๓
ขวบ + ๒๔๔ วัน...อาทิตย์ ๑ กันยายน ๒๕๕๖
...ตอนกลางคืนเด็กจิ๋วละเมอหลายรอบมาก ออกแนวอาละวาดโวยวาย
พอตอนเช้าเราเลยถามว่าฝันว่าอะไร เด็กจิ๋วบอกว่า “ฝันว่าเพื่อนๆมาเล่นที่บ้าน
แล้วมาแย่งหมีหมีไป”...มิน่าล่ะ อาละวาดใหญ่ เห็นน้าปอยบอกว่าอั๊งก็นอนละเมอทั้งคืน
แต่ออกแนวหัวเราะ
...เมื่อวานปะป๊าถ่ายคลิปตอนเด็กจิ๋วเล่นกับเพื่อนๆเอาไว้
วันนี้คุณแม่มาเปิดดูแล้วตกใจ เรียกปะป๊ามาดู
มีคลิปหนึ่งฟ้องชัดเจนเลยว่าเด็กจิ๋วผลักนิตา คือเล่นวิ่งขึ้นบ้านน้อย 2
ชั้นกันแล้วลงสไลเดอร์ลงมา นิตากำลังรอสไลเดอร์อยู่ เด็กจิ๋ววิ่งต่อคิวมา
มาถึงก็ผลักนิตาลงมาบ่อบอล แล้วตัวเองก็สไลด์ลงมาตาม ทับตัวนิตาอีกรอบ
เมื่อวานปะป๊าเป็นคนถ่ายคลิปแต่ไม่เห็นตอนผลัก วันนี้เห็นเลยอาละวาดใส่เด็กจิ๋ว
คราวที่แล้วที่หยิกเจอร์นีย์ ปะป๊าจัดชุดใหญ่ไปชุดหนึ่ง คิดว่าจะฝังใจ แต่วันนี้เอาอีก
เลยจัดชุดเล็กให้อีกชุด
ซึ่งจริงๆแล้วเหตุการณ์ครั้งนี้มันก็ก้ำกึ่งว่าแกล้งเพื่อนหรือเปล่า
มันเป็นลักษณะเล่นกันแรงไปนิดมากกว่า
...เมื่อวานมีการคุยกันกับแม่ๆว่าจะไปสวนรถไฟกัน
วันนี้เลยลองถามน้าปอยกับน้าเบียร์ดู ปรากฎว่าอั่งอั๊งไม่สะดวก เลยนัดกันไปเสาร์หน้าละกัน
๓
ขวบ + ๒๔๕ วัน...จันทร์ ๒ กันยายน ๒๕๕๖
...ตอนเช้าอี๊ป้อมโทรมาตาม
บอกว่าทำไมไม่ไปโรงเรียนซะที คุณแม่ดูนาฬิกา ตกใจ 7 โมงครึ่งแล้ว
เลยรีบกันใหญ่ ปลุกเด็กจิ๋วแต่งตัว อาละวาดงอแงกันตามระเบียบ
เฮียโรก็โทรมาตามหลายรอบ สาเหตุที่ตื่นสายเป็นเพราะคุณแม่ไปปิดนาฬิกาปลุก
คืออาทิตย์ที่แล้วเด็กจิ๋วป่วยไม่ไปโรงเรียนเลยปิดนาฬิกาไว้ พอวันนี้ก็ลืมเปิด
...เสียดายวันนี้เป็นวันจันทร์ เด็กๆจะมาเข้าแถวเต้นกันที่สนาม
เราไปถึงโรงเรียน 8.30 น. เด็กๆเลิกแถวกันพอดี ตอนไปส่งเด็กจิ๋วที่ห้อง
ได้คุยกับครูขวัญเรื่องพฤติกรรมในห้อง ถามว่ามีแกล้งเพื่อนอีกไม๊ ครูก็บอกว่าไม่มี
แบบไปตีไปหยิกไม่มีแน่นอน มีแค่ครั้งของน้องอุ้มกับเจอร์นีย์แค่นั้น
แต่ถ้าเล่นๆกันแล้วมีกระทบกระทั่งกันบ้าง อันนี้ก็เป็นธรรมดาของเด็ก
ไม่ต้องเป็นห่วง
...เจ๊น่าเพิ่งซื้อไวโอลินมา ไปลงเรียนที่สยามกลการมาด้วย
วันนี้เอามาโชว์เด็กจิ๋ว แต่เด็กจิ๋วดูไม่สนใจนะ
ก่อนหน้านี้คุณแม่ยังพูดเล่นๆอยู่เลยว่าอยากให้เด็กจิ๋วเล่นไวโอลิน
เพราะมีลูกเพื่อนเล่นแล้วน่ารักดี
...ช่วงนี้ปะป๊าไม่ค่อยได้อ่านนิทานให้เด็กจิ๋วฟังก่อนนอนเลย
