วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

@AANA Resort, Koh Chang

สวัสดีค่ะ เด็กจิ๋วมาพาเที่ยวอีกแล้วค่ะ 
คราวนี้เราไปที่เกาะช้างกัน ซึ่งเป็นการไปเกาะช้างเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิตเด็กจิ๋วค่ะ
งานนี้ได้กลับไปเกาะช้างอีก เพราะเรามีโอกาสได้เข้าร่วมกับโครงการ Thailand Boutique Awards 2011
รับมอบหมายให้ไปรีวิวโรงแรมที่ผ่านเข้ารอบแรก ซึ่ง AANA Resort เกาะช้าง ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
เราออกจากบ้านกันตั้งแต่เช้าตรู่ พอขึ้นทางด่วนก็ติดแหงกเลย ลืมไปว่าวันนี้วันศุกร์ วันทำงานนี่ รถเลยติดซะ 
ตั้งจุดหมายปลายทางใน GPS ว่าเกาะช้างเฟอร์รี่ กว่าจะไปถึงที่หมายก็ราว 11 โมง แต่ไหงวิวมันไม่คุ้นตาเหมือนที่มาคราวก่อน 
ปรากฎว่า GPS พาเรามาผิดที่อ่ะ T T ขับเลยมาตั้งไกล ต้องย้อนกลับไปที่อ่าวธรรมชาติอีก
คือเรือเฟอร์รี่ยี่ห้อที่เราจะมาขึ้นน่ะ ใน GPS เรามันเขียนว่าเฟอร์รี่เกาะช้าง ไม่ใช่เกาะช้างเฟอร์รี่ งงมั้ยหละ
เราตั้งใจมาขึ้นเฟอร์รี่ยี่ห้อนี้เพราะเค้าว่ากันว่านั่งเรือใกล้สุดแล้ว ยี่ห้ออื่นอาจต้องอยู่ในเรือนานกว่านี้
ค่าโดยสารผู้ใหญ่ 2 คน + รถ เที่ยวละ 280 บาท เด็กจิ๋วไม่เสียตังค์ค่ะ
ใช้เวลาแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงเกาะช้าง
พอขับรถลงจากเรือ แม่ก็บอกเด็กจิ๋วว่าเรามาถึงเกาะช้างกันแล้วนะ เรามาเที่ยว
เด็กจิ๋วนั่งมองวิวไปมาซักพัก ก็ถามว่า “คุงแม่ๆ ช้างอยู่ไหนอ่า”
เอ่อ...แม่กับปะป๊าก็งง ไม่รู้จะอธิบายยังไง 
ซักพักเด็กจิ๋วก็ตะโกนว่า “ช้างอยู่นี่ไง” เอ่อ...เด็กจิ๋ว นั่นมันรูปปั้นช้างง่ะ
เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านภูทะเล เป็นร้านที่อยู่ติดกับ AANA Resort เลย
ตอนแรกอยากไปร้านเรือนไทยที่บางเบ้า เพราะติดใจจากคราวที่แล้ว
แต่ไปไม่ไหว ไกลไปหน่อย และเด็กจิ๋วก็หิวมากแล้ว เลยเอาร้านนี้สะดวกดี
ร้านนี้อยู่ริมคลองพร้าว ติดกับ AANA Resort เลย เดินไปมาได้
เราเข้ามาร้านนี้ก็ชอบเลย ชอบที่วิวสวย แต่งร้านน่ารัก อาหารทะเลก็สดดี
(แต่เราชอบร้านเรือนไทยที่บางเบ้ามากกว่า)
ฟ้าใสแดดแรงมาก ก่อนมาเกาะช้างมีแต่คนเป็นห่วง กลัวฝนตกน้ำท่วม
แต่ที่ไหนได้ไม่เจอฝนเลยซักเม็ด
เอาพวกทุ่นลอยมาประดับเก๋ไก๋
ร้านนี้พนักงานน่ารัก พาเด็กจิ๋วเดินเล่นด้วย เราไปตอนกลางวัน ไม่ค่อยมีคน
แต่พอเย็นๆ เห็นคนเยอะ โต๊ะเต็มเหมือนกัน
กว่าจะกินเสร็จมาเช็คอินที่ AANA ก็บ่ายสองกว่าแล้ว 
