วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เด็กจิ๋ว@ภูเก็ต 2012

วันที่ 1
...วันนี้ทุกอย่างดูชุลมุนไปหมด ปะป๊าต้องรีบเคลียร์งาน คุณแม่ก็ยังไม่ได้จัดของ เดี๋ยวพอตอน
เย็นๆเราจะต้องรีบไปสนามบินแล้ว วันนี้จะพาเด็กจิ๋วไปภูเก็ต เป็นครั้งที่ 2 คราวที่แล้วขับรถไป
พักที่ศรีพันวา มีอี๊กบอี๊นุ้ยไปด้วย เด็กจิ๋วคงจำไม่ได้แล้วล่ะ ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว
...เราให้อี๊ตุ๋มขับรถไปส่งที่ดอนเมือง เดี๋ยวนี้ขึ้นเครื่องบินบ่อยแล้ว ไม่ค่อยกลัวเด็กจิ๋วอาละวาด
แล้ว ครั้งนี้ก็บินเป็นครั้งที่ 7 แล้วน่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เพิ่งนึกได้ว่า ครั้งนี้ถือว่าเป็นการมา
ฉลองครบรอบ 1 ปีขึ้นเครื่องบินครั้งแรก ตอนนั้นไปกระบี่ กรี๊ดเครื่องแตกมาแล้ว คราวนี้เจอตัว
แทน เป็นเด็กบ้านอื่นร้องดังลั่นก่อนเครื่องขึ้น เด็กจิ๋วปีนดูเค้าใหญ่ คงคิดในใจว่าทำไมต้องร้อง
ด้วยนะ ปะป๊าแอบได้ยินคนข้างหลังบ่นกันว่า เลือกที่นั่งได้ดีมากเลยนะเธอ น้ำเสียงประมาณ
ว่าประชด เพราะมานั่งเจอเด็กกรี๊ด ย้อนกลับไปตอนนั้น สงสัยจะมีคนด่าเด็กจิ๋วกันเยอะเลย รู้
สึกว่าจะร้องหนักกว่าน้องวันนี้มาก แล้วร้องไม่หยุดด้วย น้องคนนี้ร้องแป๊บเดียว พอได้นมเข้า
ปากไปก็หยุด ของเด็กจิ๋วตอนนั้น พอเครื่องลงจอด ทุกคนเดินผ่านมาแล้วก็ยิ้มให้ เหมือนกับว่า
อ๋อ เด็กคนนี้นี่เอง
...ตั้งแต่ตอนที่มาถึงสนามบินแล้ว เด็กจิ๋วก็ถามว่า “วันนี้เราบินโอเรียนไทยใช่ไม๊แม่ ที่เค้ามีแอร์
แจกน้ำกับแจกถั่วใช่ไม๊แม่”...ใช่จริงด้วย เก่งมาก พอได้ขึ้นเครื่อง ก็ไม่อยู่สุขแล้ว ปีนขึ้นยืนบน
เก้าอี้แล้วพูดดังๆ “เมื่อไหร่พี่แอร์จะมาแจกถั่ว น้องพริมจะกินถั่ว”...น่าอับอายนะ พอได้ถั่วแล้ว
ก็ให้แกะแล้วหยิบเข้าปากทีละเม็ด แต่ไม่เคี้ยวนะ ได้แต่อมๆแล้วคายออกมา คืออมเอาผงชูรส
อย่างเดียวเลย กินไปเกือบหมดห่อ แต่มาทำน้ำหกโดยไม่ตั้งใจซะก่อน เลยให้หยุดกิน  แล้วคว้า
แขนคุณแม่มากอด แป๊บเดียวก็หลับไปโดยง่าย ถือว่าวันนี้เป็นการบินที่ราบรื่นมากๆ กัปตันคง
ดีใจ พอตอนเครื่องจะลงจอด ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้บนเครื่องกันหลายคน สงสัยจะเจ็บหู ปะป๊า
ก็เจ็บมาก แต่เด็กจิ๋วโชคดี รู้สึกจะเหมือนคุณแม่ ไม่มีอาการปวดหูเวลาเครื่องลง
...มาถึงสนามบิน เราก็เดินหาป้ายชื่อเรา คือนัดรถมารับ คนรถน่าจะถือป้ายชื่อแสดงตน แต่ไม่
มีเลย คุณแม่ต้องโทรไปตาม ปรากฎว่าเหมือนมีการตุกติก ต้องให้รถคันอื่นมารับแทน ต้องรอ
ประมาณครึ่งชั่วโมง ค่ารถที่บริษัทนี้คิด 600 บาท คุณแม่จองไว้ตั้งนานแล้ว แต่พอมาถึงสนาม
บิน เห็นค่าแท็กซี่ที่สนามบิน 500 เอง ไม่ต้องรอด้วย เสร่อจริงๆ
...รถตู้มาส่งที่บลูมังกี้ เป็นตึกเล็กๆประมาณ 4 ชั้น ล็อบบี้ก็เล็กมาก คือเราจะนอนที่นี่กัน 2 คืน
ไม่เน้นหรู เน้นว่าอาศัยนอนอย่างเดียว เลยหาโรงแรมใหม่ๆถูกๆ ที่นี่คืนละ 1,000 บาทเอง เป็น
โรงแกรมใหม่ด้วย แล้วก็ตกแต่งมี design เก๋ไก๋ เพียงแต่จะเป็น minimalist เรียบง่าย ห้องโอเค
เลย มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบถ้วน ตู้เย็นก็เป็นแบบใบใหญ่ 2 ประตู มีระเบียงห้องให้ด้วย แต่ไม่
รู้เอาไว้ทำไม เพราะออกไปก็เจอกำแพงตึกข้างๆ ออกไปนั่งเล่นไม่ได้ ชมวิวไม่ได้ เพราะห้องเรา
อยู่ชั้น 1 เอาไว้ตากผ้าได้อย่างเดียว ของใช้อย่างอื่นก็ครบถ้วนดี แต่ไม่มีไดร็เป่าผมให้ มีติก็คือ
พื้นห้อง เป็นกระเบื้องลายไม้ เราเหยียบแล้วรู้สึกไม่ค่อยสะอาด แล้วอีกอย่างที่แย่มากคือหน้า
ต่างห้องน้ำเปิดไว้อ้าซ่า ยุงบินเข้ามาเต็มเลย ตบตายคามือไปสอง เหลืออีกหลายตัว โดนกันไป
