วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2554

@Veranda Chiangmai

ทริปนี้แม่กับปะป๊าตั้งใจจะพาเด็กจิ๋วไปดูซากุระกันที่เชียงใหม่ ก่อนไปแม่ก็เช็คอากาศ เช็คแล้วเช็คอีกเลื่อนไปเลื่อนมา เนื่องจากอากาศหนาวเมื่อตอนต้นปีมันแปรปรวนมาก เลื่อนจนไม่สามารถเลื่อนได้แล้ว ในที่สุดซากุระก็ยังไม่ยอมบานช่วงที่เราไป น่าเสียดายจัง 
ตรงข้ามกับเมื่อหลายปีก่อน แม่พาอากงอาม่าไปงานราชพฤกษ์แล้วก็เลยไปอินทนนท์ แวะไปขุนวาง ไม่ได้คาดหวังอะไร ปรากฎว่าซากุระกำลังบานสวยทีเดียว คราวนี้เราตั้งใจกันมาก เลยไม่ได้ดูซะงั้น
ไม่เป็นไร ยังไงเด็กจิ๋วก็มีที่พาไปเที่ยวจนได้แหละค่ะ ตามมานะคะ
เราออกจากกรุงเทพกันตอนสองทุ่ม ไปถึงตีนดอยอินทนนท์ยังไม่ตีสี่เลย เจ้าหน้าที่บอกว่ายังขึ้นไม่ได้ ด่านจะเปิดตอนตีสี่ครึ่ง พวกเราเลยจอดรถนอน(หลับ)รอที่ด่าน 
พอด่านเปิด เสียเงินค่าเข้าอุทยานฯเรียบร้อย ก็ขับรถขึ้นมารอดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ปากทางเดินเข้ากิ่วแม่ปาน แม่กับปะป๊ามาดอยอินทนนท์ก็หลายครั้งแล้ว ยังไม่เคยมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้ซักที
อากาศหนาวมากกกก มีร้านขายอาหารอยู่ 2-3 ร้าน อากาศแบบยี้น่าหาอะไรอุ่นๆดื่ม แต่แม่ไม่ได้ลงรถเลย เพราะเด็กจิ๋วไม่ยอมตื่น นั่งกอดกันอยู่บนรถนี่แหละ
ไข่ปิ้งร้อนๆ
แสงเริ่มมาละ
ไม่ยักรู้ว่าวิวพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้สวยจริงๆ มีทะเลหมอกด้วย
พระอาทิตย์เริ่มโผล่มาละ
ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ก็เป็นอะไรที่ไม่ได้คาดหวัง แต่กลับสวย และชอบมาก
ทะเลหมอกที่นี่สวยแปลกตาดี มันเหมือนทะเลจริงๆ
หมอกจะหนาๆ เป็นเหมือนคลื่นในทะเล
มุมกว้างๆบ้าง
พระอาทิตย์เริ่มขึ้นมาสูงละ เด็กจิ๋วก็ตื่นแล้ว
เราขยับรถจากลานตรงหน้าทางเข้ากิ่วแม่ปานมานิดนึง มาจอดถ่ายรูปตรงลานจอดเฮลิคอปเตอร์
อันนี้รถเด็กจิ๋วเองค่ะ ทะเบียนเป็นวันเกิดเด็กจิ๋วด้วยนะคะ 29 ธันวาค่ะ
ยอดพระธาตุมองจากลานจอดเฮลิคอปเตอร์
เสร็จแล้วเราก็ย้ายมาจอดรถที่ตรงพระธาตุ แดดเริ่มแรงแล้ว แต่ยังหนาวอยู่
อันนี้เป็นดอกไม้สำหรับบูชาพระธาตุ
เด็กจิ๋วหนาว แก้มเย็นเจี๊ยบเลย
แม่ก็หนาว กอดเด็กจิ๋วแล้วอุ้นอุ่น
กะหล่ำประดับ ของคู่สวนเมืองเหนือ


