วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

@เกาะมันนอก ระยอง

สวัสดีค่ะ วันนี้เด็กจิ๋วมาชวนไปติดเกาะกันค่ะ
เป็นทริปที่บ้านเราไปกันมาตั้งแต่เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาค่ะ
เกาะมันนอกเป็นเกาะที่แม่อยากไปมาตั้งนานแล้ว เพราะเคยดูมิวสิควีดีโออะไรซักอย่างตอนเด็กๆ แล้วเค้าไปถ่ายที่เกาะนี้
ในความทรงจำว่าเป็นเกาะที่สวยมาก ทรายก็ข๊าว ขาว แต่พอดูราคาแล้วก็แพงเอาการอยู่ สมัยนั้นยังเป็นนักศึกษา ไปไม่ได้แน่นอน
พอโตมา มีโอกาสก็ไปเที่ยวทะเลที่ไกลๆ สวยๆ อย่างสิมิลัน สุรินทร์ อาดังราวี หลีเป๊ะ จนเราก็ลืมๆ เกาะนี้ไปแล้ว
พอมีลูก อยากหาทะเลสวยๆ ที่มีทรายขาวๆนิ่มๆ ให้ลูกเล่น แล้วต้องไม่ไกลจนเกินไปนัก ก็เลยมาลงตัวที่นี่ค่ะ
มาทำความรู้จักกับเกาะมันนอกกันก่อนนะคะ
เกาะมันนอก เป็นเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งในหมู่เกาะมัน ที่ตั้งเรียงกันอยู่ในอ่าวแกลง จ.ระยอง โดยมี เกาะมันใน เกาะมันกลาง และเกาะมันนอกซึ่งมีพื้นที่เกาะโดยประมาณ 95 ไร่ 
ตัวเกาะมีลักษณะเกือบกลม และสามารถเดินรอบเกาะ เพื่อชมทิวทัศน์อันสวยงามได้ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ทางด้านหน้าของตัวเกาะ ซึ่งเป็นทิศใต้และทิศตะวันออก จะมีโค้งหาดทรายเล็กๆ และเป็นที่ตั้งของบังกาโล และเรือนอาหาร 
(ขอบคุณข้อมูลจาก munnorkislandresort.com ค่ะ)
บนเกาะมันนอกนี้มีรีสอร์ทแห่งเดียวเท่านั้นนะคะ คือมันนอก ไอส์แลนด์ รีสอร์ท ถ้าใครจะไป ต้องซื้อ package กับทางรีสอร์ทนี้สถานเดียวเท่านั้นค่ะ ซึ่งก็จะรวมเรือรับส่งจากแหลมตาล และอาหารเครื่องดื่มทุกมื้อไว้แล้ว
ระยะทางจากบ้านเราแถวๆบางซื่อมาถึงท่าเรือแหลมตาล จังหวัดระยอง ก็ราวๆ 210 กม.
เราออกจากบ้าน 7 โมงกว่า แวะซื้ออาหารเช้าที่จุดพัก motorway กว่าจะไปถึงท่าเรือก็ 11 โมง เรามาเร็วไปหน่อย เพราะเรือออกบ่ายโมง
เราเลยนั่งแช่กันอยู่ที่ร้านข้าวใกล้ๆท่าเรือ ดีที่มีที่นั่ง ลมพัดเย็นๆ นั่งรอกันเบื่อเลย มีแต่เด็กจิ๋วสนุกอยู่คนเดียว 
ขำก๊ากๆ เล่นโยนของกับอากง ยังไม่เข้าใจเลยว่ามันขำตรงไหน
หลังจากหัวเราะอย่างหนักอยู่นานครึ่งชั่วโมงได้ พอได้เวลาขึ้นเรือเด็กจิ๋วก็หลับไป
เรือที่นั่งเป็นเรือโดยสาร แล่นไม่เร็ว มีที่นั่งไม้ให้นั่ง ช้าวลานั่งเรือประมาณ 45 นาทีก็ถึงเกาะ 
มาถึงแล้วต้องต่อเรือเหล็กแบบในรูปเข้าฝั่ง เป็นเรือยืน ไม่มีที่นั่ง หน้าตาเหมือนเรือบรรทุกทหารในหนังสงคราม
จังหวะนี้คลื่นค่อนข้างแรง ใครนั่งเรือใหญ่มาไม่เมา ก็จะมาเมาเรือเอาตอนนี้แหละค่ะ
เรือจะมาจอดที่หาดตรงนี้ ซึ่งเป็นบริเวณหน้าร้านอาหาร
วันที่เราไปเป็นวันศุกร์ มีแขกคนอื่นๆเดินทางมากับเราประมาณ 20 กว่าคนได้
ขึ้นจากเรือมามึนๆ มีน้ำแดงหวานเย็นชื่นใจให้ดื่ม เรียกความสดชื่นได้ดีทีเดียว
เนื่องจากที่นี่เป็นเกาะเล็กๆ มีรีสอร์ทเพียงแห่งเดียว 
ถึงแม้แขกเต็มก็คงจะยังเงียบสงบอยู่
เด็กจิ๋วเรียกเกาะนี้ว่าเกาะนกยูงค่ะ
เพราะนกยูงเกือบจะเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ไปซะแล้ว ก่อนมาที่นี่ก็ดูรีวิว ก็เห็นว่ามี
แต่ไม่นึกว่าจะเยอะขนาดนี้ มีเยอะมากอ่ะ
เจ้าถิ่น มีหลายสิบตัวเลย ดีไม่ดีน่าจะเกิน 50 ตัว จะเยอะไปไหนอ่ะ
พอมาถึงฝั่งไม่นาน เด็กจิ๋วก็ตื่น ยังงงๆอยู่
เรามาเดินชมรอบๆ เกาะกันต่อนะคะ
ศาลาชมวิวหลังใหญ่อันนี้อยู่หน้าห้องอาหาร
หน้าศาลามีสะพานไม้ให้เดิน 
ตอนเย็นๆ พระอาทิตย์ตกดิน จะมีคนมาจับจองที่แถวนี้ เก็บภาพพระอาทิตย์กันเยอะเลยค่ะ