หลายตุ่ม แล้วก็ห้องชำรุด ไฟเสีย ไม่ติดดวงหนึ่ง เรียกมาเปลี่ยนแต่ไม่มาบอกว่าขอเป็นพรุ่งนี้
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปลี่ยนให้อยู่ดี
...ที่โรงแรมนี้ไม่มีอาหารเช้าให้ แต่จะมีตู้ CP มีอาหารแช่แข็งกับไมโครเวฟ ได้ห้องละ 2 อย่าง
เลือกหยิบจากตู้ได้เลย เป็นพวกข้าวผัด เบอร์เกอร์ พวกสปาร์เก็ตตี้จะไม่ได้ พอมาถึงเราก็ขอ
เอาอาหารเช้าของพรุ่งนี้มากินกันก่อนเลย เป็นเกี๊ยวน้ำ เด็กจิ๋วแบ่งกันกินกับคุณแม่ กินเสร็จ
อาบน้ำ แล้วก็เปิดการ์ตูนให้ดู ปะป๊าเอา media box จากบ้านมาต่อให้ เพราะถ้าเด็กจิ๋วงอแง
หรืออาละวาด เราจะได้ใช้การ์ตูนมาต่อรองได้ วันนี้เปิดภาพประกอบเพลงให้ดู เด็กจิ๋วจะชอบ
แบบพวกนี้มาก มากกว่าการ์ตูนเป็นเรื่องๆ
...ตอนกลางคืนนอนหลับไม่ค่อยสนิท ได้ยินเสียงแก็กๆดังมากจนตื่นหลายรอบ เหมือนจะเป็น
เสียงของตู้เย็น หรือตู้เบรคเกอร์อะไรซะอย่างก็ไม่แน่ใจ แล้วก็เสียงแอร์ แอร์ LG เสียงดังกะหึ่ม
มาก อีกอย่างที่ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ ก็คือโดนเด็กจิ๋วถีบตลอดทั้งคืน คงจะฝันว่าไปเตะทราย
อยู่  ปะป๊าโดนถีบจนต้องย้ายไปนอนปลายเตียง แต่เด็กจิ๋วก็ตามไปถีบต่ออีก

วันที่ 2
...รถตู้ของบริษัททัวร์ที่จองไว้มารับที่โรงแรมตั้งแต่ 8 โมง รับเราเป็นคณะแรก แล้วตะเวนรับคน
อื่นๆอีก กว่าจะไปส่งท่าเรือก็นานเป็นชั่วโมงเลย พอไปถึงท่าเรือแล้วตกใจ คนเยอะมาก มีรถตู้
ทยอยกันมาส่งนักท่องเที่ยวนับสิบคัน แต่ละคันก็เดินสายไปรับนักท่องเที่ยวจากโรงแรมต่างๆ
วันนี้เห็นมีนักท่องเที่ยวเป็น 100 คน ไกด์แยกเป็น 4 กลุ่มเพื่อลงเรือสปีดโบ๊ทแต่ละลำ ของเรา
กลุ่มสีม่วงมีประมาณ 30 คน คราวนี้รู้ทันแล้ว เวลานั่งสปีดโบ๊ทต้องแย่งนั่งหลังๆไว้ก่อน แต่คิด
ว่าวันนี้ ถึงนั่งหน้าก็โอเค ไม่กระเทกเลย วิ่งนิ่มมาก คลื่นลมสงบ ระหว่างเดินมาขึ้นเรือ เด็กจิ๋ว
พูดเสียงดังว่า “วันนี้เราจะนั่งเรือนุ่มมากเลย ไม่เหมือนสปีดโบ๊ท กระแทกๆ”... เอ่อ วันนี้เรานั่ง
สปีดโบ๊ทแหล่ะ
...ทัวร์เราจองวันนี้เป็นทัวร์ไปเกาะราชากับเกาะเฮ เป็นแบบเต็มวัน จุดแรกคือเกาะเฮ หรือฝรั่ง
เรียก coral island นั่งเรือแค่ 15 นาทีก็ถึง เกาะนี้ทรายขาวนุ่ม น้ำใส สวยมาก แต่ก็เจอคนเยอะ
มากด้วย เห็นมีคนจีนเยอะกว่าฝรั่ง เป็นคณะทัวร์หลายกลุ่มแบบกลุ่มละ 4-50 คนมีแต่จีนล้วน
ที่นี่มีกิจกรรมเจ็ทสกี บานาน่าโบ๊ท แต่ที่เหมือนคนนิยมที่สุดก็คือ พาราเซลลิ่ง ค่าเล่นรอบหนึ่งก็
800 บาท ให้เรือลากออกทะเลไป แล้ววกกลับเข้ามา รอบละ 1-2 นาทีเท่านั้นแหล่ะ แพงมากๆ
...เด็กจิ๋วเล่นทรายเพลินมาก ทรายขาวละเอียดเหมือนแป้ง คุณแม่จะพาไปลงทะเล ขอถ่ายรูป
กับน้ำใสๆหน่อยก็ไม่ยอม ขอเล่นทรายอย่างเดียว
...เราอยู่ที่เกาะเฮ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็นั่งเรือ 25 นาทีถึงเกาะราชา หรือชาวบ้านเรียกว่าระย้า
เป็นภาษาพื้นเมือง เกาะนี้ใหญ่กว่าเกาะเฮ เรือมาจอดส่งที่อ่าวพะโต๊ะ มีสมาชิก 3 คนบ้านเรากับ
ฝรั่งอีก 2 คนลง เพราะไม่ไปดำน้ำด้วย ส่วนพวกที่เหลือ ก็นั่งเรือต่อไปดำน้ำที่อ่าวสยาม พอดำ
น้ำเสร็จก็กลับมารวมกันที่อ่าวพะโต๊ะ ที่จริง จุดดำน้ำบนเกาะนี้จะมีด้านหลังเกาะอีก 3 จุด สวย
กว่าอ่าวสยาม แต่ช่วงนี้ยังปิดอยู่เพราะคลึ่นแรง เกาะนี้ใหญ่เหมือนกัน แต่มีชายหาดแค่ 2 หาด
คือพะโต๊ะ (เห็นเค้าบอกว่าเป็นภาษาท้องถิ่นแปลว่าพระอาทิตย์ตก) ส่วนอีกหาดคืออ่าวสยามที่
ไปดำน้ำกันนั่นแหล่ะ
...ในแพ็กเก็ตทัวร์ที่จองมาเต็มวันนี้ รวมอาหารกลางวันมาด้วย แต่ร้านอาหารที่ทัวร์จัดให้นั้น ไม่