น้ำค้างยอดหญ้า เสียดายไม่ได้เดินมาดูตอนแดดยังไม่ออกว่ามีแม่คนิ้งมั้ย


ถ่ายกับดอกไม้หน่อยนะ
ขึ้นมาบนบริเวณพระธาตุ 
อันนี้ก็เป็นงงมากๆ เพราะเราไม่ต้องเดินขึ้นบันไดให้เมื่อยอีกต่อไป ก็มันมีบันไดเลื่อนขึ้นด้วย (แต่ไม่มีเลื่อนลง)
เริ่มสายแล้ว หมอกก็ยังเยอะอยู่
ความจริงถ้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นตรงพระธาตุก็คงสวยเหมือนกัน
เริ่มสาย แดดเริ่มแรงมาก แต่ก็ยังหนาวอยู่ และหมอกก็ยังไม่จาง
พาเด็กจิ๋วเดินดูดอกไม้รอบๆพระธาตุ
อันนี้ไม่รู้ใช่ดอกฝิ่นรึเปล่าค่ะ
ออกจากพระธาตุ เราก็มุ่งหน้าไปเกษตรหลวงขุนวาง เพื่อตามหาซากุระ
แต่ซากุระก็ยังไม่ยอมบานให้เห็นเลย คือแค่ตูมๆ ยังไม่แย้มกลีบเลย
ระหว่างทางไปขุนวาง เห็นมีบานสะพรั่ง 1 ต้น มีนักท่องเที่ยวลงไปถ่ายรูปกันใหญ่
เราก็ยังคุยกันว่าทำไมมาถ่ายตรงนี้ ทำไมไม่ไปถ่ายตรง highlight ที่ปลูกเป็นแถวๆ
พอเราเข้าไปถึง ก็เข้าใจว่าทำไม.. เพราะต้นนั้นมันบานมากสุดบนดอยแล้วมั้ง เศร้า...

กว่าจะกลับลงมาจากดอยอินทนนท์ก็เที่ยง เราแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านเก้าไม้ 
ชื่อคล้ายๆเก๊าไม้ ล้านนา แต่ไม่ใช่นะคะ คนละอัน
อิ่มแล้วก็รีบมุ่งหน้าไป Veranda ทันที แม่อยากจะไปถึงเร็วๆแย่แล้ว 
เพราะที่นี่ก็เป็นหนึ่งในที่ที่อยากจะไปมากๆ เนื่องจากได้ดูรีวิวของเพื่อนๆใน BP แล้วก็จดไว้ใน list ทันที
คราวนี้เราไม่ได้จ่ายค่าที่พักเป็นเงิน แต่จ่ายเป็นคะแนนบัตรเครดิต หลายหมื่นคะแนนอยู่ เล่นเอาที่สะสมมานาน หายเกลี้ยงเลย
ชอบโซฟายักษ์ตรงลอบบี้มากค่ะ เด็กจิ๋วคลานเล่นใหญ่เลย
Welcome Drink มีหลอดเป็นก้านตะไคร้ เก๋มากค่ะ
เด็กจิ๋วชิมซะหน่อย แต่ไม่ค่อยสนน้ำ สนมะนาวที่ประดับมามากกว่า
ผลก็คือ...เปรี้ยวววว
ของประดับบนโซฟายักษ์ที่ล้อบบี้
อันนี้ก็เป็นของเล่นที่เด็กจิ๋วชื่นชอบมาก เพราะมันเหมือนเป็นลูกปัดเม็ดๆ หลากหลายขนาด
เด็กจิ๋วนั่งเล่นได้นานเลย ระหว่างรอปะป๊าถ่ายรูปรอบๆ
ห้องของเราเป็นแบบ Valley Deluxe เป็น type ถูกสุด (แค่นี้คะแนนบัตรเครดิตก็ไม่เหลือแล้วอ่ะ)
ห้องน้ำที่นี่จะเปมือนเป็นห้องเดียวกันกับห้องนอนเลย
แต่พอเราดึงประตูเลื่อนมากั้น ก็จะเป็นห้องน้ำเป็นสัดเป็นส่วน ออกแบบได้เก๋ดีค่ะ
อ่างอาบน้ำที่นี่เป็นหิน เคยอ่านรีวิวใน BP มีคนเคยบอกว่าจะเก็บอุณหภูมิ เลยทดลองเปิดไว้ ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังอุ่นอยู่จริงๆด้วยค่ะ