พอจอดรถลงมา ก็มีพนักงานมายืนต้อนรับอยู่แล้ว
ตรงนี้เป็นหน้า Lobby
เจ้าหน้าที่ที่ front แจ้งว่าเค้าจะจัด dinner on the boat (เอ..เป็นไงหว่า) ให้ 1 มื้อ
ถามว่าเราจะไปวันนี้หรือพรุ่งนี้ดี เราก็เลือกวันนี้เลย เพราะดูแล้วฝนคงไม่ตกแน่ 
ถ้าพรุ่งนี้ฝนตก เดี๋ยวจะอดล่องเรือ
Welcome Drink เป็นน้ำมะตูม กับผ้าเย็นชื่นใจคลายร้อน
รถเข็นขนของที่นี่ ทำเข้ากับ concept ของรีสอร์ทที่เน้นวัสดุจากธรรมชาติ
พอเช็คอินเสร็จเจ้าหน้าที่ก็พาเดินมาที่ห้อง ซึ่งค่อนข้างห่างจาก Lobby พอควร 
เพราะห้องแบบที่เราพักอยู่ริมสุดของรีสอร์ทเลย ลองดูแผนที่ประกอบนะคะ
ห้องเราอยู่ตรงที่เขียนว่า Suite ห้องริมสุดติดคลองเลย
เราต้องเดินผ่านส่วนที่เป็นตัวตึกเพื่อไปส่วนของ Top View Villa ด้านหลัง
พอเดินเข้าไปปุ๊บ ก็รู้สึกเลยว่าที่นี่เน้นแนวธรรมช่ติมากๆ ทางเดิน และราวบันไดเป็นไม้ดิบๆทั้งหมด
ห้อง type ที่เราพักเรียกว่าห้อง Top View Villa ซึ่งจะมีอยู่ 3 อาคารด้านริมสุดของรีสอร์ท 
ห้อง Top View Villa มี 6 ห้องอยู่ที่ชั้น 2 และ 3 ของแต่ละอาคาร
ห้องที่เราพักคือ 704 อยู่ชั้น 3 อาคารริมสุดติดคลองเลย
อุ้มเด็กจิ๋วด้วย ปีนบันไดมาชั้น 3 ด้วย มีหอบเหมือนกัน
เข้าห้องมาได้แป๊บนึง ทาง General Manager คุณ Stefan Schmidt ก็มาพบที่ห้อง 
มาทักมายพร้อมกับนำโทรศัพท์มือถือมาให้ (เรางงๆ ให้โทรศัพท์เราทำไม)
บอกว่าให้เอาไว้โทรเรียก Butler ส่วนตัว หรือโทรหาเค้า ถ้าเราต้องการอะไร
รีบมาสำรวจห้องนอนเรากันก่อนดีกว่านะคะ ก่อนที่เด็กจิ๋วจะทำรก
เปิดประตูมาก็จะเจอกับที่นอนสีขาว น่านอนมากๆ
หมอนหนานุ่ม นอนสบาย
กระจกบานใหญ่หัวเตียง มองเห็นวิวคลองพร้าวงามมากๆค่ะ
มีช้างน้อยมาต้อนรับด้วย
เด็กจิ๋วเริ่มมารื้อละ แป๊บเดียวคุณช้างน้อยก็กลายเป็นผ้าเช็ดมือยับๆ 2 ผืน
หินอันนี้มีไว้วางเพื่อเป็นสัญลักษณ์แจ้งให้แม่บ้านทำเตียงให้
กล่องทิชชูน่ารัก
มาดูห้องน้ำกันบ้างนะคะ 
ห้องนี้เป็นห้องโปรดเด็กจิ๋วเลย เข้ามานั่งเล่นประจำ
มองเข้าไปก็จะเจอแบบนี้ ความจริงมีตู้เสื้อผ้าอยู่ด้านขวานะคะ ไม่ได้ถ่ายมา
ชอบที่แขวนทิชชูมากเลยค่ะ อยากซื้อกลับมา ไปดูที่ร้าน Souvenir ขายอันละ 250 เลยไม่เอาดีกว่า หุหุ
ห้องน้ำขนาดกำลังดี ไม่กว้างไม่แคบ
ขวดแชมพู สบู่ โลชั่นน่ารักมาก เป็นเซรามิก กลิ่นสบู่ก็ออกแนวสมุนไพรธรรมชาติ
ฝาขวดต้องระวังนิดนึงนะคะ แม่เผลอทำฝาตกแตกไปหนึ่งอันด้วย แต่น้องที่ front ใจดี ไม่คิดเงินแม่ค่าฝาแตก
