วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

@Sri Panwa, Phuket

ห่างหายจากการรีวิวไปนานเลยค่ะ คราวนี้เด็กจิ๋วกลับมาพร้อมกับทริปที่แม่ดองเอาไว้ตั้งแต่เมื่อต้นปี
เราได้มีโอกาสไปพักไกลถึงที่ศรีพันวา ภูเก็ต เป็นรีสอร์ทที่แม่อยากไปมากที่สุดเลย 
พอดีว่าพี่สาวแม่ต้องไปทำสกู๊ปลงหนังสือนิตยสารของเค้า เราเลยได้มีโอกาสติดตามเค้าไปด้วยค่ะ

เรามาถึงศรีพันวาตอนประมาณ 9 โมงเช้า อากาศดีมาก ฟ้าใสไม่มีฝน ลมเย็นสบาย
จอดรถที่หน้า Baba Pool Club แล้วทุกคนลงจากรถ เพื่อรอเช็คอิน ส่วนรถเรา เจ้าหน้าที่ขับไปจอดให้ พร้อมขนของลงจากรถไปไว้ที่วิลล่าให้เรียบร้อย 
แล้วน้องเจ้าหน้าที่ก็มาแนะนำแปลนของรีสอร์ทคร่าวๆ และรายละเอียดต่างๆ พร้อมกับ Welcome Drink เย็นชื่นใจ (ขอโทษนะคะ เนื่องจากไปมานานจนจำไม่ได้ว่าน้ำที่ดื่มเป็นน้ำอะไรน่ะค่ะ)

เด็กจิ๋วตั้งใจฟังเจ้าหน้าที่อธิบายค่ะ

เสร็จแล้วเรานั่งรถกะป๊อไปที่วิลล่าค่ะ ที่นี่เค้าไม่ใช้รถกอล์ฟไฟฟ้าเหมือนรีสอร์ทอื่น แต่ใช้รถกะป๊อแทน 
เหตุผลเพราะมันเป็นเนินเขา ขึ้นๆลงๆ รถกอล์ฟไม่มีแรงพอค่ะ
เราได้พักที่ LV 14 (Hourglass)

พอเปิดประตูวิลล่าเข้าไป เจอภาพนี้ ตะลึงค่ะ อึ้งเลย สวยมากกกก

จากตรงศาลานั่งเล่นห้องเรา มองลงไปเห็นหลังคาบ้านอื่น

อาหารเช้าของพวกผู้ใหญ่เป็นมาม่าคัพค่ะ 
เอ่อ..มาพักศรีพันวา แต่ขอกินมาม่านะคะ ประหยัดงบหน่อย 
มาม่าอันนี้ทางศรีพันวาเตรียมไว้ให้รวมอยู่ในมินิบาร์ค่ะ ไม่ได้เอามาเอง 
ส่วนเด็กจิ๋วกินซาลาเปาที่เอามาเอง

วิลล่า หรือบ้านที่เราอยู่เป็นบ้าน 2 ห้องนอน มีสองชั้น ชั้นบน 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 สระว่ายน้ำ
ชั้นล่าง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ แต่ไปๆ มาๆ ไม่ได้นอนข้างล่างเลย เพราะข้างบนก็กว้างขวางมากมาย
เปิดเข้ามาในบ้านจะเจอห้องนั่งเล่น ที่มีเบาะกว้างมากกก พวกเรา 3 คนพ่อแม่ลูกนอนตรงนี้ สบายสุดๆค่ะ

เดี๋ยวพาลงบันไดไปดูชั้นล่างก่อนนะคะ

เตียงนอนชั้นล่าง เห็นวิวทะเลเหมือนกันค่ะ

โต๊ะเขียนหนังสืออยู่ปลายเตียง มีทีวี โทรศัพท์ iPod ที่ต่อไว้กับเครื่องเสียง Bose เรียบร้อย

ห้องนอนชั้นล่างจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนข้างบน แต่ขนาดจะเล็กกว่าเท่านั้นเองค่ะ

