วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

เด็กจิ๋ว@Sedhapura, โขงเจียม

น้องพริมได้ไปเที่ยวไกลสุดในชีวิต --> เศรษฐปุระ โขงเจียม อุบลราชธานี 
เด็กจิ๋วต้องนั่งรถนาน ๖-๗ ชั่วโมงเลยนะครั้งเนี่ยะ นานที่สุดในชีวิตเลย ต้องรอลุ้นกันว่าจะเป็นยังไง

ปลายทางของทริปนี้คือ เศรษฐปุระ รีสอร์ทไฮโซริมแม่น้ำโขง อ.โขงแจียม ห้องที่เราจะไปพักราคาเต็ม ๓๐,๐๐๐ บาท บ้าไปแล้ว ! อะไรจะแพงขนาดนั้น นี่ถ้าไม่ได้ไปฟรีจากโครงการรีวิวของ Thailand Boutique Hotel 2010 ก็คงไม่มีบุญได้ไปพัก วันพฤหัสเพิ่งรู้ว่าจะได้ไป พอวันศุกร์ก็รีบเก็บข้าวของหอบหิ้วเด็กจิ๋วออกเดินทางทันที
แถวโขงเจียมเนี่ยะ ปะป๊ากับคุณแม่เคยมาบ่อยแล้ว เรียกได้ว่าบ่อยกว่าไปเซ็นทรัลชิดลมอีก ครั้งล่าสุดเมื่อ ๔ ปีที่แล้ว มีน้าเอ๋ร่วมทริปด้วย ไปนอนค้างกันที่บ้านเคียงน้ำ ราคาห้องละ ๔๐๐ บาท นอนได้ ๓ คน มีอาหารเช้าให้ด้วย ปะป๊ากับน้าเอ๋ เล่นกินอาหารเช้าเค้าจนเกลี้ยงโรงแรมเลย จนเค้าต้องรีบขี่มอเตอร์ไซต์ไปซื้อมาเพิ่มให้ เนี่ยะหรูแล้วนะ ถ้าก่อนหน้านั้นอีก ก็นอนเต็นท์กลางป่าแบบไม่มีห้องน้ำอ่ะที่ภูจองนายอย




วันศุกร์ เราเริ่มออกเดินทางกัน ๔ โมงเย็น ยังไม่ถึงรังสิตเลย เด็กจิ๋วก็กรี๊ด กรี๊ด อาการแบบนี้ ชัวร์แล้ว ต้องรีบหาปั้มน้ำมันแวะเช็ดอึ๊ พอเช็ดเสร็จก็นอนหลับสบาย มาตื่นอีกทีแถวๆโคราช ก็ต้องแวะปั้มให้กินนม แล้วก็พาเดินย่อย ตอนพาเดินเข้าไปใน 7-11 เด็กจิ๋วเป็นอะไรไม่รู้เกาะปะป๊ากับคุณแม่แน่น แล้วก็หันซ้ายหันขวาพรึ่บพรับ อารมณ์เหมือนกับกลัวแล้วก็หวาดระแวงว่าที่นี่ที่ไหน ปะป๊ากับคุณแม่จะเอาหนูมาปล่อยทิ้งไว้ที่นี่ใช่ไม๊ แล้วใครเล่นด้วยก็ไม่ยิ้มตอบเลย
สงสัยว่าเด็กจิ๋วยังหวาดระแวงอยู่ คราวนี้ไม่ยอมหลับแล้ว นั่งตาค้างมาตลอดทางเลย คุณแม่ก็กล่อมไปกล่อมมาจนตัวเองหลับไป ปะป๊านั่งอยู่เบาะหน้าขับรถอยู่ มองผ่านกระจกพิเศษ เห็นเด็กจิ๋วนั่ง Car Seat อยู่ด้านหลัง ข้างๆมีคุณแม่ที่หมดสภาพนอนสลบอยู่ เด็กจิ๋วนั่งจ้องหน้าปะป๊ากลับมา แล้ว ๒ พ่อลูกก็พูดในใจว่า อ้าว!...เอาแล้วไง คุณแม่...ไปซะแล้ว...เอาไงล่ะทีนี้ เหลือเราอยู่ ๒ คนท่ามกลางความมืด
ขอแสดงความยินดีกับคนอีสานด้วย บ้านคุณไม่ได้แห้งแล้งอีกต่อไปแล้ว เพราะระหว่างทางที่ขับรถมาจนถึงอุบลฯ ฝนตกตลอดทาง ปริมาณน้ำฝนวันนี้ คงพอทำนาข้าวได้ตลอดทั้งปี ตอนเช้าปะป๊าอุตส่าห์เอารถไปล้าง กะว่าได้ขับรถเอี่ยมๆไปเที่ยวแล้วจะมีความสุข พอเลี้ยวออกจากซอยบ้านปุ๊บ ฝนก็มาปั๊บเลย ขอบคุณมาก