ห้องส้วมออกแนวหินๆ มืดๆ ทะมึนๆ หน่อย
อย่างที่บอกค่ะ ถ้าไม่ดึงประตูมากั้น จะเหมือนห้องน้ำกับห้องนอนอยู่ด้วยกัน
จะเห็นว่าเหมือนอ่างน้ำอยู่กลางห้อง ตอนปะป๊าเปิดน้ำลงอ่าง
ปรากฎว่าก๊อกมันโดนตั้งให้ออกที่ฝักบัวที่เสียบอยู่ ไม่ใช่ที่ก๊อกน้ำอ่าง
ทีนี้น้ำก็พุ่งมากลางห้อง เปียกหมดเลยค่ะ ดีนะที่ไม่เปียกเตียง
Daybed กว้าง นุ่มดี เด็กจิ๋วชอบ
สำรวจห้องเสร็จแล้ว เราก็ออกไปเดินถ่ายรูปรอบๆ
ตรงนี้เป็นทางเดินจากตึกที่เราพัก ไปไร่ชาด้านหลัง
ตรงนี้เป็นไร่ชาขนาดมินิของทางรีสอร์ท ส่วนบ้านไทยๆที่เห็นด้านหลัง เป็นร้านอาหาร บรรยากาศดีทีเดียว
จากร้านอาหาร วิวจะเป็นไร่ชา และตึกที่เราอยู่
จ๊ะเอ๋..!
ระเบียงของห้องพักชั้นสอง จะเป็นระเบียงแบบเชื่อมต่อถึงกัน บางคนว่ามันจะไม่ค่อยส่วนตัวเท่าไหร่
แต่เราว่าก็โอเค เราชอบเพราะมันมีสระน้ำเล็กๆอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่บอกว่าน้ำสะอาด ให้เด็กจิ๋วลงไปเล่นได้
ย้ายมานั่งเล่นที่สระน้ำส่วนกลางบ้าง
เด็กจิ๋วทำท่าโทรศัพท์ บอกว่า โหลๆ
ลั้นลามากๆ
ปีนป่ายโต๊ะโน้นโต๊ะนี้ใหญ่เลย
ย้ายมาถ่ายพระอาทิตย์ตกตรงส่วนสปาบ้าง
เสียดายฟ้าปิด เมฆมาก
ส่วนสปาของที่นี่น่าไปนั่งเล่นมาก แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าวันไหนฟ้าใส บ่ายๆแดดจะแรงจัดมาก
เดินมาผ่านสระว่ายน้ำอีกรอบก่อนออกไปทานข้าวเย็นข้างนอก
ความจริงอยากนั่งทานที่ร้านระเบียงชามาก เพราะบรรยากาศดี
แต่ดูเมนูแล้ว ไม่ชอบทั้งอาหารและราคาค่ะ (หุหุ)
แสงสีสวยที่ล้อบบี้
มุมนี้ก็สวย
หลังคาและโคมไฟอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เปิดไฟแล้วสวยกว่าตอนกลางวัน
เรากลับมานอนกันแต่หัวค่ำ เด็กจิ๋วง่วงตั้งแต่ที่ร้านอาหารแล้ว
ปะป๊าตื่นแต่เช้ามืดมาถ่ายรูป ขนาดบอกปะป๊าแล้วว่าที่นี่ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น
ปะป๊าก็ยังจะตื่นมาแต่มืด เลยมาเดินถ่ายห้องอาหารตั้งแต่ยังมืดๆแบบนี้
นั่งทานอาหารเช้าตรงนี้วิวดีมาก
ยังเช้ามืดอยู่ เดย์เบดยังคลุมผ้าอยู่เลย
ภายในห้องอาหารตกแต่งสีสันสดใสดีค่ะ
แขกที่มาพักส่วนใหญ่จะเลือกนั่งด้านนอกมากกว่า เพราะวิวดีกว่าค่ะ
สถานีไข่
ขนมปังต่างๆ
อีกมุม
