วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

@Sala Khaoyai

สวัสดีค่ะ ห่างหายจากการรีวิวมายาวนานมาก นับคร่าวๆ ก็ 7 เดือนได้
ตอนนี้ได้ฤกษ์กลับมาแล้วค่ะ มารีวิวทริปที่ไปเที่ยวศาลาเขาใหญ่ก่อนน้ำท่วมครั้งใหญ่เพียงไม่กี่วัน
ทริปนี้เด็กจิ๋วไปเที่ยวพร้อมกับปะป๊า แม่ แล้วก็ป้าๆ อีก 2 คนค่ะ 
เลยได้อานิสงส์จากป้าๆ ไปว่ายน้ำในห้อง Pool Villa ด้วยค่ะ (ลำพังครอบครัวเด็กจิ๋วไม่กล้าลงทุนค่ะ) 
ครั้งนี้เป็นการไปเขาใหญ่รอบที่ 5 ของเด็กจิ๋วแล้วค่ะ ไม่รู้ทำไมไปบ่อยจัง
เนื่องจากป้าๆที่ไปด้วยกันคราวนี้ ยังไม่เคยไปเที่ยว Palio มาก่อน
เด็กจิ๋วเลยต้องพามาซะหน่อย ก็เด็กจิ๋วอ่ะ มาที่ Palio ตั้งหลายหนแล้ว เชี่ยวแล้ว
มาคราวนี้ได้หมวกใบใหม่ น่ารักมาก แม่ชอบ
ถ่ายรูปกันที่ Palio แป๊บนึงก็แวะทานกลางวันกันที่ครัวเขาใหญ่ 
อันนี้เป็นเมนูแนะนำ แฮมซี่โครง อร่อยมาก
จานอื่นๆ ก็อร่อยๆทั้งนั้นค่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นผักๆ เห็ดๆ ซึ่งสดดีค่ะ
อิ่มกับอาหารกลางวันแล้ว ก็มุ่งหน้าไปที่ศาลาเขาใหญ่กันเลยค่ะ
ไปถึงแค่ตรงที่จอดรถ ยังไม่ได้เดินขึ้นไปด้านบน ก็รู้สึกถึงความชุ่มชื่น เขียวขจีของธรรมชาติรอบๆ
อากาศก็เย็นๆ เนื่องจากก่อนหน้าที่เรามาถึงมีฝนตกลงมา

ตรงนี้เป็นศาลานั่งพักตรงลานจอดรถ
จัดการเอาข้าวของลงจากรถเสร็จ ก็มีน้องพนักงานมาช่วยขนเดินขึ้นไปด้านบน

เดินขึ้นทางนี้ค่ะ ไม่ไกลมาก ประมาณ 1 หอบพอดีค่ะ
พอขึ้นมาถึงด้านบน ก็หายเหนื่อยทันทีค่ะ ได้เห็นวิว 360 กับสระว่ายน้ำสีสวยๆแบบนี้
เก้าอี้เก๋ๆ ที่ Lobby บวกกับวิวสวยๆด้านหลัง สบายตามากๆ
อาคารส่วนนี้เป็น Lobby และห้องอาหาร
Welcome Drink เป็นน้ำอะไรก็จำไม่ได้แล้ว เพราะมันนานมาแล้วค่ะ

ดูจากรูปก็เดาเอาว่าเป็นน้ำใบเตยละกันค่ะ
ระหว่างที่รอห้อง เราก็เดินเล่นรอบๆกันก่อน

ที่นี่มีห้องนวดด้วยค่ะ อยู่ชั้นล่างอาคารเดียวกับ Lobby แต่ไม่ได้ไปเยี่ยมชมนะคะ
ห้องอาหารจะอยู่อาคารเดียว และชั้นเดียวกับ Lobby ค่ะ 

เป็นห้องอาหารเล็กๆ ขนาดพอดีกับจำนวนห้องพักที่มีไม่กี่ห้อง
เดินออกมาจาก Lobby ก็เจอวิวงามๆแบบนี้ 

