากก็ตาม แต่วันนี้เหมือนใช้แผนนี้ไม่ได้แล้ว เพราะอาการหนักขึ้น วันนี้เปลี่ยนแผน ในเมื่อไม่สามารถเบี่ยงเบนเด็กจิ๋วให้ออกจากสถานการณ์ได้ เราก็พาตัวเองออกจากสถานการณ์ดีกว่า ปะป๊าหนีออกไปเลย บอกคุณแม่ว่าถ้าเด็กจิ๋วหายดื้อหายงอแงแล้วค่อยพามาหา วิธีนี้ไม่แน่ใจว่าได้ผลไม๊ แต่เรื่องที่มีอยู่พักหนึ่งชอบตีปะป๊ากับคุณแม่ ปะป๊าใช้แผนโกรธแบบรุนแรง ทำไป 2 ครั้ง อันนั้นได้ผลชัดเจน ตอนนี้เด็กจิ๋วเลิกพฤติกรรมนั้นไปเลย แต่เราไม่อยากใช้บ่อยเพราะมันรุนแรงเกินไป

๓ ขวบ + ๑๙๗ วัน...จันทร์ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...วันนี้ตื่นสายมากๆ เก้าโมงเลย ทั้งๆที่เมื่อคืนก็นอนตามปกติ รู้เหรอว่าวันนี้หยุด พอถึงวันที่ต้องไปโรงเรียนแล้วจะยอมตื่นไม๊ละเนี่ยะ
...วันนี้เด็กจิ๋วเกือบหายป่วยดีแล้ว แต่ยังไม่ให้ไปโรงเรียนเพราะกลัวติดโรคมือเท้าปาก เราคิดกันว่าโรงเรียนให้หยุดแค่ 3 วัน มันน้อยไป เราขอหยุดเองต่ออีก 2 วันแล้วกัน เอาไว้ค่อยไปวันพุธเลย ปรากฎว่าเพื่อนๆเด็กจิ๋วก็หยุดกันเต็มเลย นิตาต้องหยุดต่ออีกทั้งอาทิตย์ น่าสงสารมาก คราวก่อนหยุดไป 2 อาทิตย์ มาเรียนได้อาทิตย์หนึ่งก็ต้องหยุดอีก 2 อาทิตย์ น้องครับก็หยุดเพราะป่วยเหมือนกัน อั่งอั๊งไม่แน่ใจ แต่เห็นว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานเอง น้องเบ๊บหยุดยาวมา 2 อาทิตย์ก็ยังไม่ยอมไปอยู่ดี กลัวโรคมือเท้าปากเหมือนกัน
...วันนี้ใส่ชุดกระโปรงลายสตรอเบอร์รี่ที่วันนั้นไปซื้อมาจากหลังการบินไทย ชุดนี้ปะป๊าไม่ค่อยชอบ แต่คุณแม่กับเด็กจิ๋วชอบ ช่วงนี้เด็กจิ๋วชอบเลือกเสื้อผ้าเอง บางวันอารมณ์อยากเป็นเด็กผู้ชายแบบพี่โนพี่โน่ ก็จะเลือกใส่กางเกงยีนขาสั้น ใส่เสื้อสีเขียวแบบแมนๆเลย แต่บางวันก็อารมณ์หญิงอยากใส่ชุดกระโปรงสวยงาม คือเป็นแบบสุดขั้ว ไม่ค่อยมีแบบกลางๆ นอกจากเรื่องเสื้อผ้าแล้วก็ยังต้องเลือกที่ติดผมเองด้วย ชอบแบบอันฟูๆขนๆ เป็นอันที่คนอื่นซื้อมาให้ คุณแม่เองไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่

๓ ขวบ + ๑๙๘ วัน...อังคาร ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...หยุดเรียนไปหลายวัน ตอนนี้กลายเป็นตื่น 9 โมงไปแล้ว วันนี้ต้องปฏิวัติไม่ให้นอนกลางวัน ตอนค่ำจะได้หลับเร็วหน่อย เพราะพรุ่งนี้จะให้ไปโรงเรียนแล้ว กลัวไม่ยอมตื่น วันนี้อาการอาละวาด งอแง ยังเป็นอยู่ต่อเนื่องอย่างหนัก ไม่เกี่ยวกับว่าง่วงหรือไม่ง่วง แค่ขัดใจนิดหน่อย หรือไม่พอใจอะไรนิดหน่อย ก็ออกอาการเลย น่ากลัวมากๆ
...วันนี้เด็กจิ๋วเล่นเปียโนเพลงปิกนิคได้แล้ว เพิ่งเรียนมาวันเสาร์นี้เอง ตอนที่เรียนอยู่ ครูบอกโน๊ตแล้วให้เล่น เด็กจิ๋วก็เริ่มเล่นได้บ้างแล้ว แต่ยังผิดพลาดอยู่เยอะ พอกลับมาบ้านให้ฝึกต่อ พอเล่นผิดก็ทำกลบเกลื่อนไม่ยอมเล่น แต่ถ้าบอกให้โชว์เพลงอื่นๆที่เล่นได้ก็จะตั้งใจเล่นอย่างดี คือรู้เลยว่าต้องชมเยอะๆถึงจะอยากเล่น เวลาเล่นได้ไม่สำเร็จก็หงุดหงิด บางทีก็มาพาลใส่เรา บอกว่าเราทำเสียสมาธิ ถ้าเราบอกโน๊ตให้ก็จะโวยเหมือนกัน พอเล่นไม่สำเร็จบ่อยๆ กลายเป็นว่าเมื่อวานไม่ยอมไปเล่นเปียโนอีกเลย ปะป๊าเลยต้องหลอกให้ร้องโน๊ตปากเปล่าให้แม่นๆก่อน หลอกให้ร้องเรื่อยๆทั้งวัน เพราะรู้ว่าถ้าท่องโน๊ตได้ เรื่องกดนิ้วก็จะทำได้เอง วันนี้พอท่องโน๊ตได้แม่นแล้ว ปะป๊าหลอกให้เล่นเปียโนปลอมใน ipad แทน ก็เล่นได้เลย น่าตกใจมาก เจ๊น่ายังอึ้งเลย บอกว่าไล่ตามเจ๊น่าทันแล้ว เดี๋ยวเจ๊น่าต้องรีบหนีห่าง เพลงปิกนิคจะยากตรงที่มี 2 ท่อนคล้ายๆกัน ต่างกันแค่โน๊ตตอนจบ ท่อนแรกเป็น ดดร ท่อนที่ 2 เป็น รรด เรายังคิดว่าเด็กจะจำได้เหรอ จะแยกแยะออกเหรอ แต่เด็กจิ๋วก็ทำได้จริงๆ ตอนนี้เด็กจิ๋วสามารถเล่นได้หลายเพลงแล้ว เพียงเราบอกชื่อเพลงไป เด็กจิ๋วก็จะเล่นได้ทันที มีเพลงนางฟ้า หนมปังกรอบ กบ พระราชา หนูมาลี ปิกนิค ต่อไปกำลังฝึกเพลงช่างทำรองเท้าอยู่
...ตอนนอนเด็กจิ๋วดราม่าหนักมาก ปะป๊านอนกอดอยู่ ก็ไล่ปะป๊าออกไป พอออกมาก็ร้องไห้ บอกว่าปะป๊าไม่รัก ร้องไห้จริงจังเลยนะ พอกลับไปกอดอีกก็ไม่เอาอีก เป็นแบบเนี่ยะมาหลายวันแล้ว จะเรียกร้องความสนใจหรือเปล่า แต่เราก็อยู่กับเค้าทั้งวัน กอดทั้งวัน เล่นด้วยกันทั้งวัน จะเรียกร้องความสนใจอีกเหรอ