ได้อยู่ชายหาด ต้องเดินเข้าไปกลางเกาะ พอเราลงจากเรือก็เดินกันไปกินข้าวกลางวันก่อน กว่า
จะเดินกันไปถึง ประมาณเกือบโลได้ ทางชันเล็กน้อยแต่อุ้มเด็กจิ๋วด้วยก็เหนื่อยเหมือนกัน ร้านนี้
เป็นร้านแบบชาวบ้านธรรมดา  ที่จริงตรงหน้าหาดที่เราลงเรือกันมาก็มีร้านอาหารอยู่ แต่อันนั้นดู
ไฮโซ ท่าทางจะแพงเกินไป ที่ร้านนี้จัดอาหารเป็นบุฟเฟ่ต์ ก็พอกินได้ มีไก่ผัดเม็ด ดูเหมือนจะเป็น
อย่างนั้น แต่ไม่แน่ใจเพราะไม่มีเม็ดมะม่วงอยู่เลย มีปลาเปรี้ยวหวาน ซึ่งไม่รู้ว่าใช้ปลาอะไรมาทำ
หรือว่าจะไม่ใช่ปลาหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เนื้อแข็งมาก ผักชุบแป้งทอดเหนียวๆ หมีเหลืองเส้นใหญ่
ผัด ต้มข่าไก่ รสชาดแย่มากๆ แล้วก็มีผลไม้ให้
...กินข้าวเสร็จแล้วกะว่าจะไปเดินเล่นที่อ่าวสยามก่อน เพราะตรงร้านอาหาร เป็นจุดตรงกลาง
ระหว่างอ่างพะโต๊ะกับอ่าวสยาม แต่พอออกจากร้านอาหารก็เจอรถแทร็กเตอร์กำลังจะกลับไป
หาดพะโต๊ะ เลยรีบกระโดดขึ้นรถไป ด้วยความที่ขี้เกียจ กลับมาตั้งหลักที่พะโต๊ะก่อนแล้วกัน ที่
นี่ทรายขาวแล้วก็นุ่มกว่าที่เกาะเฮมาก แต่น้ำสีไม่สวยเท่าเกาะเฮ แล้วที่ทำให้ไม่สวยมากๆ ก็คือ
ร่มหลากสีปักเรียงรายอยู่ แดดร้อนมากเพราะเป็นเวลาบ่าย พระอาทิตย์จะสาดเข้ามาที่หาดนี้
เต็มๆ ทั้งหาดก็ไม่มีส่วนร่มเงาให้พึ่งพิงได้เลย เพราะจากทะเลก็เป็นหาดทรายกว้างมาจนถึงที่
รีสอร์ท  เดอะราชา ที่รีสอร์ทก็เข้าไปไม่ได้ ที่ชาดหาดก็ไม่มีต้นไม้ซะกะต้น ฉะนั้นจะมีเพียงเตียง
ผ้าใบปักร่มที่พอจะอาศัยหลบแดดได้บ้าง ร่มหนึ่งคันกับเตียง 2 เตียง ราคา 200 บาท ก็ไม่แพง
เทียบกับการรอดชีวิตบนเกาะ กินข้าวเสร็จมาบ่ายโมง เราต้องอยู่บนเกาะนี้ถึง 4 โมง กว่าเรือจะ
มารับ เริ่มคิดว่าเราคิดผิดหรือเปล่าเนี่ยะ ที่ซื้อทัวร์เต็มวันมา เวลาที่เหลือจะทำอะไรเนี่ยะ
... เด็กจิ๋วได้แต่นั่งเล่นทรายอยู่ใต้ร่มข้างๆเตียงผ้าใบ ออกนอกบริเวณร่มไม่ได้ เพราะแดดร้อนสุด
ขีด แต่แค่นี้เด็กจิ๋วก็สนุกแล้ว เอาทรายขาวๆมาทาแขนขาเหมือนเป็นแป้ง ขาวละเอียดมากจริงๆ
เวลาเลอะตัวแล้วไม่สามารถปัดออกได้ เพราะมันละเอียดเหมือนแป้ง ปะป๊าทิ้งเด็กจิ๋วให้นั่งเล่น
ทรายกับคุณแม่ไป แล้วเดินไปหาดสยามคนเดียว หาดสยามนี่ต้องเดินไปทางร้านอาหารที่เราไป
กินกลางวันกันมา แล้วจากร้านอาหารต้องเลี้ยวไปทางซ้ายอีกประมาณเกือบโล ที่หาดสยามคน
น้อยกว่าหาดปะโต๊ะมาก มีคนประมาณแค่ 1% ของฝั่งโน้น ทะเลโล่งมาก น้ำทะเลตรงไกลๆสีจะ
สวยเพราะมีปะการังเยอะ แต่ทรายไม่นุ่ม แล้วก็มีเศษปะการังเยอะ เด็กเดินเล่นลงทะเลคงไม่ได้
แต่ฝั่งนี้มีต้นไม้ร่มเงามากหน่อย แล้วก็หาดไม่หันหน้ารับแดดตรงๆเหมือนฝั่งโน้น
...ที่อ่าวพะโต๊ะ จะมีรีสอร์ทชื่อ เดอะราชา เป็นรีสอร์ทเดียว คุณแม่บอกว่าแพงมากๆๆๆ เรามองๆ
เข้าไปก็น่าอยู่ดี แต่ฝั่งอ่าวสยามนี้เห็นมีรีสอร์ทอยู่หลายที่เลย มีแบบหรูหน่อย เป็นอาคาร 2 ชั้นมี
สระว่ายน้ำตรงกลางที่หนึ่ง แล้วก็เห็นมีบังกะโลอีก 3 ที่
...ปะป๊าเดินกลับมาหาเด็กจิ๋ว เหนื่อยเลย เดินเฉยๆไม่เท่าไหร่ แต่แดดร้อนมาก ตอนนี้คุณแม่พา
เด็กจิ๋วลงทะเลบ้างแล้วหลังจากเล่นทรายมาจนเบื่อ คิดว่าตัวดำแน่ๆ เพราะแดดเต็มๆเลย แต่ลง
ทะเลแล้วไม่รู้สึกว่าร้อนเพราะอยู่ในน้ำเย็นๆ พอขึ้นจากทะเล คุณแม่พาเด็กจิ๋วไปอาบน้ำ เสียเงิน
คนละ 20 บาท เด็กจิ๋วฟรี ตอนอาบน้ำ คุณแม่ถอดเสื้อเด็กจิ๋วออกมา ตกใจเลย แขนเด็กจิ๋วเป็น 2
โทนไปซะแล้ว ดำมากๆ ทาซันบล็อกมาแล้วนะ แต่ทาแบบของเด็กน้อย ทาบางมากๆ ปะป๊ากับ
คุณแม่ก็แย่เลย ตัวแดงแสบร้อนกัน ไม่ได้ทาซันบล็อกด้วย ไม่มี เสร่อมากๆ