มีมุมนั่งเล่นน่ารักๆ หลายมุม อากาศก็กำลังเย็นสบาย
ที่นี่นอกจากวิวสวยแล้ว ยังสงบ เป็นส่วนตัว เพราะจำนวนห้องพักไม่มากนัก 
พนักงานบอกว่าเมื่อก่อนจะมีผู้ที่ไม่ได้มาพัก แต่จะมาขอเที่ยวชมวิวถ่ายรูปบนนี้ได้

แต่หลังๆมานี่ไม่อนุญาตแล้วค่ะ เพราะจะทำให้ไม่เป็นส่วนตัวกับแขกที่มาพัก
สระว่ายน้ำรูปไข่ ที่เด็กจิ๋วเห็นก็ตาลุกวาว อยากจะมาลงเล่นให้ได้

แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้มาเล่นตรงนี้ เพราะเล่นที่ห้องก็สนุกมาก และสะดวกกว่า
แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากมาที่นี่มากก็คือละครเรื่องปฐพีเล่ห์รัก

ในเรื่อง ที่นี่ใช้ถ่ายทำเป็นรีสอร์ทของพ่อนางเอก เห็นในละครก็หลงรักเลย ยังไงต้องมาให้ได้
ดอกหญ้าสวยๆ ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของที่นี่ เห็นในเกือบทุกรีวิว
ตอนที่เราไปเดินเล่นถ่ายรูป ยังไม่มีแขกเข้า check in เลยสักห้อง เรามาถึงเป็นพวกแรก 
เลยขออนุญาตเจ้าหน้าที่เดินถ่ายรูปรอบๆ ซึ่งก็จะเห็นภายใน Villa ต่างๆหลายหลัง 
ถ้ามีแขกพักแล้ว เค้าจะเอาเชือกมากั้นตรงทางเข้า Villa แขวนป้ายให้เรารู้ค่ะ 

เราจะได้ไม่ไปรบกวนห้องอื่นๆเค้าค่ะ
ทางเดินไป Villa ต่างๆ
หมายเลขห้องจะอยู่ที่พื้นทางเข้า Villa ค่ะ

(ถ่ายจากหน้าห้องคนอื่นค่ะ)
มองกลับมาจากทางเข้า Villa 4 จะเห็นเนินสระว่ายน้ำส่วนกลางค่ะ
ห้องของพี่สาวเราคือ Villa 6 ค่ะ
มุมนั่งเล่นบนหลังคาวิวงามมากๆค่ะ เสียดายที่นั่งเปียกชื้นๆ เพราะก่อนเรามาฝนตก
เวลานั่งพนักงานเอาผ้าขนหนูมาปูรองให้ แต่แป๊บนึงน้ำก็ซึมขึ้นมา 

เลยนั่งกันได้แป๊บเดียวค่ะ
Villa 6 มองจากหลังคาวิลล่าหลังติดกัน
ข้อเสียของวิลล่าแต่ละหลังที่นี่ก็เป็นอย่างนี้ค่ะ
เพื่อนบ้านมองเห็นเราได้สบายๆ ถ้าใครอยากไป Honeymoon ก็ต้องระวังๆนิดนะคะ

เคยอ่านรีวิวในห้องนี้ มีคนเคยเห็น shot เด็ดจากหลังคาบ้านตัวเองด้วย หุหุ
ได้เวลาเข้าห้องแล้ว เราสามคนพ่อแม่ลูกก็ไม่ได้สนใจห้อง Deluxe ของตัวเองเล้ย
ขนของไปกอง แล้วก็ตื่นเต้นอยู่ที่ห้อง Pool Villa ของป้าๆ ที่ไปด้วยกัน

เราเล่นน้ำที่ห้องนี้ อาบน้ำห้องนี้จนมืดเลยค่ะ ห้องเราเอาไว้นอนอย่างเดียว อิอิ
ทางเข้าห้องจะเป็นตรงหลังคาของห้อง
แล้วต้องเดินบันไดลงไปแบบนี้ (จะเห็นว่าบางรูป ที่เก้าอี้จะมีผ้าคลุมบ้าง ไม่มีบ้าง เพราะภาพที่ลงไม่ได้เรียงตามเวลาถ่ายค่ะ เรียงตามเนื้อเรื่องนะคะ)
มองจากหลังคา Villa 6 ก็จะเห็นสระว่ายน้ำ และวิวสวยๆแบบนี้