๓ ขวบ + ๑๙๙ วัน...พุธ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...ตอนเช้าตัดสินใจกันอยู่ว่าจะไปโรงเรียนดีไม๊ อาการป่วยหายเกือบปกติแล้ว แต่คุณแม่กลัวติดโรคมือเท้าปาก เมื่อคืนคุณแม่เครียดถึงกับเอาไปฝันเลย แต่ปะป๊าว่าช่วงนี้อยู่บ้านนานแล้วมันงอแงไงไม่รู้ อาละวาดทุกวัน พูดตลอดว่าปะป๊าไม่รัก คุณแม่ไม่รัก ไปโรงเรียนอาจจะดีขึ้น ระหว่างไปก็มีอาละวาดตอนแต่งตัวอีกตามเคย กว่าจะทำผม กว่าจะแวะ 7-11 เสร็จ มีปัญหามากๆ วันหลังไม่แวะ 7-11 ดีกว่า ตอนไปส่งหน้าห้องก็กอดปะป๊ากับคุณแม่แน่นไม่ยอมปล่อย ทำเบะๆร้องไห้ กอดตั้งนานจนครูแหววต้องมางัดตัวไป
...วันนี้เจออั่งอั๊ง เพิ่งมาเรียนวันนี้วันแรกเหมือนกัน หยุดไปพร้อมเด็กจิ๋ว เป็นหวัดเหมือนกัน คาดว่าได้รับเชื้อพร้อมกันนั่นแหล่ะ แต่ของอั่งอั๊งเป็นหนักกว่า ต้องนอนโรงพยาบาล แล้วเห็นแม่อั่งอั๊งบอกว่าต้องฟอกปอดด้วย คืออะไรก็ไม่รู้ ฟังดูน่ากลัวมาก
...ตอนไปรับเด็กจิ๋ว เจอครูขวัญ เราเลยถามเรื่องที่ว่าเด็กจิ๋วชอบมาช่วยงานไม่ยอมไปเล่นกับเพื่อน ครูขวัญบอกว่ายังเป็นอยู่ พอครูขวัญบอกให้ไปเล่นกับเพื่อนก็ทำหน้างอนๆใส่แล้วไม่ยอมไป แถมยังมีเพิ่งอีก ช่วงนี้ค่อยช่วยครูตามเพื่อนๆให้ด้วย เวลาครูขวัญเรียกเพื่อนแล้วเพื่อนไม่มา เด็กจิ๋วจะช่วยไปตามให้

๓ ขวบ + ๒๐๐ วัน...พฤหัส ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย กว่าจะหลับได้ก็ 4 ทุ่ม เช้านี้ได้เรื่องเลย ไม่ยอมแต่งตัว เอา 7-11 มาต่อรองก็ไม่สำเร็จ ไปถึงโรงเรียนแล้วก็ไม่ยอมอีก อาละวาดร้องไห้ยกใหญ่ กว่าจะหลอกล่อให้ยอมแต่งได้ เข้าห้องเรียนช้าเลย ไปถึงเพื่อนๆกำลังยืนตรงร้องเพลงชาติกันอยู่ 
...เจ๊น่ากับเฮียโรชอบเอาหนมห่อๆมากินที่ออฟฟิต เด็กจิ๋วเห็นก็อยากกินบ้าง เมื่อก่อนตอนเด็กๆไม่ให้กินเลย มีช่วงที่ไปโรงเรียนเริ่มให้กินบ้าง พยายามจะจำกัดจำนวน แต่บางทีก็เผลอกินหมดห่อ ช่วงนี้ต้องกลับมาเข้มงวด ให้กินครั้งละ 5 ชิ้น 10 ชิ้น เด็กจิ๋วก็เชื่อฟังดี เวลากินแต่ละคำก็จะนับเสียงดังให้เราได้ยิน 1 2 3 4 5 มีบางทีตุกติกหยิบคำหนึ่ง 3 ชิ้น พอเราเห็นก็ทำหน้ากุ้มกิ่ม
...หลังเลิกเรียนเราพาเด็กจิ๋วไปปั้นดินที่ เออบงเช่ เด็กจิ๋วกำลังตั้งท่าจะเริ่มปั้นอยู่ ปะป๊ากับคุณแม่ก็ไปลากตัวเด็กจิ๋วขึ้นมาจากเก้าอี้ บอกครูว่าเดี๋ยวขอมาพรุ่งนี้แล้วกัน ครูก็งงใหญ่ ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่จริงก็คือมีเด็กน้อยคนหนึ่งไอหนักมาก เด็กจิ๋ววางขวดนมที่กินเหลือไว้บนโต๊ะ เด็กคนนั้นก็ไออย่างแรงใส่ขวดนมเด็กจิ๋ว น่ากลัวมาก ต้องทิ้งนมไว้ที่ร้านนั้นแหล่ะ เปลี่ยนไประบายสีกับครูแก้วแทน วันนี้ระบายสีรูปช้าง เสร็จแล้วก็ร้อยลูกปัดต่อด้วย

๓ ขวบ + ๒๐๑ วัน...ศุกร์ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...วันนี้วันศุกร์ เราให้เด็กจิ๋วใส่ชุดกระโปรงชมพูที่ปะป๊าชอบที่สุดไปโรงเรียน น่ารักมากกกก วันนี้ได้เรียนบัลเล่ต์ด้วย เตรียมชุดบัลเล่ต์สีขาวที่ไปซื้อจากหลังการบินไทยมาเอง ที่สั่งครูแอนซื้อยังไม่ได้เลย จะหมดเทอมอยู่แล้ว รอต่อไปก็คิดว่าคงอีกนาน ประชดชีวิต ซื้อใหม่มาเองเลย เป็นสีขาว กระโปรงลายจุดๆ ตอนไปรับกลับ เจอเด็กจิ๋วนั่งรออยู่ในห้องเรียน สภาพยังใส่ชุดบัลเล่ต์อยู่เลย สอบถามคุณครูได้ความว่า เห่อ เรียนบัลเล่ต์เสร็จแล้วไม่ยอมเปลี่ยนชุดกลับ
...ตอนนี้เรามีชุดบัลเล่ต์ที่รอครูแอนอยู่ 1 ชุด จ่ายเงินไปแล้วแต่ยังไม่ได้ของ แล้วซื้อสีขาวมาอีกหนึ่ง วันนี้น้าเบียร์เอามาให้อีก 2 ชุด บอกว่าพี่สาวให้มา แต่นิตาไม่ยอมใส่ ยังไม่ได้ใช้เลยเอามาให้เด็กจิ๋ว เดี๋ยวเราเลือกแล้วเอาไปคืนชุดหนึ่งแล้วกัน เก็บไว้แค่ชุดเดียว แล้วนี่ปะป๊ากับคุณแม่มีเล่งๆชุดบัลเล่ต์สีม่วงอีกชุดไว้ที่หลังการบินไทยด้วยนะ กะว่าจะไปซื้อวันหลัง มันจะกลายเป็นชุดบัลเล่ต์เต็มบ้านอะดิ่
...หนังสือนิทานก่อนนอนที่อ่านให้เด็กจิ๋วฟังทุกคืน จะมีชุดขอบคุณ กับขอโทษ เป็นเล่มโปรดของเด็กจิ๋ว อ่านมา 10 กว่ารอบได้ วันดีคืนดี ระหว่างที่เรากำลังอ่านอยู่ เด็กจิ๋วก็แย่งพูดออกมา คือจำเนื้อหาของนิทานได้ เป็นกลอนด้วย คำยากๆ หลายๆคำเด็กจิ๋วก็ไม่รู้ความหมายหรอก แต่จำเหมือนจำเนื้อเพลงอ่ะ คงดูรูปแล้วก็ผูกกับเรื่องราวพูดได้ทั้งเล่มเลย เก่งมาก เราเลยถ่ายคลิปเอาไว้ มันตลกมากเหมือนอ่านหนังสืออกได้เองอ่ะ