เพราะเด็กจิ๋วเป็นคนเล่าเอง ก็เคยฟังมาหมดทุกเล่มแล้วนี่ ความจำดีซะด้วย
เวลาเราจะอ้าปากเล่า ก็เอามือมาปิดปากเรา แล้วเราเอง เออ แบบนี้ปะป๊าก็สบายไปเลย
...เด็กจิ๋วบอกว่า “โตขึ้น น้องพริมจะทำผมสวยๆ น้องพริมจะแต่งงาน น้องพริมจะแต่งงานกับปะป๊านะ”...คุณแม่เลยบอกว่าไม่ได้
แม่แต่งไปแล้ว เด็กจิ๋วบอกว่า “ไม่ได้
แม่ห้ามแต่งงานกับปะป๊าเพระน้องพริมจะแต่งงานกับปะป๊า”
๓
ขวบ + ๒๔๖ วัน...อังคาร ๓ กันยายน ๒๕๕๖
...เมื่อคืนนอนตั้ง 4 ทุ่มแน่ะ วุ่นวายกับเรื่องผมตัวเองอยู่นั่นแหล่ะ
เดี๋ยวจะมัด เดี๋ยวจะปล่อย เอาที่คาดมาใส่ ปะป๊าก็แกล้งตายจนหลับจริงไปก่อน
ก่อนหลับเห็นเด็กจิ๋วจะปล่อยผมนอน ค่อยๆบรรจงวางผมตัวเองสยายลงบนหมอนแล้วนอนนิ่งๆ
กลัวผมเสียทรง แต่หลังจากปะป๊าหลับไปแล้ว คุณแม่บอกว่ายังไม่จบอีก
มาตามคุณแม่ให้ไปใส่ที่คาดผมให้ นั่นแหล่ะ กว่าจะหลับได้ ถึงจะนอนดึก
แต่เช้าวันนี้ตื่นมาสดชื่นแหะ ไม่งอแงเลย อุ้มลงมาข้างล่างบอกให้แต่งตัว
ก็ต่อรองนิดหน่อยว่าขอแวะ 7-11 ร่าเริงไปจนถึงโรงเรียนเลย
...ตอนเที่ยงๆน้าปอยกับน้าเบียร์ไปซื้อเสื้อสีส้มกันที่ตลาดหลังการบินไทย
ได้มาฝากเด็กจิ๋วตัวหนึ่งด้วย วันงานกีฬาสี เด็กทั้ง 3 จะแต่งตัวเหมือนกัน
ทั้งเด็กจิ๋ว นิตา และอั่งอั๊ง เสื้อสีส้มที่ได้มาเป็นแบบสายเดี่ยว
ไม่ค่อยใช่สไตล์เด็กจิ๋วหรอก แต่ใส่กีฬาสีขำๆก็น่ารักดี
...ตอนเย็นเพื่อนซี้ทั้ง 3 คนเดินจูงมือกันออกจากห้องเรียน
ไปต่อที่เออบองเช่ พอไปถึงก็กรูกันวิ่งไปห้องครูแก้ว เสียงดังเอะอะโวยวายมากๆ
แต่พอเริ่มงานศิลปของตัวเอง แต่ละคนก็มีสมาธิดีมาก ตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างตั้งใจ
ดูเหมือนงานของอั่งอั๊งจะสวยที่สุด ทำเร็วด้วย วันนี้ระบายสีคนละรูป
กับทำที่สวมหัวอีกคนละอัน ทำเสร็จก็ตามกันมาเปิดตู้แช่หยิบนมกินกัน
เด็กจิ๋วเห็นอั่งอั๊งกินนมเปรี้ยวก็หยิบตามบ้าง เอามาแล้วก็ไม่ยอมกิน
เพราะเด็กจิ๋วปกติไม่ค่อยชอบกินนมเปรี้ยวอยู่แล้ว ยาคูลก็ไม่ค่อยกิน คุณแม่ติดหนมปังไส้กรอกไปถุงหนึ่ง
เด็กๆซัดกันเรียบ ไม่อิ่มอีก ตามมาขอหนมที่รถกินอีก
เดี๋ยววันหลังต้องเตรียมหนมไว้ให้เด็กๆหลังเลิกเรียนเยอะหน่อย
๓
ขวบ + ๒๔๗ วัน...พุธ ๔ กันยายน ๒๕๕๖
...ตอนเช้าเจอแม่ๆทั้งน้าเบียร์ น้าปอย น้ามุก หลังๆแม่ๆทั้ง 4 คน
รวมแม่เด็กจิ๋วด้วย จะไปส่งลูกๆสายมาก เมี่อก่อนไปแต่เช้า
