วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

เด็กจิ๋ว@เชียงใหม่ 2012

...เช้าวันศุกร์ ขึ้นแท็กซี่ไปดอนเมืองกัน ครั้งนี้เราบิน โอเรียนไทย ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง ไม่
ต้องไปไกลถึงสุวรรณภูมิ รู้สึกไม่หวั่นกับการนั่งเครื่องบินของเด็กจิ๋วแล้ว แต่ก็ยังต้องเตรียม
การณ์ไว้อยู่ดี iPad กับขนมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ขนมที่เตรียมไปวันนี้มีแต่ทาโร เพราะเด็กจิ๋ว
กำลังฮิตอยู่ในช่วงนี้ แต่ว่า...วันนี้...เด็กจิ๋วเบื่อ ทาโร่ ! ซวยแล้วดิ่ M&M ของตายอีกอย่างก็
ไม่ได้เอามา คิดแต่ว่าทาโร่เอาอยู่แน่ๆ โชคดีที่สายนี้เค้าแจกถั่วมาให้ เลยเอาแก้ขัดไปได้อีก
ครั้ง วันหลังต้องเตรียมมาหลายๆแบบ อีกอย่างที่แก้ขัดได้คือเอาหมากฝรั่งมาให้เด็กจิ๋วแกะ
ป้อนปะป๊า ป้อนเร็วมาก เคี้ยวไม่ทันเลย สุดท้ายก็ราบรื่นดี บินแค่ 50 นาที iPad ก็เปิดเล่น
เกมส์นิดหน่อยเอง ยังไม่ทันได้ดูบาร์นีเลย
...ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน เราหลอกล่อโน้นนี่ไปเรื่อย มีหยิบหนังสือมาเปิดดู ชี้รูปในหนังสือ
แล้วบอกว่านี่ไง เชียงใหม่ที่เราจะไปกัน เด็กจิ๋วบอกว่า “ไม่ใช่ นี่มันเชียงเก่า”
...พอเครื่องบินมาถึงเชียงใหม่ เจอฟ้าขาว ฝนตก ก่อนถึงเชียงใหม่ยังฟ้าใสอยู่เลย ตอนแรก
ได้แต่คิดว่าเดี๋ยวก็หยุด เดี๋ยวก็หยุด แต่รอไปรอมา ปรากฎว่า ทั้งทริปเลย 3 วัน ฝนตกตลอด
เวลาไม่หยุด มีหยุดพักหายใจบ้างนิดหน่อย ไม่เคยเจอฝนตกต่อเนื่องกันขนาดนี้ เพิ่งคิดออก
ที่เค้าบอกว่าฝนตกต่อเนื่องหลายวันไม่หยุด เป็นแบบนี้นั่นเอง เราก็สงสัยกันว่าตกเยอะแบบ
นี้น้ำไม่ท่วมเหรอ พอกลับมากรุงเทพฯ เจอข่าวน้ำท่วมสุโขทัยจริงๆด้วย
...ออกจากสนามบินก็ไปเอารถที่ AVIS สะดวกมากเพราะอยู่ในสนามบินเลย แต่ทุลักทุเลนิด
หน่อยเพราะฝนตก เราแบก Car Seat ของเด็กจิ๋วไปด้วย รับลงเสร็จก็ขับมุ่งหน้าขึ้นไปดอย
อินทนนท์ทันที ระหว่างทาง เด็กจิ๋วลั้นลามาก สนุกกับการนั่งรถเช่า รู้ด้วยนะว่าเราเช่ารถกัน
จาก AVIS เด็กจิ๋วนั่งในรถกินเปาะเปี้ยะที่อากงทำมาให้จากกรุงเทพ เปิดเพลงท้องถิ่นฟังไป