๓ ขวบ + ๒๐๒-๒๐๔ วัน...เสาร์ ๒๐ – จันทร์ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...ไปเที่ยวภูทับเบิก&เขาค้อ

N/Prim@ภูทับเบิก&เขาค้อ
...ไม่ได้เที่ยวมานานมากแล้ว ตั้งแต่เด็กจิ๋วไปโรงเรียน ที่จริงแล้วไม่ไปเที่ยวเพราะติดเรียนก็ไม่เชิงนะ เพราะโดดเรียนได้สบาย บ้านเราไม่ซีเรียส แล้วส่วนใหญ่ไปแค่เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ต้องโดดเรียนซะด้วยซ้ำ แต่เรื่องสำคัญคือพอไปโรงเรียนแล้วป่วยต่อเนื่องยาวนานมาก แทบจะไม่มีช่วงไหนที่หายขาดสนิทเลย อย่างตอนนี้ก็เหมือนจะหาย แต่ก็มีไอนิดๆหน่อยๆ กินยาเกือบทุกวันแหล่ะ วันเสาร์ อาทิตย์ จันทร์นี้หยุดยาว 3 วัน เราไปเที่ยวภูทับเบิกกับเขาค้อกัน เคยไปแต่หน้าหนาว ไม่เคยไปหน้าฝน คือหน้าฝนไม่รู้จะเที่ยวไหนก็เลยลองไปตามหาทะเลหมอกกัน
...ตอนเช้าก่อนไปเที่ยว เราไปเรียนเปียโนกันก่อนด้วย วันนี้เด็กจิ๋วตั้งใจเรียนมาก ออกไปโชว์หน้าห้องเป็นคนแรกเหมือนครั้งก่อน เล่นอย่างรวมเร็ว มั่นใจ ครูหว่าปรบมือให้เลย ปะป๊าดูๆแล้ว เด็กจิ๋วเก่งที่สุดในห้องเลยอ่ะ เก่งกว่าพี่โตๆอีก เรียนเปียโนเสร็จก็รีบออกจากเซนทรัลมุ่งหน้าภูทับเบิกทันที รถติดมากๆ คือเป็นวันหยุดยาว รู้ว่ารถต้องติดอยู่แล้วล่ะ แต่นึกว่าจะติดเมื่อคืนกับตอนเช้า แต่นี้ตอนเที่ยงๆยังจะติดอีก
...มาถึงภูทับเบิกตอนประมาณ 5 โมงเย็น ขับรถเลยจุดชมวิวมาหน่อย จะมีรีสอร์ทอยู่เต็มไปหมด เหมือนเราจะไม่เคยเลยมาทางนี้เลย รีสอร์ทที่คุณแม่จองมาชื่อ กื้อตี่ คืนละ 1,300 บาท สภาพเหมือนจะดีที่สุดในละแวกนี้แล้ว ซึ่งดีที่สุดนี่ก็ดีในระดับชาวบ้าน นับดาวก็คงได้ไม่ถึงดาว ตัวบ้านสร้างแบบง่ายๆจากไม้ฝาเชอร่า พื้นปูเสื้อน้ำมัน มีเตียงกับฟูกกากมะพร้าว ผ้านวมลายดอกไม้ดวงๆ มีโซฟาโง่ๆตัวหนึ่ง พนักหักไปด้านหนึ่ง ไม่กล้าให้เด็กจิ๋วพิง กลัวหงายหลังไป ห้องน้ำก็เป็นแบบปูกระเบื้องธรรมดา ก็อยู่ได้นะ ปอกหมอนก็สะอาดดี เทียบดูแล้วสภาพก็พอๆกับไร่ชาฉุยฟ่ง
...พอเรามาถึงที่พักฝนก็ตกลงมา กว่างจะขนของขึ้นห้องพักเสร็จ ลำบากมาก เข้าห้องแล้วนั่งดูฝน คิดหนักว่าจะกินข้าวเย็นยังไง ให้ปะป๊าไปซื้อมาให้กินในห้อง หรือไปนั่งกินที่ร้านอาหาร จะไปร้านอาหารก็ไกลพอควร ขับรถไต่เขาลงไปก็ลำบาก เดี๋ยวมืดแล้วจะขึ้นมาไม่ได้ เดินไปก็ไกล ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินไปแล้วกัน ปกติเราจะมีร่มคันใหญ่ติดรถไว้เสมอ ยกเว้นวันนี้ ไม่มีร่ม ต้องยืมร่มที่รีสอร์ทมาใช้ มีอยู่คันเดียวทั้งรีสอร์ท เกาะกัน 3 พ่อแม่ลูกเดินลงเขาไปร้านอาหาร พอตอนจะกลับ กลับไม่ได้อีก เพราะมีคนอื่นยืมร่มคันนั้นหายไปแล้ว ต้องรอจนฝนหยุด โชคดีไม่นานฝนก็หยุดตกจริงๆ อาหารเป็นแบบชาวบ้าน กระเพราหมู ไข่เจียว แกงจืด รสชาติไม่ค่อยอร่อยหรอก พอกินได้ แต่ปะป๊าชอบนะ ได้บรรยากาศ ฝนตก อาการหนาว ที่ร้านอาหารต้องเอาเตาอั้งโล่มาก่อไฟตั้งกลางร้านให้ความอบอุ่น เด็กจิ๋วก็ลั้นลาดี สนุกสนาน นั่งดูการ์ตูนไปกินข้าวไป มีแต่คุณแม่นี่แหล่ะที่ดูทรมานเหลือเกิน
...ตอนกลางคืนอากาศหนาวมากๆ ไม่นึกเลยว่าเดือนนี้อากาศจะหนาวขนาดนี้ เราไม่ได้เตรียมชุดกันหนาวแบบจัดเต็มมาด้วย เด็กจิ๋วตอนนอนต้องให้ใส่เสื้อทับอีกชั้นหนึ่ง ห่มผ้าห่มให้ก็ถีบออกตามเคย กลัวมากๆว่าจะป่วยหรือเปล่าเนี่ยะ
...ตอนเช้ามีหมอกจางๆ นี่เป็นผลมาจากฝนที่ตกเมื่อวานตอนเย็น ถ้าฝนไม่หยุดตอนกลางคืน ตอนเช้าหมอกน่าจะเยอะกว่านี้ เคยเห็นรูปตรงหน้าที่พักเราเป็นทะเลหมอกเลย อันนี้มีหมอกแต่ไม่กล้าเรียกว่าทะเลหมอก หมอกมันลอยขึ้นมาด้วย เหมือนเราอยู่ในทะเลหมอกซะมากกว่า หลังจากปะป๊าขับรถตะเวนถ่ายรูปแถวๆนั้นรอบหนึ่งแล้ว ก็คิดว่าน่าจะพาเด็กจิ๋วมาสัมผัสบรรยากาศซะหน่อย เลยกลับไปลากเด็กจิ๋วออกมาอีกรอบหนึ่ง ไปนั่งกินโกโก้ที่ริมหน้าผาชมวิวทะเลหมอก สวยมาก ได้บรรยากาศดีสุดๆ ใช้เลย์มาต่อรองกับเด็กจิ๋วให้โพสท่าถ่ายรูปหน่อย ก็ได้ผลดีมากเลย
...ก่อนมาเที่ยว เด็กจิ๋วบอกว่าจะมาเที่ยวทะเลทราย ไม่ใช่ ทะเลหมอก พอมาถึงแล้วก็ถามว่าชอบไม๊ มาเที่ยวภูเขาดูทะเลหมอกแบบนี้ เด็กจิ๋วบอกว่า “น้องพริมไม่ชอบ น้องพริมชอบไปเที่ยวที่มันเล่นได้ เหมือนทะเล เล่นทรายได้”
...กลับบ้านเก็บของแล้วไปกินข้าวที่โรงเตี้ยม เป็นรีสอร์ทใหญ่ มีร้านอาหารใหญ่ที่สุด แต่ชื่อเสียงเรื่องที่พักไม่ค่อยดี สกปรก บริการก็ไม่ดี เก่า ของกื้อตี่จะใหม่แล้วก็สะอาดกว่า แต่อาหารก็เหมือนจะมีที่โรงเตี้ยมนี่แหล่ะที่ดูดีที่สุด มีคนมากินกันเต็มร้านเลย รอนานเป็นชั่วโมงกว่าจะได้กิน เราสั่งขาหมูหมั่นโถว ไก่ทอด เห็ดผัด แกงจืด กะหล่ำปลีฉ่าน้ำปลา รสชาติก็โอเค แต่ไม่ถึงกับอร่อย ขาหมูใหญ่มากๆ พยายามช่วยกันกิน หมดไปแค่ครึ่งขา ต้องห่อกลับไปทิ้งที่บ้าน
...ขับรถต่อมาอีกชั่วโมงกว่าๆก็ถึงเขาค้อ เข้าที่พักเลย Blue Sky สวยมาก ดีกว่าที่คิด เป็นรีสอร์ทที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นปีนี่เอง ไปเจอในงานท่องเที่ยว คืนละ 3000 บาท เป็นราคาพิเศษหน้าฝนนี้เท่านั้น ในห้องก็ตกแต่งสวยงาม ไม่ค่อยใหญ่มาก แต่จุดเด่นอยู่ที่ระเบียงใหญ่มาก แล้วห้องเราเป็นห้องที่ระเบียงใหญ่สุด ได้ระเบียงเป็นรูปตัว L แล้วยังอยู่ติดกับทุ่งดอกม่วงด้วย น่าจะเป็นห้องที่ดีที่สุด เพราะตอนจองมาเราก็ขอให้พนักงานเลือกห้องให้ดีๆ เรารีบจับเด็กจิ๋วแต่งตัวชุดกระโปรงสวยงามเพื่อออกไปถ่ายรูปกัน ตอนแรกเด็กจิ๋วไม่ยอม งอแง อยากจะใส่ชุดหล่อๆ คุณแม่ก็ดันเอาเสื้อสีเขียวมาอีก กว่าจะเจรจากันได้ ให้ใส่หมวกก็ไม่ค่อยยอม ลำบากกับการถ่ายรูปเด็กจิ๋วมากๆเลยอ่ะ
...ตอนเย็นจองโต๊ะกินข้าวที่ระเบียงของห้องอาหาร บรรยากาศดีมาก อากาศไม่หนาวเหมือนเมื่อวานแต่ก็เย็นๆกำลังสบาย วิวจากระเบียงห้องอาหารจะเหมือนๆกับวิวจากระเบียงห้องพักทุกห้องของที่นี่ คือหันไปทางผาแก้ว ช่วงนี้หน้าฝนเขียวทั้งเขาสวยมากๆ เคยเห็นรูปหน้าหนาวมันจะแห้งๆไม่ค่อยสวย แต่ก็ต้องแลกกับฟ้าที่ขุ่นมัว วันนี้เจอฝนตกตอนบ่ายนิดเดียว ท้องฟ้าขาวโพลนทั้งวันเลย อาหารรอนานไปหน่อย เด็กจิ๋วเกือบระเบิดอารมณ์ออกมาแล้วเพราะง่วงนอนมาก เราสั่งพิซซ่า หอยลายอบกระเทียม เห็ดหอมคั่วซีอิ้ว แล้วก็ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ (โดนหลอก ได้มาเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำใส่หมูสับ) อาหารอร่อยดีนะ
...อีกวันหนึ่งเราตื่นกันสายๆไม่มีพระอาทิตย์ขึ้น ไม่มีทะเลหมอก กินข้าวเช้าเสร็จก็มาเดินถ่ายรูปในรีสอร์ท ที่จริงเป็นรีสอร์ทที่เล็กมากๆ แต่ก็สวยงาม มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ ตอนเที่ยงๆก็เก็บของกลับบ้านกัน
...มาเที่ยวคราวนี้เด็กจิ๋วกินหนมห่อๆเยอะมาก เวลาจะงอแงเราก็เอามาหลอกล่อ เบี่ยงเบนความสนใจ เอามาต่อรองกับการให้โพสท่าถ่ายรูปบ้าง ไม่งั้นไม่สามารถควบคุมให้อยู่นิ่งได้

