วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

@Jim Thompson Farm / Dasada Gallery

สวัสดีค่ะ วันนี้เด็กจิ๋วมาเป็นมินิรีวิวสั้นๆนะคะ เป็น one day trip ที่ไปเที่ยวกับครอบครัวปะป๊าที่โคราชเมื่อวันคริสต์มาสปีที่แล้วค่ะ เราไปเที่ยวกันสองที่ สองจังหวัดคือ Jim Thompson Farm ที่ปักธงชัย โคราช และ Dasada Gallery ที่ปราจีนบุรีค่ะ คราวนี้ไปกันหลายคนมากค่ะ ผู้ใหญ่ 8 เด็ก 5 เป็นทริปสั้นๆ ที่สนุกสนานมากค่ะ ตามไปดูกันนะคะ เผื่อว่าจะเป็นอีกทางเลือกในการท่องเที่ยวฤดูหนาวที่ใกล้จะมาถึงค่ะ
เราออกจากกรุงเทพกันแต่เช้าตรู่มาก แวะทานข้าวเช้ากันที่ปั๊มน้ำมันแถวๆปากช่อง
พอลงจากรถก็ต้องตกใจมาก เพราะลมแรงและหนาวมากกก 
ผู้ใหญ่แทบไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวไปกันเลย เพราะที่กรุงเทพก็ไม่หนาวเลย แม่ใส่ขาสั้นอีกต่างหาก
โชคดีที่เตรียมเสื้อกันหนาวเด็กจิ๋วไปเผื่อ เพราะเช้าวันนั้นหนาวจริงๆ
เรามาถึง Jim Thompson Farm ราวๆ 9 โมงเช้า 
ตอนแรกคิดว่ามาเช้าแล้ว น่าจะไม่ค่อยมีคน ที่ไหนได้ ลานจอดรถแน่นแล้ว คนที่ทางเข้าเยอะมาก 
เนื่องจากเด็กจิ๋วเป็นน้องเล็กสุดของบ้าน พี่ๆก็จะมาคอยช่วยดูแลเป็นพิเศษ 
 Jim Thomson Farm จะเปิดให้เข้าชมได้แค่ปีละครั้งนะคะ 
ปีที่ผ่านมาเปิดวันที่ 17 ธ.ค. 2554 ถึง 8 มกราคม 2555
ค่าเข้าชมจำได้เลาๆ ว่าคนละ 100 บาท
ดิ้นๆ ไม่ยอมถ่ายรูกกับอากงอาม่า
พอเข้าไปแล้วเราก็ต้องไปนั่งรถราง ความประทับใจแรกคือรถวิ่งผ่านทุ่งปอเทืองดอกสีเหลืองสวยมากค่ะ
(ปะป๊าไม่มีรูปมาให้ดูกันนะคะ ไม่ได้ถ่ายค่ะ)
รถจะแวะทั้งหมด 4 จุด จุดแรกคือลานฟักทอง ทุ่งคอสมอส และทุ่งทานตะวัน
พวกเราชอบจุดแรกนี้มากที่สุดค่ะ แล้วก็ใช้เวลากับจุดนี้นานสุดค่ะ
เด็กจิ๋วชอบฟักทองมาก เคยเห็นแต่ใน Barney ตอน Halloween การ์ตูนเรื่องโปรด 
ในเรื่องเค้าไปเก็บฟักทองกัน เด็กจิ๋วดูร่วมร้อยรอบแล้วมั้ง เลยชอบฟักทองมาก
วันนี้เห็นตัวจริง ดีใจ อุ้มเล่นใหญ่เลย
 วิ่งอุ้มฟักทองลูกนั้นลูกนี้ให้วุ่นไปหมดค่ะ อยู่กับฟักทองนานเลยค่ะ
ข้างหลังเด็กจิ๋วเป็นทุ่งคอสมอสค่ะ สีสวยมาก แม่อยากไปดูใกล้ๆแล้ว แต่เด็กยังไม่อยากจากฟักทองไป
อุ้มเล่นไปมา ก็เลยอยากชิมดูสิ อร่อยมั้ย 
ได้ลองชิมอันนี้ที่ตลาด Jim Thompson (จุดแวะสุดท้าย) ด้วยค่ะ สีสวยดี รสชาตเป็นไง จำไม่ได้ 
ที่ตลาดจะเห็นว่ามีฟักทองหลายพันธุ์ แต่ที่เอามาโชว์จะมีแบบเดียว เป็นเพราะพันธุ์นี้สีสวย หน้าตาดีสุด 
ในที่สุด แม่ก็หลอกล่อเด็กจิ๋วมาชมดอกไม้ได้สำเร็จ
ทุ่งคอสมอสสีสวยน่ารักจริงๆ
ใส่เสื้อ theme สี เดียวกับดอกไม้เลย
มาถึงจุดนี้เด็กๆไม่ค่อยปลื้ม แต่ผูใหญ่ชอบมาก เด็กๆชอบลานฟักทองกันมากกว่า
เด็กเลยพากันเข้าไปเล่นนักเรียนคุณครูกันอยู่ในศาลา 
(ที่เป็นไม้สานๆรูปแจกันยักษ์ในภาพนั่นแหละค่ะ เป็นเหมือนศาลาหลบแดดของเด็กๆ)
ลองไปดูใน google เค้าเรียกแบบนี้ว่า ดาวกระจายสี
สีหวานมากๆ
ถัดจากทุ่งคอสมอส เป็นทุ่งทานตะวันสีสันสดใส