...อย่างที่บอกว่าต้องอยู่บนเกาะถึง 4 โมง เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้เบื่อหรอก เล่นทรายเล่นน้ำทะเลไป
พออาบน้ำเสร็จก็มานั่งกินหนมชิวๆที่ร้านขายของข้างๆหาด พอได้เวลาก็กลับขึ้นเรือกัน บนเรือจะ
มีน้ำดื่มกับผลไม้บริการให้ เด็กจิ๋วกินแตงโมไป 2 ชิ้น แล้วก็นิ่ง แป๊บเดียวหลับไปโดยง่าย คงเพลีย
มากๆ ขากลับเรานั่งเรือ 30 นาทีมาถึงฝั่ง ขึ้นมาก็มีรถตู้มารอรับอยู่แล้ว ต้องนั่งรถแบบตัวเปียกๆ
กันไปเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงโรงแรม ที่จริงคุณแม่อุตส่าห์อาบน้ำตัวสะอาดแล้ว แต่ตอนขึ้นเรือก็ต้อง
เดินลุยทะเลมาหน่อย ตัวเปียกอีกเหมือนเดิม
...ประมาณ 6 โมง กลับมาถึงโรงแรมบลูมังกี้ เจอพี่โนพี่โน่อยู่ที่โรงแรมแล้ว พี่ๆเค้าตามกันมาวันนี้
เรารีบพาเด็กจิ๋วไปอาบน้ำก่อน แล้วมาเล่นกับพี่ๆ ปกติพี่โน่จะเล่นตัว นั่งเก๊กนิ่ง แต่วันนี้เปลี่ยนไป
คึกคักมากขึ้น มาเล่นกันสามคนหนุกหนาน แต่เล่นได้ไม่นานก็ต้องแยกกันเพราะเราจะพาเด็กจิ๋ว
ไปกินข้าว ส่วนพี่ๆจะไปภูเก็ตแฟนตาซีกัน
...ตอนแรกถามโรงแรมว่าให้เรียกรถแท็กซี่พาไปร้านอาหารเค้าคิดเท่าไหร่ เค้าบอกว่า 200 รู้สึกว่า
แพงมากๆ รู้มาว่าค่ารถที่ภูเก็ตแพง แต่นี่แพงไปเป่า อยู่ไม่ไกลด้วย ถ้านั่งแท็กซี่กรุงเทพฯก็ไม่น่าจะ
เกิน 50 บาท เราเลยไม่เอา เลือกที่จะเดินไปหาแท็กซี่เองดีกว่า เดินออกจากโรงแรมไปหารถแถวๆ
หน้าโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พนักงานที่โรงแรมบอกว่าต้องมาเรียกรถแถวนี้ถึงจะมี เดินไปไม่ไกล
แต่ว่าเราเดินกันเท่าไหร่ก็ไม่ถึงซะที เดินไปเรื่อยๆกว่าจะถึงก็โลกว่า ต้องอุ้มจิ๋วแบกกล้องพร้อมขา
ไปด้วย เหนื่อยมากๆ แต่ที่แย่หนักเลยก็คือ แท็กซี่ที่หน้าโรงบาลก็คิด 200 บาทเท่ากัน รู้สึกเซงอ่ะ
จะไม่ไปก็กะไรอยู่ เดินกันมาซะขนาดนี้แล้ว ก็เลยต้องยอม เราให้แท็กซี่มาส่งที่ร้านอาหารชื่อดัง
ของภูเก็ต ร้านระย้า มีแต่คนบอกว่าอร่อยมาก เป็นร้านเก่าแก่ เราสั่งแกงปู ใบเหลียงผัดกุ้งเสียบ
หมึกผัดไข่เค็ม ผัดซีอิ้วกุ้ง ทั้งหมดพันนิดๆ ราคาก็แพงนะ แล้วก็ไม่เห็นจะอร่อยเลย แต่จะบอกว่า
ไม่อร่อยก็ไม่ได้ คนส่วนใหญ่เค้าว่าอร่อย เรียกว่าไม่ถูกปากบ้านเราดีกว่า แกงปูจืดมาก แต่ให้ปู
เยอะแล้วก็ชิ้นใหญ่ ใบเหลียงผัดกุ้งเสียบ สู้ใบเลียงผัดไข่แถวชุมพรไม่ได้ หมึกผัดไข่เค็มนี่แย่เลย
รสชาดไม่ถูกปากอย่างแรง แล้วก็ผัดซี่อิ้วเลวร้ายที่สุด เส็นเละ กุ้งน้อย 2 ตัว รสชาดไม่อร่อย
...จากร้านระย้าก็พากันเดินเที่ยวถนนถลาง เป็นถนนเล็กๆ 2 เลนส์ สองข้างทางเป็นตึกโบราณที่
เค้าอนุรักษ์กันไว้ นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวกัน เดินจากระย้ามาแค่ประมาณร้อยกว่าเมตรก็ถึง นี่
เรามากันดึกเกินไปมั้ง ร้านค้าบนถนนนี้ก็ปิดกันหมดแล้ว เงียบๆมึดๆ สงสัยว่าต้องมาตอนกลาง
วัน เรา เดินถ่ายรูปไปได้ไม่นานต้องรีบกลับแล้ว คุณแม่ไม่ไหว แขนจะหัก อุ้มเด็กจิ๋วเดินไกล ให้
เดินเองก็ไม่ได้เพราะมีรถวิ่ง เด็กจิ๋วชอบสะบัดมือวิ่งพุ่งตัวลงถนน น่ากลัวมาก ตอนจะกลับก็ไม่
ใช่ว่าจะกลับได้ง่ายๆ ตอนแรกที่โรงแรมบอกว่าให้เรียกแท็กซี่ หรือตุ๊กๆแถวนี้ มีเยอะ แต่มันตอน
กลางวันหรือเปล่า ทำไมเราไม่เห็นเลย เจอรถตุ๊กตุ๊กอยู่ 2 คัน คันแรกโบกแล้วไม่จอด คนขับหัน
มามองหน้าเราแปลกๆแล้วขับเลยไป อีกคันเรียกแล้วจอด ถามว่า where are u go พอเราบอก
ว่าไปบลูมังกี้เท่านั้นแหล่ะ ก็ปฏิเสธทันที ไม่ยอมไป ปะป๊าถามว่าทำไมไม่ไป เค้าบอกว่าจะไปอีก
ทางหนึ่ง คิดไปคิดมา อ๋อ สงสัยพวกนี้จะรับแต่ฝรั่งแน่ๆเลย เราพากันเดินมาเรื่อยๆ ถามคนแถว