เตียงนี้ไม่มีใครนอนเลยค่ะ เพราะพากันไปนอนชั้นบนกันหมด

กลับขึ้นมาชั้นบนนะคะ 
มะม่วงสุกอร่อยมากค่ะ

เด็กจิ๋วเล่นจ๊ะเอ๋

ส่วนดูทีวีของชั้นบนจะอยู่ในห้องนั่งเล่น ในห้องนอนไม่มีทีวี
มี iPod ต่อเข้ากับเครื่องเสียง Bose เหมือนกัน แต่ของข้างบนอลังการกว่า คือมีทั้ง amp subwoofer และต่อลำโพง Bose ทั่วบริเวณบ้านเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ ศาลาชมวิว

ห้องนอนใหญ่ค่ะ

หัวเตียงเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ

ห้องนอนใหญ่จะล้อมรอบด้วยกระจก มองเห็นวิวทะเล สวยมากค่ะ 
ด้านนี้มองออกไปเห็นศาลา

ด้านนี้มองออกไปเห็นส่วน Outdoor Shower และอ่างจากุซซี่
(ด้านมองออกไปเป็นทะเล เดี๋ยวมีให้ดูตอนหลังนะคะ)

ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นห้องนอนใหญ่ล้อมรอบด้วยสระน้ำค่ะ

วิวจากศาลา สวยมากอ่ะค่ะ สามารถนั่งเล่นรับลมตรงนี้ได้นานๆเลยค่ะ 
เพราะช่วงที่ไปอากาศไม่ร้อน ลมเย็นดีค่ะ

โผล่หน้าจากศาลามองไปทางขวา จะเห็นเพื่อนบ้านค่ะ

มาดูภายในห้องกันต่อนะคะ 
ส่วนของห้องน้ำ เดินเข้าไปจะเจอเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า 2 ชุด

เดินเลยส่วนล้างหน้ามาจะเป็นห้อง shower ด้านซ้าย และชักโครกด้านขวา
ห้อง Shower ที่นี่เป็นห้อง Steam ด้วยนะคะ แต่ไม่มีรูปค่ะ
เดินออกจากตัวบ้านมาจะเป็นส่วน Outdoor Shower และอ่างจากุซซี่ค่ะ (มุมนี้ตอนกลางวันไม่ได้ถ่ายมาเลยค่ะ)

ครีมอาบน้ำที่นี่หอม อาบเสร็จแล้วจะเย็นๆตัวด้วยค่ะ

พอสายๆ เจ้าหน้าที่ก็มาพาไปชมบ้าน Type อื่นค่ะ
บ้านนี้เป็นบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จ มี 3 ชั้น 4 ห้องนอน 2 สระว่ายน้ำ ครัวนอก ครัวใน ห้อง maid ห้องนั่งเล่น สวน บาร์ ฯลฯ แบบว่ากว้างใหญ่มากอ่ะค่ะ
ทางเข้าบ้าน

สระว่ายน้ำใหญ่มาก มีอีกสระอยู่ข้างล่าง ไม่มีรูปค่ะ

ภายในของบ้านทุกหลัง จะตกแต่งด้วยไม้ งานละเอียดและเนี้ยบมากค่ะ
คุณเจ้าหน้าที่บอกว่า ทีมสร้างบ้าน และทีม Interior มาจากกรุงเทพทั้งหมด
ตกแต่งภายในใช้ของ Habitat ค่ะ

ส่วนของครัวใน น่าใช้มากๆ กว้างขวาง ตู้เย็นใหญ่มาก 
ด้านหลังมีครัวไทยด้านนอกด้วย ใหญ่ไม่แพ้กัน

ขึ้นไปดูชั้นบนกันบ้างนะคะ

ห้องนอนใหญ่

หัวเตียงทำเป็นโต๊ะเขียนหนังสือเหมือนกับบ้านที่เราพัก

ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ เป็นห้องน้ำที่วิวดีมาก


ห้องนอนเล็กมีอีก 3 ห้อง แต่ละห้องมีห้องน้ำในตัวทั้งหมด ตกแต่งสวยๆ ทุกห้อง ถ่ายมาแค่ห้องเดียวนะคะ