ด้วย ฟังไปฟังมา ลุกขึ้นมาเต้นด้วยความมันส์ ในที่สุด เด็กจิ๋วก็ค้นพบแนวเพลงที่ตนเองชอบ
...ขึ้นไปถึงดอยอินทนนท์แล้ว ฝนยังไม่หยุดอีก แวะกินข้าวกลางวันที่ร้านแถวหน้าที่ทำการฯ
เมื่อก่อนเคยมากินตรงนี้ ตอนนั้นยังเป็นเพิงๆอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ทำใหม่ดูสะอาดขึ้นเยอะ เด็กจิ๋ว
กินข้าวไข่เจียว แล้วก็เปาะเปี้ยะของอากง ระหว่างที่กินข้าวอยู่นั้น ฝนก็เริ่มหยุดแล้ว เราก็ดี
ใจกัน รีบขับไปอ่างกาหลวง หมายมั่นมากๆ เพราะปกติมาอินทนนท์ จะมากันแต่หน้าหนาว
ป่าที่อ่างกาจะไม่ค่อยสวย ต้องหน้าฝนแบบนี้แหล่ะถึงจะสวย แต่ปรากฎว่าพอออกจากร้าน
อาหารมา ฝนก็ตกลงมาอีก ไปจอดรถอยู่หน้าทางเข้าอ่างกาหลวงด้วยความงุนงงว่าจะเอาไง
กับชีวิตดี จะรอหรือจะไป สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าบ้านพักก่อนดีกว่า ถ้าฝนหยุดเมื่อไหร่ค่อยขับ
ขึ้นมาใหม่ แต่ว่าในที่สุดฝนก็ไม่มีหยุดเลยไม่ได้กลับมา โม้กับเด็กจิ๋วว่าคราวที่แล้วพาไปดูป่า
โกงกางมาแล้ว วันนี้จะพาไปดูป่าดึกดำบรรพ์ เด็กจิ๋วก็นั่งท่องมาในรถใหญ่ “ป่าดำดึกบัน ป่า
ดำบันดึก”
...ตอนที่กำลังกินข้างกลางวันอยู่ที่ร้าน เด็กจิ๋วชี้ไปที่คนอื่นที่นั่งกินข้าวอยู่ แล้วถามคุณแม่ว่า
“นั้นใครอ่ะ” คุณแม่บอกว่านักท่องเที่ยวค่ะ เด็กจิ๋วไม่พอใจ บอกว่า “ไม่ใช่ นั่นฝรั่ง”...ฝรั่งจริง
อ่ะ ดูรู้ด้วยเหรอว่าฝรั่งหรือคนไทย
...บ้านพักของเราวันนี้ Downgrade ตัวเองลงมาต่ำสุด หลังจากที่เคยไปศรีพันวา ศิลาวดี คืน
ละหลายๆหมื่นมาแล้ว วันนี้มานอนบ้านชาวม้งคืนละ 500 บาทดูมั้ง แต่เน้นบรรยากาศทุ่งนา
ขั้นบันไดก็ต้องมานอนติดนาแบบนี้แหล่ะ ขนของลุยฝนเข้าบ้านพักกัน ตอนแรกนึกว่าจะนอน
ชิวในห้องพัก ดูนาข้าว ฝนตกก็ยังไหว แต่ว่า บ้านม้งนี้ไม่สามารถชมวิวได้ หน้าต่างก็เป็นแบบ
หน้าต่างไม้บานเปิดธรรมดา เปิดแล้วฝนสาดเข้ามาอีกต่างหาก ในห้องขนาด 3x4 เมตร มีที่
นอน 2 อันวางอยู่เกือบเต็มห้อง นั่งลงไปบนที่นอนจะได้ยินเสียงกร๊อบแกร๊บ เด็กจิ๋วบอกว่าที่
มีเสียงเพราะว่ามันมีพลาสติกรองอยู่ เปิดออกดู จริงด้วย พลาสติกที่ห่อที่นอนมาตอนซื้อก็ไม่