๓ ขวบ + ๒๐๕ วัน...อังคาร ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...ตั้งแต่ตอนไปเที่ยวที่เด็กจิ๋วพูดอยู่นั่นแหล่ะ ว่า “คุณแม่ไม่รักหนู หนูไม่รักแม่ ป๊าไม่รักหนู หนูไม่รักป๊า” พูดแต่แบบนี้ทั้งวันเลย เป็นร้อยๆครั้งได้ เราก็พยายามจะสอนไม่ให้พูดแบบนี้ ทั้งดุ ทั้งโกรธ ก็ไม่สำเร็จ ล่าสุดใช้แผนใหม่ บอกเด็กจิ๋วว่าถ้าพูดแบบนี้อีกทีหนึ่ง ตื่นเช้ามาหนูจะไม่เห็นปะป๊ากับคุณแม่แล้วนะ จะหนีหนูไปเลยนะ เด็กจิ๋วร้องไห้เสียใจใหญ่ รู้สึกว่าแผนนี้จะใช้ได้ผล พอเด็กจิ๋วเริ่มรู้สึกขัดใจอะไรขึ้นมา ด้วยความเคยชินก็จะรีบพูดออกมาว่า “คุณแม่ไม่...” พูดออกมาได้หน่อยก็คิดได้ เลยหยุดพูดไป ปะป๊าเลยบอกว่า ไม่อะไร ไม่อะไร ไม่เกรียมแล้วกัน หลังจากนั้นมา เวลาเด็กจิ๋วเกิดรู้สึกไม่พอใจหรือถูกขัดใจก็จะพูดว่า “คุณแม่ไหม้เกรียมอะไรให้หนูเลย ปะป๊าไหม้เกรียมอะไรให้หนูเลย”...ฮามาก แล้วบางทีจะพูดว่าแม่ใจร้าย พอพูดได้หน่อย “แม่ใจ...ไหม้เกรียม”
...วันนี้เป็นวันหยุดราชการ บริษัทเอกชนจะไม่หยุด แต่พวกราชการจะหยุด เด็กจิ๋วเลยไม่ต้องไปโรงเรียน พี่โฮไอก็อยู่บ้านด้วย เล่นกันเสียงดังลั่นออฟฟิต ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าถึงวันปิดเทอมแล้วบริษัทต้องระเบิดอีกเป็นแน่แท้ รู้สึกไม่ชิน
...วันหยุดยาวนี้นอกจากเด็กจิ๋วจะไปเที่ยวแล้ว เพื่อนๆเด็กจิ๋วก็ไปเที่ยวเหมือนกัน อั่งอั๊งกับอะนะไปเขาใหญ่ นิตาไปเชียงคาน
...วันนี้มีอาการไออีกแล้ว ไอมากตอนเช้า และตอนนอน ตอนกลางคืนไอจนอ้วกออกมาครั้งหนึ่ง แต่ตอนกลางวันก็ปรกติดีร่าเริงสุดฤทธิ์