เหมือนสระจะเล็ก แต่พอลงไปจริงๆแล้ว ไม่เล็กนะคะ แถมลึกอีกต่างหาก (ลึกตามมาตรฐานคนสูงเมตรครึ่งอ่ะค่ะ)
ชิงช้าอันนี้นั่งเล่น นอนเล่นสบายมากเลยค่ะ
เด็กจิ๋วเข้าห้องมา เห็นสระว่ายน้ำ ก็ขอลงเลย ของโปรด
เล่นน้ำสนุกมาก ไม่ยอมขึ้นเลย
มาดูภายในห้องกันบ้างนะคะ ห้องนี้เป็นห้อง type One Bedroom Pool Villa Suite
ซึ่งเป็นห้องแบบที่ดีที่สุดของที่นี่ ความจริงแล้ว พวกเราจองห้องแบบ Sala Pool Villa กับ Deluxe Room ไว้
แต่เกิดความผิดพลาดในการจองห้องเล็กน้อย ทางเจ้าหน้าที่ก็เลย Upgrade ห้องให้พี่สาวเราเป็นห้องนี้ (แต่ของเราได้ Deluxe เหมือนเดิม)

ขอบคุณทางรีสอร์ทมากนะคะ เพราะชอบห้องนี้กันมากๆ บริเวณกว้างขวาง และวิวสวยมากๆ
Daybed ตรงหน้าส่วนห้องน้ำ
สำหรับเรา ข้อเสียของห้องนี้คือส่วนอาบน้ำ มันโป๊ไปหน่อยค่ะ
ยิ่งตรงอ่างอาบน้ำ ไม่มีอะไรกั้นเลย แต่ถ้าเป็นคู่ฮันนีมูนก็คงจะดีค่ะ

อย่างภาพนี้ มองจากมุมนั่งเล่นไป ก็จะเห็นส่วนของห้องน้ำ โล่งๆ ยังงี้เลยค่ะ
หลังกำแพงทีมีกระจก ด้านนึงเป็นห้องปลดทุกข์ อีกด้านเป็นห้องอาบน้ำ 

ซึ่งไม่มีประตูหรือฉากอะไรกั้น หวาดสียวเล็กๆ
ไม่มีรูปส่วนเตียงนอนมาให้ดูเลยค่ะ ห้องพี่สาวน่ะค่ะ มายึดเล่นน้ำขนาดนี้ก็เกรงใจจะแย่ หุหุ
บุกเข้าไปถ่ายๆมาได้ประมาณนี้เองค่ะ
เล่นน้ำกันจนเย็นแล้ว เตรียมมารอดูพระอาทิตย์ตกกันดีกว่า

แสงทองๆเริ่มมาละ
สนามหญ้าห้องนี้กว้างขวางกว่าห้อง Sala Pool Villa มาก 

เด็กจิ๋ววิ่งเล่นสนุกไปเลย
ดอกหญ้าสวยๆ อีกมุม
เดินออกมาดูพระอาทิตย์ตกกันตรงสระน้ำส่วนกลาง 

ฟ้าดำมืดเลย แต่ตรงเหนือสันเขา เมฆยังใจดี เว้นที่ไว้ให้หน่อย อาจจะพอเห็นคุณพระอาทิตย์บ้าง
เริ่มมีแสงส่องทะลุลงมาละ
น้องเจ้าหน้าที่มาขู่ว่าที่นี่ถ่ายพระอาทิตย์ตกให้สวยยากมากนะพี่
นั่งมองด้วยตาก็สวยนะพี่ แต่ถ่ายออกมามันจะไม่สวย 

เอ่อ...งั้นปะป๊าพยายามถ่ายหน่อยนะ
หันกลับไปมองทาง Lobby 

เจ้าหน้าที่ที่นี่คงมีความสุขนะ ได้ทำงานท่ามกลางบรรยากาศดีๆแบบนี้ทุกวันเลย
ในที่สุดก็มีแสงสวยๆออกมาให้เห็น
อันนี้ตรงสระว่ายน้ำ Villa 6
พยายามถามเจ้าหน้าที่ว่าถ้าจะมาเห็นฟ้าใสๆ ต้องมาเดือนไหน
เค้าบอกว่าเนื่องจากที่นี่อยู่ใกล้เขาใหญ่ ซึ่งเป็นป่าผืนใหญ่