แต่สะพานนี้น่ากลัวมาก กลัวเด็กจิ๋วตก ตกลงไปก็หินทั้งนั้นเลย
เดินเลี้ยวอ้อมเกาะมาหน่อย จะเจอตรงนี้
ทรายบริเวณนี้ขาวแล้วก็นุ่มที่สุด
มีเก้าอี้ให้นั่งเล่นด้วย แต่คนส่วนใหญ่ก็มานั่งแค่ถ่ายรูป
มันไม่ค่อยร่มเท่าไหร่ แล้วก็นั่งไม่สบายเท่าในศาลา ส่วนใหญ่คนนั่งเล่น นอนเล่นในศาลามากกว่า
ถัดมาอีกหน่อย ทรายจะเริ่มไม่ขาวแล้ว แต่ก็ยังนุ่มอยู่
มีชิงช้าให้นั่งเล่น + ถ่ายรูปด้วย
ทางรีสอร์ทจะทำศาลานั่งชมวิวไว้ตามจุดต่างๆ
มีเยอะศาลาเลยทีเดียว มองเผินๆ ก็น่าจะพอเพียงกับนักท่องเที่ยวนะคะ
นั่งบนศาลา ลมเย็น นอนชมวิว สบายมากๆ
ศาลาที่ว่าจะสร้างอยู่โดยรอบ แต่ละหลังก็จะเห็นวิวสวยๆ ทั้งนั้น
ศาลาเหล่านี้เป็นศาลาส่วนรวม ไม่ได้เป็นส่วนของบ้านพัก ตัวบ้านพักจะอยู่ลึกเข้าไปจากหาดหน่อย
ช่วงที่เด็กจิ๋วไปนี่ ฟ้าใสดี แล้วก็ไม่ร้อนมาก (เดือนกุมภาพันธ์)
เดินเลียบหาดทรายมาอีกหน่อย จะเป็นโซนที่กำลังก่อสร้างบ้านแบบใหม่
หาดทรายตรงนี้ก็นุ่มมากๆเช่นกัน ตอนที่ไปใบหูกวางกำลังร่วง เลยปิดหาดทรายงามๆหมดเลย
ปัจจุบันบ้านโซนนี้สร้างเสร็จแล้วนะคะ 
ดูจากใน facebook ของทางเกาะมันนอก เค้าเรียกว่าบ้าน J
เป็นโซนที่ดีที่สุดของเกาะ เพราะอยู่ใกล้หาดมากที่สุด ไม่มีอะไรมาบังเลย วิวสวยสุดด้วย 
แล้วก็แพงสุดด้วยค่ะ ดูราคาจากงานท่องเที่ยวมา ราคาแรงทีเดียว
เดินต่อมาอีกก็จะสุดหาด เดินต่อไปไม่ได้แล้ว
หาดด้านข้างนี่ทรายไม่ขาวไม่นุ่มเหมือนฝั่งด้านหน้าโน้น
บ้านที่เราพัก (แบบ B) ก็ตั้งอยู่ช่วงหาดตรงนี้
ตัวบ้านค่อนข้างเก่า ทำให้ไม่มีแรงบันดาลใจในการถ่ายรูปของปะป๊า 
ได้รูปบ้านมาแค่รูปเดียว รูปในห้องพักก็ไม่มี
ขอยืมรูปจาก web ของรีสอร์ทเอารูปภายในห้องพักมาให้ดูละกันนะคะ
ห้องแบบ B มีสองเตียงค่ะ นอนได้มากสุด 4 คน
ด้านหลังเป็นห้องน้ำ ต้องเดินขึ้นบันไดหน่อย ทั้งสองด้านมีห้องน้ำเหมือนกัน 
คือมีสองห้องเลย ถ้ามาพัก 4 คนจะได้ไม่ต้องแย่งกันอาบ
พอเข้าห้องพัก เก็บข้าวของเสร็จ อากงกับอาม่าก็รีบไปจับจองศาลาที่ตรงกับหน้าบ้านที่เราพัก
ยึดอันนี้ไว้เป็นหัวหาดเลย
แล้วก็ได้เวลาเล่นทรายตามที่ตั้งใจมาอย่างแรงกล้าแล้ว
วันแรกเราเล่นทรายตรงหน้าห้องพักเราก่อน ทรายไม่ค่อยขาวแล้วก็ไม่ค่อยนุ่มอย่างที่บอก 
เราเก็บของดีไว้ให้วันหลัง หุหุ 
(ความจริงคือ ตรงทรายขาวมันร้อน ไม่มีร่มเงาเลย)
ทริปนี้คุณแม่เบาแรง ปล่อยให้อากงกับอาม่าพาหลานเล่นทรายไป
เล่นทรายเสร็จก็พาเด็กจิ๋วอาบน้ำ แล้วตอนเย็นๆก็พากันออกมาเดินเล่นรอบๆ