ส่วนนั่งเล่นชั้นล่าง มีสวน ที่มีน้ำตกด้วย
มีครบครันแบบนี้ สนนราคาก็คืนละราวๆ 200,000 บาท ถ้าขายก็หลังละ 220 ล้านบาทค่ะ 
เจ้าหน้าที่บอกว่ามีแขกมาพักอยู่เรื่อยๆนะคะ ไม่เฉพาะฝรั่งนะคะ คนไทยก็มี มาเป็นครอบครัวใหญ่ พักบ้านใหญ่ทีละหลายคืนค่ะ

ได้เวลาอาหารกลางวัน เราก็ทานกันที่ BabaQ อยู่ในส่วนของ Baba Pool Club ค่ะ
มื้อนี้ทางรีสอร์ทจัดอาหารมาให้สำหรับถ่ายรูปลงนิตยสารค่ะ พวกเราเลยได้ชิมอาหารอันแสนอร่อยด้วย
Sashimi สวยงาม น่ากินสุดๆ คุณปลาวาฬ (เจ้าของรีสอร์ท) บอกว่าปลาดิบพวกนี้นั่งเครื่องบินมาจากญี่ปุ่นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

ลาบปลาแซลมอน อันนี้ไม่ค่อยถูกปากเรา แซ่บน้อยไปหน่อย

แกะย่างที่ไม่ธรรมดา เพราะว่าย่างด้วยเตา Josper ที่สั่งตรงมาจากฝรั่งเศส
ราคาเตาก็ 6 แสนกว่า คุณปลาวาฬมาแนะนำเตาด้วยตัวเองเลยค่ะ
แต่เสียดายเราไม่กินแกะค่ะเลยไม่รู้ว่าอร่อยแค่ไหน

กุ้งใหญ่(มาก) ราดซอส Passion Fruit

พิซซ่าที่นี่เป็นพิซซ่าที่อร่อยที่สุดในชีวิตที่เคยกินมาเลยทีเดียว
ความจริงเราเป็นคนไม่กินหอมใหญ่ เห็นหอมใหญ่โรยมาขนาดนี้ คิดว่ากินไม่ได้แน่
แต่พอได้ชิมเท่านั้น มันอร่อยมากอ่ะ ตอนนี้ยังคิดถึงอยู่เลย ถ้าได้ไปแถวนั้นอีก จะขอกลับไปกินพิซซ่าอันนี้ให้ได้

ข้าวห่อสาหร่ายไส้กุ้งเทมปุระจานนี้ทางรีสอร์ทไม่ได้จัดมาให้ เราสั่งเอง
สั่งตามที่เคยเห็นรีวิวใน BP นี่แหละค่ะ แล้วก็ไม่ผิดหวัง อร่อยมากๆ เหมือนกัน เป็นอีกเมนูที่อยากกลับไปกินอีก

ขนมหวานอร่อยมากเช่นกัน ไอติมวานิลลาหอมสุดๆ ปกติไม่ค่อยชอบ แต่อันนี้เลิศจริงๆ

Green Tea Panna Cotta หอม นุ่ม อร่อยที่ซู้ด...

Cocktail และ Mocktail ก็อร่อยค่ะ คุณปลาวาฬเลือกสั่งมาให้ลองค่ะ
มีแก้วนึงเป็นกล้วยปั่นผสมกับอะไรไม่รู้ค่ะ เด็กจิ๋วตั้งหน้าตั้งตาดูดเกือบครึ่งแก้ว
ส่วนแก้วนี้เป็น Virgin Mohito เป็น Mohito ที่สุดยอดที่สุด ที่เคยกินมาค่ะ ใครไปที่นี่ ขอให้ลองนะคะ