จะมีเมฆปกคลุมยอดเขาเกือบตลอด ฟ้าใสๆ ไม่มีเมฆ มีน้อยมากอ่ะค่ะ
แต่ได้แบบนี้ก็สวยมากแล้ว มองด้วยตาตัวเอง ณ ตอนนั้น รู้สึกประทับใจมากจริงๆ

ปะป๊าบอกว่าที่นี่เป็นรีสอร์ทที่วิวภูเขาสวยมากที่สุดที่เคยไปมาเลยทีเดียว
แสงสีทองยามเย็น บรรยากาศดีจริงๆ
ว่าแล้วก็สงสัยอีกแล้วว่าแขกห้องอื่นหายไปไหนกันหมด ทำไมมีแต่พวกเราที่ออกมาถ่ายรูป 

เลยเดาว่าห้องอื่นเค้านั่งชิลชมพระอาทิตย์ตกกันที่ห้องตัวเองหรือเปล่าน้อ
เห็นจะจริงอย่างที่น้องเจ้าหน้าที่ว่า
เห็นด้วยตาตนเองมันรู้สึกว่าสวยมาก รูปที่ถ่ายออกมามันสู้บรรยากาศจริงๆไม่ได้

อาจจะเป็นเพราะอากาศ ลมพัด หลายๆอย่างรวมกัน
สะท้อนสระน้ำอีกซักรูป
มุมมองจากห้องอาหาร
อันนี้หลังคาบ้านข้างๆ
วิ่งไปวิ่งมา ระหว่างสระส่วนกลาง กับที่ห้อง
ความจริงบริเวณรีสอร์ทไม่ได้กว้างมากนัก ส่วนของ Villa มี 4 หลัง
และห้อง Deluxe ก็มีแค่ 3 ห้อง รวมเป็น 7 ห้องเท่านั้น

ขนาดเล็กๆ แต่วิว และสถานที่น่าประทับใจมากๆค่ะ
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ

แป๊บเดียวก็เย็นแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้ว...
บรรยากาศดีมากจริงๆ หลังจากกลับมาจากที่นี่
ใครถามว่าไปเขาใหญ่พักที่ไหนดี ก็แนะนำที่นี่ตลอด

ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ ค่าที่พักก็จ่ายเต็มทุกบาททุกสตางค์ แต่ของเค้าดีจริงค่ะ
ขึ้นมาดูวิวบนหลังคาบ้าง
ลาแสงสุดท้ายของวันกันไปด้วยภาพนี้
พระอาทิตย์ลับไปแล้ว เตรียมตัวไปทานอาหารเย็นกันที่ห้องอาหารของรีสอร์ท
มืดแล้ว ขับรถออกไปกินข้างนอกคงไม่สะดวกแน่ เพราะเป็นทางเขา และมืดมาก
อาหารรสชาติธรรมดานะคะ แต่ราคาก็สูงเป็นธรรมดาของรีสอร์ท เทียบกับบรรยากาศที่ได้ ก็ถือว่าโอเคค่ะ
อิ่มแล้วก็มาเดินถ่ายรูปเล่นที่ Lobby
Lobby อีกมุม
ชอบเก้าอี้เชือกนี่มากเลย น่ารักมาก
เดินย่อยเสร็จแล้วก็ได้เวลาเข้าห้องเราซะที
ห้อง Deluxe มีอยู่ 3 ห้อง อยู่ตึกเดียวกับอาคาร Lobby/ห้องอาหาร
แต่จะอยู่ชั้นล่าง ต้องเดินบันไดลงมา
ห้อง Deluxe ก็ยังแบ่งเป็น Deluxe ที่มีระเบียง (สองห้องริม) ห้องตรงกลางเป็น Deluxe ไม่มีระเบียง