ยอมเอาออก คงจะกลัวเสียราคา พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินลายท้องถิ่นนิยม ห้องน้ำก็มี
ของเท่าที่จำเป็นต้องมี สภาพห้องแบบนี้ คุณแม่บอกว่าดีกว่าที่คิดไว้เยอะ เพราะก่อนจะมาก็
ได้เตรียมใจไว้แล้ว นึกว่าแย่กว่านี้ รีสอร์ทที่เราเลือกนี้ถือว่าเดิ้นสุดแล้วนะ รีสอร์ทอื่นๆแถวๆนี้
ยังเป็นไม้ๆอยู่เลย ไม่ว่าสภาพห้องจะเป็นยังไง เด็กจิ๋วคงไม่รู้สึกหรอก ลั้นลาตั้งแต่มาถึงเชียง
ใหม่แล้ว ตอนนี้ก็ยังเฮฮาอยู่ เล่นเกมส์ใน iPad รอฝนหยุดไปเรื่อยๆ
...ห้องพักของเรานี่วิวดีมาก เปิดประตูห้องออกมาก็จะเจอกับวิวทุ่งนาขั้นบันได ซึ่งรู้สึกว่าเป็น
จุดที่วิวสวยที่สุดของนาขั้นบันไดดอยอินทนนท์แล้ว ตอนเย็นๆ ฝนเริ่มหยุดบ้าง มีหยุดๆ ตกๆ
แต่ตกเป็นฝอยๆ เราถือโอกาสนี้แหล่ะ พาเด็กจิ๋วออกจากห้องซะที ว่าจะเดินเที่ยวเล่นแถวๆนั้น
แต่ว่าเดินไปได้หน่อย ฝนก็ตกลงมาหนักอีก เลยต้องรีบไปหลบฝนที่ร้านอาหาร ตอนที่เดินอยู่
ได้ไม่นานนั้นก็เหนื่อยเหมือนกันนะ เพราะเด็กจิ๋วไม่ยอมเดินเลย ต้องพลัดกันอุ้มอีก ได้แต่คิด
ว่าผ่านสิงคโปร์มาได้แล้ว อย่างอื่นไม่ต้องกลัว แต่ด้วยที่ว่าฝนตก ทางที่เดินก็ต้องเดินบนคันนา
ทางเละแฉะๆ เป็นทางเขา แล้วเหมือนจะยังไม่หายดีจากสิงคโปร์ วันนี้เลยรู้สึกเหนื่อยหนักเลย
...ระหว่างหลบฝนอยู่ที่ร้านอาหาร ก็กินข้าวเย็นกันที่นี่เลย สั่งพวกผัดผัก ไข่เจียว ก็โอเค พอกิน
ได้ เด็กจิ๋วเพลินอยู่กับอินเดียน่าโจนส์ภาคโบราณที่ร้านเปิดให้ดู ช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวนะ
เพราะเป็นหน้าฝน แถวนี้เลยดูเงียบๆมาก อย่างรีสอร์ทที่เราพักก็มีเราบ้านเดียว แล้วเห็นอีกที่
รีสอร์ทหนึ่งก็มีแขกพักอยู่หลังเดียว ที่จริงเวลามาที่นี่จะต้องเดินเล่นไปเรื่อยๆ มีร้านกาแฟ มีจุด
ให้ดูนาขั้นบันไดจุดอื่นๆด้วย แต่ไปไม่ได้เลยเพราะฝนไม่ยอมหยุด เรากลับเข้าห้องนอนกันหวัง
ว่าพรุ่งนี้ฝนอาจจะหยุดก็ได้
...ตอนกลางคืน นอนกันด้วยความทรมาน ที่นอนสปริงรุ่นสัมผัสถึงสปริงแต่ละตัวอย่างใกล้ชิด
ลืมตามาเจอแสงหลอดไฟจิ้มตา คือบ้านเรานอนกันไม่เคยปิดไฟมืด แต่จะเปิดไฟส้มๆหน่อยไว้
เสมอ เพราะต้องดูเด็กจิ๋วตลอดทั้งคืนว่าโอเคไม๊ แล้วอีกอย่างก็กลัวผีด้วย แต่ไฟส้มๆที่นี่ไม่มีให้