มาถึงอุบลราชธานีตอนเที่ยงคืน แวะพักที่โรงแรมทอแสง ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือเดียวกันกับเศรษฐปุระ นอนเอาแรงไว้ก่อน พรุ่งนี้จะตื่นแต่เช้าตรู่ รีบไปเศรษฐปุระเร็วหน่อย กะเอาให้คุ้มกันเลยทีเดียว
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนที่เด็กจิ๋วยังไม่มาอยู่ด้วย ปะป๊ากับคุณแม่ก็คงจะออกจากกรุงเทพฯเที่ยงคืน แล้วมาถึงปลายทางตอนเช้า ทำกันแบบนี้ประจำ ทริปที่โหดสุดน่าจะเป็นขับรถวนรอบแม่ฮ่องสอน ไปทั้งห้วยน้ำดัง ปาย ปางมะผ้า ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน ถ้ำน้ำแข็ง ไปกันแค่เสาร์อาทิตย์ ๒ วัน ส่วนพวกเลย ชัยภูมิ ก็ไปเช้าเย็นกลับกันเป็นว่าเล่น ถ้าสมัยก่อนที่ยังไม่มีจาน่า ไจโร ก็ไปกันทั้งตระกูลเลย
เช้าแล้วก็ไม่ยอมจะตื่นกันเลย ตื่นมาแล้วก็ไปมัวแต่ไปนั่งกินอาหารเช้ากันเป็นชั่วโมง ชอบอาหารเช้าที่นี่ กินไข่กระทะกันไป 5กระทะ ขนมปัง... อีก 5 อัน แล้วก็ยังมีอาหารเวียตนามอย่างอื่นอีกนิดหน่อย เริ่มฝันหวานถึงอาหารเช้าพรุ่งนี้แล้ว คงจะต้องเทพกว่านี้มาก
วันนี้คุณแม่ใจดีลองป้อนแตงโมให้เด็กจิ๋วกัน หลังจากยัดเข้าปากไป เด็กจิ๋วก็ทำหน้าตาประหลาดมาก ปะป๊าก็ขำ หัวเราะก๊ากๆ ทันใดนั้น เด็กจิ๋วอ้วกแตก เลอะทั้งเสื้อทั้งรถเข็นเลย คุณแม่อุตริมากๆ ลองวันไหนก็ไม่เอามาลองวันนี้

กว่าจะปราบเด็กจิ๋วเสร็จ ออกจากโรงแรมขับรถต่อไปอีก ๑ ชั่วโมง ถึงโขงเจียมก็เที่ยงแล้ว เศรฐปุระอยู่ห่างจากอุทยานแห่งชาติผาแต้มประมาณ 20 กิโลเมตร ก่อนเข้าก็แวะน้ำตกสร้อยสวรรค์ ด้วยความที่อยากพาเด็กจิ๋วไปดูน้ำตกแรกในชีวิตซะหน่อย

ตอนขับรถมาจากกรุงเทพฯ ใช้ GPS นำทาง รู้สึกชอบมาก เพิ่งเคยใช้นำทางออกต่างจังหวัดไกลๆแบบนี้ เพียงใส่เบอร์โทรศัพท์ของโรงแรม ก็สามารถนำทางมาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องใช้คุณแม่นำทาง ก็พอไหวอ่ะนะ แต่พอเข้าเมืองทีไหร่ หลงทุกที หาทางออกไม่เจอ ต้องพึ่งพาชาวบ้านแถวนั้น ตอนขับรถไปน้ำตกสร้อยสวรรค์ก็ใช้ GPS อีกเหมือนกัน แต่ครั้งนี้ไม่ชอบแล้ว มีเคืองมันด้วย ก็ไม่ยอมพาไปทางธรรมดา เล่นพาไปทางลัดเลาะ วิ่งจะทะลุบ้านคนอยู่แล้ว ทางก็กันดารมากๆ คือคนทั่วไปไม่มีใครมาใช้เส้นนี้เลย ทำความเร็วได้ 20 km/hr เด็กจิ๋วนั่งพยักหน้ามาตลอดทาง งงเลย