อย่างอั่งอั๊งก็จะไปตั้งแต่ 7.30 แต่หลังๆมานี่ไปซะ 8 โมงตรงเลย
วันนี้ส่งลูกๆเสร็จก็มาจับกลุ่มเม้าส์กันอีก
เดี๋ยวเทอมหน้าเมมิจะเรียนบัลเล่ต์ด้วย เมื่อวานเพิ่งฝากน้าเบียร์ซื้อชุดบัลเล่ต์จากตลาดหลังการบินไทย
มีแบบใหม่ออกมาน่ารักมาก เสียดาย เด็กจิ๋วมี 3 ชุดแล้ว
อยากจะซื้อแบบน่ารักๆให้อีกนะเนี่ยะ วันนี้แม่ๆทุกคนบอกเหมือนกันหมดว่าลูกๆงอแงมาก
อย่างอั่งอั๊งเห็นครูต้องมาอุ้มตัวไป เมมิก็อาละวาด
แต่นิตานี่งอแงแค่ไหนก็จะไม่อาละวาดโวยวาย เป็นเด็กดีที่สุดเลย
...วันนี้วันเกิดเฮียโร
ปะป๊ากับคุณแม่ให้ของขวัญวันเกิดเฮียโรเป็นงูบังคับวิทยุ เฮียโรถูกใจมาก
แต่คนอื่นๆกลัวกันหมด ออกแนวขยะแขยงซะด้วย ของขวัญเฮียโรอันนี้ซื้อไว้หลายวันแล้ว
เคยเอาให้เด็กจิ๋วกับเจ๊น่าดู วันแรกๆ เจ๊น่าก็แกล้งเฮียโรแบบว่ารู้แล้วว่าของขวัญเฮียโรเป็นอะไร
แต่ไม่บอก แกล้งทำให้อยากรู้เล่นๆ สั่งเด็กจิ๋วด้วยว่าห้ามบอกเฮียโรเด็ดขาดนะ
ว่าปะป๊ากับคุณแม่ซื้ออะไรให้เฮียโร พอเจ๊น่าสั่งเด็กจิ๋วเสร็จ
เด็กจิ๋วก็โพล่งออกมาเลยว่า “งูบังคับอะเหรอ”...แผนแตกหมดเลย
เด็กจิ๋วคงจะยังไม่เข้าใจ มันอาจจะซับซ้อนเกินไป เอาใหม่ๆ ค่อยๆอธิบายว่า
เรายังไม่บอกเฮียโร เพราะจะเก็บไว้ให้วันเกิด จะได้ surprise หลังจากนั้นเด็กจิ๋วก็เข้าใจ
วันต่อๆมา เฮียโรก็แกล้งมาถามเด็กจิ๋วว่า บอกหน่อยว่ากู๋เล็กซื้ออะไรให้
เด็กจิ๋วก็ตอบอย่างฉะฉานว่า “ไม่บอก เดี๋ยวไม่ surprise”...แล้วหลอกยังไง
เด็กจิ๋วก็รักษาความลับได้อย่างดีไม่ปริปากบอกเลย
...ตอนดึกเจ๊น่าขึ้นมาอ่านนิทานให้เด็กจิ๋วฟังอีกแล้ว พออ่านไปได้หน่อย
เด็กจิ๋วก็บอกว่า “เจ๊น่ากับเฮียโร ลงไปได้แล้ว
น้องพริมจะนอน”...ไล่พี่ลงไปอีกแล้ว แล้วตัวเองก็ไม่ได้นอนนะ
เล่นกับปะป๊าต่ออีกตั้งนาน แปลกจริงๆ ปกติจะเล่นกับพี่ไม่ยอมเลิก
๓
ขวบ + ๒๔๘ วัน...พฤหัส ๕ กันยายน ๒๕๕๖
...วันนี้นัดแนะกับแม่ๆเรื่องจะพาลูกๆไป centara พัทยา
ตกลงนิตาจะไปด้วย แต่อั่งอั๊งยังไม่แน่ใจ ตอนนี้กำลังตัดสินใจเลือกวันกันอยู่
หาวันว่างตรงกันยากอยู่เหมือนกัน
...วันนี้ครูแหววมาฟ้องว่าช่วงนี้เด็กจิ๋วดื้อ เวลาครูบอกแล้วทำหูทวนลม
ไม่ค่อยเชื่อ อย่างตอนวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ครูบอกให้นั่งก็ไม่ยอมนั่ง
เราเลยมาตกลงกันว่าขอเพิ่มกฎเด็กดีเข้าไปอีกข้อหนึ่ง เป็นข้อที่ 6