มีแต่ไฟเพดานดวงเดียว ลองปิดแล้วก็มึดจนน่ากลัว ต้องเปิดจ้าๆนอนกันแบบนั้ทั้งคืน มีเด็กจิ๋ว
คนเดียวแหล่ะที่ไม่รับรู้ความรันทดอะไรทั้งสิ้น หลับสนิทเหมือนอยู่ที่บ้าน
...เมื่อคืนฝนตกตลอด มีหยุดไปปั๊บๆก็ตกลงมาอีก ตอนเช้าหมดหวัง เปิดหน้าต่างห้องออกมาดู
ฝนยังตกอยู่อีก เลยตัดสินใจไม่รอแล้ว ไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า รีบเก็บของออกจากบ้านม้งตั้งแต่ 8
โมง ขับรถไปแม่ริม จุดหมายต่อไปคือ ม่อนแจ่ม
...มาถึงม่อนแจ่มตอน 11 โมง ทางขึ้นมานี่ก็แคบแล้วก็ชัน แต่ก็เป็นระยะทางสั้นๆ สำหรับปะป๊า
ไม่มีปัญหา ถึงแม้จะเป็นรถเช่าที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แต่เห็นคุณแม่บอกว่าทางน่ากลัวเหมือนกัน มา
ถึงก็เจอเด็กๆชาวเขาแถวนั้นมาบริการโบกรถให้จอด เด็กจิ๋วเห็นแล้วถามว่า “ทำไมพี่ๆเค้าไม่ใส่
รองเท้า” สภาพเด็กที่ว่านี่เละเลย ถอดรองเท้าเดินลุยโคลนเล่นกัน ที่ม่อนแจ่มนี่ เค้าจะทำเพิงๆ
ไว้ให้คนมานั่งกินข้าวชมวิว แต่วันนี้ไม่เห็นวิวเพราะมีแต่หมอกขาวไปหมด อาหารที่สั่งมากินกัน
ก็ไม่ค่อยอร่อย เหมือนจะเค็มไปหมดทุกอย่าง เด็กจิ๋วกินไก่ทอดเป็นหลัก ใช้ส้อมแทงแล้วเอามา
แทะๆ ระหว่างที่นั่งกินข้าวกัน ปะป๊ากับคุณแม่ก็พลัดกันเฝ้าเด็กจิ๋ว พลัดกันออกไปชมวิวรอบๆ
...ขับรถกลับลงมาจากม่อนแจ่มได้หน่อยหนึ่ง จะเจอกับบ้านม่อนม่วน เป็นรีสอร์ทที่กำลังนิยม
เพราะละครดังมาถ่ายทำที่นี่ ตอนแรกคุณแม่ก็ดูๆอยู่ว่าจะพักที่นี่หรือเปล่า แต่ว่าดูแล้วบ้านเรา
ไม่สามารถกันจริงๆ น่ากลัวมาก ห้องพักทำเป็นแบบบ้านเก่าๆ หน้าต่างเป็นลูกกรงเหล็กโบราณ
แล้วที่สำคัญ ห้องพักก็คือห้องที่คุณย่านอนตายในละคร ถ้านอนแล้วก็เหมือนเข้ามาอยู่ในสถาน
ที่จริง แล้วใครจะกล้าละเนี่ยะ เราแวะมาถ่ายรูปกันเป็นหลัก แต่เพื่อไม่ให้น่าเกลียด ก็เลยต้องสั่ง
เครื่องดื่มมากินกันหน่อย คุณแม่กินกาแฟเย็น ของปะป๊าเป็นช็อกโกแล็ตปั่น ส่วนของเด็กจิ๋วเป็น
สตรอเบอร์รี่ปั่นซึ่งไม่แตะเลย มาแย่งช็อกโกแล็ตของปะป๊ากินแทน
...ที่บ้านม่อนม่วนก็สวยงามใช้ได้ สวยกว่าที่คิดไว้ เป็นรีสอร์ทเล็กๆ มีบ้านพักไม่ถึงสิบหลัง แต่จะ