ที่จริงน้ำตกสร้อยสวรรค์ไม่ค่อยสวยหรอก ที่เด็ดจริงๆคือทุ่งดอกไม้กินแมลงบริเวณเหนือน้ำตก แต่ต้องรอเดือนหน้าถึงจะยอมออกดอกกัน ปะป๊ากับคุณแม่ก็เตรียมข้าวของสัมภาระสำหรับเดินเข้าน้ำตกอยู่นาน เพราะมีทั้งอุปกรณ์ถ่ายรูป สัมภาระของเด็กจิ๋ว แล้วก็น้ำดื่ม ลืมเอารองเท้าแตะมาก็รีบไปหาซื้อกันใหญ่ เข้าห้องน้ำห้องท่าเตรียมตัวอย่างดี กว่าจะได้ฤกษ์เริ่มเดินเข้าน้ำตกซะที เดินลงไปได้ 10 ก้าว คุณแม่บอกว่า ไม่ไปแล้ว อ้าว! แล้ว... เอ่อ...คุณแม่บอกว่ากลัวทำเด็กจิ๋วหล่น ด้วยความที่เสียดายตังค่ารองเท้าแตะที่เพิ่งซื้อมา ปะป๊าก็เลยทิ้งคุณแม่กับเด็กจิ๋วไว้ แล้วรีบวิ่งลงไปถ่ายรูปที่น้ำตกคนเดียว

ที่ น้ำตกสร้อยสวรรค์นี้ เมื่อสมัยที่ปะป๊ากับคุณแม่มากันครั้งแรก จะพยายามไปถ่ายรูปดอกไม้กินแมลง ซึ่งรู้มาว่าอยู่ด้านบนน้ำตก ตอนนั้นไปกับเพื่อนๆหลายคน ก็ชวนกันปีนน้ำตกขึ้นไป ทางปีนขึ้นยากมาก ขนาดปะป๊ายังถอดใจบอกว่าไม่เอาแล้วดีกว่า เสียวจะตกหน้าผาตายเอา แต่เพื่อนๆก็ให้กำลังใจกัน ไหนๆก็มาแล้ว เราต้องทำมันให้ได้ ก็ให้กำลังใจกันไป ปีนป่ายกันไป ช่วงที่ใกล้จะถึงยอด ก็ได้ยินเสียงนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นแว่วเข้ามา ทำให้เริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ตอนแรกคิดว่ายากขนาดนี้คงไม่มีใครขึ้นมากันหรอก แต่พอรู้ว่ามีคนอยู่บ้างบนก่อนเราแล้วก็รู้สึกดี พอปีนขึ้นมาถึงข้างบน มันเหมือนกับพวกเราได้เอาชนะความยากลำบากทั้งหมดในชีวิตได้ ภาพแรกที่เห็นนั้น ทำให้ทุกคนถึงกับยืนอึ้งกันเป็นไก่ตาแตก มองหน้ากันไปมา อารมณ์ตอนนั้นแบบพูดไม่ถูกจริงๆ ภาพที่เห็นคือนักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่เต็มลานดอกไม้ ยังกับเดินเล่นสวนจตุจักร ทั้งเด็ก สตรี และคนชรา ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้มีความสามารถกันนะ สักพัก ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซต์แว้นมา ... ไม่ใช่แล่ะ เดินไปถามคนหน่อยดิ๊ ว่าขึ้นมายังไงกัน ... อ๋อ...คือ ไม่มีใครปีนน้ำตกกันมาซักคน จะปีนทำไม ก็จอดรถตรงเนี้ยะ เดินเข้ามา ๑๐๐ เมตรก็ถึงแล้ว ??? เสร่อกันมากอ่ะ อายกว่าจะถึงเศรษฐปุระก็บ่าย 2 คุณเจ้าของรีสอร์ทให้ความใส่ใจพวกเราดีมาก มีการโทรศัพท์มาสอบถามด้วยว่าถึงไหนแล้ว