ไลน์อาหารเช้ามีไม่มากค่ะ มีแค่นี้ กับสถานีไข่ด้านนอกเท่านั้น
โดยรวมแล้วอาหารเช้าที่นี่ก็ถือว่าธรรมดามาก ไม่มีอะไรเด่น 
แต่สิ่งที่เด่นคือการบริการที่ดี พนักงานน่ารัก ยิ้มแย้มทุกคนค่ะ
เดี๋ยวเด็กจิ๋วตื่นแล้ว จะมานั่งโต๊ะนี้นะคะ
ปะป๊าถ่ายรูปห้องอาหารตอนเช้ามืดเสร็จแล้ว แวะถ่ายไร่ชาหน่อย
แล้วก็มาปลุกแม่กับเด็กจิ๋วไปกินข้าวเช้ากัน

ตื่นแล้ว วันนี้ใส่เสื้อยีนส์ด้วย ตั้งแต่ซื้อมานานมากแล้ว เพิ่งมีโอกาสใส่
เอาหวีมาทำเป็นฮาโหลๆ
เล่นห้อยหัว สนุกสนานมาก
เห็นเด็กหลายคนชอบเล่นแบบนี้ มันน่าปวดหัวออกนะลูก
ชอบสระน้ำที่นี่มากๆค่ะ สวยจริงๆ หลงรักที่นี่ก็เพราะเห็นรูปสระนี้จากเพื่อนๆใน BP นี่แหละค่ะ
เสียดายไม่ได้มีโอกาสมาเล่นน้ำตรงนี้ กลัวเด็กจิ๋วหนาว
อาหารเช้าของแม่กับปะป๊า
อาหารเช้าของเด็กจิ๋ว ก็เหมือนเดิม เป็นอาหารบดแช่แข็งที่ปะป๊าทำ
อาหย่อย...

อิ่มแล้ว นั่งเล่นถ่ายรูปกันก่อนนะ
ชุดหนูเท่มั้ยคะ
สระน้ำอีกซักรูป อันนี้มุมมหาชน
สระใสน่าเล่นมากเลย
ก่อนเก็บของเช็คเอ้าท์ เราไปถ่ายรูปที่สปากันอีกหน่อย
ตอนนั้นเด็กจิ๋วยังเดินไม่ได้ ได้แต่คลาน
แต่ปัจจุบันนี้วิ่งแล้วค่ะ วิ่งตามกันเหนื่อยอ่ะค่ะ
ทางเข้า Veranda Spa จะอยู่ตึกเดียวกับห้องอาหาร และสระว่ายน้ำ
ออกจากสปามาเดินผ่าน Kid’s Club แวะเล่นซะหน่อย
ออกจาก Veranda เราก็มุ่งหน้าไปขุนช่างเคี่ยน จะไปดูซากุระนั่นแหละค่ะ
แต่ไปแค่จุดกางเต้นท์ดอยปุย อีกไม่กี่โลก็ถึงขุนช่างเคี่ยนแล้ว
แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าอย่าไปเลย ไม่มีบานหรอก ตรงนี้บานเยอะสุดแล้ว เศร้าเลย
บานประมาณนี้เองค่ะ
ตอนหลังได้มาดูรีวิวเพื่อนๆใน BP ถึงรู้ว่ามาบานเอาปลายมกราแล้ว บานช้ามากๆเลย
เราแวะบ้านแม้วดอยปุยด้วย ทีแรกก็ว่าจะไม่แวะ เพราะไปมาหลายหนแล้ว
แต่เด็กจิ๋วไม่เคยไป เลยแวะซะหน่อย
อากาศค่อนข้างเย็น
ยังมีดอกฝิ่นปลูกให้เห็นอยู่บ้าง
และแล้ว แม่ก็เจอเด็กแม้วหลงทางอยู่คนนึง
เอ..หน้าคุ้นๆ
เด็กจิ๋วนี่เอง แปลงร่างเป็นเด็กแม้ว แม่ว่าเหมือนมากๆเลย
ปะป๊าซื้อชุดแม้วให้เด็กจิ๋วใส่ถ่ายรูป ความจริงเราจะเดินลงอยู่แล้ว 
เจอร้านชุดแม้ว ซื้อให้จิ๋ว เลยต้องเดินขึ้นไปถ่ายรูปใหม่อีกรอบเลย
เด็กแม้ว @ดอยปุย
วันนี้เราย้ายมานอนในเมือง ที่ At Pingnakorn นิมมานซอย 12