ปะป๊าเคยทำแก้วน้ำแตกที่โรงแรมอื่น ต้องจ่ายไป 200 สบายไป T T
ส่วนในกะลามะพร้าวเป็นพวก cotton bud และ amenities อื่นๆ
อ่างล้างหน้าเป็นโลหะ เวลาแม่ล้างขวดนมเด็กจิ๋ว ปะป๊านึกว่าผัดกับข้าว เพราะเสียงมันเหมือนกระทะเลย
ราวแขวนผ้าเก๋อีกแล้วค่ะ 
ตรงนี้เป็นบันไดลงอ่างจากุซซี่ที่อยู่ตรงระเบียงได้ด้วยค่ะ
เวลาตัวเปียกจากการแช่น้ำ ก็เข้าห้องน้ำจากตรงนี้ได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน
มาดูระเบียงกันบ้างนะคะ
จากระเบียงมองไปเห็นวิวคลองพร้าวสวยมากค่ะ ที่เห็นลิบๆ เป็นทะเลนะคะ
ไม่ได้มาใช้บรรยากาศนั่งโต๊ะนี้เลย เสียดายจัง
ความจริงกะมานั่ง dinner ตรงนี้เหมือนกัน แต่กลางคืนมันมืดไปหน่อย และร้อนด้วย 
เลยต้องย้ายไปกินในห้องตามระบียบ
วิวกว้างๆอีกรูป จะเห็นส่วนของ วิลล่า Hill Top Bar และอาคารห้อง Deluxe
อากาศร้อนๆมาแช่น้ำเย็นชื่นใจ หายร้อนเลยค่ะ
แต่ตรงนี้ควรแช่ช่วงเช้า หรือเย็นๆ เท่านั้นนะคะ 
ถ้าบ่ายๆ โดนแดดเต็มๆค่ะ
Welcome Fruit ตามมาทีหลังค่ะ แม่บ้านเพิ่งเอามาให้
มาดูของในตู้เย็นกันค่ะ
พวกนม โยเกิร์ต เค้กกล้วยหอม ของเด็กจิ๋วเอาไปเองค่ะ
มาเดินสำรวจรอบๆ รีสอร์ทยามบ่าย ท้าทายแดดแรงๆ กันนะคะ
ตรงนี้เป็นหน้าห้องเราค่ะ
ป้ายน่ารักดีค่ะ อีกด้านหนึ่งจะเป็นรูปคนนอนหลับ
จะเห็นว่าตึกแบบที่เราอยู่ ซึ่งมี 3 ตึก จะมีห้องแบบ Top View Villa อยู่ที่ชั้น 2 และชั้น 3
ซึ่งจะมีอ่างจากุซซี่ (ที่รีสอร์ทเค้าเรียกว่า Plunged Pool) ที่ระเบียงทุกห้อง
รูปนี้มองจากระเบียงห้องเราไป เห็นห้องชั้นสอง ตึกกลางชัดเลย เผอิญไม่มีคนพักนะคะ เลยถ่ายมาได้
อย่างที่บอกว่าห้องเราอยู่ตึกริมสุดติดคลอง เดินลงบันไดมาก็เห็นน้ำสีสวยๆละ
ตอนที่เราไปพักนั้น สระว่ายน้ำส่วนกลางกำลังปิดซ่อมแซมอยู่ 
คุณ Stefan บอกว่าเค้าจะทำความสะอาดคราบเหลืองๆ ที่มีอยู่เยอะพอควรออก เพื่อต้อนรับฤดูท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง
น้ำสีเขียว สวยน่าเล่นทีเดียว แต่ก็ไม่เห็นมีใครลงเล่นน้ำตรงนี้เลย
มีแต่คนพายคายัคเล่นกัน
เลยจาก AANA ไปแล้ว ก็ไม่น่ามีรีสอร์ทอะไรแล้ว มองไปมีแต่ป่าโกงกาง
อาคารแบบที่เราอยู่ ชั้นล่างสุดจะเป็นห้อง Grand Deluxe เดี๋ยวจะพาไปดูทีหลังนะคะ
เดินผ่านส่วนอาบน้ำของสระใหญ่ ฝักบัวเก๋มากๆ เอากะลามะพร้าวมาครอบไว้
ตึกใหญ่ซึ่งมีห้องแบบ Deluxe ทั้งหมด หันหน้ามาทางสระว่ายน้ำกลาง
ซึ่งจากระเบียงของห้อง type นี้ก็จะเห็นทั้งคลอง และสระส่วนกลาง