เศรษฐปุระเป็นรีสอร์ทขนาดเล็กมากที่แยกตัวออกมาจากโรงแรมทอแสงโขงเจียม ทางเข้าอยู่ห่างกันแค่ 100 เมตร มีการกั้นกำแพงรั้วสูงรอบรีสอร์ทเป็นสัดส่วนมาก ลานจอดรถขนาดความจุ 10 คัน ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้า
ประตูทางเข้ารีสอร์ทเป็นบานไม้ทึบ เมื่อเปิดเข้ามาในรีสอร์ท ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคุ้มเจ้านางอะไรสักอย่าง
เนื่องจากไม่มีความรู้ทางด้านสถาปัตยกรรมาและการออกแบบ แต่เท่าที่ดูก็รู้สึกว่ามีการผสมผสานวัฒนธรรมของไทย ลาว เขมร เวียตนาม และจีนเข้าไว้ด้วยกัน
มีการใช้โลหะผสมไม้ในการตกแต่ง
การออกแบบและตกแต่งสถานที่ เรียกว่าอลังการมาก
Welcome Drink ของที่นี่เป็นน้ำมะพร้าวอ่อน รสชาติดีได้มาตรฐาน พร้อมกับผ้าเย็นกลิ่นตะไคร้จางๆ ให้ความรู้สึกว่าที่นี่ยุ่งเยอะแน่ๆ
ห้องพักทั้งรีสอร์ทแห่งนี้ มีเพียง 4 หลังเท่านั้น และเป็นแบบบ้าน Pool Villa ทั้งหมด เรียกว่ามีความเป็นส่วนตัวมากๆ และที่ส่วนตัวที่สุดก็คือวันนี้ 3 หลังว่าง มีเพียงเรา 3 พ่อแม่ลูกอยู่ตามลำพังในรีสอร์ทแห่งนี้ กับพนักงาน น่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ชีวิต เริ่มคิดในใจว่าเราจะดำรงชีวิตอย่างไรใน 2 วันที่เหลือนี้  
คุณเจ้าของรีสอร์ทใจดีมาก จัดบ้านหลังที่ดีที่สุดให้เรา เป็นบ้าน 2 ชั้น วันนี้ปะป๊า tip พนักงานบริการไป 200 บาท มากที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมา เพราะเกรงว่าจะไม่สมกับฐานะของรีสอร์ท
หน้าบ้านมีโซฟาเบดแบบกลมขนาดใหญ่ นั่งกันได้ทั้งครอบครัว ตั้งอยู่ริมสระว่ายน้ำ เด็กจิ๋วชอบมาก
สระว่ายน้ำส่วนตัวที่นี่ใหญ่ใช้ได้ หน้าตาดี มีท่อพ่นน้ำแบบจากุซซี่ด้วย ต่างจากที่เขาแผงม้าเยอะ อันนั้นเห็นแล้วไม่แน่ใจว่า จะมีหมาจรจัดลงว่ายเล่นก่อนเรามาหรือเปล่า
เข้ามาในตัวบ้าน พบกับ Welcome fruit แบบหน้าตาไม่คุ้นเคย ปกติเคยเจอแต่กล้วยกับส้ม หรือถ้าตามฤดูกาล ก็จะมีเงาะขนดำ มังคุดบ้าง อะไรทำนองนี้ อันนี้มาแบบเต็ม ทั้งแอปเปิ้ล และลูกแพร
บ้านใหญ่มาก นี่ให้เราอยู่กัน 3 คนจริงๆเหรอ ปะป๊าว่าพาทั้งออฟฟิตมาอยู่ยังได้เลย
ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่นขนาดเกือบ 50 ตารางเมตร มีอุปกรณ์ครบตามมาตรฐาน โซฟาเบดจะเยอะไปไหน ให้อยู่แค่ ๒.๕ คน