ห้องเราคือ แบบไม่มีระเบียง ถูกสุด และมีเพียง 1 ห้องเท่านั้น
ห้อง Deluxe จะให้ความรูสึกแตกต่างจากห้อง Villa มากๆ

ห้องแบบนี้จะแต่งแบบปูนเปลือย เรียบๆ เก๋ๆ
โดยส่วนตัวแล้ว ชอบ style การแต่งของห้องวิลล่ามากกว่าค่ะ

ไม่นับที่ว่ามันกว้างกว่า และแพงกว่านะคะ โทนสีของห้องวิลล่ามันอบอุ่นกว่าค่ะ
ห้องแบบ Deluxe นี่ก็ไม่ได้เล็กนะคะ กว้างขวางอยู่สบาย 
เดินเข้าประตูมาก็เป็นส่วนห้องน้ำ

พอลงบันไดเล่นระดับก็มาเป็นห้องนอน
ห้องน้ำของห้อง deluxe ก็โป๊เหมือนกันค่ะ

ไม่มีประตูที่มิดชิด ถ้ามาพักกับเพื่อน ไม่ใช่คู่สามีภรรยา คงลำบากใจค่ะ
ระหว่างส่วนห้องนอนกับห้องน้ำ จะมีอ่างอาบน้ำหินอันนี้กั้นอยู่ค่ะ
ข้อเสียของห้องนี้ที่ขัดใจมากคือ น้ำเบามากค่ะ

ยิ่งเป็นน้ำฝักบัว มันเอื่อยมากค่ะ อาบนานมากกว่าจะเสร็จ
เด็กจิ๋วก็ชอบห้องนี้นะคะ เดินขึ้นลงบันได สนุกไปเลย
อันนี้เป็นรูปตอนเช้ามืดที่ห้อง villa 6 ที่พี่สาวพักค่ะ

พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ยังไม่ตื่นกันเลย
เนื่องจากมีแค่เชือกกั่นตรงทางเข้า villa เราก็เลยลุยเข้ามาได้เลย 55

อันนี้ทำได้เพราะเป็นห้องคนกันเอง ถ้าเพื่อนๆไปพักก็ไม่ต้องกังวลนะคะ
เพราะแขกคนอื่นคงไม่อุตริบุกมาเที่ยวห้องเราหรอกค่ะ

