วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เด็กจิ๋ว@เชียงราย 2012

...คุณแม่พยายามเกลี้ยกล่อมปะป๊าไม่ต่ำกว่า 30 ครั้งให้บินไปเชียงราย แต่ปะป๊าไม่ยอม
เพราะว่าขับรถไปสนุกกว่า เวลาที่ใช้ในการเดินทางจริงๆแล้วก็ไม่ต่างกันมาก เพราะถ้าบิน
ไปก็ต้องเสียเวลาเดินทางไปสนามบิน นั่งรอ ติดต่อธุรกรรมต่างๆ กว่าจะไปเอารถเช่า ลอง
คิดดูแล้ว ขับรถไปอาจใช้เวลามากกว่าบินไปแค่ 2 ชั่วโมง นี่ขนาดว่าไม่รวมเครื่องดีเลย์นะ
ที่คุณแม่กลัวการนั่งรถมากๆเลยคือกลัวผีเวลาเดินทางกลางคืน คราวนี้เราเลยออกกันตอน
ตี 4 เด็กจิ๋วตื่นมาพักหนึ่ง เปิดพี่เบิร์ดให้นั่งดูไปเรื่อยๆ ชั่วโมงกว่าถึงจะหลับไป ตื่นมาอีกทีก็
ตอนเช้าๆ แวะกินข้าวเช้าที่ 7-11 ไปถึงเมืองเชียงรายตอนเที่ยงๆ
...แวะกินข้าวเที่ยงที่ร้านหลู้หลำ เด็กจิ๋วเคยมากินร้านนี้กับน้าเอ๋ครั้งที่แล้ว วันนี้ไม่ยอมนั่งที่
โต๊ะเลย ลากปะป๊ากับคุณแม่ผลัดกันไปดูปลาที่หน้าร้าน ปะป๊าพาไปดูแล้วนับ 1 ถึง 20 ให้
กลับมากินข้าวที่โต๊ะ 1 คำ แล้วกลับไปดูต่อ กว่าจะอิ่มกันทุกคนก็ใช้เวลานานเลย
...จุดหมายแรกคือไร่ชาฉุยฟง จากเมืองเดินทางต่อไปอีกนานเลย ระยะทางประมาณ 60 โล
แต่ใช้เวลามากเพราะเป็นทางเขา ยิ่งตอนจะเข้าที่พักยิ่งเป็นทางแคบแบบสวนกันไม่ได้ กว่า
จะมาถึงที่พักก็ 4 โมงเย็น ตอนแรกงงๆกับที่พักนิดหนึ่ง เพราะขับรถมาถึงไร่ชาแล้ว เข้ามาที่
โรงงานผลิตใบชา แต่หาบ้านพักไม่เจอ ปรากฎว่าบ้านพักก็อยู่ชั้นล่างของตึกผลิตใบชานั่น
เอง ห้องพักแย่กว่าที่คิดนิดหน่อย เป็นห้องเล็กๆแต่ก็สะอาดใช้ได้ ไม่ได้เหม็นอับ พวกผ้าปูที่
นอนกับปลอกหมอนก็พอรับได้ พอเข้าห้องพักเสร็จก็พากันออกไปเดินเล่นถ่ายรูปกัน ปะป๊า
กำลังอุ้มเด็กจิ๋วเดินเที่ยวอย่างมีความสุข อากาศก็เย็นๆกำลังสบายเลย เด็กจิ๋วคงจะง่วงมั้ง
ขัดใจนิดหน่อยก็อาละวาด จุดแตกหักก็คืออาละวาดเอามือมาตบหน้าปะป๊าดังเพี้ยะ ปะป๊า
โกรธจริง งอน คุณแม่ให้มาง้อก็ไม่หาย
...ตอนพระอาทิตย์ตกแล้ว ได้เวลากินข้าวเย็น คนดูแลห้องพักที่นี่เค้าจะเตรียมอาหารเย็นให้
รวมอยู่ในราคาห้องพัก 700 บาทต่อคนแล้ว ดูแล้วคล้ายๆ home stay แหล่ะ อาหารจัดเต็ม
ดี ปลาตัวหนึ่ง ขาหมู ผัดผักต่างๆอีก 3 จาน แล้วก็แกงจืด แต่รสชาติไม่ค่อยอร่อย กินๆแบบ
เกรงใจ กลัวเหลือเยอะ ขาหมูที่น่าจะอร่อยก็ไม่อร่อย มีผัดเห็ดที่อร่อยที่สุด ตอนระหว่างกิน
ข้าวอยู่ เด็กจิ๋วก็มาง้อปะป๊า ใช้มุขตลกเข้าใส่ เดินมาหาแล้วทำหน้าตลก ถามว่า ปะป๊าหาย