เครื่องดื่มในตู้เย็นฟรีทั้งหมด ไม่ใช่ว่าจะมาวางล่อไว้เผื่อใครเผลอกินน้ำเปล่าขวดละร้อยแบบที่รีสอร์ทอื่น เสียดายปะป๊าไม่กินทั้งน้ำอัดลมทั้งเบียร์ ผลไม้แอปเปิ้ลลูกแพรก็ไม่ได้แตะเลย
เดินเข้าห้องน้ำ แล้วต้องร้องโอ้โห ใหญ่กว่าห้องนอนบ้านเราอีก
แบ่งเป็นข้างในกับข้างนอก ข้างในมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่
ข้างนอกมี Shower แบบ Out door มีกำแพงสูงล้อมรอบแบบสบายใจได้

ขึ้นไปชั้น ๒ เป็นห้องนอนอย่างเดียว มีหน้าต่างบานใหญ่มองเห็นวิวแม่น้ำโขง  
มีห้องน้ำเล็กๆให้อีกห้อง ทีวี ดีวีดี ก็มีให้อีกชุดหนึ่ง
โชคดีที่ในบ้านไม่ได้แต่งแบบล็อบบี้ ถ้าแต่งห้องนอนเป็นคุ้มเจ้านางนี่ ปะป๊าไม่นอนจริงๆนะ
เตียงนอนกับผ้าปูที่นอนก็จัดว่าดี แต่สู้ที่ Rest Detail ไม่ได้
รีสอร์ทนี้อยู่ติดกับแม่น้ำโขง น่าจะตะโกนคุยกับเพื่อนบ้านชาวลาวฝั่งตรงข้ามได้เลย
ได้เวลาอาหารเย็น เดินออกไปที่ล็อบบี้ ทางรีสอร์ทจัดโต๊ะไว้ที่ระเบียง มองเห็นวิวริมแม่น้ำโขง บรรยกาศดี แบบอารมณ์โรแมนติกสุดๆ แต่...
เสียใจด้วยครับ คนบ้านนี้ไม่เอาบรรยากาศ เอาอิ่มอย่างเดียว ก็เลยให้เค้ายกอาหารทั้งหมดกลับไปกินในห้อง เค้าจะงอนไม๊นะอาหารอร่อยเลยแหล่ะ มี ๓ อย่าง หลนบักนัตอร่อยมาก ต้มยำปลาจวก(ปลาแม่น้ำโขง) แล้วก็ไส้อั่ว
ขนมหวานเป็นกล้วยหอมทอดกับไอศครีมวนิลา

กลับเข้าห้องพัก งงเนิดหน่อย เจอ Turn Down ของที่นี่เข้าไป คือรองเท้าแตะเราเอาออกมาใช้อยู่ จะตามเก็บใส่ถุงใส่ห่อซ่อนเข้าตู้ไว้เหมือนเดิมทำไม 
นอกจากนี้ยังมีมาจุดเทียนสร้างบรรยากาศไว้ทั่วบ้าน ที่จริงทั่วรีสอร์ทเลยแหล่ะ ทั้งโคมตะเกียง แล้วก็เทียนเทอนอะไรเต็มไปหมด เผารีสอร์ททั้งหลังได้อ่ะ รวมกันทั้งรีสอร์ทคงหมดไปเป็นพันอ่ะ กับค่าเทียนที่จุดให้เรา ๓ คน
ที่สระว่ายน้ำหน้าบ้าน ก็มาเปิดท่อพ่นจากุซซี่ให้ พร้อมไฟสวยงาม เปิดไว้ตลอดทั้งคืน !!! กะว่าสร้างบรรยกาศสุดๆ แต่ว่า...พวกเราเดินผ่านเข้าบ้าน ปิดผ้าม่าน มองไม่เห็น แล้วไม่ออกไปอีกเลย ??? กลัวยุงกัด สำนึกผิดเหมือนกันนะ 
คุณแม่ไปขอ password เข้าเน็ตมา เค้าจดใส่กระดาษให้ เด็กจิ๋วถือเล่นไปมา แล้วก็กินกระดาษเข้าไป คุณแม่รีบล้วงคอ หยิบได้ออกมารีบเอามาต่อจิ๊กซอดู เออครบ รอดไปนะเด็กจิ๋วบริกรที่คอยบริการเราชื่อคุณช้าง บริการดีมาก เอาใจเราตลอดเวลา แต่...ทั้งรีสอร์ท ก็มีเราอยู่กลุ่มเดียว ก็คงไม่รู้จะไปบริการใครแล้ว ตอนกลับ คุณแม่ทนไม่ได้ต้องทิ๊ปเพิ่มไปอีก ๓๕๐ บาท  รวมค่าทิ๊ปแล้ว ๕๕๐ บาท แพงกว่าค่าเข้าพักที่บ้านเคียงน้ำอีก