๓ ขวบ + ๒๐๖ วัน...พุธ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...วันนี้ฝนตกแต่เช้า ปะป๊าขับรถไปส่งเด็กจิ๋วกับพี่ๆที่หน้าประตู บอกเด็กจิ๋วว่าปะป๊าไม่ลงไปนะเพราะฝนตก ไม่มีร่ม จุ๊บลากันในรถ เด็กจิ๋วเบะ ร้องไห้ ไม่ยอม ในที่สุดปะป๊าต้องวนไปจอดรถแล้วเดินตามเข้ามา วันนี้เจอครูบุ๋มเข้าเวรมารอรับที่หน้าประตู ครูบุ๋มบอกว่าเห็นเด็กจิ๋วไปเที่ยวด้วย สวยมาก ดูใน facebook คือครูบุ๋มมาทักตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วว่าเห็นเด็กจิ๋วใน facebook ไปเรียนเปียโนกับปั้นดิน เก่งมากเลย เราก็ไม่ได้ถามว่าครูบุ๋มเห็นได้ไง เพราะไม่ได้เป็น friend กัน แต่เดาว่าครูบุ๋มคงเป็น friend กับครูอู๊ดและครูเชอรี่ เลยตามมาเห็น ตอนนี้กำลังลังเลอยู่ว่าจะขอ add friend ดีไม๊ เพราะมีแม่เพื่อนๆเคยขอ add ครูขวัญ แต่ครูขวัญไม่ยอม บอกว่าขอเป็นส่วนตัวแล้วกัน เลยไม่แน่ใจว่าครูบุ๋มจะคิดยังไง
...ตอนบ่ายปะป๊าไปรับเด็กจิ๋วคนเดียวเพราะคุณแม่มีงานด่วน เป็นครั้งแรกที่ปะป๊าไปคนเดียวเลยนะเนี่ยะ ถามคุณแม่เรียบร้อยว่าเด็กจิ๋วเลิกกี่โมง คุณแม่บอกว่าบ่าย 2 ปะป๊าไปรอตั้งแต่ก่อนบ่าย 2 อีก เจอครูบุ๋มบอกว่าน้องเรียนภาษาอังกฤษอยู่ อ้าว คุณแม่จำวันผิด หลอกให้ปะป๊านั่งรอตั้งนาน พอเด็กจิ๋วออกจากห้องเรียนมาเจอหน้าปะป๊าคนเดียวก็ทำหน้าตางงๆถามว่าคุณแม่ไปไหน ปะป๊าบอกว่าอยู่บ้านต้องรีบทำงาน เด็กจิ๋วก็โอเคไม่ว่าอะไร พอกลับมาถึงบ้าน คุณแม่ถามเด็กจิ๋วว่าหนูถามหาคุณแม่หรือเปล่า เด็กจิ๋วบอกว่า “ถาม ปะป๊าบอกว่าคุณแม่กินหนมอยู่ที่บ้าน”...อันนี้แต่งเองนะ ปะป๊าไม่ได้บอก
...วันนี้ปะป๊าไปรับเด็กจิ๋วที่ห้องพร้อมกับแม่เบ๊บ ตอนเดินออกมาเลยเดินมาด้วยกัน น้องเบ๊บมาขอจับมือน้องพริมเดิน น้องเบ๊บนี่ไม่เบา วันก่อนก็ไปกอดอั่งอั๊ง หอมแก้มด้วย แล้ววันนี้ปะป๊าก็เห็นน้องเบ๊บไปขอกอดน้องฟ้าใสอีก แต่กับเด็กจิ๋วไม่ได้มากอดนะ แค่ขอจับมือเท่านั้น ตอนออกมาที่ตู้ไอติม เจอเฮียโรกำลังเดินป้วนเปี้ยนอยู่ เลยไปซื้อไอติมกินกัน น้องเบ๊บเห็นเด็กจิ๋วกินไอติมก็ขอให้คุณแม่พาไปซื้อกินบ้าง น้องบีบอกว่าปกติไม่ค่อยได้กิน วันนี้กินตามเด็กจิ๋วเลย เด็ก 2 คนนั่งกินไอติมกันอยู่นานจนหมด
...เด็กจิ๋วมีงานประดิษฐ์กลับมาด้วย มารู้ทีหลังว่าเป็นโมบาย เป็นกระดาษร้อยเชือก ดูยังไงก็ไม่เหมือน ตอนอยู่ในรถ อยู่ดีๆเด็กจิ๋วก็มาถามปะป๊าว่า “ปะป๊ารู้จักคำว่าโบบายไม๊”...รู้สิ ตอนเป็นเบบี๋หนูก็มีโมบาย คุณครูสอนเหรอ เด็กจิ๋วบอกว่า “เปล่า เดี๋ยวหนูจะสอนปะป๊าทำโบบาย”
...เด็กจิ๋วเล่าว่า “วันนี้นิตามีแผลที่หน้าใหญ่มาก คุณแม่เค้าทายามาให้ด้วย”...ปะป๊าถามว่า จริงเหรอ ไปโดนอะไรมาอ่ะ เด็กจิ๋วบอกว่า “โดนอะไรข่วนมาก็ไม่รู้”...เราก็คิดว่าสงสัยไปเที่ยวเชียงคานมาต้องไปปีนป่ายต้นไม้ตกลงมาอีกเหมือนคราวก่อนที่ไปเชียงคานก็ฟันหลอกลับมา สักพักเด็กจิ๋วบอกว่า “น้องพริมสมมุติ เป็นจินตนาการ”

๓ ขวบ + ๒๐๗ วัน...พฤหัส ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เมื่อวานลงคลิปเด็กจิ๋วต่อรองกับปะป๊าคุณแม่ ขอกินหนมตอนสี่ทุ่มกว่า มีการนับ 1 ถึง 10 ถ้าไม่ยอมให้กินจะไม่ให้กอดตลอดชีวิต เลียนแบบคำพูดมาจากพวกเรานี่แหล่ะ วันนี้ตอนไปส่งเด็กจิ๋ว เจอครูบุ๋มยืนรับอยู่ ครูบุ๋มแซวใหญ่เลยเรื่องต่อรองที่ว่านั่น เด็กจิ๋วทำหน้างง ไม่รู้ละซิว่าครูบุ๋มเป็น friend ใน facebook กับคุณแม่แล้ว
...วันนี้เด็กจิ๋วทำวุ้นมะพร้าวที่โรงเรียน ถามเด็กจิ๋วว่าหนูทำอะไร เด็กจิ๋วบอกว่า “ขยำขยำแล้วหยอดใส่ถ้วย เอาไปวางไว้ พอตื่นนอนมาก็เสร็จเลย”...ตกลงขยำอะไรก็ไม่รู้ เด็กทุกคนในห้องจะได้วุ้นคนละถ้วยกลับไปกินที่บ้าน เด็กจิ๋วพอขึ้นรถได้ก็รีบจัดการกินเรียบอย่างรวดเร็ว
...ตอนนี้เด็กจิ๋วติดร้องเพลงรักแท้เหนือกาลเวลา เป็นเพราะเฮียโรนั่นแหล่ะ ดูละครแล้วอิน มาร้องเพลงนี้ให้เด็กจิ๋วฟังทั้งวันเลย เด็กจิ๋วเลยร้องตามได้ “ต่อให้นานเพียงไร รักแท้ก็ยังคงเป็นรักแท้”