อยากเล่นทรายอีก แต่ปะป๊ากับแม่ไม่ยอม
ขี้เกียจจับไปอาบน้ำอีกรอบ
โพสต์กับชิงช้าซะหน่อย
ใครๆมาที่นี่ต้องมาเก็บรูปชิงช้านี้เกือบทุกรีวิวซิน่า ปะป๊าก็ไม่พลาด
เดินเลาะหาดทรายมาถึงตรงใกล้ๆกับห้องอาหาร
และแล้วก็หยุดไม่อยู่ ขอซะหน่อย
ทรายตรงนี้ขาวและนุ่มจริง แต่ไม่มีร่มไม้ให้หลบแดดเลย ขนาดตอนเย็นๆแล้วยังร้อนมาก
ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว อาหารที่นี่เป็นแบบจัดมาให้เป็นเซ็ตๆ เติมได้ รสชาดไม่อร่อยมากแต่ก็ไม่แย่
เราทานอาหารกันที่นี่ทุกมื้อ วันแรกทางรีสอร์ทจัดให้นั่งริมระเบียง ใกล้ชิดทะเล
วันต่อมาได้แถวสอง แถวแรกให้คนที่เพิ่งมาพักนั่งบ้าน สลับกัน ก็ยุติธรรมดี
ศาลาข้างๆห้องอาหาร ตรงนี้ก็เป็นที่มั่นที่ดีอีกที่ เพราะมีพัดลม
ถ้าตอนกลางวัน ลมไม่ค่อยพัด ตรงนี้น่าจะเป็นชัยภูมิที่ดีที่สุด
ศาลาริมทะเล ศาลานี้เอาไว้ดูวิวพระอาทิตย์ตกแจ่มที่สุด
ทริปนี้ปะป๊าไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาเลย แล้วก็ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บรายละเอียดต่างๆของรีสอร์ทมาให้ 
เพราะตั้งใจว่าจะเป็นทริปพาเด็กจิ๋วเล่นทรายเต็มที่ เลยจะถ่ายรูปให้น้อยหน่อย (นี่เป็นความตั้งใจแรกของปะป๊า)
แต่แล้ว ที่บอกว่าจะไม่ถ่ายรูปเยอะ แต่ระหว่างเค้ากินข้าวกัน ปะป๊าก็หายตัวไปนานมาก
อาม่างงๆ ถามว่าอันนี้ที่หายไปนานๆนี่ ถ่ายน้อยลงแล้วเหรอ
ก็จะไม่ให้ปะป๊าลืมตัว มัวแต่ถ่ายรูปได้ไง 
เพราะวิวพระอาทิตย์ตกที่นี่ สวยมากจริงๆ วันนั้นฟ้าใส ได้เห็นไข่แดงด้วย
อันนี้เป็นบริเวณหน้าห้องอาหาร