โกรธแล้วยัง ปะป๊าก็เล่นตัวอีกสักพักถึงจะหาย กะว่าเอาให้เข็ด ทีหลังจะได้ไม่กล้าตีคนอีก
พอหายโกรธกันแล้ว เด็กจิ๋วก็เข้ามากอดปะป๊าแน่น จุ๊บแก้มใหญ่เลย แบบว่าดีใจมากที่หาย
โกรธซะที
...ตอนเช้าอาการหนาวเย็น เด็กจิ๋วยิ่งเป็นโรคไม่ยอมห่มผ้าห่มอยู่ด้วย ต้องใส่เสื้อกันหนาว
หนาๆให้ ปะป๊าออกไปถ่ายรูปแต่เช้ามืดตามเคย กลับมาห้องตอนประมาณ 8 โมง คุณแม่
บอกว่าเสียดายมาก อยากออกไปดูทะเลหมอกบ้าง ปะป๊าเอารูปให้ดูสวยมาก แต่ต้องเฝ้า
เด็กจิ๋วอยู่ จะล็อคห้องทิ้งไปก็ไม่ได้ ขนาดตอนนอนยังกลัวว่าใครจะแอบเปิดประตูมาอุ้มไป
เลย ก่อนนอนคุณแม่เอากระเป๋าเดินทางใหญ่ๆมาวางขวางประตูห้องไว้ กะว่าถ้ามีโจรแอบ
บุกเข้ามาตอนเราหลับ จะได้มีเสียงดัง คือตั้งแต่เด็กจิ๋วหลงในห้างวันนั้น ก็ประสาทเสียไป
เลย
...อาหารเช้าเป็นบะหมี่ หมูทอด แล้วก็ข้าวเกรียบอะไรสักอย่าง อร่อยมาก ไม่เหมือนตอน
มื้อเย็น กินกันเกือบเรียบ ขอเติมข้าวเกรียบด้วย กินข้าวเสร็จก็เก็บของ เดินทางต่อ
...ขับรถมาอีกประมาณชั่วโมงกว่า มาถึงไร่ชาฉุยฟงอีกที่หนึ่ง ที่เมื่อวานนี้เป็นแบบอยู่ในหุบ
เขา เข้าอยากๆ เป็นแบบธรรมชาติ ปลูกต้นชาบนเขาสูงชัน แต่ของวันนี้เป็นแบบขับรถเข้า
ถึงง่ายๆ ปลูกต้นชาเป็นเนินเขาเตี้ยๆ กว้างเป็นเนินเขาหลายลูก เป็นระเบียบเรียบร้อย สวย
ทั้งสองที่ สวยคนละแบบ แต่ที่นี่ไม่มีบ้านพัก มีแต่ร้านชา ให้นั่งกินชมวิว ขับรถถ่ายรูปตาม
จุดต่างๆประมาณชั่วโมงหนึ่งก็ขับรถต่อเข้าที่พัก
...คาทิริยา อยู่ใกล้กับไร่ชาฉุยฟงมาก ประมาณ 5 โลได้ จากเมื่อวานที่อยู่กันแบบรันทด มา
วันนี้หรูหราไฮโซ แบบห้าดาว ห้องพักที่นี่แพงมาก 5 พันบาท เป็นห้องแบบ signature วิวดี
ที่สุดของรีสอร์ท ห้องกว้างมาก ต่างกับเมื่อวานราวฟ้ากับดินจริงๆ มีสระว่ายน้ำ 3 สระ อัน
แรกเป็นสระสี่เหลี่ยมธรรมดา อันที่สองเป็นสระเด็ก อยู่ใกล้ๆกับ kid club อันที่สามเป็นสระ
น้ำอุ่นกับจากุซซี่  เราเก็บของเข้าห้องเสร็จก็พาเด็กจิ๋วมาลงสระน้ำอุ่นทันที สระอื่นลงไม่ได้
เพราะน้ำเย็นมาก สระน้ำอุ่นที่นี่อุ่นจริงๆ ไม่เหมือนที่เชียงใหม่ มีสระน้ำอุ่นแต่ไม่ยอมเปิด
เด็กจิ๋วเจอพี่ๆมาเล่นน้ำด้วย เดินไปจ้องมองเค้า เค้าถามชื่อก็ไม่ยอมบอกอีกแล้ว
...ตอนเย็นๆไปนั่งกินข้าวเย็นที่ห้องอาหารของรีสอร์ท บรรยากาศดีมากๆ ชมวิวพระอาทิตย์
ตก อากาศก็เย็นสบาย พิซซ่าที่นี่ขึ้นชื่อซึ่งกินแล้วอร่อยจริง ส่วนแฮมเบอเกอร์ไม่ค่อยอร่อย
...ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือห้องที่เราพัก สามารถนอนชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้เลย วิวสวยมาก มี
ทะเลหมอกด้วย วิวจากระเบียงห้องจะมองไปทางไร่ชาฉุยฟงพอดี ห้องที่เป็น signature ที่
เห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นจะมีเพียงห้องนี้ห้องเดียว
...หลังอาหารเช้า เราตัดสินใจไปไร่ชาฉุยฟงอีกรอบ เพราะเมื่อวานไปตอนบ่ายแก่ๆ แสงไม่
สวย ลองไปตอนเช้าดูบ้าง ก็สวยกว่าเมื่อวานจริงๆ พาเด็กจิ๋วลงเดินไปถ่ายรูปในไร่ด้วย
...กลับมาห้องรีบเก็บของแล้วไปแม่สายต่อ ครั้งนี้เชี่ยวชาญแล้ว รู้ว่าต้องไปทำเอกสารตรง
ไหน ต้องไปซื้อของร้านไหน ก็พุ่งตัวไป แล้วไม่ต้องเสียเวลาหาซื้อนาฬิกา รองเท้า กระเป๋า
เหมือนคราวที่แล้วด้วย ไปแม่สายคราวนี้ต้องอุ้มเด็กจิ๋วตลอดเวลา ไม่กล้าปล่อยลงพื้นเลย
กลัวหายไปอีก ถ้าไปหายที่พม่านี่ สงสัยถูกจับไปตัดขาเป็นขอทานแน่ๆ ปะป๊าได้ CD เยอะ
เลย ได้ของเล่นมาฝากพี่ๆอีกหลายชิ้น ส่วนเด็กจิ๋วได้ของเล่นชิ้นใหญ่ เป็นชุดร้านขายของ
อันละ 800 บาท ถ้าเป็นของจริงน่าจะหลายพันอยู่ อันนี้วัสดุเป็นพลาสติกดูดี เล่นสนุก ที่
จริงตอนเช้าคุณแม่พยายามให้เด็กจิ๋วอึ๊ที่รีสอร์ทให้เรีบบร้อย เพราะกลัวจะมาอึ๊ที่แม่สาย
แล้วจะลำบาก ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เด็กจิ๋วเก็บอึ๊ไว้มาปล่อยที่แม่สายจริงๆ แต่พอดีอยู่ที่
ร้าน CD ก็พอจะมีห้องน้ำ รันทดนิดหน่อยแต่ก็โอเค
...กลับเข้าเมือง วันนี้ไปนอนกันที่มันตรินี่ ความจริงที่รีสอร์ทนี้จะให้เราไปพักฟรี แต่เรากลัว
ว่าเวลาเอามารีวิวจะเป็น SR แล้วมีคนด่า เลยขอจ่ายเงินเค้า ซึ่งเค้าก็คิดให้ครึ่งราคา แล้ว
ให้อาหารเย็นฟรีด้วย ไปถึงตอนประมาณ 5 โมง รีบกินข้าวกันก่อนเลย เพราะไม่ได้กินมื้อ
กลางวันกันมา อาหารที่นี่อร่อยดี เราสั่งน้ำพริกอ่อง ไก่ทอด คะน้าหมูกรอบ สปาร์เก็ตตี้
กินกันเสร็จเข้าห้องพัก เด็กจิ๋วก็รีบขอให้แกะของเล่นที่เพิ่งซื้อกันมาออกมาเล่นทันที ตอน
แรกร้องจะให้แกะตั้งแต่ตอนอยู่ในรถแล้ว เล่นได้สักพักก็จับอาบน้ำแล้วพาเข้านอน ตอน
นอนนี่ยังอารมณ์ค้างจากคอนพี่เบิร์ดซึ่งเปิดวนไปวนมาอย่างเดียวตลอดทั้งทริป เด็กจิ๋ว
นอนร้องเพลงพี่เบิร์ด แล้วก็พูดว่า “ถอดหมวกกับไส้ ถอดหมวกกับไส้”...พูดแล้วก็ขำชอบ
ใจ เป็นประโยคที่เค้าแซวตุ๊กกี้ว่าเต้นท่าเหมือนกับจะถอดหัวกับไส้ เด็กจิ๋วชอบพี่เบิร์ดจริง