คือต้องเชื่อฟังครูและปะป๊าคุณแม่ แต่เรื่องเรียน ครูแหววบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเลย
น้องพริมทำข้อสอบได้เต็มทุกวิชา อันนี้ดีใจมาก ลูบรักเก่งมากๆนะ
...ช่วงนี้กำลังคุยกันเรื่องชื่อ พริม ชื่อมันโหลมากๆ
ไปไหนก็เจอเด็กชื่อพริม เพื่อนห้องสิบก็มีพริม น้องสาวเจ้นท์ก็ชื่อพริม
ไปเรียนปั้นดินก็เจอพริม คนนั้นก็พริม คนโน้นก็พริม ทำไมชื่อพริมมันโหลจัง
จะเปลี่ยนเป็นอะไรดี พริมมี่ พริมา พริ้ม ยังไม่ถูกใจซะกะชื่อ
ชื่อเด็กจิ๋วอะดีที่สุด เด็กจิ๋วเห็นเราคุยกันก็เดินเข้ามาถามว่า
“ชื่อน้องพริมเหลวเหรอ”...หะ อะไรนะ เหลวอะไร อ๋อ โหล
๓
ขวบ + ๒๔๙ วัน...ศุกร์ ๖ กันยายน ๒๕๕๖
...วันนี้ปะป๊าไปรับเด็กจิ๋วคนเดียว คุณแม่ติดภารกิจที่ศูนย์ประชุม
เจอครูขวัญมาส่ง ถามครูว่าวันนี้น้องพริมก่อเรื่องอะไรไม๊
ครูขวัญได้แต่ส่ายหน้าไม่พูดอะไร
ครูขวัญนี่บางครั้งเจอกันก็ร่าเริงเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้
แต่หลายครั้งที่นิ่งๆดูดุๆ เดากันว่าตอนเย็นๆครูจะหมดแรง
เพราะต้องปราบเด็กสามสิบกว่าคนมาทั้งวัน น่าจะสะบักสะบอมมิใช่น้อย
...เมื่อเช้าปะป๊าเลือกชุดให้เด็กจิ๋ว เป็นเสื้อธรรมดากับกางเกงเลคกิ้ง
เด็กจิ๋วเห็นแล้วไม่ยอม อี๊ป้อมต้องวิ่งขึ้นมาหยิบชุดใหม่บนห้องให้
เด็กจิ๋วจะใส่ชุดกระโปรงอีกแล้ว วันนี้ใส่ชุดสตรอเบอรี่
เด็กจิ๋วเล่นว่าครูอ๊อดบอกว่าขอกินสตรอเบอรี่ที่เสื้อ 2 เม็ด
ตั้งแต่เริ่มซื้อชุดกระโปรงให้ใส่ เด็กจิ๋วใส่ไปโรงเรียนทุกวันศุกร์เลย ชอบมาก
ส่วนตอนเย็นที่ปะป๊าไปรับ ก็เจอเด็กจิ๋วในสภาพชุดบัลเล่ต์สีขาว
ไม่ยอมถอดออกอีกแล้ว ไปเรียนเปียโนที่เซนลาดต่อก็ใส่ชุดนี้
จนกลับมาบ้านทำการบ้านเสร็จจนถึงอาบน้ำนอนนั่นแหล่ะ ถึงจะยอมถอดชุดบัลเล่ต์ออก
...เด็กจิ๋วเล่าให้ฟังว่า วันนี้ครูสั่งให้แยกกันนั่งกับอั่งอั๊ง
อันนี้ชัดเลย คือตั้งแต่ชวนอั่งอั๊งมาเล่นที่บ้าน
ก็เหมือนเด็กจิ๋วจะสนิทกับอั่งอั๊งมากขึ้น ในห้องภาษาอังกฤษ
ครูก็ฟ้องว่าน้องพริมไปกอดอั่งอั๊ง กอดแรงๆไม่ยอมปล่อย
แล้วก็วันก่อนที่ครูแหววบอกว่าหลังๆมานี่ดื้อ เล่นเพลินไม่ค่อยเชื่อครู
อันนี้ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับอั๊งหรือเปล่า
๓
ขวบ + ๒๕๐ วัน...เสาร์ ๗ กันยายน ๒๕๕๖
...ปะป๊าสั่งให้คุณแม่ไปดัดผมให้มันดูฟูๆหนาๆหน่อย ตอนนี้มันบางมากๆ