มาดูบรรยากาศห้องอาหาร BarbaQ นะคะ

เที่ยงๆแบบนี้ ส่วนที่เป็น outdoor นั่งไม่ไหวค่ะ

วิวงามๆ ตอนเย็น แดดร่มลมตก น่าจะดีค่ะ

พาดูในครัวบ้างนะคะ 
ครัวที่นี่ดูสะอาดตามากค่ะ ถึงของจะเยอะ แต่ก็เป็นระเบียบน่ามอง
เป็นครัวเปิดค่ะ ลูกค้าสามารถมองดูเชฟเตรียมอาหารให้เราได้ค่ะ

นี่คือเตา Josper ที่เป็นสุดยอดแห่งเตาย่างค่ะ

แกะกับกุ้งที่เตรียมเป็นอาหารของเรา 
จะเห็นว่ากุ้งตัวใหญ่มาก

หลังอาหาร เจ้าหน้าที่พาเราไปที่ Beach Pool ค่ะ 
เป็นสระว่ายน้ำที่วิวสวยมากๆอีกที่ค่ะ 
มองไปทางขวาจะเห็นหมู้วิลล่าที่เราพักค่ะ ส่วนบนสุดนั่นเป็น Baba Nest เป็นบ้านส่วนตัวของครอบครัวคุณปลาวาฬ และเป็นร้านอาหารด้วยค่ะ (ตอนที่เราไปกำลังสร้างอยู่นะคะ ยังไม่เสร็จ)

บริเวณ Beach Pool

ที่นี่จะมีผ้าขาวม้าวางไว้ให้คู่กับผ้าขนหนูค่ะ ผ้าเช็ดมือในห้องน้ำก็เป็นผ้าขาวม้าค่ะ เก๋ดี

เสร็จจาก Beach Pool ก็มาดูบ้าน type Pool Villa (PV) กันบ้าง
บ้าน Type นี้จะอยู่บริเวณเดียวกับ Baba Dining Longue เป็นตึกที่ใช้เป็นห้องอาหารเช้า และห้องสมุดค่ะ

บ้าน type Pool Villa แบบนี้จะเหมือนๆ กับที่เราพัก แต่สร้างก่อน คือเก่ากว่านั่นเอง 
ตรงที่เราพักเรียกว่า Luxury Villa (LV) ต่างกันที่วัสดุ และการตกแต่งภายในค่ะ
เข้าไปดูแล้ว ก็ไม่รู้สึกว่ามันเก่าตรงไหนเลยนะคะ ต้องยอมรับว่าทางรีสอร์ทดูแลรักษาได้ดีมากๆค่ะ

ช่วงบ่ายๆ พี่สาวเรามีนัดทำสปาที่ Cool Spa ค่ะ

ตัวตึกภายนอกของ Cool Spa เป็นสีน้ำเงินสดใส ภายในก็ตกแต่งสวยงามมากค่ะ

ชั้นแรกที่เดินเข้ามาจะเป็นชั้นบนสุด ทำเป็นบ่อน้ำตื้นๆ
ชั้นล่างเป็นห้องสปา โดยมีหลังคาเป็นบ่อน้ำที่ว่าค่ะ

ลานเล่นโยคะ วิวงามมาก

เข้ามาในห้องทำสปาละ

เริ่มด้วยการล้างและนวดเท้า

พี่สาวเราเลือกสปามะม่วง แลดูเหมือนของกินมากกว่านะเนี่ย

อ่างน้ำในห้องสปา พี่สาวเราไม่ได้ลง เพราะแพ็กเกจที่เลือกไม่มีแช่อ่างค่ะ

พระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าแล้ว เรามีนัดกับเจ้าหน้าที่พาขึ้นไปชมวิวที่บน Baba Nest
ที่น้องเค้าต้องพาขึ้นไปเพราะบนนั้นยังมีการก่อสร้างอยู่ ยังไม่เสร็จค่ะ แต่ ณ ตอนนี้คาดว่าคงเสร็จแล้ว
รูปนี้ถ่ายที่บ้านพักเราค่ะ ระหว่างรอน้องเจ้าหน้าที่