เลือกที่นี่เพราะดูรีวิวจากคุณ TeeChoco น่ะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ที่พักดีมากๆ ราคาไม่แพง อาหารเช้าเลิศค่ะ
ทางเดินเข้าห้อง แต่งสวยงาม สะอาดมากๆ
บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม มีสวนเล็กๆ วันที่ไป มีฝรั่งมาปาร์ตี้กันด้วย
ตรงโถงหน้าลิฟท์แต่ละชั้นจะจัดไม่เหมือนกันนะคะ มีของแต่งเยอะมาก
ที่นี่ลิฟท์จะจอดระหว่างชั้นนะคะ คือยังไงออกจากลิฟท์ก็ต้องเดินบันได ไม่ขึ้นก็ลง
อันนี้เป็นชั้นที่เราอยู่ จำไม่ได้ว่าชั้นอะไร
ล้อบบี้
เราทานข้าวเย็นกันที่ร้านอาหารของโรงแรม แล้วก็นั่งสองแถวออกมาถนนคนเดินวัวลายกัน
เด็กจิ๋วนั่งสองแถวครั้งแรก ชอบมาก ปกตินั่งรถปะป๊าต้องนั่ง carseat ตลอด
แม่หวาดเสียวมาก เพราะเด็กจิ๋วลั้นลาเหลือเกิน ต้องกอดเอาไว้แน่นเลย
งานฝีมือที่ถนนวัวลาย
มีของที่ระลึกน่ารักๆ และงานฝีมือเยอะแยะ 
ถนนยาวกว่าที่คิด แม่ต้องอุ้มเด็กจิ๋วด้วย ขาลากเลยค่ะ
กลับมาที่ห้องแล้ว
ห้องที่เราพักเป็นแบบ One Bedroom Suite ซึ่งความจริงเราจองแบบห้องธรรมดาไป
แต่ทางโรงแรม Upgrade ให้ เพราะห้องที่เราจองมาไม่ว่างพอดี เราเลยโชคดีได้ห้องกว้างเลยค่ะ
ห้อง Suite จะมีห้องรับแขกแยกจากห้องนอนอีกที
ชอบห้องน้ำมากค่ะ สะอาดมากๆ สีขาวจั๊วะเลย
ห้องนอนก็สะอาดดีค่ะ หลับสบาย
อาหารเช้าที่นี่มีอาหารเมืองหลายอย่าง หมูปิ้งที่ตั้งใจมากินก็อร่อยดีค่ะ
พอเช็คเอ้าท์ออกจาก At Pingnakorn เราก็ไปดูดอกทิวลิปกันที่สนามกีฬา 700 ปีค่ะ
อันนี้ไปเพราะเห็นมีป้ายโฆษณาตามถนนในเชียงใหม่ ปรากฎว่าก็ไม่ผิดหวังนะคะ
ถึงแม้ดอกไม้บางส่วนจะเริ่มโรยแล้ว แต่ก็ยังมีสวยๆให้เห็นเยอะอยู่ค่ะ ที่สำคัญคือไม่เสียค่าเข้าด้วยค่ะ
ทิวลิปมีเยอะกว่าที่คิดค่ะ
ดอกค่อนข้างจะบานมากค่ะ คงเพราะอากาศร้อนจัด
แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกเราว่าเค้าคอยเปลี่ยนดอกไม้อยู่เรื่อยๆค่ะ
อันไหนเหี่ยวก็เก็บออก เอาอันใหม่มาแซม
บานๆก็สวยไปอีกแบบนะคะ
ความจริงก็สงสารดอกไม้พวกนี้นะคะ อากาศที่เชียงใหม่วันที่เราไป ร้อนมากกกก
สีแดงก็สวย
เด็กจิ๋วเข้าไปแป๊บเดียวก็หลับซะแล้ว
ลิลลี่ใหญ่มาก ใหญ่กว่าหัวเด็กจิ๋วอีกค่ะ
หมดแล้วค่ะ ขอบคุณที่ไปเที่ยวด้วยกันนะคะ
ทริปหน้าเด็กจิ๋วจะไปเที่ยวกับครอบครัวใหญ่ของปะป๊าที่เขาค้อค่ะ
บ้ายบายนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น