วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

เด็กจิ๋ว@เชียงราย 2012

ทริปนี้เรียกว่าทริปกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กจิ๋วกับน้าเอ๋ คือคุณแม่จองที่พักเชียงรายไว้ตั้งแต่งานท่องเที่ยวหลายเดือนแล้ว อยู่ๆน้าเอ๋มาบอกว่าขอไปด้วย ด้วยสาเหตุที่ว่าทำไมน้าเอ๋สนิทกับปะป๊าคุณแม่ แต่ยังไม่สนิทกับเด็กจิ๋วซะที ปกติเจอกันแป๊บๆไม่ได้คลุกคลีอยู่ด้วยกัน ต้องไปเที่ยวด้วยกันถึงจะดี เราเลยจัดให้ตามต้องการ

ออกจากบ้าน เที่ยงคืน ตอนแรกวางแผนจะไปสว่างแถวสุโขทัย กะว่าพาเด็กจิ๋วไปถ่ายรูปเมืองโบราณขำๆหน่อย แต่ขำเร็วเกิน ถึงสุโขทัยตีสี่ เลยเปลี่ยนใจไม่แวะแล้ว ขับรวดเดียวไปเชียงรายเลย เด็กจิ๋วนอนหลับใน Car Seat ได้นิ่งมาก ตลอดการเดินทางไม่มีอิ๊อ๊ะอะไรเลย

ไปถึงเชียงรายตอน ๘ โมง กด GPS หาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เจออุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ไม่เคยรู้จักมาก่อน ดูเวลาแล้วเหลือเฟือเพราะกว่าจะเช็คอินเข้าที่พักได้ก็บ่ายโมง เลยตัดสินใจลองแวะดูขำๆ

อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก อยู่อำเภอเมืองเลย ขับรถจากถนนใหญ่เข้าไปไม่กี่สิบโล พอไปถึงที่ทำการฯ คุณแม่ไปเจรจากับเจ้าหน้าที่ว่าในนี้มีอะไรให้ดูบ้าง คำตอบที่ได้ก็คือไม่ค่อยมีอะไรอ่ะ มีแต่แม่น้ำกก เราก็ได้แต่พาเด็กจิ๋วลงไปเดินยืดเส้นยืดสายริมน้ำกกนิดหน่อย ไม่ค่อยสวย แต่ดูบริเวณแล้วเหมาะกับการมากางเต๊นท์นอนมาก พื้นหญ้าเรียบ จุดกางเต๊นท์ติดแม่น้ำเลย แต่เสียใจด้วย คุณแม่ไม่นอนเต็นท์อีกต่อไปแล้ว เปลี่ยนไปพักรีสอร์ทห้าดาวแทน

ตั้งแต่เมื่อคืนทั้งเด็กจิ๋ว กับน้าเอ๋ก็หลับกันมาในรถ เด็กจิ๋วเพิ่งมาตื่นเมื่อถึงที่หมายนี่แหล่ะ คราวนี้เด็กจิ๋วสนิทกับน้าเอ๋เร็วมาก ปกติเจอหน้ากันก็จะมีอาการกลัวๆสักพักหนึ่งก่อนจะเล่นด้วยกันได้ แต่ล่าสุดเพิ่งพาไปบ้านน้าเอ๋มาอาทิตย์ที่แล้ว เลยยังไม่ลืมน้าเอ๋ ยังจำน้ากุ๊กได้เลย อากาศวันนี้ไม่หนาว แต่ก็เย็นๆ ใช้ได้

ออกจาก อุทยาน เข้าเมืองเชียงราย แวะกินข้าวร้าน ......... อาหารอร่อยดี ปะป๊าได้กินน้ำพริกอ่อง กับพวกปลาแม่น้ำโขงสมใจ ส่วนเด็กจิ๋วได้กินแค็ปหมูสมใจเหมือนกัน กินใหญ่เลย ชอบมาก

ร้าน อาหารอยู่ใกล้ที่พักมาก เดินถึงกันได้เลย เราไปถึง เลอ เมอริเดียน ประมาณบ่ายโมง ได้อัพห้องเป็นห้อง Over Size คือใหญ่กว่าห้องที่เราจองมา แต่คุณแม่บอกว่าที่นี่ใครมาก็ได้อัพห้องกันอยู่เรื่อยๆ