เราเลยไปราชบุรีกันตั้งแต่เช้า วันนี้คึกคักในรถมาก ตะโกนร้องเพลงลั้นลาตลอดทาง
อี๊ไก่นั่งหลับก็ไปแกล้งตะโกนเรียกเค้าเสียงดังๆ
ปะป๊าบอกว่าเดี๋ยวปล่อยงูไปกัดดีกว่า จะได้เงียบๆแบบวันนั้น
...พอไปถึงบ้านราชบุรี
เราก็จะใช้แผนทิ้งเด็กจิ๋วไว้กับอาม่าแล้วไปกินข้าวกลางวันกัน
คราวนี้เด็กจิ๋วไม่ยอมอีกแล้ว
แต่พอคุณแม่หลอกว่าจะต้องรีบไปเอาหนมชั้นกับวุ้นมาให้เด็กจิ๋วกิน
เด็กจิ๋วถึงยอมปล่อยคุณแม่มาได้
...ตอนเย็นไปกินข้าวที่รื่นรสกัน ตอนแรกคุณแม่นั่งกับเด็กจิ๋วอยู่
สักพักได้ยินเสียงกุกๆกักๆที่ตู้เก็บของหลังเก้าอี้ ด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่
คุณแม่รีบวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุโดยด่วน ทิ้งเด็กจิ๋วนั่งงงอยู่คนเดียว
อะไรกันนี่ วิ่งหนีอะไร แล้วทิ้งหนูไว้ทำไม คาดว่าจะเป็นมิ้กกี้เม้าส์
แบบนี้คงไม่ได้มากินร้านนี้อีกนานเลย ระหว่างกินข้าวกันอยู่
เด็กจิ๋วก็เดินเล่นคุยกับคนโน้นคนนี้ เจ้าของร้านยังบอกเลยว่าคุยเก่งมากๆ
๓
ขวบ + ๒๕๑ วัน...อาทิตย์ ๘ กันยายน ๒๕๕๖
...เมื่อวานหลับไปตอนนั่งรถกลับกรุงเทพ ตั้งแต่ 6 โมงกว่า
กลับถึงบ้านก็อุ้มมานอนบนห้องต่อได้ แต่ตอนดึกๆประมาณตี 2 ก็ตื่นขึ้นมาขอกินนม
เป็นแบบนี้บ่อยๆวันไหนที่หลับไปเร็วๆแบบนี้จะชอบตื่นมาขอกินนมกลางดึก สงสัยจะหิว
ปกติกินเสร็จก็นอนต่อได้ แต่เมื่อคืนรู้สึกกระสับกระส่าย ปีนมานอนกับปะป๊า
ปรากฎว่าเด็กจิ๋วตัวร้อน ต้องให้กินยาลดไข้กลางดึก อยู่ดีๆทำไมป่วยอีกแล้วอ่ะ
มีไข้อย่างเดียวอีกแล้ว ไม่ไอ แต่มีน้ำมูกเล็กน้อย พอตอนเช้าอี๊ป้อมก็บอกว่าตัวอี๊ป้อมมีอาการเหมือนกันเลย
มีไข้ตอนดึก สงสัยไปรับเชื้อตัวเดียวกันมาจากไหนซะที่เนี่ยะ
...ไม่ว่าจะป่วยแค่ไหน 7 โมงกว่าก็มาจุ๊บแก้มปะป๊าแล้ว
งัวเงียทั้งพ่อทั้งลูก พากันไปดูการ์ตูนกันตามหน้าที่ วันนี้เปิดเรื่อง Cars
เพราะปะป๊าบอกว่าเบื่อบาร์บี้แล้ว เด็กจิ๋วก็ดูๆไปตามหน้าที่ ดูก็ไม่จบ
ไม่รู้จะดิ้นรนทนตื่นแต่เช้ามาทำไม
ระหว่างดูการ์ตูนทุกๆเสาร์อาทิตย์ก็จะสั่งปะป๊าให้ไปหยิบหนมกับหนมหลายๆอย่างใส่จานมาให้หน่อย
แล้วก็มาประเคนป้อนลูบรักดูการ์ตูนไปกินไป อะไรมันจะมีความสุขขนาดนี้
...เดี๋ยวนี้เวลามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับที่โรงเรียน จะใช้วิธี Message
ไปถามครูบุ๋มประจำเลย ครูบุ๋มก็จะตอบด้วยความรวดเร็ว