ย้ายมาดูทุ่งทานตะวันกันบ้าง
ปะป๊าพยายามให้เด็กจิ๋วยิ้มยิ้ม ถ่ายกับดอกไม้ 
แต่ได้มาแค่นี้ เพราะรมบ่จอย อยากเล่นฟักทองมากกว่า
ทานตะวันที่นี่ดอกไม่ใหญ่เหมือนแถววังม่วงลพบุรี
แต่ดูรวมๆแล้วก็สวยเหมือนกัน ทุ่งอาจไม่ใหญ่เท่าที่ลพบุรี แต่ก็ไม่เล็ก
เดินถ่ายมุมโน้นมุมนี้ มีเมื่อยเหมือนกัน
มาที่นี่ไม่ผิดหวังเลย มีทั้งทุ่งคอสมอส ทุ่งทานตะวัน สวย สีสันสดใสจริงๆ
มาถึงตรงนี้แดดแรงมาก แม่กับเด็กจิ๋วและคนอื่นๆ ไปนั่งหลบแดดกินไอติมกันแล้ว
ให้ปะป๊าตากแดดถ่ายรูปไปคนเดียว

ชมทุ่งทานตะวันเป็นเพื่อนปะป๊านะคะ

ใกล้เที่ยงแล้ว ร้อนได้ที่ ได้เวลาบ้ายบายทุ่งดอกไม้แล้วค่ะ
จุดที่สองเรียกว่าฟาร์มหม่อนไหม และหมู่บ้านอีสาน
ลงรถมาก็เจออันนี้ห้อยๆอยู่ทางเข้าเลย ไม่รู้ว่าหมายความว่ายังไงค่ะ
จุดนี้ก็เป็นที่สนใจของเด็กๆมาก เพราะมีของเล่นเด็กแบบภูมิปัญญาไทยเอาไว้ให้ทดลองเล่นกัน
มีหลายชิ้นที่แม่เองก็ยังไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร เช่นไม้ที่ต่อขายาวๆ ขึ้นเยียบแล้วเดินไปมา 
เด็กจิ๋วมาติดอยู่ตรงนี้ เพราะมีม้าหมุนให้เล่น
เล่นไม่เลิกอ่ะ ไม่รู้ว่าชอบเพราะหมุนเพลินๆง่วงๆหรืออย่างไร
เดินไปดูเค้าสาธิตการทำเส้นไหมดีกว่า
เค้ามีสาธิตให้ดูตั้งแต่การเลี้ยงหนอนไหมด้วยใบหม่อน จนถึงการต้มเพื่อเอาเส้นไหม ย้อมสี และทอผ้า
รังไหมที่ได้ที่แล้วจะถูกเอาไปต้ม สาวไหมออกจากรัง
จากที่รู้ๆมาคือต้มทั้งๆที่มีดักแด้ที่มีชีวิตอยู่ในนั้น..
พาเด็กจิ๋วมาดูขั้นตอนต่างๆเหล่านี้ ทำท่าไม่อยากดู คงไม่เข้าใจ
แต่พี่ๆที่โตกว่าชอบกันมาก โดยเฉพาะขั้นตอนการเลี้ยงหนอนไหม
สนใจไหมสีๆ ที่ห้อยๆอยู่มากกว่า
มีการสาธิตทอผ้าไหม amazing มาก ดูทำยากมาก มิน่าถึงได้แพง
ดูด้ายที่ร้อย เยอะแยะมากมาย การทำลายขึ้นมาไม่ใช่ง่ายๆเลย
อย่างละเอียดอ่ะ
ป้าที่ทำให้ดู ก็มีอายุแล้ว เก่งจริงๆเลยค่ะ เห็นแกทำให้ดู กว่าจะเสร็จแถวนึง ไม่ธรรมดานะคะ
จุดนี้เองที่ทุกคนมัวแต่เพลินดูเค้าทอผ้า เด็กจิ๋ววิ่งหายไปไหนไม่รู้ แม่หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม
ดีที่มีคุณป้าคนนึงเห็นว่าเด็กจิ๋ววิ่งไปตรงไหน จึงบอกแม่ ต่อไปแม่ให้คลาดสายตาเด็ดขาด
จอมซน
จุดสุดท้ายที่เราแวะคือตลาด Jim Thompson (ไม่มีรูปนะคะ)
พอมาถึงจุดนี้ดูเวลาแล้วกลัวว่าจะไปไม่ทันเข้าชมดอกไม้ที่ดาษดา เราเลยเดินตลาด Jim Thompson กันแบบเร่งรีบมาก 
ตลาดนี้จะมีขายผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากผลผลิตของฟาร์ม มีฟักทองพันธุ์ต่างๆให้ชิมด้วย
แล้วก็มีขายผลิตภัณฑ์จากไหมเหมือนในร้าน Jim Thompson ทั่วๆไป
ความจริงอยากค่อยๆเดินดู ซื้อโน่น ชิมนี่ มาก แต่ทำไม่ได้ เสียดายจริงๆ ปีหน้าไปใหม่ ไม่พลาดแน่ค่ะ
ระยะทางจาก Jim Thompson Farm ไป Dasada Gallery ก็ไม่ใช่ใกล้ๆ เราแวะกินข้าวกลางวันเอาบ่ายมากแล้ว 
กว่าจะไปถึง Dasada เค้าก็เกือบจะปิดแล้ว พระอาทิตย์ตกดินพอดี
เจ้าหน้าที่ใจดีบอกว่ายังเปิดให้เข้าชมได้ เพราะอุตสาห์มาแล้ว
พวกเราอยู่กันเป็นคณะสุดท้ายเลย
ตอนที่เราไปเป็น theme คริสต์มาสปีใหม่ ทางเข้าเจอ Christmas Wreath สวยๆ ก่อนเลย
ชอบมากเลยสีนี้ ขาวเขียว สวยจัง