ที่นี่เป็น โรงแรมใหญ่ ห้องพักอยู่บนตึก มีอยู่ประมาณสี่ตึก ตึกละหลายสิบห้อง รวมๆทั้งรีสอร์ท น่าจะมีสองสามร้อยห้อง ห้องเราที่ได้อัพมา ใหญ่โตจริง เพดานก็สูงมาก ปะป๊าเล่นค็อปเตอร์ไม้ไผ่กับเด็กจิ๋วสนุกเลย พอเข้าห้องพัก ปะป๊าก็รีบทำงาน ถ่ายรูปก่อนที่ห้องจะระเบิด ปล่อยเด็กจิ๋วให้น้าเอ๋ดูแลไป ปรากฎว่าเด็กจิ๋วเล่นกับน้าเอ๋สนุกมาก กระโดดทับกลิ้งๆไปมา วิ่งไล่จับ เล่นจ๊ะเอ๋ หัวเราะคิ๊กๆคั๊กๆ ขำน้าเอ๋ คงคิดว่าน้าเอ๋เป็นตุ๊าตาหมีพูดได้ คือเด็กจิ๋วเล่นกับน้าเอ๋จะปะป๊ากับคุณแม่งงอ่ะ ไม่เคยเห็นเด็กจิ๋วเล่นกับใครแบบนี้ กับอี๊ๆก็ไม่เป็น หรือแม้แต่กับอาเฮียอาเจ๊ก็ไม่เป็น เล่นไปเล่นมา เด็กจิ๋วบอกกับน้าเอ๋ว่า "เราเป็นเพื่อนกัน" ...น้าเอ๋งงเลย ได้เด็กตัวจิ๋วเป็นเพื่อน

ตอน เย็น หลังจากเด็กจิ๋วตื่นนอนแล้ว เราพากันมาเดินเล่นที่สระว่ายน้ำ อยู่ติดกับแม่น้ำกก บรรยากาศใช้ได้ บริเวณรอบสระว่ายน้ำก็ทำดี แต่เราว่ายน้ำกันไม่ไหวนะ น้ำเย็นมาก เด็กจิ๋วได้แต่ยืนกวักน้ำในสระเล่นนิดหน่อย

อาหารค่ำ เราออกไปหากินกันข้างนอก ร้าน ..........................เป็นร้านดัง คนเยอะมาก รอคิวนาน แปลกใจจัง เพราะอาหารไม่อร่อยเลย ร้านมื้อกลางวันอร่อยกว่ามาก ตอนนี้เด็กจิ๋วติดน้าเอ๋แบบไม่เอาปะป๊ากับคุณแม่แล้ว จะหาแต่น้าเอ๋ตลอดเวลา น้าเอ๋ได้สนิทกับเด็กจิ๋วสมใจแล้วนะ

ตอนเช้า พาเด็กจิ๋วไปเล่นที่ Kids Club ระหว่างรอปะป๊าถ่ายรูปริมสระน้ำ เด็กจิ๋วนั่งเล่นชิงช้าตกลงมาด้วย แต่ไม่เจ็บมาก