เดินเลาะริมคลองมาเรื่อยๆ ก็จะมาถึงท่าเรือตรงห้องอาหาร Cinnamon
ที่นี่มีคายัคจอดเอาไว้ให้แขกที่มาพักพายไปชายหาดได้
จากห้องอาหาร Cinnamon เราเลี่ยวขึ้นไปดู Hill Top Bar กันดีกว่า
เดินผ่านส่วนของวิลล่า ดูร่มรื่นเป็นส่วนตัวมาก
ภายในรีสอร์ทจะจัดสวนเป็นธรรมชาติมากๆ มีน้ำตกด้วย
ต้นไม้ก็เยอะ ทำให้ร่มรื่นมากๆ
โอ่งน้ำล้างเท้า มีอยู่ทั่วไปในรีสอร์ท
เจ้าตัวนี้ก็มีให้เห็นโดยทั่วไปเหมือนกัน
ส่วนของห้อง type Villa จะมีทั้งหมด 17 หลัง ปลูกหลดหลั่นกันไป
รายล้อมอยู่ทางขึ้น Hill Top Bar
ตรงนี้จะมี Hill Top Infinite Pool อีกสระหนึ่ง เราว่าสระนี้น่าเล่นกว่าสระใหญ่
น่าเล่นกว่าเพราะดูร่มรื่นกว่า ต้นไม้รอบๆเยอะดี
เดินขึ้นไปดู ข้างบนกันดีกว่า
จากบนนี้จะมองเห็นได้ทั่วทั้งรีสอร์ท
ตึกใหญ่
เห็นห้องเราด้วย
สระว่ายน้ำน่าเล่นจริง วันนี้ไม่มีเวลา เดี๋ยวต้องไปลงเรือ dinner
เอาไว้พรุ่งนี้พาเด็กจิ๋วมาเล่นแน่
ช่วงบ่ายๆแบบนี้ ยังไม่มีใครมาเล่นน้ำ 
พอเย็นซัก 4 โมง จะมีคนมาเล่น เยอะเหมือนกัน
สำหรับแขกที่มาพักห้อง Villa หรือ Top View Villa จะได้คูปองใบเล็กๆ มาแลกเครื่องดื่มที่ Hill Top Bar ได้
1 ห้องแลกได้ 2 แก้วต่อวัน จะมีบริการทุกๆ 3-5 โมงเย็นของทุกวัน
และจะมีของว่างเล็กๆน้อยๆ จัดไว้ให้ด้วย
น่าจะเป็นน้ำตะไคร้ ไม่แน่ใจอ่ะค่ะ ไม่ได้ชิมค่ะ
เพราะสั่งน้ำปั่นไปแล้ว หุหุ
มีเก้าอี้ตัวโตให้นั่งเล่นชมวิว
ตอนนี้แดดยังแรง ยังไม่มีใครมานั่ง ต้องรอเย็นกว่านี้อีกนิด
เดินลงมาสำรวจรอบๆสระว่ายน้ำกันหน่อย
ด้านหลังจะมี Bar เรามาสั่งน้ำปั่นที่นี่
มีห้องน้ำด้วย แต่เหมือนกำลังปรับปรุงอยู่ เพราะหาป้ายห้องชาย/หญิง ไม่เจอ
ห้องน้ำด้านในบางห้องก็ปิดอยู่
มีผ้าเช็ดตัวบริการที่สระด้วย พอเราเดินมา เจ้าหน้าที่ก็จะเอาผ้าเช็ดตัวมาวางให้ที่เตียงริมสระทันที
วันนี้เราสั่งแตงโมปั่น กับสับปะรดปั่น
เด็กจิ๋วเพิ่งตื่นนอนบ่าย อยากลงน้ำมากๆ มองตาละห้อย
เอร็ดอร่อยกับน้ำปั่นมาก
เรามีนัดลงเรือไป Dinner ที่ห้องอาหาร Cinnamon ตอน 5 โมงครึ่ง
พอเราไปถึง เจ้าหน้าที่ก็จัดการเอาอาหารที่เตรียมไว้ลงเรือ
จัดเสร็จแล้ว สวยงามมาก
ตอนแรกแม่ก็กลัวว่าเด็กจิ๋วจะสามารถลงเรือนี้ได้รึเปล่าน้า กลัวซนจนตกน้ำไป
แต่ผิดคาด เด็กจิ๋วพอลงน้ำกลับนั่งนิ่ง เป็นคนละคนเลย 
ชี้นกชมไม้ไปตาเรื่อง ไม่อาละวาดใดๆเลย แม่ก็โล่งใจ
อาหารที่จัดไว้ให้ก็เยอะแยะมากมายเลยทีเดียว อร่อยเกือบทุกอย่าง 
มีแค่จานเดียวมั้งที่ไม่ค่อยถูกปากเรา นอกนั้นโอเคหมด