นั้นว่าจะไปเรียกรถที่ไหนดี เค้าบอกให้เดินไปที่ตลาด ตลาดไหนก็ไม่รู้ก็เดินๆตามที่เค้าว่าไป จน
มาเจอพี่มอเตอร์ไซวินจอดอยู่ 2 คัน ก็ไปถามเค้าว่าจะเรียกตุ๊กๆที่ไหนดี เค้าบอกว่าตุ๊กตุ๊กรับแต่
ฝรั่ง หายาก ให้ขึ้นมอเตอร์ไซดีกว่าคันละ 50 บาทเอง มันก็ดีกว่าจริงอ่ะ ถูกกว่า เร็วกว่า โรงแรม
ก็อยู่ไม่ไกล แต่ติดอยู่ที่เด็กจิ๋วนี่แหล่ะ จะเอาเด็กจิ๋วนั่งมอเตอร์ไซเลยเหรอ คิดหนัก จะเอายังไงดี
ลังเลอยู่ประมาณ 2 วิ ก็พากันกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซ ให้เดินหารถตุ๊กตุ๊กต่อไปคงไม่ไหวแล้ว ให้
เด็กจิ๋วนั่งตักปะป๊า หันหน้าชนกัน บอกพี่ขับช้าๆหน่อย เด็กจิ๋วตอนแรกก็กลัวตามประสาเด็กที่ขี้
กลัว แต่พอรถวิ่งออกไปก็อยู่นิ่งๆนะ ไม่รู้ว่ากำลังกลัวจนพูดไม่ออก หรือไม่รู้สึกกลัวแล้ว ปะป๊า
พยายามชวนคุย ถามอะไรก็ไม่บอก เหมือนตื่นเต้นอยู่ หรืออยู่ในพะวังอะไรสักอย่าง เรามาถึง
โรงแรมอย่างปลอดภัยจนได้ วันนี้สะบักสะบอม คุณแม่ต้องรีบกินยาแก้ไข้ บอกว่ายกแขนไม่ขึ้น
อาบน้ำเสร็จ เด็กจิ๋วก็หลับไปประมาณสี่ทุ่มกว่า ส่วนพี่โนพี่โน่กลับมาจากภูเก็ตแฟนตาซีกันมา
เที่ยงคืน เลยไม่ได้เล่นกันต่อ

วันที่ 3
...วันนี้นัดรถมารับ 8 โมงเหมือนเดิม วันนี้คนละบริษัททัวร์กับเมื่อวาน ไปลงเรือคนละที่กันด้วย
รถเราไปถึงท่าเรือเป็นคันสุดท้ายเลย พอลงรถกันมา พนักงานก็เรียกให้ลงเรือทันที ยังทาครีม
กันแดดไม่เสร็จเลย วันนี้เด็กจิ๋วคงยิ่งสนุกกว่าเมื่อวาน เพราะมีพี่ๆมาเที่ยวเกาะด้วยกัน วันนี้เรา
จะไปทัวร์เกาะไข่ครึ่งวัน เดินทางด้วยสปีดโบ๊ทเหมือนกัน ลำเล็กกว่าเมื่อวาน บนเรือมีสมาชิก
ประมาณ 20 คน เป็นคนจีนส่วนใหญ่ เรานั่งเรือประมาณ 30 นาที ถึงเกาะไข่ใน พอเรือใกล้ถึง
เกาะจะมองไม่ค่อยเห็นหาด เห็นแต่ร่มพรึ้บเต็มหาดไปหมด เกาะนี้เป็นเกาะเล็กๆ สามารถเดิน
รอบเกาะได้ เกาะเล็กแต่นักท่องเที่ยวก็ยังเยอะอยู่ดี เลยมีร่มปักกันแน่นดูแออัดเกินไป
...เหมือนเราจะไปถึงเกาะเป็นเรือลำแรกเลย บนเกาะยังไม่มีคน โชคดีมาก แต่ที่ไหนได้พอเดิน
อ้อมเกาะไปด้านหลัง เจอคณะทัวร์จีนเป็นร้อยคนอยู่ มีดำน้ำ ว่ายน้ำ ดูปลา เล่นบานาน่าโบ๊ท
เหมือนตลาดสดเลย เราสามารถเดินได้เกือบรอบเกาะนี้ มีช่วงที่เป็นโขดหินที่ไม่สามารถเดินไป
ได้หน่อนหนึ่ง ตรงกลางเกาะจะเป็นร้านอาหาร แล้วก็ร้านค้าต่างๆมากมาย เต็มแน่นพื้นที่ เกาะ
นี้สวยมากแต่เหมือนตลาดไปหน่อยเลยทำลายบรรยากาศไปเยอะ
...เด็กจิ๋วเล่นทรายใต้ร่มเหมือนเดิม พอเราไปถึงก็ต้องเช่าเตียงผ้าใบกับร่ม ชุดละ 150 บาท ถ้า
ไม่เช่าก็ไม่รู้จะไปนั่งกันอยู่ตรงไหน เหมือนว่าจะบังคับให้ทุกคนต้องเช่ากันหมด เรามาถึงเกาะนี้
ตอนเช้าๆ 10 โมง แต่แดดก็แรงมากแล้ว พี่โนพี่โน่ไม่กลัวแดด ลงเล่นน้ำทะเลกับลุงนอ คุณแม่ก็
พยายามพาเด็กจิ๋วไปเล่นบ้าง แต่เด็กจิ๋วเจอฝูงปลาว่ายมาใกล้ๆก็กลัวรนรานปีนขึ้นตัวคุณแม่
ต้องรีบพากลับามาเล่นทรายเหมือนเดิม ทรายที่นี่ขาวแล้วก็นุ่มเหมือนกัน แต่เมื่อวานดูจะนุ่ม
กว่าเล็กน้อย
...ปะป๊าเดินถ่ายรูปไปทั่วเกาะ ปีนปายก้อนหินบ้าง มีพลาดเหยียบก้อนหินลื่น ตัวล้มลงไปใน
ทะเล กล้องกับกระเป๋ากล้องก็ตกลงไปในทะเลด้วย ของที่อยู่ในกระเป๋ากล้องไม่มีอะไรเปียก
หรือเสียหาย เพราะกระเป๋าช่วยป้องกันไว้ดีมาก ภายนอกเปียกโชกแต่ข้างในแห้งสนิท เอาไป
ตากแดดแป๊บเดียวก็แห้ง แต่ตัวกล้องนี่สิ จมน้ำไปทั้งตัว เปียกไปหมด ต้องรีบปิดแล้วเอาผ้า
แห้งเช็ด ตากแดดแป๊บหนึ่ง เปิดมาใช้งานได้ แต่ว่าฟังก์ชั่นบางอย่างเสียไป เลือกจุดโฟกัสไม่
ได้ ปะป๊าแอบดีใจนึกว่าจะได้กล้องใหม่ซะแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ดันกลับมาใช้งานได้