อาหาร เช้าที่นี่ก็ใช้ได้ มีของแปลกๆให้กินเยอะดี นูเตลล่าสเปรด ซาลาเปาไส้ครีม น้ำผลไม้ปั่น เค้ก เป็นต้น เราเลือกนั่งโต๊ะตรงระเบียงนอกห้องแอร์ ให้ห่างไกลจากผู้คนหน่อย กลัวเด็กจิ๋วจะก่อเรื่อง รู้สึกว่าเราใช้ทรัพยากรของเค้าเยอะมาก โต๊ะสองตัว จานช้อนซ้อม กระดาษทิชชู่ ผ้าเช็ดปาก เพราะเด็กจิ๋วกินๆเล่นๆทำเละมาก ปีนขึ้นโต๊ะนั้น ลงมาต่อโต๊ะนี้ เทน้ำกระจาย ฉีกกระดาษเล่น เอาผ้าเช็ดปากมาทำผ้าห่ม เขวี้ยงช้อนส้อม คือเละทั้งบนโต๊ะ เก้าอี้ เบาะนั่ง พื้น ตอนเราลุกออกมา ปะป๊าเห็นพี่ๆเค้าต้องมาช่วยกันเก็บโต๊ะเด็กจิ๋วถึงสี่คน พี่ๆเค้าคงจะเม้าส์ลับหลังว่าเจอเด็กนรกมาก่อเหตุเป็นแน่ นอกจากละเลงจนเละแล้ว ยังวิ่งเล่นไปมา วิ่งไปไกลๆ เราต้องผลัดกันวิ่งตามจนเหนื่อย คุณแม่ไปเจอฝรั่งคนหนึ่ง ทักทายกัน Morning เด็กจิ๋วก็พูด Morning กับคุณป้าฝรั่งด้วย หัวไวมาก ไม่เคยสอน ไม่ต้องสอน เห็นคุณแม่พูด ก็พูดตามทันที คุณป้าถามว่าเด็กจิ๋วอายุเท่าไหร่ คุณแม่ตอบว่า Two เด็กจิ๋วก็ตะโกนตามว่า Two คุณป้าคงจะเข้าใจว่าเด็กจิ๋วพูดภาษาอังกฤษได้ สื่อสารกันรู้เรื่องเลย เวลาเด็กจิ๋วพูดภาษาอังกฤษ จะฟังดูเหมือนออกแอ็คเซ็นต์ด้วยนะ สงสัยดูบาร์นีมา ขนาดเวลาพูดภาษาไทยเอง บางคนยังบอกเลยว่าสำเนียงมันแปลกๆเหมือนสำเนียงฝรั่ง

ตอนนี้ไม่แน่ใจ ว่าน้าเอ๋เริ่มเข็ดขยาดกับเพื่อนใหม่แล้วหรือเปล่า อยากสนิทกันนัก ตอนนี้สนิทเกิน หลังกินข้าวน้าเอ๋ต้องขอตัวปลีกวิเวกไปนั่งทำงานที่ห้องสมุดคนเดียว คือถ้าอยู่กับเด็กจิ๋วก็จะไม่มีเวลาทำอะไรเลย เพราะต้องเล่นกันตลอดเวลา เรียกว่าไม่มีเวลาหยุดพักอ่ะ

ตอนบ่ายเราไปแม่สายกัน เด็กจิ๋วได้ไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก ทำเรื่องเอกสารที่อำเภอฯไม่นาน เด็กจิ๋วไม่ต้องลงไปทำเองด้วย ให้คุณแม่จัดการได้ นับว่าเป็นโชคของพวกเราที่เด็กจิ๋วหลับ คุณแม่เลยจับใส่เป้อุ้มเดินช็อปที่แม่สายได้สบายหน่อย แต่ก็ได้แค่พักหนึ่ง พอเด็กจิ๋วตื่นเท่านั้นแหล่ะ ก่อเหตุทันที ไม่รู้จะเอาอะไร อุ้มก็ไม่เอา ปล่อยเดินก็ไม่เอา ยิ่งเพิ่งตื่นนอนจะยิ่งงอแงอย่างเนี้ยะแหล่ะ คราวนี้ไปก่อเหตุอาละวาดถึงพม่ากันเลยทีเดียว กลางตลาดแม่สาย ต้องรีบเผ่นกันกลับมาแทบไม่ทัน คุณแม่ยังดูของไม่เสร็จเลย

ตอนคุณ แม่ไปเลือกซื้อนาฬิกาปลอมเอามาฝากอากง เด็กจิ๋วก็ร้องอยากใส่นาฬิกาบ้าง เลยต้องซื้อให้เรือนหนึ่ง ๑๒๐ บาท เป็นแบบฟาดไปกับแขนแล้วมันจะม้วนเป็นกำไล ลาย Angry Bird อันนี้ก็น่ารักกันไป แต่ที่ฮามากเลย คือเดินไปเจอร้านขายปืน ปืนนะ เด็กจิ๋วร้องจะเอาปืนเฉยเลย อะไรกันนี่ ไปเห็นมาจากไหน เราไม่น่าจะเคยเปิดหนังที่มีปีนยิงกันให้ดูเลยนะ แล้วปีนที่จะเอานี่เป็นแบบ M-16 มันเป็นของเล่นผู้ชาย เด็กจิ๋วจะเอาไปทำไม แต่เมื่อต้องการ ปะป๊าก็สนองให้ เจรจาต่อรองจาก M-16 เป็นปืนเล็กๆน่ารักหน่อย ยิงแล้วมีเสียงมีไฟออกแนวครึกโครมตามแบบฉบับบของเล่นจีน เล่นแป๊บเดียว ไฟไม่ติดซะแล้ว สมราคาจริง นาฬิกาที่คุณแม่ซื้อมาเรือนละร้อยก็เหมือนกัน ดึงปุ่มออกมาจะตั้งเวลา ปุ่มกระเด็นหลุดเจ๊งเหมือนกัน อันนี้ก็สมราคาอีก อี๊นุ้ยก็เพิ่งมาซื้อนาฬิกาที่นี่ไปไม่กี่อาทิตย์ที่แล้ว อันนั้นใช้วันเดียวเข็มหลุดกระเด็นอีกเหมือนกัน