แต่งแนวน่ารักๆ เก๋ไก๋ มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะ ซึ่งสวนทางกับแขกที่มาพักมาก เพราะถ้ามานอนที่นี่
จะไม่มีความส่วนตัวเลย เปิดหน้าต่างห้องก็เจอแขกเป็นร้อยที่มาเที่ยวถ่ายรูปกันที่ระเบียงชมวิว
...ตอนมาถึงบ้านม่อนม่วน เรามากันมานั่งโต๊ะเพื่อจะสั่งอาหาร เด็กจิ๋วตะโกนเรียก “น้องครับ
น้องครับ ขอเมนูหน่อยครับ อันนี้มันไม่มีอาหารครับ” แล้วก็เอาเมนูมาดู “กินอะไรดีนะ กินปูผัด
ผมกะหรี่ดีไม๊”...โต๊ะข้างๆฮาเลย มานี่สั่งปูอาหารทะเล แล้วยังผัดผมกะหรี่อีกต่างหาก
...ขับรถต่อไปอีกชั่วโมงก็ถึงรวีวารี เป็นรีสอร์ทที่คุณแม่ดูรีวิวมาแล้วสวยดี แต่ไม่ค่อยดัง บริการก็
ดี ห้องพักกว้างมาก ดูๆแล้วเหมือนจะ 5 ดาวแต่ไม่แน่ใจ ห้องของเราเป็นแบบ Executive มีห้อง
นั่งเล่นขนาดใหญ่ กับห้องนอน และเป็นแบบ pool access ด้วยอีกต่างหาก ราคาสามพันกว่าๆ
เอง ถูกมากๆ มาถึงปั๊บก็รีบพาเด็กจิ๋วลงเล่นน้ำก่อนเลย สระที่นี่น่าว่ายมาก สระกว้างมาก ห้องที่
อยู่รอบๆสระก็มีไม่ถึงสิบหลัง ยิ่งห้องที่เราได้คือ 101 ดูแล้วเป็นห้องที่ดีที่สุด เพราะฝั่งตรงข้ามไม่
มีห้องอื่น เป็นน้ำตก แล้วอยู่ใกล้กับสระใหญ่ ร้านอาหาร แล้วก็ล็อบบี้
...สระออกจะดี แต่เด็กจิ๋วเล่นอยู่อย่างเดียว คือก้อนหินที่วางประดับอยู่ริมสระว่ายน้ำ หยิบมาที
ละก้อน จุ๋มลงไปล้างในสระ แล้วก็เอาขึ้นมาเรียง หินนี่เล่นได้หลายอย่างเลย เล่นซื้อขายกันก็ได้
เล่นเอามานับก็ได้ เล่นหินหายากก็ได้ เล่นแข่งกันหาหินใหญ่ แข่งกันหาหินสวย คือเล่นเยอะมาก
เล่นหินอยู่ตรงบันได้หน้าบ้านพักอย่างเดียวเลย มีเดินไปลงสระใหญ่อยู่ปั๊บๆเพราะตรงสระใหญ่
จะมีสระเด็กแบบตื้นให้เล่น
...วันนี้โชคดีหน่อย ฝนเป็นใจให้ ตั้งแต่ที่ม่อนแจ่มก็ตกๆหยุดๆอยู่เป็นระยะ แต่ตกเบาๆ ยังพอลุย
ฝนไปถ่ายรูปได้ ที่บ้านม่อนม่วน ฝนหยุดสนิทเลย ส่วนมาที่วรีวารีก็ไม่มีฝนแล้ว แต่ท้องฟ้าก็ครึ้ม
ตลอดเวลา ระหว่างที่ว่ายน้ำอยู่ก็มีฝนตกมาเป็นระยๆแบบปอยๆ แต่พอว่ายน้ำเสร็จ ฝนตกหนัก
เลยทีนี้ โชคดีมากที่ว่ายน้ำเสร็จแล้ว เราต้องสั่งอาหารมากินกันในห้องพัก เด็กจิ๋วกินผัดซีอิ้วกุ้ง