แสงสวยๆเข้ามาให้ห้องนอน

ท้องฟ้ากับน้ำทะเลสีสวยๆ

หน้าห้องนอนอีกซักรูป

จากบ้านที่เราพัก เดินขึ้นมานิดเดียวก็ถึงบน Baba Nest แล้ว
บนนี้เป็นตึกใหญ่ ซึ่งต่อไปจะเป็นห้องอาหารญี่ปุ่น และ Cocktail Sunset และอีกส่วนจะเป็นบ้านส่วนตัวของครอบครัวคุณปลาวาฬ

บนตึกนี้มีสระว่ายน้ำหลายสระมาก 
วิวพระอาทิตย์ตกบนนี้ก็สวยงามจริงๆ

เด็กจิ๋วยังไม่ยอมตื่น

ที่ศรีพันวา จะมีหมาน้อยสีขาวอยู่ตัวนึง ชื่อเจ้าหลง เพราะว่าหลงเข้ามาในรีสอร์ทตั้งแต่เล็กๆ 
ก็เลยได้มาอยู่ศรีพันวา น่าอิจฉาจริงๆเลย ได้อยู่ที่สวยๆ อากาศดี ดูเจ้าหลงวิ่งเล่น พาเราขึ้นมาดูพระอาทิตย์ตกดินด้วย แล้วรู้สึกว่าทั้งคน ทั้งหมาที่นี่ มีความสุขจัง




กลับลงมาจาก Baba Nest มาถ่ายรูปที่บ้านเราต่อค่ะ

มุมมองจากศาลา

วิวทะเลยามค่ำคืน

สระว่ายน้ำที่นี่เป็นน้ำเกลือทั้งหมดนะคะ

มุมนี้มองมาจากตรง Outdoor Shower

เหมือนนอนอยู่บนน้ำ

ระบบไฟในบ้าน เป็นแบบอัจฉริยะ ทีแรกก็งงว่ามันอัจฉริยะตรงไหน
กดอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ พอตอนหลังเข้าใจมัน ก็จะพบว่ามันดีมากเลย

นอนดูทะเล


ห้องนี้พี่สาวนอนค่ะ ตอนนอนสามารถดึงม่านลงมาปิดได้รอบด้านค่ะ

มุมนี้มองจาก daybed ในห้องนั่งเล่น

เช้าวันรุ่งขึ้น ปะป๊าตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นคนเดียว ขึ้นไปบน Baba Nest อีกแล้ว

บนนี้ดูวิวได้ 360 องศาค่ะ ดูได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตก

ปะป๊าบอกว่าถ่ายพระอาทิตย์ตก สวยกว่าขึ้น เพราะว่ามันมีเขา มี object ให้ถ่ายมากกว่า แต่เราว่าถ่ายผ่านต้นไม้นี้ก็สวยดีนะ


บ้านพักมองจากภายนอก เป็นส่วนตัวดีมาก

ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว เราก็นั่งรถกะป๊อไปทานกันที่ Baba Dining Lounge

เฟร้นช์โทสอร่อยมาก

Egg Benedict ซอสจะออกกระเทียมๆหน่อย เราไม่ชอบ แต่คุณสามีบอกว่าซอสอร่อยมาก

เรานั่งทานกันด้านในค่ะ เย็นกว่า ด้านนอกวิวดี แต่ออกจะร้อนไปหน่อย
อาหารเช้าที่นี่มีทั้งส่วนที่เป็นไลน์บุฟเฟต์ และสั่งจากเมนู ซึ่งจะสั่งเท่าไหร่ก็ได้
อาหารอร่อยทุกอย่างค่ะ

ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว มาถ่ายรูปกันตรงบริเวณห้องสมุด





กลับห้องมา เตรียมลงน้ำละ เด็กจิ๋ว

ฉะโงกดูซะหน่อย จะตกลงไปมั้ยน้อ

สนุกสนานมาก



ช่วงบ่าย แดดแรงพอควร ปะป๊ากับคนอื่นๆ ก็ลงไปที่ beach 
ส่วนแม่เฝ้าเด็กจิ๋วนอนหลับ เลยลงไปไม่ได้ (เป็นข้อแก้ตัวในการหลบแดดที่ดีมาก)