ย้ายมาตรงศาลาหน้าห้องอาหารกันบ้าง
ที่บอกไว้ ศาลานี้ชมวิวพระทิตย์ตกสวยสุดๆ



แอบมีเมฆมาบังนิดนึง




พระอาทิตย์ตกมีหลายมุมเลยค่ะ ดูไปเรื่อยๆนะคะ





เช้ามึดวันที่สอง ตรงนี้มองจากหน้าห้องที่เราพัก
เมื่อคืนนอนหลับดี แต่มีสะดุ้งตื่นเป็นระยะๆ
เพราะมีเสียง ตึ่ง! ตึ่ง! บนหลังคา เพิ่งมาสำรวจเอาอีกวันว่าบ้านเราอยู่ใต้ต้นนุ่นใหญ่มาก
ลูกนุ่นตกใส่หลังคาบ้านทั้งคืน เสียงดังมาก แต่คืนต่อมาเริ่มชินนะคะ หลับได้ดีขึ้น
ตอนแรกบอกว่าจะตัดไฟตอนกลางวันด้วย แต่วันที่เราไปก็ไม่เห็นตัดแฮะ
ทะเลเหงาๆ ยามเช้า
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
ตอนเช้าตื่นมาก็จะเจอกับเจ้าถิ่นมาเดินเล่นชายหาดเหมือนกัน
เจ้าถิ่นที่ว่าก็คือนกยูง มาเดินเล่นกันเต็มไปหมด ตอนกลางวันเค้าก็จะยืนเกาะอยู่ตามระเบียงห้องพัก หรืออยู่ตามต้นไม้ 
แต่ตอนเช้าอย่างนี้เห็นเดินออกมาริมหาด สงสัยมาสูดอากาศบริสุทธิ์เหมือนคน
วันนี้เหมือนฟ้าไม่ค่อยใส
แม่ชอบเพราะแดดจะได้ไม่ร้อน แต่ปะป๊าเคือง กลัวถ่ายรูปไม่สวย
เด็กจิ๋วตื่นแล้ว มานั่งเล่นกับอาม่าแต่เช้า
จับเด็กจิ๋วแต่งตัวแล้วพาเด็กจิ๋วไปกินอาหารเช้า 
อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มกับไข่เค็ม ผักดอง ซึ่งเด็กจิ๋วกินไม่ได้ซะอย่าง เลยต้องสั่งข้าวผัดมาให้กิน
กินข้าวเสร็จ พาเด็กจิ๋วเดินเล่นต่อ
อยู่ที่นี่ก็ไม่ทำไรมาก กิน นอน เดินเล่น เล่นน้ำ เล่นทราย