วันนี้ก็ถามเรื่องกีฬาสีว่าเราไปถึง 9 โมงเลยได้ไม๊ เพราะจิ๋วไม่ค่อยสบาย
กะว่าไปเวลาแข่งกีฬาเลย เสร็จแล้วก็จะรับกลับบ้าน ครูบุ๋มบอกว่าได้
อยากให้เด็กจิ๋วหายเร็วๆเพราะเด็กจิ๋วลงแข่ง 2 รายการ คือกินวิบาก
กับเก้าอี้ดนตรี...โห ครูจัดตัวได้เก่งนะ เรื่องกินนี่เด็กจิ๋วชนะเลิศ
ส่วนเรื่องเก้าอี้ดนตรี ก็ได้อยู่ เพราะเด็กจิ๋วแย่งเก่ง
เคยแย่งเก้าอี้กับน้องอุ้มโดยผลักน้องอุ้มกระเด็นมาแล้ว
๓
ขวบ + ๒๕๒ วัน...จันทร์ ๙ กันยายน ๒๕๕๖
...เด็กจิ๋วหายป่วยไม่ทันไปกีฬาสีจริงๆด้วย แต่ยังไงก็อยากให้ไปร่วมงาน
อย่างน้อยไปแจมๆนิดหน่อย ถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ไม่ต้องแข่งกีฬาก็ได้
เลยกะว่าจะไปถึงประมาณ 9 โมง เอาแบบว่าเริ่มงานพอดี พอ 8.30
น้าเบียร์ก็โทรมาตามบอกว่าเค้าเริ่มตั้งแถวกันแล้ว น้องพริมอยู่ไหน
ปรากฎว่าเด็กจิ๋วไปถึง 9 โมงตามเวลาที่ครูบุ๋มบอก
เห็นเพื่อนๆมารวมตัวกันที่โรงยิมแล้ว
คือเค้าเข้าแถวเดินขบวนจากสนามด้านหน้าเข้ามาโรงยิมข้างในกันเสร็จไปแล้ว
เด็กจิ๋วเลยอดเดินขบวนกับเค้าเลย เสียดายมากๆ
...เด็กและผู้ปกครองทุกคนถูกเกณฑ์ให้เข้าไปในโรงยิมซึ่งเล็กมาก
ผู้ปกครองก็เดินเข้ามาปะปนกับเด็กๆเลย บรรยกาศวุ่นวายมากๆ จัดการได้ไม่ดีเลย
เด็กบางคนก็อยู่กับพ่อแม่ บางคนเล่นกันเองไม่สนใจเพื่อนแข่ง
เวลาแข่งกันผู้ใหญ่ก็ยืนเชียร์กันบังเด็กไปหมด เละเทะมาก เด็กจิ๋วซึมมาก
บอกให้เชียร์ก็ลุกขึ้นมาสะบัดพู่เชียร์อยู่บ้างนะ แต่เสร็จแล้วก็นั่งนิ่งๆซึม
อยู่ได้ไม่นานก็ร้องจะกลับบ้านแล้ว จับตัวดูก็ยังร้อนอยู่ เลยพาออกมาด้านนอก
ให้รับอากาศเย็นๆหน่อย แล้วที่สำคัญคือครูมีผ้าผูกหัวเด็กทุกคนด้วย
ซึ่งเห็นแล้วมัดแน่นมาก นี่อาจจะเป็นตัวการที่ทำให้ปวดหัว เลยจะเอาออก
ตอนแรกเด็กจิ๋วไม่ยอม เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอม จนในที่สุดต้องเจรจาให้เอามาผูกที่พุงแทนถึงจะยอม
สักพักก็ยอมกลับเข้าไปดูเพื่อนๆแข่งอีก
แต่หลังจากนั้นก็มีร้องจะกลับบ้านอีกเป็นระยะๆก็ต้องพากันออกมากล่อมด้านนอกแล้วกลับเข้าไปใหม่
เป็นอยู่ 3 รอบ บางทีใช้วิธีหลอกล่อว่าอยากได้เหรียญทองไม๊
แบบเจ๊น่าที่เคยเอามาอวดอ่ะ เด็กจิ๋วบอกว่าอยากได้เลยยอมกลับเข้าไปใหม่
...ช่วงที่เค้าแข่งเก้าอี้ดนตรีกัน เด็กจิ๋วออกมาด้านนอก เลยไม่ได้แข่ง
เสียดายมากๆ เด็กจิ๋วแย่งเก้าอี้เก่งซะด้วย แต่พอถึงตอนแข่งกิน เด็กจิ๋วลงแข่งด้วย