เด็กจิ๋วลั้นลามาก ไม่เคยนั่งเรืออย่างนี้มาก่อน
ชูชีพก็ไม่ยอมใส่ ใส่แล้วร้องเจ็บๆ คงจะอึดอัด
านร้านอาหารภูทะเลที่เรากินกันเมื่อกลางวัน
น้องพนักงานพายเรือช้าๆ พอไปถึงทะเล พระอาทิตย์ก็ใกล้ตกพอดี
ถึงเมฆจะมาก ก็ยังสวย ถ้าฟ้าเปิดๆ คงสวยกว่านี้มาก
ฝั่งที่เห็นจะเป็นหาดคล้องพร้าว เจ้าหน้าที่บอกว่าปานวิมานก็อยู่หาดนี้ อยู่เลยเข้าไปหน่อย
เริ่มมืดแล้ว หันหัวเรือกลับ แล้วเดี๋ยวจะเลยเข้าไปดูหิ่งห้อยด้วย
ผ่าน Keereeta Resort ดูน่ารักน่าพักดี
ขึ้นจากเรือมา ก็มีของหวานเตรียมไว้ให้อีก เป็นกล้วยหอมเชื่อม
อร่อยมากๆเลยเมนูนี้ แม่กินส่วนของเด็กจิ๋วไปด้วย หุหุ
ร้านอาหาร Cinnamon ตอนกลางคืนเปิดไฟสว่างไสว
คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีแขก
โต๊ะริมคลองก็โรแมนติกดี เห็นมีแขกมานั่งทานอาหารเป็นคู่ๆกันเยอะทีเดียว
เราก็อยากนั่งทานตรงนี้ แต่ติดว่าเด็กจิ๋วเริ่มง่วงแล้ว และมียุงด้วย 
เลยต้องให้น้องพนักงานเอาอาหารที่เหลือจากในเรือไปส่งที่ห้องจะดีกว่า
ก่อนกลับห้องก็เดินเล่นรอบๆ บริเวณรีสอร์ทยามค่ำคืนซะหน่อย
ผ่านห้อง fitness กับห้อง Internet ที่ดูเงียบเหงา 
คุณ Stefan บอกว่าต่อไปจะปรับปรุงส่วน Internet Café ให้ดีกว่านี้
ช้าวันรุ่งขึ้น อากาศก็ยังคงแจ่มใสเหมือนเดิม ไม่มีวี่แววของฝน ดีใจจังเลย
เรามาทานอาหารเช้ากันที่ห้องอาหาร Cinnamon เหมือนเดิม เพราะเป็นห้องอาหารเดียวของที่นี่
อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟต์ มีไม่หลากหลายนัก แต่ก็มีครบทั้งไทย ฝรั่ง
อากาศตอนเช้าดีมากๆ
ครอบครัวเราชอบที่นี่กันมาก ไม่เคยพักรีสอร์ทบรรยากาศแบบนี้มาก่อน 
มาเกาะช้างคราวที่แล้วก็อีกบรรยากาศนึง คราวนี้เป็นแบบริมคลองสวยๆ สงบๆ ชอบมากๆ
โต๊ะริมคลองก็น่านั่งมาก แต่เรามาค่อนข้างสาย แดดแรงไปนิด นั่งข้างในดีกว่า
จานนี้ของปะป๊า
กาแฟเย็นไม่ถูกใจแม่เลยหันไปแย่งปะป๊ากินโกโก้เย็นแทน
เด็กจิ๋วอร่อยกับขนมปังต่างๆ
อิ่มแล้วก็เล่นกับหมีจิ๋วตัวโปรด เอาหมวกตัวเองมาใส่ให้หมี
อันนี้เรือที่เราล่องไป Dinner เมื่อวานนี่นา
เอา Accessories ออกแล้ว เป็นแบบนี้เอง เมื่อวานดูหรูเชียว
อิ่มข้าวเช้าแล้ว ปะป๊าก็ไปออกแรงพายคายัคไปที่ชายหาดซะหน่อย
แม่กับเด็กจิ๋วขอบาย ไปเล่นน้ำที่ห้องจะดีกว่า กลัวเด็กจิ๋วดิ้นตกน้ำอ่ะ
ในคลองพร้าวนอกจากจะมีรีสอร์ท มีร้านอาหาร มีผับเล็กๆ ร้านนวดแผนโบราณ แล้ว
ยังมีบ้านชาวบ้านอยู่หลายหลัง เราได้เห็นชีวิตท้องถิ่นของที่นี่ด้วย ไม่ต้องไปถึงบางเบ้าก็ได้