คืนนี้เราย้ายมาพัก ที่รีสอร์ทปางสาภี อยู่ทางขึ้นดอยตุง เป็นแบบถูกๆคืนละพัน กะว่านอนอย่างเดียวไม่เน้นบรรยากาศ ไปถึงที่พักก็มืดแล้ว เก็บของเสร็จก็พาเด็กจิ๋วลงมานั่งกินข้าวที่ห้องอาหารของรีสอร์ท มื้อนี้เด็กจิ๋วได้กินแค็ปหมูอีกแล้ว กับมักโรนีรสชาติไม่ค่อยอร่อย ตอนนี้น้าเอ๋เริ่มชัดเจนแล้ว ขออยู่บนห้องพักตอนที่เด็กจิ๋วลงมากินข้าว แล้วพอเด็กจิ๋วกลับขึ้นห้อง ก็ขอแว็ปลงมาที่ห้องอาหารแทน ประมาณว่าขอเวลาอยู่สงบๆบ้าง ไม่งั้นเจอเด็กจิ๋วกระโดดใส่ตลอดเวลา

ตอน เช้ากะว่าจะออกกัน ๗ โมง รีบขึ้นไปดอยตุง แต่ผิดแผนเพราะเด็กจิ๋วอ้วก คือระหว่างที่ปะป๊ากำลังจัดกระเป๋าขึ้นรถ ก็ปล่อยเด็กจิ๋วปีนเบาะรถเล่นไป แป๊บเดียวเอง เด็กจิ๋วอ้วกใส่เปาะรถซะแล้ว อ้วกท่าไหนก็ไม่เห็น คุณแม่ต้องเสียเวลาทำความสะอาดอยู่นาน คือถึงแม้จะเป็นเบาะหนัง แต่เป็นหนังที่เจาะรูพรุน อ้วกเด็กจิ๋วไปติดอยู่ตามรูเต็มไปหมด คุณแม่ไปขอเข็มมาเขี่ยออกก็ยังไม่หมด กลับมากรุงเทพฯปะป๊าต้องรีบไปซักเบาะด่วนเลย

จากที่พักขับรถขึ้นดอย มาประมาณ ๒๐ โล เรามาถึงเป็นคนแรกๆเลย ที่จอดรถก็โล่งแบบไม่เคยเจอมาก่อน คือครั้งก่อนที่เคยมาตอนเด็กจิ๋วยังไม่เกิด ที่จอดรถเต็มแน่นเอี้ยดทั้งเขา ต้องจอดกันตามไหล่ทางตอนนั้นมาแบบวันหยุดปีใหม่เลยไง ข้างในสวนก็คนแน่นราวกับจตุจักร มีเจ้าหน้าที่คอยเป่านกหวีด ปิ๊ดปิ๊ด เวลาที่มีคนโดนเบียดตกเข้าไปในสนามหญ้า

ครั้งนี้ทำไมรู้สึกว่าดอยตุง สวยกว่าที่คิด คือเค้าจัดใหม่หรือเมื่อก่อนเราเดินไม่ทั่ว หรือคนเยอะเลยมองไม่เห็น แต่วันนี้คนน้อยๆ เดินเล่นกันชิวมาก ไปนั่งกินช็อกโกแล็ตปั่นกับคุ้กกี้ที่ร้านกาแฟดอยตุงข้างในด้วย เด็กจิ๋วแย่งปะป๊ากินคุ้กกิ้ไปตั้งเยอะ บรรยากาศดี เด็กจิ๋วก็ลั้นลามาก แต่ไม่ให้ความร่วมมือในการถ่ายรูปเลยนะ เน้นวิ่งเล่นอย่างเดียว ตรงช่วงเนินเขาอ่ะ เด็กจิ๋วทำแสบมาก คือวิ่งเล่นลงเขาไป คุณแม่ก็วิ่งตามไปจับ แต่พอขากลับขึ้นเนิน ดันไม่ยอมเดิน ให้คุณแม่อุ้ม วิ่งขึ้นวิ่งลงสนุกล่ะ