๓ ขวบ + ๒๐๘ วัน...ศุกร์ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...ตอนเช้าเกลี่ยกล่อมเรื่องใส่ชุด เหนื่อยมาก จะให้ใส่ชุดกระโปรงสวยๆก็ไม่เอา จะใส่หล่อๆ เอาเสื้อสีเขียว กางเกงยีนส์ สุดท้ายต้องเจรจาด้วยสาหร่าย 4 ห่อ เด็กจิ๋วถึงจะยอมตามใจเรา ใส่ชุดกระโปรงลายจุดสวยงามมากๆ
...ตอนไปรับเด็กจิ๋วกลับ ระหว่างยืนรออยู่หน้าห้องเรียน ได้ยินครูขวัญดุอั่งอั๊ง ดุด้วยน้ำเสียงโกรธ ดุจริงจังมาก บอกประมาณว่า “อั่งอั๊งไม่ได้ยินที่ครูพูดใช่ไม๊ เพราะมัวแต่เล่นอยู่ไง”...โห ถ้าเด็กจิ๋วโดนครูขวัญดุแบบนี้คงจะเสียใจแย่มากแน่ๆเลย
...ช่วงนี้เด็กจิ๋วติดเจ๊น่ามากๆเลย ตอนดึกเจ๊น่าขึ้นไปเล่นด้วยทุกวัน ทำให้เด็กจิ๋วนอนดึกไปด้วย วันนี้ตอนเย็นเจ๊น่าเล่นกับเด็กจิ๋วอยู่แล้วเจ๊น่าต้องออกไปเรียนเปียโน เด็กจิ๋วร้องไห้บีบน้ำตาใหญ่ อยากหาเจ๊น่า

๓ ขวบ + ๒๐๙ วัน...เสาร์ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เมื่อคืนเริ่มมีอาการไอ รู้แน่ชัดเลยว่าต้องป่วยอีกแล้ว ครบรอบอาทิตย์เว้นอาทิตย์ตามที่คุณหมอเคยบอกไว้ ตอนเช้าลังเลอยู่ว่าจะพาไปเรียนเปียโนดีไม๊ ไม่อยากไปแพร่เชื้อแต่ก็เสียดายเพราะเป็นการเรียนครั้งสุดท้าย จบคอร์สแล้ว อยากรู้ว่าจะจบกันยังไง ในที่สุดก็ตัดสินใจพบกันครึ่งทาง เข้าไปสายๆหน่อย อยากจะอยู่ตอนปิดคลาสนั่นแหล่ะ วันนี้เด็กจิ๋วตั้งใจเรียนมาก ออกไปเล่นเดี่ยวคนแรกอีกแล้ว เล่นได้เก่งที่สุดในห้อง เล่นอย่างชิวๆ แม่นยำ รวดเร็ว พอได้เวลาก็เลิกเรียน มีการบ้าน เหมือนปกติ อ้าว ไม่มีปิดคอร์สเหรอ ปรากฎว่าคุณแม่ไปเช็คดูแล้ว JMC คือเรียนไปเรื่อยๆยาวๆ แต่เวลาเราจ่ายเงิน เค้าจะแบ่งจ่าย จ่ายเงินครั้งหนึ่งเรียน 10 ครั้ง ครูใหญ่พยายามเกลี่ยกล่อมให้จ่ายเงินต่อใหญ่ แต่คุณแม่แกล้งบอกว่ามันชนเดี๋ยวขอเคลียร์ก่อน ความจริงก็คือเรารู้สึกว่าเรียนที่นี่มันไปช้ามาก อย่างวันนี้ก็ไม่ได้อะไรใหม่ เพื่อนๆก็ไปกันช้ามาก เด็กจิ๋วเทพมากเกินกว่าจะเรียนที่นี่ต่อได้แล้ว ว่าแล้วก็พาไปลองที่ KPN ต่อเลย เป็นแบบเรียนตัวต่อตัว ตอนแรกกลัวเหมือนกันว่าเด็กจิ๋วจะเบื่อ เพราะเพิ่งเรียนมาเสร็จแล้วยังให้มาเรียนต่ออีก แต่พอใกล้เวลากลับงอแงว่าเมื่อไหร่จะได้เรียนซะที อยากจะเรียนแล้ว พอถึงเวลา ครูผู้หญิงเด็กๆคนหนึ่งก็พาเข้าห้องส่วนตัวไป ปะป๊าแอบดูผ่านกระจกเล็กๆที่ประตู เห็นครูให้เด็กจิ๋วลองเล่นเพลงที่เล่นเป็นดูก่อน เด็กจิ๋วก็เล่นได้อย่างคล่องแคล่ว เพลง ไปปิคนิค เสร็จแล้วครูก็ให้ลองเล่น 2 มือเลย เด็กจิ๋วงงซิ เกิดมาไม่เคยรู้ว่าเล่น 2 มือทำไง งงกันอยู่สักพักก็ออกมา ครูบอกว่าที่ KPN ต่างจากที่ JMC ของ JMC ไม่เน้นเปียโน เน้นให้เด็กฟังเป็นหลักก่อน จบออกมาหูจะแม่น แต่ของ KPN เน้นฝึกเปียโนเลย เริ่มจาก 2 มือเลย ตกลงเด็กจิ๋วเรียนได้ ไม่มีปัญหา แต่ลังเลอยู่ว่าจะให้เรียนเล่ม 1 หรือ เล่ม 2 ดี เพราะเล่ม 1 มันเด็กไป เด็กจิ๋วเล่นเป็นบ้างแล้ว แต่จะไปเล่ม 2 เลย ก็กลัวว่าเด็กจิ๋วยังไม่เคยเล่น 2 มือ จะเป็นปัญหาหรือเปล่า คิดไปคิดมา สรุปแล้ว ครูบอกว่าให้เริ่มเล่ม 2 ไป แล้วจะเน้น 2 มือพื้นฐานให้ ดีใจจัง เรียกว่าเรียน JMC มา 10 ครั้งไม่เสียเปล่า
...วันนี้ปะป๊ากับคุณแม่มีนัดลูกค้าไว้ที่เซนลาด มีคนจะมาซื้อคอนโดที่ยูรัตนาธิเบศก์ต่อ เราซื้อไว้ 2 ห้อง ขายต่อไปห้องหนึ่ง อีกห้องเก็บเอาไว้ให้เด็กจิ๋วปล่อยเช้า เราทำธุรกรรมกันที่ S&P นานไปหน่อย เด็กจิ๋วคงเบื่อ เผลอหลับไปก่อน
...กลับมาถึงบ้าน รู้สึกว่าอาการเด็กจิ๋วไม่ค่อยดีเลย ไอเยอะมาก รีบพาไปหาหมอดีกว่า ต้องเลือกหมอใหม่เพราะ หมอดารารัตน์วันเสาร์อยู่แค่ครึ่งวัน หมอสุกัลยาที่เคยหาก็ไม่อยู่ จะเอาป้าหมอของพี่โนพี่โน่ก็ไม่อยู่เหมือนกัน อะไรกันนี่ พอดีเคยคุยกับแม่น้องอิ๊ก คุยกันว่าพาลูกไปวิภาวดีเหมือนกัน ของน้องอิ๊กหาหมอวีรพงษ์เป็นประจำ คุณแม่ก็เลยตามน้องอิ๊กบ้าง เอาหมอวีรพงษ์ ว่าแล้วความซวยก็บังเกิด