ครูถามว่าจะลงไม๊ เด็กจิ๋วก็บอกว่าอยากแข่ง อยากได้เหรียญทอง
ในที่สุดได้ลงไปแข่งกิน ทีมละ 4 คน กินคนละอย่าง จุดแรกเป็นเจอร์นีย์กินกล้วย
ของเด็กจิ๋วเป็นจุดที่ 2 กินเวเฟอร์กับน้ำแดง มีเจอร์นีย์มาช่วยกินน้ำแดงด้วย
ครูนิวป้อนน้ำแดงเด็กจิ๋วคำหนึ่ง เจอร์นีย์คำหนึ่ง
ตอนนี้เจอร์นีย์น่าจะติดหวัดเด็กจิ๋วไปแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะตอนนั้นชุลมุนกัน จุดที่
3 กินนม แล้วจุดที่ 4 กรอกน้ำลงขวด
ทีมเรานี่กินเร็วชนะสีอี่นแต่พอตอนกรอกน้ำกลับทำช้าเลยแพ้ไป กีฬาอื่นๆก็มีวิ่งแข่ง
เหยียบลูกโป่ง ชักคะเย้อ มีบางเกมส์ที่ให้ผู้ปกครองมาเล่นด้วย
ปะป๊ากับคุณแม่ไม่ได้ลงเพราะบ้านเราไม่ถนัดกีฬา ลงไปจะทำให้ทีมแพ้แล้วจะบาดเจ็บซะด้วยซ้ำ
...ตอนจบทุกคนได้เหรียญทองกันหมด เย้ สีม่วงชนะเลิศด้านกีฬา
สีเขียวชนะเลิศด้านกองเชียร์ สีส้มเราชนะเลิศด้านเดินพาเรด
ที่จริงก็คือเค้ากะจะให้ทุกสีได้รางวัลเหมือนกันหมดนั่นแหล่ะ
วันนี้เห็นพลังของสีม่วงมากๆ นอกจากเด็กๆจะแข่งกีฬาชนะแล้ว ผู้ปกครองก็มีการรวมตัวกันเหนียวแน่นมากๆ
มีทำลูกโป่งมาประดับสีของตัวเองด้วย แล้วก็รวมตัวกันทำเสื้อสกรีนเหมือนๆกัน
ทำเอาสีส้มดูกร่อยไปเลย ชุดกระโปรงใส่เหมือนเด็กจิ๋วกัน 5-6 คน ตอนแรกนึกว่าจะเด่น
แต่เอาเข้าจริงๆเด็กๆกระจายตัวกันอยู่ตามมุมนั้นมุมนี้ เลยดูกลืนๆหายไปไม่เด่นเลย
สู้สีม่วงไม่ได้ พอมอบเหรียญทองกันเสร็จเด็กจิ๋วก็รีบกลับบ้านก่อนเลย
อาการเริ่มแย่แล้ว ตอนนี้ซึมมากๆ
...พอตอนเย็นๆไข้ยังไม่ลดเลยพาไปหาหมอ ดูดน้ำมูกไปตรวจดู
ตอนเอาค้อนต้อนบัดยัดเข้ารูจมูกมันช่างน่ากลัวมากๆ
เด็กจิ๋วเคยเจอตอนเด็กๆมาแล้วทีหนึ่ง พยาบาลแหย่เข้าไปประมาณ 5-6 เซนได้
ดึงออกมามีเลือดติดมาด้วย ระหว่างแท่งเข้าไปเด็กจิ๋วก็ร้องจ๊ากๆจ๊ากๆ
ปะป๊ากับคุณแม่ต้องช่วยกันจับยึดตัวเอาไว้ไม่ให้ดิ้น สรุปผลตรวจ
คือไม่ได้เป็นไข้หวัดใหญ่และ RSV(ไข้หวัดลงปอด) ตามที่หมอสันนิษฐาน
ก็แสดงว่าเด็กจิ๋วเจ็บตัวฟรีที่โดนจิ้มจมูก ขั้นตอนต่อไปก็คือติดตามอาการ
ถ้าเช้าวันพุธไข้ยังไม่ลดก็ต้องมาเจาะเลือดใหม่ เพราะอาจจะเป็นไข้เลือดออก
...ตอนที่โรงพยาบาล พยายามเช็ดตัวแรงมากๆ
คือก็รู้แหล่ะว่าต้องเปิดรูขุมขน ต้องเช็ดแรงๆ แต่แรงขนาดนี้เลยเหรอ
เหมือนเอากระดาษทรายขัดตัว แครกๆ ระหว่างทำไป เด็กจิ๋วก็ร้องครางอึ๋งๆอึ๋งๆ