ที่จริงเราก็กะว่าน้าเอ๋มาด้วย จะหวังพื่งให้เลี้ยงเด็กจิ๋วบ้าง แต่ไม่ได้ผลนะ คือเด็กจิ๋วเล่นกับน้าเอ๋เหมือนเป็นเพื่อนเล่นหรือของเล่นอะไรซะอย่าง แต่พอจะฝากให้อยู่กับน้าเอ๋ลำพัง หรือให้น้าเอ๋พาเดิน เด็กจิ๋วไม่ยอมอ่ะ เหมือนยังไม่ไว้ใจ แปลกมาก ไม่เหมือนอี๊ๆ คือเวลาที่ติดอี๊ๆทั้งหลาย จะไม่เล่นคิ๊กคั๊กแบบน้าเอ๋เลย แต่จะให้อุ้มให้พาไปเที่ยว ให้พาไปไกลๆจากปะป๊าคุณแม่

จากดอยตุง เราแวะกินข้าวกลางวันแถวสามเหลี่ยมทองคำ จำได้ว่าเมื่อก่อนมีตลาดที่ขายผลไม้เยอะๆ แต่วันนี้ไป ทำไมมันล้างมาก ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีร้านค้า เลยไม่ได้ซื้อผลไม้อย่างที่ตั้งใจไว้ สวนร้านอาหารกลางวันร้านนี้ อาหารไม่ค่อยอร่อยเลย

ที่พักสุดท้ายของ เราคือไร่แสงอรุณ คุณแม่หมายมั่นกับที่นี่มาก เคยเห็นรีวิวแล้วสวยมาก แต่ต้องผิดหวังอย่างแรง อากาศก็ไม่หนาว คุณพี่เจ้าของรีสอร์ทบอกว่าผิดปกติมาก อุณหภูมิเท่านี้มันเดือนมีนาคมแล้ว มกราคามต้องหนาวกว่านี้มาก พออากาศไม่หนาวเลยทำให้ตอนเช้าที่แม่น้ำโขงไม่มีหมอกอีก แล้วฟ้าก็ปิดไม่เห็นแสงพระอาทิตย์เลย

ห้องพักเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ค่อนข้างจะแคบ เตียงเล็ก ไม่สามารถนอนกันสามพ่อแม่ลูกได้ ปะป๊าต้องไปยกฟูกที่ระเบียงมาปูนอน คือมีน้าเอ๋ปูนอนอีก กลายเป็นนอนกันแน่นเต็มห้อง ที่ระเบียงบรรยากาศดีเหมือนกัน ไม่หนาวแต่ก็เย็นๆ แต่น่ากลัวตรงที่ระเบียงเป็นไม้ตีโล่งๆ ถ้าเผลอๆ เด็กจิ๋วหล่นตกเหวได้ง่ายๆเลย ส่วนของห้องน้ำดีใช้ได้ ดูสะอาดสะอ้าน น้ำแรง สายฉีดโกลเฮ้ แต่มีปัญหาตรงที่มันเป็น Outdoor คุณแม่ต้องอาบน้ำตอนกลางคืน อากาศหนาวก็เรื่องหนึ่งนะ แต่กลัวพะวงกับผีหลอกอีก

ที่นี่มีไร่สตรอ เบอร์รี่ด้วย เหมือนจะมีคนเคยมาแล้วมาเก็บสตรอเบอร์รี่ได้ แต่ตอนที่เราไป เค้าเพิ่งเก็บไปหมดแล้ว เหลือคาต้นแต่ลูกเขียวๆเล็กๆ แล้วยังมีแปลงผักชนิดต่างๆ ที่ปลูกไว้สำหรับมาทำอาหารในรีสอร์ท

เรากินข้าวเช้า เดินเล่นนิดหน่อย แล้วก็กลับกรุงเทพกันเลย



























































































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น