๓ ขวบ + ๒๑๐ วัน...อาทิตย์ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เมื่อวานนี้ที่ไปหาหมอ เป็นคุณหมอผู้ชาย แก่หน่อย ไม่ค่อยบอกรายละเอียดมากเหมือนหมอดารารัตน์ แต่ก็ไม่เป็นไร แค่ให้จ่ายยาหวัดธรรมดา เด็กจิ๋วออกจากห้องมาก็มากระสิบว่าไม่เห็นได้วิตามิ้นมินซีเลย โห หมอน่ากลัวมาก ใครจะกล้าขอล่ะ กลับมาถึงบ้าน รีบกินยาเรียบร้อย มียาใหม่มาตัวหนึ่งเป็นยากดอาการไอ กินแล้วไม่เห็นจะกดเลย ตอนกลางคืนไอหนักทั้งคืน ไอเยอะกว่าตอนไม่ได้กินยาอีก ตอนเช้ามา เด็กจิ๋วมีรอยแดงๆที่รอบตา คิดว่าโดนมดกัด พอไปดูการ์ตูนกันในห้องโฮม เด็กจิ๋วบอกปะป๊าว่า “ปะป๊า เกาหลังให้หน่อย คุณแม่อาบน้ำให้ไม่สะอาด”...ปะป๊าก็เกาให้ ยังไม่ได้คิดอะไร หลังจากให้กินยามื้อกลางวันอีกรอบ คราวนี้แหล่ะ มีผื่นแดงขึ้นเต็มหน้าเต็มตัว ต้องรีบพาไปหาหมอโดยด่วน พอไปถึงเจอพยาบาลว่าอีก บอกว่าทำไมปล่อยให้เป็นหนักแบบนี้ อ้าว นี่ก็รีบมาแล้วนะ แต่รถมันติดมาก วันนี้มีรับปริญญาที่เกษตรด้วย พยาบาลรีบตามหมอมาให้ดู เห็นคุยกันว่าเลือกหมอคนนั้นคนนี้ สรุปได้ยายหมอแก่ๆมาคนหนึ่ง ด้วยอายุแล้วน่าจะเก๋าๆหน่อย แต่ดูแล้วออกมึนๆมากกว่า ตอนสั่งยาก็พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกช้ามากๆ สรุปแล้วหมอบอกว่ามันเป็นอาการแพ้แน่ๆ คาดว่าจะแพ้ยา ก็เดากันว่าเป็นยากดอาการไอนั่นแหล่ะ เพราะเป็นยาใหม่ตัวเดียวที่เด็กจิ๋วไม่เคยกิน ยายหมอให้ยาแก้แพ้ชนิดอ่อนๆกลับมากินที่บ้าน
...หลังจากกินยาแก้แพ้เข้าไป อาการผื่นยังไม่ดีขึ้น บางผื่นหายไป แต่มาโผล่ตำแหน่งใหม่อีก โทรปรึกษาหมอดู หมอบอกว่าน่าจะผิดปกติแล้วล่ะ เพราะหลังจากกินยาแก้แพ้เข้าไป อาการน่าจะดีขึ้น ให้รีบมาโรงพยาบาลอีกรอบ เราก็ต้องรีบออกไปโรงพยาบาลอีกรอบ คราวนี้เก็บข้าวของไปเรียบร้อย เพราะคิดว่าต้อง admit แน่ๆ พอไปถึง เจอหมอคนใหม่อีก คนนี้รู้สึกจะโอเคหน่อย ดูละเอียด พูดจาดี ก็เป็นไปตามคาด ต้องนอนโรงพยาบาลคืนหนึ่ง คือฉีดยาแก้แพ้ให้ซึ่งจะแรงกว่ายากินตอนแรก แล้วที่ต้องนอนโรงพยาบาลเพราะอาการแพ้ในระยะ 24 ชั่วโมงจะอันตรายมาก อาจมีอาการแพ้ภายใน ขั้นรุนแรงก็หายใจไม่ออกไปเลย
...รู้สึกสงสารเด็กจิ๋วมากๆ อยู่ดีๆต้องมาเจอแบบนี้ ตอนนี้ปะป๊ากับคุณแม่โบ้ยความผิดไปให้หมอวีรพงษ์ก่อนเลย จ่ายยาอะไรมาก็ไม่รู้ ทำไมไม่ดูประวัติ ปกติกินยาของหมอดารารัตน์ดีๆก็ให้กินตามเดิมไปดิ่ ทั้งๆที่ลึกๆก็รู้แหล่ะว่าหมอไม่ผิดหรอก มันเป็นความซวยมากกว่า นอกจากต้องนอนโรงพยาบาลแล้วยังต้องเจ็บตัวหนักอีก เริ่มจากเจาะเลือดเอาไปตรวจการแพ้ในกระแสเลือด อันนี้เราก็งงๆนะว่ามันจำเป็นไม๊ หรือหมอหลอกให้เจาะเก้อ เจาะเลือดนี่เป็นอะไรที่เด็กจิ๋วขยาดมาตั้งแต่คราวที่แล้วด้วย แม้คราวนี้พยาบาลทำเก่งกว่า เร็วกว่า แต่ก็ร้องโวยวายตลอดระหว่างทำ เสร็จแล้วยังต้องเจอฉีดยาที่ก้นทีหนึ่ง อันนี้ก็ร้องจ๊ากเหมือนกัน รู้เลยว่าปกติฉีดวัคซีนกับหมอดารารัตน์ อันนั้นโปรกว่ามาก ดูแล้วไม่เจ็บเท่ากับพยาบาลฉีดให้วันนี้เลย
...คราวนี้ได้นอนอาคารใหม่ ห้องพักคืนละ 2400 แพงกว่าตึกเก่าเล็กน้อย ห้องก็โอเคใหม่ดี มีที่นอนสำหรับ 3 คนพ่อแม่ลูกพ่อดี รับรู้ได้เลยว่าพยาบาลที่นี่ดีกว่าที่วิชัยยุทธคราวที่แล้วมากๆ แต่ละคนเข้ามาก็จะมาถามไถ่ พูดคุยดี เวลาจะเช็ดตัวก็ทำเบาๆไม่โหดๆ ตอนหัวค่ำเจ๊น่ากับเฮียโรมาเยี่ยมด้วย เด็กจิ๋วก็เล่นกับพี่ๆเสียงดังลั่นตึก ไม่มีอาการของเด็กป่วยแต่อย่างใด 