ปกติทุกอย่าง เลยอดเลย ที่ปะป๊าลื่นล้ม ได้แผลที่หัวเข่ามาพอสมควร เด็กจิ๋วเห็นแล้วซ้ำเติม
“บอกแล้วให้ระวังให้ระวังก็ไม่เชื่อเลย”
...อยู่ที่เกาะไข่ใน 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็ไปดำน้ำกันที่เกาะไข่นุ้ย ที่จุดนี้ไม่มีหาดทรายให้ลง ต้อง
จอดเรือกลางทะเลปล่อยให้คนลงไปดำน้ำ พวกเราก็อยู่บนเรือ 30 นาที ตอนแรกนึกว่าจะเบื่อ
จะเมา แต่เอาเข้าจริงก็โอเค เพราะไกด์จะดำน้ำไปจับหอยเม่นกับปลาการ์ตูนขึ้นมาให้คนพวก
อยู่บนเรือดู เอาใจสุดขีด แต่คุณแม่ไม่พอใจ บอกว่าถ้าปลาการ์ตูนอยากดูคน แล้วมาจับคนลง
ไปใต้ทะเลเอาไม๊
...จุดสุดท้ายของทัวร์นี้คือเกาะไข่นอก เกาะนี้สวยพอๆกับเกาะไข่ใน คนก็เยอะพอๆกัน เหมือน
จะมีปลาเยอะกว่า เด็กจิ๋วยังคงกลัวปลาไม่กล้าลงทะเล แต่พี่โนพี่โน่แช่น้ำทะเลเล่นกับปลาอยู่
เกือบชั่วโมง อยู่ที่เกาะนี้อีก 1 ชั่วโมงก็นั่งรถตู้กลับโรงแรม พอไปถึงโรงแรมก็เจอรถที่จะมารับ
ไปโรงแรมศาลาจอดคอยอยู่แล้ว เราเลยรีบเปลี่ยนเสื้อนิดหน่อย แล้วก็เอาอาหารแช่แข็งอุ่นมา
กินกันในรถ ประมาณ 45 นาทีก็มาถึงศาลา ภูเก็ต
...วันนี้เจอฝรั่งเยอะมากที่ล็อบบี้ ประมาณ 30 คน เค้าบอกว่ากำลังไปงานแต่งงานที่ศรีพันวา
ถึงตอนนี้เด็กจิ๋วยังไม่ได้นอนเลย เล่นทั้งวัน นั่งเรือนั่งรถ แดดร้อน คงจะเพลียมาก หลับไปบน
เรือแว๊บเดียวเอง ตอนนั่งรถมาก็มัวแต่เล่นกับพี่โนไม่ยอมนอน พี่โนก็ดีเหลือเกิน คอยช่วยเหลือ
น้องตลอด จูงมือเดิน คอยบริการ พอนั่งรถก็บอกให้น้องพริมไปนั่งข้างใน เดี๋ยวพี่นั่งข้างนอกจะ
ได้คอยคุ้มครองเด็กจิ๋วได้ แน่ะ แล้วยังมีบริการใส่รองเท้าถอดรองเท้าให้เด็กจิ๋วด้วย น้าหญิงดู
แล้วก็หมั่นไส้ เพราะตัวพี่โนเองยังเอาไม่รอดเลย จะใส่รองเท้าก็เรียก แม่ใส่รองเท้า แม่หยิบนั่น
หยิบนี่ให้หน่อย ใช้แม่ไม่ยั้ง กับน้องชาย ดีโน่เอง พี่โนก็ไม่เคยเอาใจหรือคอยบริการอย่างนี้นะ
...รอกันอยู่ที่ล็อบบี้นานเหมือนกัน คงเพราะว่าพนักงานกำลังบริการฝรั่ง 30 กว่าคนอยู่ เด็กๆก็
พากันเดินเล่นไปนั้นไปนี่เรื่อย สักพักพี่พนักงานถึงเดินพาเราไปห้อง พากันไปห้องน้าหญิงก่อน
เป็นห้องแบบ ศาลาพูลวิลล่า เดินเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับสระว่ายน้ำก่อน ที่ปลายสุดสระ
ว่ายน้ำจะเป็นห้องน้ำแบบเปิดโล่งสุดฤทธิ์ ที่อาบน้ำก็ไม่ได้กั้นเป็นห้อง ที่นั่งส้วมก็มีฉากกั้นนิด
หน่อย มีผ้าม่านบางๆรูดปิดได้แค่นั้น คือเป็นแนวของที่นี่ อีกส่วนคือส่วนห้องนอน ก็กว้างขวาง
ดี พอเข้าห้อง พี่โนพี่โน่ก็งัดของเล่นออกมาโชว์เด็กจิ๋ว นั่งเล่นกันทันที เสร็จแล้วก็พากันไปดูห้อง
เด็กจิ๋วบ้าง เป็นห้องแบบ 1 bed room เหมือนห้องของพี่โนพี่โน่ทุกประการ ยกเว้นมีห้องนั่งเล่น
ต่อจากห้องนอนเพิ่มมา ทีวีเครื่องเสียงก็มีเพิ่มอีกชุด
...แต่ห้องนี้เสียตรงที่เจอแดดบ่ายส่องเข้าห้องเต็มๆ แรงมาก ไม่สามารถอยู่ในห้องได้ ถ้าปิดผ้า
ม่านก็มึดไม่เห็นวิว ห้องของพี่โนพี่โน่จะร่มกว่ามาก เราพยายามขอเปลี่ยนห้องแต่ไม่สำเร็จเพราะ
เค้าบอกว่าห้องเต็ม 100% ก็ได้แต่ทนไป ที่จริงเราจองห้องแบบนี้เพิ่มห้องนั่งเล่นมา เพราะจะเอา
ไว้ให้เด็กๆมารวมตัวกัน แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เวิร์คเพราะแดดร้อนอย่างที่บอก แล้วห้องเด็กจิ๋วกับพี่ๆ
ก็ไม่ได้อยู่ติดกัน เวลาจะไปหยิบของก็ไม่สะดวก ตอนแรกชวนพี่โนมาเล่นน้ำที่นี่กับเด็กจิ๋ว แต่มา
แล้วเล่นได้แป๊บเดียว เพราะขาดอุปกรณ์ จะให้น้าหญิงวิ่งไปวิ่งมาหยิบนั้นหยิบนี่ คงจะหลายรอบ
สุดท้ายต่างคนต่างเล่นน้ำกันไป เดี๋ยวค่อยมารวมตัวกันตอนเย็นแล้วกัน