มุมสวยๆ มีให้ถ่ายรูปเยอะ

ที่เห็นหลังผ้าแสลนสีเขียวๆ คือบ้านแบบ J ที่บอก
สร้างใหม่สวยงาม ใกล้ชิดทะเลมากๆเลย
ตอนนี้ยังไม่เล่นทรายไม่ได้นะ แดดร้อนมาก เล่นใบไม้ไปก่อน
ใบต้นหูกวางนี่ของเล่นโปรดเด็กจิ๋วเลย
หล่นเกลื่อนเลย
ศาลาช่วยเราไว้เยอะ ถ้าไม่มีศาลาให้หลบแดด คงร้อนตายแน่ๆ
เด็กจิ๋วไม่กลัวแดด ไม่รู้จักร้อน
ตอนนี้พวกผู้ใหญ่หมดแรงกันแล้ว กลับเข้าห้องเปิดแอร์นอนกัน เหลือแต่เด็กจิ๋วที่ยังคงคึกไม่เลิก วิ่งเล่นคนเดียวอยู่ในห้อง
มองออกมา ฟ้าใสกิ๊กเลย เมฆตอนเช้าหายไปหมดแล้ว
จนถึงบ่ายแก่ๆแล้ว เด็กจิ๋วยังคงคึกไม่ยอมนอน
อยากจะเล่นทรายอย่างเดียวเลย
เราเลยต้องพาเด็กจิ๋วออกมาทั้งๆที่แดดยังแรงอยู่
ไปหลบแดดตามศาลาเอา
มีเพียงซันไบท์ที่พอจะหยุดเด็กจิ๋วให้อยู่นิ่งชั่วครู่ไว้ได้
พอเริ่มเย็นหน่อยก็ปล่อยเล่นทรายสมใจ
ขว้างทรายใส่คนอื่น แต่ขว้างไม่ไป ตกอยู่บนหัวตัวเองหมด
วันนี้ลองย้ายทำเลมาเล่นทรายบริเวณที่กำลังสร้างบ้านพักใหม่
ทรายตรงนี้เล่นสนุกกว่าเมื่อวาน นุ่มและขาวกว่า
เล่นทรายจุใจเลยอ่ะนะเด็กจิ๋ว
เล่นหนำใจแล้ว ก็ต้องรีบไปอาบน้ำ ใกล้จะเย็นแล้ว
น้ำประปาที่นี่เอื่อยมาก เป็นความยากลำบากในการอาบน้ำให้เด็กจิ๋วมากๆ
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะบนเกาะนี้ไม่มีแหล่งน้ำจืด ต้องต่อท่อส่งมาจากฝั่งรึเปล่า
เด็กจิ๋วอาบน้ำเสร็จแล้ว มาแกล้งอากงต่อ
อากงอยากจะสงบๆบ้าง แต่คงปวดหัวกับเด็กจิ๋วทั้งทริป
ถ่ายรูปคู่กับอาม่าหน่อย
เด็กจิ๋วพลังไฟเต็มมาก คึกตั้งแต่เช้ายันเย็น ยังไม่มีทีท่าจะง่วงหรือเพลียแต่อย่างไร
พอใกล้ค่ำก็มานั่งเล่นที่ศาลาที่เดิมชมวิวพระอาทิตย์ตกกันค่ะ
เย็นวันนี้มีเพื่อนมานั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกมากกว่าเมื่อวาน
นั่งดูที่เดิม แต่ท้องฟ้าไม่เหมือนเดิม
เด็กจิ๋วนั่งกินหนมไปชมวิวไป
วันนี้ได้เจอเมฆสวยๆด้วย สวยไปอีกแบบ




พระอาทิตย์ตกไปแล้ว
เด็กจิ๋วมาหมดแรงสลบไปตอนมื้ออาหารค่ำนี่เอง
มีอาละวาด งอแงเล็กน้อยที่ห้องอาหาร เพราะง่วงจัด เสียงดังรบกวนใคร ต้องขอโทษด้วยนะคะ

เช้าวันสุดท้ายบนเกาะมันนอกแล้ว
เวลาช่างผ่านไปเร็วจัง
บรรยากาศสงบๆยามเช้า

วันนี้ก็เหมือนๆเดิม เด็กจิ๋วตื่นมาก็เดินเล่น เตะทราย
กินอาหารเช้า แล้วก็นั่งเล่นที่ศาลา
เล่นโยคะตามอาม่า
เด็กจิ๋วตั้งใจทำตามอาม่ามาก แต่ออกมาฮาซะมากกว่า
ในรีวิวนี้เป็นช่วงอ้วนของเด็กจิ๋วนะคะ ปัจจุบันเพรียวบางแล้วนะคะ
วันนี้มีเรือเล็กพาแขก VIP มาเที่ยวที่เกาะด้วย
แขก VIP มาทานอาหารแล้วก็กลับ ไม่ได้ค้าง
เห็นอาหารแขก VIP แล้วน่าอิจฉา อยากกินแบบนั้นบ้าง
พอสายๆ เราก็ต้องเก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านกันแล้ว

ก่อนกลับ เด็กจิ๋วขอเล่นทรายแบบเบาๆอีกสักรอบ
ถึงไปทะเลบ่อยแค่ไหน เด็กจิ๋วก็ยังไม่เคยเบื่อซักทีค่ะ ยังอยากไปอยู่เรื่อยๆ
อย่างทริปถัดจากนี้ไปของเด็กจิ๋วเรียกได้ว่า 90% เป็นทะเลค่ะ
ได้ดูรีวิวทะเลกันเบื่อไปข้างแน่ค่ะ
กินข้าวกลางวันเสร็จก็มานั่งรอขึ้นเรือกัน
อันนี้คือเรือที่เรานั่งไปและกลับค่ะ
รอเรือนานเหมือนกัน ร้อนด้วย แต่เด็กจิ๋วไม่มีเบื่อเพราะกินๆหนมตลอดเวลา
ปกติอยู่บ้านจะไม่ให้กินหนมไร้สาระพวกนี้ จะเอาไว้หลอกล่อเฉพาะเวลาออกนอกสถานที่เท่านั้น

ขากลับเด็กจิ๋วก็หลับบนเรืออีกตามเคย
จบทริปด้วยความสนุกสนานค่ะ
เด็กจิ๋วต้องบ้าย บายไปก่อนนะคะ 
เจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น