กล้วยไม้ฟาแลนที่นี่สวยมาก มีเยอะ หลายพันธุ์
อันนี้ก็สวย
เยอะๆ ที่สำคัญคือ ไม่มีเหี่ยวเลย สดตึงทุกดอก
มีมุมน่ารักๆให้ถ่ายภาพหลายมุม
เจอ snowman ยักษ์
เด็กๆถ่ายกับเลื่อนของซานต้า
เยียบีร่าสีสวยๆก็เยอะเลยทีเดียว
ตอนที่เราไป ต้องเสียค่าเข้าชมด้วย จำได้ว่าคนละ 200 และเค้าจะเปิดให้ชมเป็นช่วงๆ เฉพาะเทศกาล เช่น วันแม่ ปีใหม่ สงกรานต์
แต่สองเดือนก่อนไปงานท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ Dasada บอกว่าเปิดให้ชมทุกวันแล้ว 
และไม่เสียค่าเข้า แต่ถ้าช่วงเทศกาล จัดดอกไม้เป็น theme ต่างๆ ก็จะมีค่าเข้าชม
เมื่อกี้ลองเข้าไปดูข้อมูลใน facebook เค้า เห็นบอกว่าตั้งแต่เดือนนี้ จะเก็บค่าเข้า 50 บาทแล้วค่ะ
รถเข็นนี่จริงๆเป็นของอาม่า ทาง Dasada Gallery มีไว้บริการผู้สูงอายุ
ตอนนี้อาม่าลุกไปห้องน้ำ เด็กจิ๋วเลยมานั่งให้แม่เข็นเล่น สนุกเค้าหละ
ตอนเราจะกลับเห็นเจ้าหน้าที่เอาดอกไม้มาซ่อม
น้องเค้าบอกว่าต้องทำทุกวัน ดอกไหนเริ่มเหี่ยวก็เอาออก เอาดอกใหม่เสียบแทน 
จะได้สวยสดใหม่เสมอ
มินิรีวิวสั้นๆ จบแล้วค่ะ
เด็กจิ๋วบ้าย บายไปก่อนนะคะ 
ทริปหน้าจะพาไปทะเลอีกแล้วค่ะ ทะเลสวยๆที่เกาะมันนอก แล้วเจอกันนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น