พายเรือแป๊บเดียวก็มาถึงชายหาดของรีสอร์ทแล้ว
เอาเรือจอดเกยหาดทรายไว้ แล้วเราก็ไปเดินเล่นได้
มองย้อนกลับไปจะเห็นว่าน้ำในคลองจะมีสีเขียว แตกต่างจากสีฟ้าของน้ำทะเล
ที่นี่จะมี Bar ของทางรีสอร์ทด้วย
แต่ตอนนี้คงยังเช้าอยู่ ยังไม่เปิด ยังไม่มีคนเลย
มีเก้าอี้ชายหาดตั้งไว้ให้นอนเล่นหลายมุมเลย
แบบกลางแจ้งท้าทายแดดลมก็มี
เสน่ห์ของชายหาดที่นี่ ไม่ใช่ทรายขาวจั๊วะ หรือน้ำทะเลใสกิ๊ก
แต่เป็นการที่เราได้พายเรือมาที่นี่ด้วยตัวเองต่างหาก
หาดออกจะเลอะๆเศษใบไม้ไปหน่อย เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงก่อนที่เราจะมาฝนตกหนัก
ช่วงบ่าย เรานัดกับทางรีสอร์ทไปถ่ายรูปห้อง Type อื่นๆ โดยมีคุณ Stefan GM ของที่นี่พาไปแนะนำห้องด้วยตัวเอง 
เริ่มด้วยห้อง Grand Deluxe ซึ่งอยู่ชั้นล่างสุดของตึกที่เราอยู่
ห้อง type Grand Deluxe นี้ ใน 1 ตึกจะมี 2 ห้อง จะเป็นห้อง connect 
เหมาะกับแขกที่มากันหลายๆคน หรือครอบครัวใหญ่
ห้องน้ำก็กว้างขวางดี มีอ่างอาบน้ำด้วยนะคะ
วิวของห้องนี้สวยมากๆ แต่ต้องเป็นห้องริมสุดติดคลองเท่านั้น เพราะระเบียงใกล้ชิดริมคลองสุดๆ 
ห้อง type นี้ไม่มี Pool ที่ระเบียงนะคะ
ห้อง Type ถัดมาคือห้องแบบ Deluxe 
เป็นห้องที่อยู่บนตึกใหญ่ มีทั้งหมด 3 ชั้น 42 ห้อง
ระเบียงของทุกห้องหันออกด้านคลองทั้งหมด แต่ห้องริมๆ อาจโดนตึก Top View Villa บังบ้างเล็กน้อย
มองจากระเบียงห้อง Deluxe
ห้องน้ำขนาดกะทัดรัด แต่ก็ยังมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย
โต๊ะหัวเตียง โทรศัพท์แบบนี้หน้าตาเหมือนกันทุกห้อง
Type สุดท้าย เป็นห้องแบบ Villa ซึ่งมีทั้งหมด 17 ห้อง ลักษณะก็เป็นหลังๆ หลังละห้อง 
รายล้อมอยู่บริเวณส่วน Hill Top Bar และ Hill Top Infinite Pool
ลักษณะห้องก็จะเป็นทรงกลมเหมือน Top View Villa แต่จะเล็กกว่า
หลังโต๊ะทีวีเป็นกำแพงโค้งกั้นส่วนของตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำ
ห้องน้ำค่อนข้างเล็ก เพราะข้อจำกัดของพื้นที่
ห้องนี้ไม่มีอ่างอาบน้ำเหมือนกันกับ Top View Villa
เพราะว่าจะมี Pool ที่ระเบียงค่ะ
Pool ของห้อง Villa บางห้องจะได้วิวคลองสวยๆ แต่บางห้องก็จะมีต้นไม่บังเยอะ
ต่อมาเราก็มาดูส่วนของสปากันบ้าง
ครั้งแรกที่จะมารีวิว ทางรีสอร์ทไม่ได้แจ้งว่าจะให้เราทำสปาด้วย 
แต่พอมาถึง คุณ Stefan อยากให้เราได้ลองใช้บริการสปาที่นี่ดู 
เพราะเค้าบอกว่าแขกที่ใช้บริการที่นี่จะชอบกันมาก 