๓ ขวบ + ๒๑๑ วัน...จันทร์ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...เมื่อคืนนี้มีอาการผื่นขึ้นตรงโน้นย้ายมาตรงนี้ตลอดทั้งคืน เยอะมากจนน่ากลัว ถ้าอยู่บ้านคงต้องหัวใจวายกันแน่ๆ นี่อยู่โรงพยาบาลแล้วอุ่นใจ พยาบาลก็มาวัดไข้กับมาดูอาการเป็นระยๆ ไข้ยังไม่มี แต่ว่าตัวอุ่นๆแค่นั้น อาการอีกอย่างคือคัน นอนเกาทั้งคืน หมอจ่ายยาทาแก้คันมาให้ไม่แน่ใจว่าช่วยไม๊ แต่ทาแล้วก็ยังเกาอยู่ดี
...ตอนเช้าหมอดารารัตน์มาตรวจ ปะป๊าบอกเด็กจิวว่า เย้ เรารอดตายกันแล้ว รู้สึกว่าเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา หมอไม่อยู่ พวกเราเจออะไรกันก็ไม่รู้เยอะแยะวุ่นวายมาก หมอดารารัตน์ตรวจคร่าวๆแล้วส่งให้หมอสุกัลยามาตรวจอีกที เพราะเป็นหมอเชี่ยวชาญด้านอาการแพ้ หมอสุกัลยาก็คอนเฟิร์มว่าเป็นยากดอาการไอที่ว่านั่นแหล่ะ ชื่อ Levopront  เราก็งงๆว่าทำไมต้องส่งต่อหมอกันไปมา เหมือนจะเป็นนโยบายของโรงพยาบาลหรือไง เพราะดูแล้วไม่ค่อยมีประโยชน์ ก็เห็นชัดๆกันอยู่แล้วว่าแพ้ยา แต่ได้ข้อมูลเพิ่มว่า ตอนนี้พ้นระยะอันตราย แต่ว่าผื่นจะยังขึ้นอีกไปเรื่อยๆใน 1 สัปดาห์ ไม่ติดต่อ แต่ถ้าไปโรงเรียนแล้ว ครูต้องตกใจรีบโทรตามผู้ปกครองไปรับแน่ๆ เพราะคนไม่เข้าใจมาเห็นก็จะตกใจจริงๆ มันแดงแบบเยอะมาก
...เมื่อวานนี้ยายหมอจ่ายยาอะไรมาให้อีกไม่รู้ มั่วซั่วไปหมด วันนี้หมอดารารัตน์ทำเรื่องคืนยาพวกนั้นให้ แล้วจ่ายยาให้ใหม่หมด รู้สึกว่าปลอดภัยเมื่ออยู่ในมือหมอดารารัตน์จริงๆ เรายังถามหมอเลยว่าถ้าป่วยวันเสาร์อาทิตย์อีกจะหาหมออะไรดี คุณหมอดารารัตน์ก็อ่ำอึ้งไม่บอกแน่ชัด แต่พูดประมาณว่ายายหมอที่จริงก็เก่งนะ แต่เราต้องถามเค้าเยอะๆ คือพูดกลบเกลือนแต่ฟังดูแล้วไม่น่าจะโอ สรุปแล้วที่โอก็คือหมอฤดีวิลัย ที่ดูให้เด็กจิ๋วเมื่อวานเย็นนั่นแหล่ะ ดูแล ถามละเอียดดี

๓ ขวบ + ๒๑๒ วัน...อังคาร ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...วันนี้อาการเด็กจิ๋วปกติมากๆ ควรไปโรงเรียนได้แล้ว ผื่นแดงไม่มีขึ้นแล้ว มีไอกับน้ำมูกอยู่นิดหน่อย แต่ซ่ามาก วิ่งเล่นเสียงดังทั่วออฟฟิต เสียดายมากๆที่เมื่อวานอดไปถ่ายรูปที่โรงเรียน มีสตูดิโอมาถ่ายรูปให้ คือรูปเดี่ยวเราก็เฉยๆนะ แต่อยากได้รูปรวมมากๆเลย เห็นแม่ๆมาลงใน facebook เค้าให้เด็กไปรวมถ่ายรูปที่สนามเด็กเล่น คิดๆก็ยังแค้นหมอวีรพงษ์อยู่ ทำให้เด็กจิ๋วเจ็บตัวแล้วยังอดถ่ายรูปอีก
...ปะป๊าพาเด็กจิ๋วไปล้างมือที่ห้องน้ำออฟฟิต ท่าปกติที่ทำกันคืออุ้มเด็กจิ๋วขึ้นมานั่งบนเค้าทเตอร์ แต่วันนี้พออุ้มขึ้นไปยืนแล้ว เด็กจิ๋วก็คุกเข่านั่งลงไป เข่าไปจิ้มแจกันแก้วแตกทันที น้ำพุ่งกระจายทั่วห้อง ตัวเปียกไปหมด ตรวจเข่าเด็กจิ๋วดูแล้วไม่มีร่องรอยความบาดเจ็บใดๆ โชคดีไป คุณแม่บอกว่าหลังๆมานี่เด็กจิ๋วยืนที่พื้นก็ล้างมือถึงแล้ว ปะป๊าไม่ update เอง
...วันนี้ปะป๊าต้องไปประชุม ตอนเช้ามาแกล้งเด็กจิ๋วบอกว่า เดี๋ยวปะป๊าต้องไปประชุมนะ คิดว่าเด็กจิ๋วต้องงอแงเกาะเราไว้ไม่ให้ไป แต่ที่ไหนได้ เกิดมีหลักการขึ้นมา บอกว่า “ปะป๊าต้องรีบไปประชุมเดี๋ยวนี้ เพราะปะป๊าแต่งชุดประชุม ถ้าไม่ไปลูกค้าจะว่า”

๓ ขวบ + ๒๑๓ วัน...พุธ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖
...วันนี้ตอนก่อนไปรับเด็กจิ๋ว แวะไปดูเฮียโรทำการแสดงที่โรงเรียนด้วย เรียกว่า Reading Show เป็นการเล่นละครพูดภาษาอังกฤษ แสดงทีละห้องที่อาคารฉันทนา
...พรุ่งนี้พี่สาจะกลับมาทำงานแล้ว ดีใจมาก สงสารพี่เมล์เหมือนกัน อยู่ๆก็ต้องไปบอกว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้ว พี่สากลับมาแล้ว แต่ว่าพี่สาทำงานดีกว่าเยอะมากๆ
...ตอนเย็นเจ๊น่าขึ้นไปเล่นที่ดาดฟ้ากับเด็กจิ๋ว เล่นไปได้หน่อยก็ร้องไห้ “เจ๊น่าโกรธหนู เจ๊น่าโกรธหนู”...แป๊บเดียวก็คืนดีไปเล่นกันใหม่ สักพักก็ร้องอีกแล้ว แบบเดิม เป็นหลายรอบ เราเห็นชัดเจนเลยว่าเด็กจิ๋วติดพฤติกรรมไม่ดีหลายอย่างมาจากเจ๊น่านั่นเอง ที่จริงก็เดาๆกันไว้อยู่แล้วล่ะว่ามาจากเจ๊น่า แต่วันนี้เห็นชัดเจน เช่นเวลาใครว่าอะไรหน่อยก็จะทำหน้าบึ้งหน้ายักษ์หันมาใส่ หรือท่ากระทืบเท้าใส่เรา เป็นต้น
...คุยเรื่องอะไรกันจำไม่ได้แล้ว เด็กจิ๋วพูดว่า “ถ้าใครมาทำอะไรเรา เราก็ต้องทำเค้าตอบ”...หลายเดือนก่อนเด็กจิ๋วก็พูดแบบนี้ทีหนึ่งแล้ว ถามว่าใครสอน ก็ได้คำตอบว่าอี๊ป้อม ที่จริงไม่ต้องถามก็รู้อยู่แล้วล่ะ ความคิดแบบนี้มาจากอี๊ป้อมคนเดียวแน่ๆ ปะป๊ากับคุณแม่เลยบอกว่า ต่อไปนี้ถ้าอี๊ป้อมสอนอะไร ให้มาถามปะป๊ากับคุณแม่ก่อนว่าเชื่อได้ไม๊ บางทีมันไม่ถูก นึกแล้วก็น่าโมโหเหมือนกันนะ มาสอนให้เด็กจิ๋วเป็นแบบนี้ได้ไง มิน่าล่ะ ถึงได้ชอบทำร้ายพี่ๆ