จริง ตอนอยู่ในรถก็ร้องขอให้เปิดตลอดเวลา ดูไปหลายรอบ ร้องเพลงตามได้บ้างแล้ว ที่
ชอบมากที่สุดคือตอนที่มีเบิร์ดแลนด์ออกมา เป็นคนใส่หัวการ์ตูนใหญ่ๆออกมาเต้น เวลา
ถึงตอนเบิร์ดแลนด์มาที่ไรจะยิ้มตาปิด แบบว่าดีใจมาก มีเขินด้วยนะ เวลาจะมาก็ไปแอบ
ปิดตา ไม่รู้ว่าจะเขินอะไร
...ตอนคืนที่สองที่ไปพักที่คาทิลิยา เราถามเด็กจิ๋วว่าชอบรีสอร์ทที่ไหนมากกว่ากัน ที่เมื่อ
วานไร่ชา กับวันนี้ เด็กจิ๋วตอบอย่างไม่ต้องคิดว่าที่คาทิลิยา เพราะมันกว้างงมาก แต่พอ
คืนที่สามมาที่มันตรินี่ห้องเล็กกว่าคาทิลิยาตั้งเยอะ เราถามว่าชอบที่ไหนที่สุด เด็กจิ๋วดัน
ตอบว่าที่มันตรินี่ เพราะมีของเล่น
...เช้าวันสุดท้ายต้องงัดเด็กจิ๋วมาจากที่นอนตั้งแต่ 6.30 โมง มากินอาหารเช้ากันเร็วมาก
เพราะจะต้องรีบไปงานดอกไม้กัน พาเด็กจิ๋วมานอนบนโซฟาที่ห้องอาหาร แล้วปะป๊ากับ
คุณแม่ก็กินกันไป อาหารเช้าที่นี่พวกที่เป็นอาหารฝรั่งไม่ค่อยโอ เบคอนแข็งมาก แต่พวก
ที่เป็นอาหารไทย มีเยอะ อร่อยดี
...งานมหกรรมไม้ดอกอาเซี่ยน ปีนี้เค้าจัดใหญ่โตเลย นอกจากดอกไม้แล้วยังมีงานส่วน
อื่นๆอีก มีเพนกวิน นกฟามิงโก้ ซึ่งเราดูแล้วคิดว่ามันออกจะเสร่อไปหน่อย ที่จริงควรจัด
แต่ดอกไม้ให้ดีๆไปเลยซะมากกว่า แต่จะว่าไป เด็กจิ๋วก็ชอบดูเพนกวินมากกว่าดอกไม้
ไม่สนดอกไม้ จะดูแต่เพนกวิน พาอุ้มดูอยู่นานมาก เราตั้งใจมางานนี้เพื่อมาดูทิวลิปกัน
โดยเฉพาะเลย แต่พอเข้ามาถึงแล้ว เจอทิวลิปปลูกเต็มจริง แต่ยังไม่บาน เค้าตั้งใจว่าจะ
ให้บานช่วงปีใหม่ เราอุตส่าห์รีบไปเพราะกลัวมันจะเหี่ยว คุณแม่ผิดหวังมาก พอดีรู้มาว่า
เค้ามีอีกงานหนึ่ง เป็นงานดอกไม้เหมือนกัน แต่เล็กกว่ามาก จัดที่สวนตุง เมื่อผิดหวังจาก
งานนี้ก็เลยลองไปดูที่สวนตุงดู
...ตั้งแต่ทางเข้าก็ทางเป็นอุโมงค์ดอกไม้ยาวประมาณ 4-50 เมตร เด็กจิ๋วชอบมาก วิ่งเข้า
วิ่งออกอยู่หลายรอบ แล้วก็ตรงส่วนทิวลิปก็มีทิวลิปกำลังบานสวยพอดี พื้นที่ทิวลิปเล็กๆ
ไม่ใหญ่เหมือนที่เมื่อเช้า แต่ดอกบานเต็มก็สวยใช้ได้ แต่ที่ประทับใจที่สุดคือส่วนลิลลี่ มี
ปลูกไว้เต็มเลย ดอกใหญ่ๆสวยๆเต็มไปหมด นอกจากเด็กจิ๋วจะไม่สนใจดอกไม้แล้ว ยัง
มีความยากลำบากใจการบังคับให้ถ่ายรูปคู่กับดอกไม้มาก ต้องเอา m&m เข้าแลกตลอด
เวลาถึงจะยอมให้ถ่ายบ้าง เราดูดอกไม้กันเสร็จก็ขับรถกลับบ้านกันทันที ออกจากเมือง
เชียงรายตอนเที่ยง กลับมาถึงบ้านสามทุ่ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น