แม่ก็เลยได้มีโอกาสใช้บริการดู ส่วนปะป๊าก็เลี้ยงลูกไป หุหุ
สปาที่นี่มีชื่อว่า AAR Spa สนนราคาไม่แพงเลย (แต่งานนี้แม่ไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว อิอิ)
และพอได้ใช้บริการดูแล้วก็ชอบมากๆเลย พนักงานน่ารัก ดูแลดีมาก นวดก็ดี๊ดี สบายจัง
โปรแกรมที่แม่เลือกเป็นนวดน้ำมันหอม 
เริ่มด้วยการล้างเท้าด้วยเกลืออะไรซักอย่าง
แล้วก็มานอนนวดตรงนี้ ดนตรีที่เปิดคลอ กับกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหย ทำให้ผ่อนคลายมากๆ
ทำเอาเผลอหลับไปหลายรอบเลย
ห้องสปาจะอยู่ริมคลอง มองเห็นน้ำเขียวๆ สบายตา
ห้องนวดจะมีอยู่หลายห้อง ห้องนี้อยู่ถัดมาจากห้องที่เรานวด
ถัดจากห้องนวดก็จะมาเจอศาลาริมน้ำ 
ตรงนี้เป็นส่วนของนวดไทย
เด็กจิ๋วนอนสบายเลย 
เราว่าสปาที่นี่ราคาไม่แพงนะคะ ปกติตามโรงแรมรีสอร์ทเห็นราคาสปาก็หนาวแล้ว
แต่ที่นี่มีราคา Hot Price ช่วง 10 โมงถึง บ่ายสองด้วย ราคาดีมากๆค่ะ
เสร็จจากภารกิจการ inspect ห้อง แม่ก็พาเด็กจิ๋วไปนอนพักผ่อนเอาแรง 
แล้วเราก็ไปว่ายน้ำกันที่ Hill Top Infinite Pool ตามที่สัญญากันไว้เมื่อวาน
พื้นสระว่ายน้ำจะเป็นหินๆ ไม่ใช่กระเบื้องเหมือนทั่วไป เหยียบไปแล้ว ไม่มีลื่นแน่นอน 
มีส่วนของสระเด็กด้วย เด็กจิ๋วยืนถึงพอดี เดินเล่นไปมาใหญ่
เด็กจิ๋วเจอเพื่อนที่สระว่ายน้ำด้วย ชื่อน้องลาเต้ ชอบเล่นน้ำเหมือนเด็กจิ๋วเลย
น้องลาเต้เอาห่วงยางแขนให้เด็กจิ๋วยืมใส่ด้วย ชอบมากๆ
นั่งมองน้องลาเต้ว่ายน้ำ เพราะน้องลาเต้ Prop ครบมากๆ มีทั้งลูกบอล ทั้งหมีพู 
แม่รีบเก็บของ ลืมของเล่นเด็กจิ๋วหมด ไม่มีเล่นเลย แม่ขอโทษ T T
เล่นน้ำที่ Hill Top เสร็จ ยังไม่หนำใจ มาต่อที่ห้องกันอีก
เล่นน้ำที่ห้อง ของเล่นเพียบ หนุกหนาน
เล่นน้ำที่ห้องถึงสระจะเล็กจิ๋ว แต่วิวงามมากๆ
แต่เด็กจิ๋วไม่สนวิวหรอก ขอเล่นน้ำอย่างเดียว
เล่นสนุกกว่าที่สระใหญ่อีก เพราะของเล่นครบ มีบัวรดน้ำอันโปรด
เล่นน้ำเสร็จ เราก็เดินเล่นเลาะริมคลอง ไปที่ห้องอาหาร Cinnamon
เราจะมาขึ้นเรือหางยาวของทางรีสอร์ทไปดูพระอาทิตย์ตกที่ชายหาดกัน
เหมือเมื่อวาน พอลงเรือปุ๊บ เด็กจิ๋วก็นั่งตักแม่ นิ่งเลย
วันนี้พระอาทิตย์ตกสวยกว่าเมื่อวาน
หน้าตาเรือของทางรีสอร์ทที่มาส่งที่หาด วิ่งจากรีสอร์ทมา 2 นาทีก็ถึง
หันกลับไปมองฝั่งคลอง จะมองเห็นรีสอร์ทเราอยู่ลิบๆ
พระอาทิตย์ตกเร็วมากๆ เผลอแว้บเดียวหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว
กลับละ เห็นเมฆเต็มฟ้าเลย เดาว่าคืนนี้เจอฝนแน่ๆ