...เด็กจิ๋วแช่สระว่ายน้ำไป กินหนมไปด้วย กินข้าวเกรียบกุ้งกับซันไบท มีความสุขมาก ลั้นลาใหญ่
ปะป๊าก็แช่น้ำกินหนมกับเด็กจิ๋วไปด้วย แช่น้ำกันเป็นชั่วโมง เริ่มเย็นแล้ว ปะป๊ามีภาระกิจต้องไป
ถ่ายรูปแล้ว พอจับเด็กจิ๋วขึ้น เป็นเรื่องเลย อาละวาด งอแง ไม่อยากขึ้นด้วย แล้วก็ง่วงมากด้วยล่ะ
อาละวาดหนักจนปะป๊าโกรธหนีไปถ่ายรูปเลย ให้คุณแม่จับแต่งตัวแล้วพาไปกินข้าวกันสองคน
ครั้งนี้โกรธจริงๆนะ กะจะดัดนิสัยด้วย ช่วงนี้อาละวาดหนัก ไม่พอใจก็กรี๊ดเสียงดัง
...คุณแม่พาเด็กจิ๋วไปนั่งห้องอาหาร สั่งชุดเด็กมาแบ่งกันกิน เพราะดูแล้วคุ้มสุด ในชุดประกอบไป
ด้วยสปาร์เก็ตตี้ โดนัท แล้วก็น้ำส้ม ราคาสองร้อยกว่าบาท ถือว่าถูกที่สุดแล้ว อย่างอื่นพวกอาหาร
จานเดียวก็จะสามร้อยปลายๆ กินข้าวเย็นเสร็จก็กลับมาห้อง นอนกลิ้งเล่นอยู่พักหนึ่งถึงหลับไป

วันที่ 4
...เมื่อคืนปะป๊าโกรธเด็กจิ๋วที่ดื้อมาก หลับไปก็ยังไม่คืนดีกันเลย เช้านี้เจ็ดโมงปะป๊าไปปลุกเด็กจิ๋ว
มาคืนดีกัน สัญญาว่าจะไม่ดื้อไม่กรี๊ดแล้วนะ เด็กจิ๋วโอเค กอดกันแล้วก็พากันไปเล่นทะเล ทรายที่
นี่สีน้ำตาล เม็ดใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเกลียด พอเล่นได้ เด็กจิ๋วนั่งเล่นทรายไป จะพาลงน้ำก็ไม่ยอม
วันนี้ไม่มีปลาซะหน่อย สงสัยกลัวติดพันมาจากเมื่อวาน ต้องจับอุ้มนั่งตักแล้วพาลงทะเล แต่เล่นได้
แป๊บเดียวก็ต้องขึ้น เพราะคลื่นที่นี่น่ากลัวมาก คุณแม่บอกว่าเคยมีคนตายด้วย คลื่นไม่ได้แรงมาก
แต่ว่าหาดมันชัน เวลามีคลื่นมา มันจะม้วนกลับลงไปพร้อมกับดูดกลืนทุกอย่างลงไปด้วย ถ้าเด็กๆ
เล่นกันเองน่ากลัวมาก เจอคลื่นดูดลงไปก็จมน้ำตายเลย อย่างวันนี้นั่งเล่นโต้คลื่นกันอยู่ พอมีคลื่น
ลูกใหญ่ซัดมา แล้วดูดตัวเราพลิกล้มลงไป เด็กจิ๋วที่กลัวๆอยู่ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ร้องโวยวายต้องรีบพา
ขึ้นจากทะเล จากทะเลก็ล้างตัวแล้วกระโดดลงสระว่ายน้ำใหญ่ต่อเลย สระว่ายน้ำใหญ่อยู่หน้าชาย
หาด ข้างๆห้องอาหาร มี 3 สระ อันแรกเป็นสระผู้ใหญ่ ไม่ค่อยมีคนว่ายเพราะแดดร้อนมาก ไม่มีร่ม
ไม้บัง แล้วก็เป็นสระสี่เหลี่ยมเรียบๆธรรมดา สระที่ 2 ดีที่สุด มีส่วนตื้นส่วนลึก มีร่มไม้บัง เล่นได้ทั้ง
วัน แต่เวลาเดินอยู่ในสระต้องระวัง เพราะเดี๋ยวก็ตื้นเดี๋ยวก็ลึก ต้องสำรวจแผนที่สระก่อนถึงจะเข้า
ใจว่าเค้าทำสระให้ลึกลงไปตรงกลางเหมือนปีระมิดคว่ำ ถึงว่า ตอนแรกไม่รู้เดินๆจม เดินๆจมเรื่อย
สระนี้จะมีส่วนที่เป็นจากุซซี่ ส่วนเตียงพ่นๆน้ำ ส่วนบันไดซึ่งเด็กจิ๋วชอบตรงนี้ที่สุด สระสุดท้ายเป็น
สระเด็ก อันเล็กๆ แต่สนุกตรงที่มีลานน้ำพุอยู่ด้วย ตอนแรกเด็กจิ๋วเห็นน้ำพุก็กลัวทันที กว่าจะหลอก
ล่อให้เข้าไปเล่นได้ พอเครื่องติดก็เล่นไม่เลิก เดินไปเอาก้นนั่งทับน้ำพุ ไม่รู้ว่าพี่โนสอนหรือคิดเอง
...พี่โนกับพี่โน่ตื่นสาย ไม่ทันได้เล่นทะเลกับเด็กจิ๋ว มาทันตอนเล่นสระว่ายน้ำ เล่นกันได้ครึ่งชั่วโมง
ก็พาไปล้างตัวเล็กน้อยแต่ยังไม่อาบน้ำ แล้วพาไปกินข้าวเช้ากันเลย กะว่ากินข้าวเช้าเสร็จก็จะมา
ลงเล่นน้ำต่อ
...อาหารเช้าที่นี่ไม่ได้เป็นบุฟเฟ่ต์ เป็นแบบสั่งจานๆ แต่สั่งเท่าไหร่ก็ได้ รสชาดอร่อยมาก พอๆกับที่
ศิลาวดีกับศรีพันวา มีช็อกโกแล็ตเย็นด้วย ตรงไลน์บุฟเฟ่ต์จะมีสลัด ผลไม้ น้ำผลไม้ นม คอนเฟล็ก
ส่วนที่สั่งเป็นจานๆก็มีพวกไข่ต่างๆ โจ๊ก แพนเค้ก วัฟเฟิ้ล เด็กจิ๋วกินไส้กรอกไปเยอะเลย ปกติไม่เคย
กินไส้กรอกแบบนี้ เป็นแบบไส้กรอกสด น่าจะเป็นไส้กรอกเนื้อด้วยแหล่ะ คนอื่นยังกินไม่เสร็จ แต่
เด็กจิ๋วกินเสร็จก่อน กินเสร็จก็เบ่งอี๊ออกมาทันทีที่โต๊ะอาหาร ไม่เกรงใจกันเลย คุณแม่ต้องรีบพาไป