คุณแม่กินข้าวกะเพราหมู ส่วนปะป๊ากินออเดิร์ฟเมือง อาหารไม่ค่อยอร่อยนะ ราคาแพงเหมือน
กัน
...เมื่อคืนฝนตกตลอดทั้งคืนเลย แต่พอตอนเช้าก็หยุด ปะป๊าสามารถออกไปถ่ายรูปได้ แต่พอไป
กินข้าวเช้ากันก็ตกอีกแล้ว วันนี้เด็กจิ๋วเป็นอะไรไม่รู้ร้องจะกลับห้องตลอดเวลา คุณแม่สงสัยว่าที่
จะกลับห้องเพราะอยากลงสระว่ายน้ำ พอกินข้าวเช้าเสร็จก็ลงสระกันอีกรอบ ลงทั้งๆฝนตกอยู่นั้น
แหล่ะ ให้เด็กจิ๋วใส่หมวกด้วย การลงสระของเด็กจิ๋วสามารถใส่หมวกลงไปได้ เพราะลงไปยืนอยู่
ที่บันไดเล่นก้อนหินไปมา คอยังไม่โดนน้ำเลย
...เล่นน้ำเสร็จก็พากันนั่งรถกอล์ฟไปร้านกาแฟริมน้ำ เมื่อเช้าปะป๊ามาแล้วรอบหนึ่ง บรรยากาศดี
มาก เป็นร้านกาแฟของรีสอร์ทนี้แหล่ะ แต่อยู่ไกลจากห้องที่เราพักหน่อย นั่งรถกอล์ฟก็ได้ หรือจะ
เดินก็ประมาณครึ่งโล ที่ร้านจะอยู่ริมแม่น้ำแม่แตง มีปลูกดอกไม้สวยงาม มีสะพานข้ามแม่น้ำไป
อีกฝั่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ของรีสอร์ทเหมือนกันแต่เป็นที่ว่างเปล่า กำลังจะสร้างอาคารเร็วๆนี้ ตอนเช้า
ปะป๊ามาถ่ายรูปยังอากาศดีๆอยู่เลย พอตอนสายพาคุณแม่กับเด็กจิ๋วมา ฝนตกอีกแล้ว และคราว
นี้ตกหนักมากด้วย เราสั่งเครื่องดื่มกับเค้กมากินกัน กินไปชมฝนตกไป รอว่าเมื่อไหร่ฝนจะหยุดจะ
รีบกลับไปเก็บของเดี๋ยวไปขึ้นเครื่องไม่ทัน แต่ฝนก็ไม่ทีท่าว่าจะหยุด ในที่สุดรอไม่ไหว ให้รถกอล์ฟ
มารับขับลุยฝนกลับห้อง ปะป๊ากับคุณแม่เปียกปอนกันเลย พอกลับมาถึงห้อง เจอน้ำท่วมห้องอีก
เพราะฝนตกหนักมาก หลังคารั่ว น้ำหยดลงมาตรงโต๊ะเครื่องแป้งซึ่งวางพวก iPad กับอุปกรณ์อื่น
พวกที่ชาร์ต แบ็ตกล้อง แต่ใช้ไดร์เป่าผมเป่าแห้งแล้วก็ไม่เสียหายอะไร
...ออกจากรีสอร์ทรีบขับรถไปสนามบิน กลัวว่าจะส่งรถไม่ทันเวลา ถ้าส่งช้าจะต้องโดนชาร์ตหลาย
ร้อยเลย จนถึงสนามบินแล้วฝนก็ยังไม่หยุดตกอีก จนออกจากเชียงใหม่นั่นแหล่ะ สรุปแล้วฝนตก
ตลอดทั้งทริปจริงๆ แต่รู้สึกว่าแต่ละที่ที่ไปนี่สวยกว่าที่คิดนะ อาจเป็นเพราะฝนตก มีหมอก อากาศ
เย็นๆดีก็เป็นได้ ตรงทุ่งนาข้าววันนี้ฝนตกอาจจะดีกว่าวันฝนไม่ตกก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น