Jetty สำหรับจอดเรือ ปะป๊าลองเดินไปแล้ว บอกว่ามึนมาก

ด้านริมๆ จะมีหินเยอะ

บันไดทางลงชายหาด

แดดแรงดีจัง โชคดีที่ไม่ลงไปด้วย เพราะขึ้นมาแล้วปะป๊าบ่นแสบแขนใหญ่เลย




ตอนเย็นวันที่สองนี่ เราไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพกัน
ความจริงมาภูเก็ตก็หลายครั้งแล้ว ไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรหมเทพทุกครั้งเลย 
แต่ก็ยังไม่เคยเห็นมันตกซักที เพราะไปทีไร ฟ้าปิดตลอด

วันนั้นที่ไปก็นับว่าประสบความสำเร็จ 
เพราะถึงแม้จะมีเมฆมาก แต่ก็แอบมีรูโหว่ พอให้แสงสวยๆลอดผ่านมาได้บ้าง





กลับมาจากแหลมพรหมเทพ ก็แวะถ่ายรูปไฟยามค่ำคืนที่ Baba Pool Club หน่อยค่ะ



เราทานข้าวกันมาจากที่แหลมพรหมเทพแล้ว เลยไม่ได้ใช้บรรยากาศที่ Baba Pool Club ตอนกลางคืนค่ะ 
กลับมาแล้วก็เสียดายมาก น่าจะไปนั่ง dinner ที่นี่กันซักมื้อ


Baba88 เป็นบาร์เหล้าและเครื่องดื่ม

ช่วงเวลาแห่งความสุขมันผ่านไปไวจริงๆ 
วันนี้เราต้องกลับบ้านกันแล้ว
วันนี้ปะป๊าถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นที่ศาลาบ้านพักเราเอง 
แล้วก็ลงไปถ่ายที่ beach ด้วย ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่

นี่ถ้าได้อยู่บ้านหลังริมที่มีต้นไม้หลังนั้น วิวคงงามมาก 
บ้านเราอยู่ทิศนี้ เลยเห็นได้แค่นี้

มองจากชายหาดขึ้นมา สวยจริงๆด้วย ตามที่เจ้าหน้าที่บอก



เด็กจิ๋วตื่นแล้ว นั่งเล่นรับวิตามินดียามเช้า

เตรียมช้อนส่วนตัวมากินข้าวด้วย

ซนมาก ปีนโน่น รื้อนี่ จับนั่นตลอด ต้องคอยห้าม อย่าโน่น...อย่านี่.. อย่านั่น...
เด็กจิ๋วเลยทำท่า "ห้าม" "อย่าทำ" บ้าง

กินดอกกล้วยไม้เข้าไป แลบลิ้นยาวเลย

โหนรถกะป๊อกับบ้านพัก

เล่นน้ำอีกรอบ ก่อนกลับ

ก่อนกลับ แวะมา check out ที่ Baba Pool Club
ระหว่างรอพวกเราลงไปซื้อของที่ระลึกที่ร้าน Yaya 
ปะป๊าก็ถือโอกาสเก็บภาพสวยๆ อีกรอบ

เราหวังไว้ว่าจะได้กลับมาเที่ยวที่นี่อีกซักครั้ง

อยากพาอากงกาม่าเด็กจิ๋วมาด้วย 
อาม่าเห็นรูปแล้วน้ำลายหก อยากมามาก
แต่แม่คงต้องเก็บตังค์อีกนาน



บ๊าย บาย ศรีพันวา 
เป็นที่พักที่ประทับใจมากที่สุดที่เคยไปมาเลย
สมกับที่เคยฝันไว้เลยค่ะ

จบแล้วค่ะ การเดินทางอันแสนสุขของเรา 
ทริปนี้เป็นทริปที่น่าประทับใจไม่รู้ลืมค่ะ
เด็กจิ๋วต้องบ้ายบายไปก่อนนะคะ พบกันใหม่ทริปหน้า ที่ Haven หัวหินค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น