มองย้อนกลับๆไป แสงสวยจังเลย นี่ขนาดวันฟ้าครึ้มนะเนี่ย
วันนี้ห้องอาหาร Cinnamon คนเยอะกว่าเมื่อวาน

เราไม่ได้ทานข้าวเย็นกันที่นี่เหมือนเดิม เพราะเด็กจิ๋วงอแงแล้ว และยุงเยอะ
สระว่ายน้ำที่ Hill Top ยามค่ำคืน
อาหารค่ำของเราวันนี้ 
ของปะป๊า ลาซานย่าเนื้อ ของแม่ คลับแซนด์วิชอีกละ
ปรากฎว่าคืนนั้นฝนก็ไม่ได้ตกตามที่เราคาดไว้
เช้าวันสุดท้าย เราตื่นเช้ากันทั้งบ้าน เพราะปะป๊าตื่นมาทำเสียงดัง ถ่ายรูปแต่เช้ามืด
จากห้องอาบน้ำ สามารถชมวิวไปอาบไปก็ได้ 
แต่ถ้ามีคนอยู่ที่ Hill Top Bar จะมองเข้ามาเห็นได้ ฉะนั้น อย่าเสี่ยงดีกว่า
วิวคลองพร้าวก่อนฟ้าสาง
มองจากระเบียงเข้ามาในห้อง จะเห็นว่าจากอ่างน้ำ เราเข้าห้องน้ำทางหน้าต่างที่เห็นได้
ไม่ต้องเดินเข้าประตูห้อง ผ่านส่วนห้องนอน จะได้ไม่เปียกเลอะเทอะ
เช้าวันนี้ดูเหมือนอากาศจะแจ่มใสกว่าทุกวัน 
ทั้งๆที่คนที่กรุงเทพโทรมาเตือนว่าวันนี้ฝนจะกระหน่ำทั่วประเทศ
วันนี้เราลงมากันเช้ามาก มาเป็นโต๊ะแรกเลยมั้ง
เด็กจิ๋วลงมาห้องอาหารทั้งชุดนอนเลย
เช้านี้อาหารหลักของเด็กจิ๋วก็ยังคงเป็นขนมปังเหมือนเดิม
ทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เห็นมีแขกคนอื่นกำลังจะไปพายคายัคเล่นกัน
บางคนก็เตรียมลงเรือที่ทางรีสอร์ทมีไว้บริการไปที่ชายหาด
แต่วันนี้เราต้องกลับบ้านกันแล้ว 
เราประทับใจกับที่นี่มากๆ เหมือนกับว่าเกินที่เราคาดไว้
ก่อนไปก็มีดูรีวิวของเพื่อนๆ คนอื่นใน BP ไปบ้าง ซึ่งใครๆก็บอกว่าชอบวิวคลองพร้าวมากๆ 
ตอนอ่านรีวิวก็ยังเฉยๆนะ ไม่รู้สึกชอบอะไร ยังคิดว่าที่นี่มีข้อเสียตรงที่ไม่ติดทะเล
แต่พอไปเองจริงๆแล้ว ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย เพราะวิวคลองพร้าวสวยสงบมากๆ 
และถ้าเราอยากได้วิวทะเล เราก็พายเรือ หรือนั่งเรือไปแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
จบแล้วค่ะ รีวิว AANA Resort เกาะช้าง 
ไปคราวนี้ถ่ายรูปมาเยอะมากๆ ทำให้รีวิวยาวไปด้วยเลย
และการไปครั้งนี้ของเราเป็นการไปรีวิวในโครงการ Thailand Boutique Awards 2011 นะคะ
ทั้งที่พัก อาหาร สปา ฟรีทั้งหมด เราเสียค่าเดินทางอย่างเดียว
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณโครงการนี้ และ AANA Resort นะคะที่ทำให้เราได้รู้จักที่พักดีๆ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งที่
เด็กจิ๋วต้อง บ้าย บายไปก่อนนะคะ เจอกันใหม่รีวิวหน้าที่ศิลาวดี เกาะสมุยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น