ว่าจะตื่นเช้าก็ไม่สำเร็จอีกแล้ว ตื่นกัน ๙ โมง รีบไปกินอาหารเช้า
เนื่อง จากที่นี่แขกพักน้อย(มาก) เลยไม่ได้จัดไลน์บุฟเฟ่ต์ ถ้าอยากเดินไปกินที่ทอแสงข้างๆก็ได้ แต่คุณช้างเอาเมนูให้เลือก คืออยากสั่งอะไรก็ได้เท่าไหร่ก็ได้ แล้วเขาจะจัดไว้ให้
คุณ ช้างจัดโต๊ะอาหารเช้าสวยงามชมวิวแม่น้ำโขงอีกแล้ว แต่วันนี้อากาศร้อน ฝนกำลังจะตก แมงปอบินว่อนเลย ลังเลอยู่นานว่าจะให้เค้าย้ายอาหารไปกินในห้องอีกดีไม๊ แต่เกรงใจมากๆ เลยขอพัดลมมาแทน
อาหารค่อนข้างจะไฮโซนิด อาทิ ABF แซนวิส สลัด เฝอ(คุณแม่บอกอร่อยมาก) ขนมหวานก็มีพุดดิ้งช็อคราดซอสสตอ กับเครปเชอร์รี่ ที่จริงคุณแม่อยากกินแบบพื้นๆมากกว่า พวกหนมเบื้องญวน ปากหม้อญวน
อาหารมากันเยอะ กินไม่หมด เกรงใจมาก นี่ขนาดลดลงแล้วนะ ตอนแรกคุณแม่เลือกไว้เยอะกว่านี้อีก
กิน อาหารเช้าอาบเหงื่อกันเลย ปะป๊าแวะเข้าห้องน้ำที่ล็อบบี้ อ้าว! ห้องน้ำติดแอร์เย็นฉ่ำ รู้นี้มานั่งกินอาหารเช้าในห้องน้ำดีกว่า แต่สงสัยมาก เค้าเปิดแอร์ห้องน้ำให้เราโดยเฉพาะเลยเหรอ ก็ทั้งรีสอร์ทไม่มีใครอยู่นี่ เปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อวานเราก็ไม่ได้ใช้ โชคดีวันนี้ใช้ทีนึง เสียดายค่าไฟมากๆ

กลับ เข้าห้องพัก คุณแม่จะลงเล่นน้ำที่สระหน้าบ้านซะหน่อย เมื่อวานก็ไม่ได้เล่นเลย พอจะลง อ้าว ท่อพ่นจากุซซีดับไปแล้ว สงสัยเปิดทิ้งไว้ทั้งคืน เจ๊งไปแล้วมั้ง ไปตามช่างมาซ่อม ช่างคงคิดในใจว่าเมื่อคืนเปิดให้ทั้งคืนก็ไม่เล่น มาเล่นตอนที่มันพังแล้ว
คุณ ช้างบอกว่าบ้านเจ้าของรีสอร์ทอยู่ติดกันนี่เลย ทางเข้าเดียวกัน เค้าเปิดที่นี่ไว้รองรับแขกส่วนตัวเป็นหลักมั้ง แล้วค่อยๆขยายทำเป็นรีสอร์ท ปกติคนเข้ามาพักก็ไม่ค่อยเต็ม ๔ หลัง มากันครั้งละหลังสองหลัง แล้วมีคุณช้างเป็นคนดูแลประจำที่นี่คนเดียว พนักงานอื่นใช้ของทอแสง โขงเจียม
ออกจากรีสอร์ท ก็ขับรถพาเด็กจิ๋วไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกซะหน่อยที่ช่องเม็ก หลังจากที่ผิดหวังกับน้ำตกแรกมาแล้ว พอไปถึงปรากฎว่าฝนตกก็เลยไม่ได้ข้ามไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น