ริมสระน้ำส่วนกลาง ยามเช้า
ส่วนตัวเราชอบบริเวณนี้มากๆ
อากาศก็เย็นสบาย แต่บรรยากาศแบบนี้มันให้ความรู้สึกอบอุ่น มีความสุข
แค่ดอกหญ้าธรรมดา ปลูกเป็นแถวๆ ก็ดูน่ารักไปหมด
หันกลับมาด้านที่เป็น lobby
วันนี้ไม่มีหมอกอย่างที่อยากเห็น แต่แค่นี้ก็สวยมากแล้ว
อย่างที่บอกว่าเราลงความเห็นกันว่าที่นี่เป็นที่ที่วิวสวยมากที่สุด
เราชอบกันมากๆ เลยตั้งใจเอาไว้ว่าอยากจะกลับมาที่นี่ใหม่ กะไว้ว่าหน้าหนาวน่าจะดี
น่านั่งพักผ่อนไปซะทุกมุม
ตอนช่วงที่เราเข้าพัก ไม่มีใครมาว่ายที่สระนี้เลย
เก้าอี้นั่งเล่นบนหลังคาวิลล่าก็น่านั่งมาก ตอนเช้ามานั่งจิบอะไรอุ่นๆ ชมวิว มีความสุขน่าดูค่ะ
ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ
อาหารเช้าที่นี่เป็นแบบให้สั่งเป็นจานๆ 
น้องพนักงานบอกว่าสั่งได้คนละ 1 อย่าง แต่ถ้าไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มได้นะคะ
อันนี้ French Toast สั่งให้เด็กจิ๋ว
จานนี้ของปะป๊า
ของแม่เป็นข้าวต้มหมูสับ
จะมีมุม Buffet เล็กๆ เป็นพวกขนมปัง และโยเกิร์ตด้วยค่ะ
เด็กจิ๋วนั่งกินโยเกิร์ต ชมวิว สบายอารมณ์
กินเสร็จแล้วก็ว่ายน้ำอีกซักรอบ ก่อนกลับ
ห้องที่เราพัก พอสว่างแล้ว เพิ่งเห็นว่าวิวก็งามเหมือนกันนะคะ
มาเดือนตุลาก็ดีตรงที่ว่าต้นไม้ใบหญ้าดูเขียวสดชื่นไปหมด
อาคารที่เห็นเราเข้าใจว่าเป็นรีสอร์ทอื่น
แต่เท่าที่เคยอ่านในรีวิวเพื่อนๆในนี้ บอกว่าเป็นบ้านพักส่วนตัวของตระกูลดัง 
มันใหญ่เหมือนวังมากกว่าบ้านนะเนี่ย
ใกล้เวลากลับบ้านแล้ว ยังเดินชื่นชมความงามของธรรมชาติแบบไม่มีเบื่อ
ตอนที่เราไปพัก เป็นช่วงที่น้ำเริ่มท่วมแถวๆ นครสวรรค์ อยุธยาพอดี
คนที่บ้านโทรมาจิกตลอดเวลา บอกให้รีบกลับ เดี๋ยวน้ำมากลับไม่ได้
เราก็อ้อยอิ่งลั้นลากับธรรมชาติที่นี่อยู่ ไม่เห็นจะอยากกลับเร็วเลย 
และก็ไม่นึกด้วยว่าน้ำท่วมครั้งนั้น มันจะร้ายแรงเป็นอุทกภัยใหญ่ของประเทศขนาดนั้น
ได้เวลาจากศาลาเขาใหญ่แล้ว ... แล้วจะกลับมาอีกนะจ๊ะ
ก่อนกลับบ้าน เราแวะกินกลางวันกันที่ Smoke House
เข้าไปนั่งแล้ว พนักงานบริการดีมาก เตรียมเก้าอี้เด็กให้เด็กจิ๋วนั่ง เอาที่วางของมาวาง
แต่พอเราดูเมนูแล้วก็เกือบเผ่นหนี เพราะราคาแพงทีเดียวสำหรับเรา แพงระดับโรงแรมเลย
แต่ว่าหนีไม่ได้แล้ว นั่งกันเรียบร้อบ วางของพะรุงรังแล้ว แล้วเด็กจิ๋วก็หิวมากแล้วด้วย
ต้องขอโทษที่ไม่มีรูปอาหารมาเลยนะคะ หิวกันมากมาย 
อิ่มแล้วถึงมีอารมณ์มาจับกล้องถ่ายรูปรอบๆค่ะ
อาหารที่นี่ถึงแม้ราคาจะสูง แต่ว่าอร่อยม๊ากค่ะ
เริ่มด้วยขนมปังและครัวซองหลากชนิด อบมาร้อนๆ เสิร์ฟมาเป็น Appetizer พร้อมครีมชีส อร่อยล้ำจนต้องสั่งเพิ่ม
สปาเกตตี้คาโบนาร่าก็อร่อยมาก ยกให้เป็นที่อร่อยสุดที่เคยกินมา
พิซซ่าก็อร่อย แต่ไม่ที่สุด อาจจะเป็นเพราะหน้าที่เราสั่งด้วย
ขาหมูอร่อยมาก (อันนี้ปะป๊าคอนฟิร์ม)
ตอนนี้นึกถึงแล้วก็อยากกลับไปกินอีกจริงๆ คิดถึงขนมปังมากมาก
เห็นฟ้าใสๆแบบนี้ เดินถ่ายรูปแป๊บเดียว ฝนเทลงมาซะงั้น
ลาทริปศาลาเขาใหญ่กันด้วยความประทับใจไปด้วยรูปนี้นะคะ
เด็กจิ๋วเจออะไรเหลี่ยมๆก็จับเอามเป็นกล้องถ่ายรูปได้หมด
ทำท่าถ่ายรูปเลียนแบบปะป๊า แล้วก็พูดว่า ถ่ายรูปยิ้มๆ
เด็กจิ๋วบ้ายบายไปก่อนนะคะ ทริปหน้าเจอกันใหม่ เด็กจิ๋วจะพาไปไกลถึงกระบี่เลยค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น