ล้างก้นที่ห้อง คุณแม่บอกว่าอี๊ออกมาเยอะมาก จนล้นทะลักออกมานอกเป้อร์ กางเกงเละไปหมด
...หลังอาหารเช้าเราไม่ได้ลงน้ำต่อ ออกไปเดินเล่นริมทะเลกัน เกือบๆเที่ยง แดดเปรี้ยงมากๆ เดิน
ออกแดดไปแทบจะเป็นลง หาดที่นี่ชื่อว่าหาดไม้ขาว ทรายสีเหลืองอย่างที่ว่า แต่น้ำทะเลก็สีสวยใช้
ได้ เป็นหาดทรายเรียบๆยาวไปไกลทั้งด้านซ้ายและขวา เด็กจิ๋วไปนั่งเล่นทรายใต้ต้นไม้อยู่พักหนึ่ง
...ตอนเที่ยงๆ เราชวนพี่โนพี่โน่มาดูการ์ตูนกันที่ห้องเด็กจิ๋ว มีพี่โนคนเดียวที่มีความอดทนพอจะดู
จนจบเรื่อง พี่โน่กับเด็กจิ๋วเริ่มสมาธิแตกซ่าน หันไปเล่นโน้นเล่นนี้ เด็กจิ๋วเห็นปะป๊ากำลังว่ายน้ำอยู่
ก็ขอลงบ้าง เลยพากันลงมาเล่นอยู่นานเลย เล่นเสร็จยังไม่พอ พากันไปต่อที่สระใหญ่ เล่นต่ออีก
ชั่วโมงกว่า วันนี้เล่นน้ำมาราธอนมากๆเลยนะเด็กจิ๋ว
...ตอนเย็นรีบพาเด็กจิ๋วไปกินข้าวก่อนที่จะง่วงจัดแล้วอาละวาด วันนี้ดื้อนิดหน่อย บีบนมเล่นเลอะ
โซฟา โดนคุณแม่ตีไปหลายที พอปรับความเข้าใจกันได้ ก็ยอมหลับไปโดยเร็ว

วันที่ 5
...เช้านี้นัดกัน 7 โมงไปเล่นทราย เด็กจิ๋วตรงต่อเวลาเสมอ แต่เล่นทรายกับปะป๊าอยู่นาน ก็ไม่เห็นวี่
แววพี่ๆมากันเลย วันนี้ปะป๊ากับเด็กจิ๋วช่วยกันทำหลุมดักเอเลี่ยน กะว่าพอมีคลื่นลูกใหญ่ๆซัดมาถึง
หลุม จะได้จับเอเลี่ยนได้ แต่สุดท้าย เอเลี่ยนที่จับได้ก็คือเด็กจิ๋วนั่นเอง ขุดเองตกหลุมเอง มีคลื่นลูก
หนึ่งซัดมาแรงมาก กวาดของเล่นเด็กจิ๋วกลืนลงทะเลไป ปะป๊ารีบวิ่งตามไปยังไม่ได้เลย มันหายไป
กับคลื่น มีโผล่มาแว็ปๆก็ม้วนลงน้ำหายไปอีก คุณแม่เสี่ยงตายลงไปช่วยหาต่อ คุณแม่บอกว่าเกือบ
เอาชีวิตไม่รอด เพราะคลื่อนแรงมาก ของที่ไปเก็บก็คือถังน้ำสุดรัก ใบละ 7 บาท มันจะคุ้มกับชีวิต
ไม๊เนี่ยะ ถ้าเด็กๆขนาดพี่โนลงไปก็คิดว่าอาจจะโดนคลื่นดูดหายไปเหมือนกัน
...พี่ๆกว่าจะตามมาก็สายมากๆ ตามมาเล่นทรายกันอยู่แป๊บเดียวก็ไปต่อที่สระว่ายน้ำ วันนี้ยังคง
สนุกอยู่กับการเล่นบันได คือมันเป็นบันไดอยู่ในน้ำ เด็กจิ๋วจะเดินขึ้นบันไดแล้วกระโดดลงน้ำ แล้ว
ว่ายวนกลับมาขึ้นบันไดใหม่ เล่นแต่อย่างเนี่ยะนานมาก ไม่รู้ว่าสนุกตรงไหน มีฝรั่งมาแหย่เด็กจิ๋ว
เล่น พยายามจะเล่นด้วย แต่เด็กจิ๋วได้แต่จ้องนิ่งๆ ฝรั่งเลยว่ายน้ำหนีไป
...ขึ้นจากสระใหญ่ก็กลับมาต่อที่สระในห้อง ครั้งนี้เราเพิ่งซื้อห่วงยางให้เด็กจิ๋ว หลังจากเสร่ออยู่
นาน ทำไมเพิ่งคิดจะซื้อก็ไม่รู้ ปรากฎว่าใช้การได้ดีมาก เด็กจิ๋วสามารถว่ายน้ำเองได้อย่างเป็น
อิสระ พอได้ห่วงยางก็ใส่ลงน้ำแล้วตีขาว่ายไปมาเองได้เลย ไม่รู้ทำไมถึงรู้จักตีขา ไม่ได้สอนเลย
นะ แล้วก็มีตอนหนึ่ง เด็กจิ๋วเล่นหมุนตัวในน้ำเหมือนปลาโลมา อันนี้แปลกใจมาก คิดเองเล่นเอง
ไม่เคยสอน อยู่ในห่วงยางลอยน้ำอยู่แล้วก็หมุดติ้วๆติ้วๆไม่หยุด เราพยายามจะทำบ้างแต่ยากอ่ะ
ทำไม่ได้ เด็กจิ๋วทำได้ไงเนี่ยะ ตอนที่กลับมาว่ายน้ำที่ห้อง ปะป๊าไม่ได้ลงด้วยเพราะน้ำเย็นมากๆ
ให้เด็กจิ๋วว่ายเอง เด็กจิ๋วสามารถตีขาว่ายน้ำไปสุดขอบสระ แล้วกลับตัวว่ายต่อมาถึงฝั่ง สระที่นี่
ก็ยาวนะ ประมาณ 15 เมตรได้ รู้สึกว่าเก่งมาก ว่ายไปกลับได้ไงเนี่ยะ
...ขึ้นจากน้ำก็รีบเก็บของแต่งตัว แล้วก็เช็คเอ๊าท์กัน รถของโรงแรมไปส่งที่สนามบิน ขากลับเราได้
นั่งเก้าอี้ใหญ่ข้างหน้า คล้ายๆจะเป็น business class แต่ลำนี้ไม่มี business คงเป็นเครื่องเก่ามา
แล้วติดเบาใหญ่มาด้วย แล้วที่เค้าเลือกให้เราได้นั่งตรงนี้ก็คงเพราะเห็นว่ามีเด็ก ส่วนพี่โนพี่โน่ไม่
ได้นั่งด้วยกัน ต้องแยกไปนั่งข้างหลัง เด็กจิ๋วเป็นเด็กดีอีกแล้ว กินถั่วเสร็จก็นอนหลับไปโดยดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น