พยาบาลบอกว่าเก่งแล้ว บางคนร้องจ๊ากเลย แล้วนอกจากเช็ดแรงแล้ว
เราเพิ่งรู้ว่าให้ใช้น้ำอุ่นมากๆเกือบร้อนด้วย
พยาบาลบอกว่าร้อนขนาดเราเอามือจุ๋มแล้วสะดุ้งอ่ะ เพราะมันจะช่วยเปิดรูขุมขน
ปกติทำที่บ้านก็อุ่นธรรมดา แล้วไม่กล้าเช็ดแรงแบบนี้ด้วย แต่รู้สึกว่าได้ผลดีนะ
เพราะหลังจากเช็ดตัวเสร็จ เด็กจิ๋วก็มีแรง
ยิ่งตอนนั่งรถกลับบ้านนี่แทบจะหายเป็นปกติแล้ว เริ่มอาละวาดงอแงได้
คิดไปคิดมาให้ป่วยๆซึมๆก็สบายปะป๊ากับคุณแม่ดีนะ
๓
ขวบ + ๒๕๓ วัน...อังคาร ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖
...ไข้ยังไม่หายเลย เมื่อคืนก็เช็ดตัวกัน 3 รอบ มีไข้สูงถึง 39
เช็ดตัวแล้วลงมา 37 กว่าๆ จนวันนี้ก็ยังมีไข้อยู่
เสียดายวันนี้วันอังคารมีนัดเรียนศิลปะกับนิตา อั่งอั๊งด้วย
...เมื่อวานนี้ตอนนั่งรถกลับมาบ้าน เด็กจิ๋วชี้ไปที่ท้องฟ้าแล้วบอกว่า
“ดูนั่นสิ สวยมากเลย ปะป๊า ขอยืมโทรศัพท์หน่อย น้องพริมจะถ่ายรูป”...แล้วก็เอาโทรศัพท์ไปถ่ายรูปท้องฟ้าตอนพระอาทิตย์ตกสีส้ม
สวยจริงๆ เก่งมากอ่ะ รู้จักเห็นว่าวิวสวย แล้วรู้จักจะถ่ายรูปด้วย
...ช่วงเช้าๆมีไข้ต่ำๆยังมีแรงโวยวายอาละวาดอยู่
วันนี้ปะป๊าชวนเด็กจิ๋ววาดรูปพ่อแม่ลูกกัน
คราวก่อนวาดรูปครอบครัวพี่โนพี่โน่ซะสวยเลย พอมาวันนี้วาดไม่ได้ซะแล้ว
คราวนี้วาดรูปคนแบบไม่มีหัว มีแต่ตัวยาวๆรีๆแล้วก็มีตามีปากอยู่ด้านบน
มันไม่เหมือนคนเลยนะ คุณแม่บอกว่าแม่เพื่อนเด็กจิ๋วก็เคยคุยกันประเด็นนี้
คือเด็กนี่แล้วแต่อารมณ์ บางทีวาดรูปได้สวยงามเลย แต่มาอีกวันวาดไม่ได้แล้ว
อย่างนิตาเคยไปเห็นหมูป่าตัวจริงแล้วเอากลับมาวาดได้
แต่พอให้วาดอีกทีดันวาดไม่ได้ซะแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นที่อารมณ์ว่าอยากหรือไม่อยาก
หรือเป็นที่ความจำ คือถ้ามีภาพอยู่ในหัวก็วาดได้ แต่พอลืมๆไปแล้วก็วาดไม่ได้
...ตอนนี้น้าปอยมาสร้าง line group ชวนแม่ๆห้อง 1/8
มาคุยกัน ก็เป็นพวกที่คุ้นๆหน้าตอนไปรับไปส่งลูกๆนั่นแหล่ะ
แต่ก็ได้คุยกับแม่คีโน่เพิ่ม
ก่อนหน้านี้ไม่เคยคุยกันได้แต่เดินสวนกันแล้วยิ้มๆเฉยๆ
...ตอนบ่ายนอนยาว 3 ชั่วโมง ตื่นขึ้นมาสดชื่นมาก ไข้ก็ไม่มีแล้ว
ร่าเริงเล่นกับเจ๊น่าใหญ่
๓
ขวบ + ๒๕๔ วัน...พุธ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๖
...เมื่อคืนไม่มีไข้แล้ว ตอนเช้าตื่นมาน้ำมูกก็ไม่มีแล้ว มีไอเล็กน้อย
แต่เหมือนมีผื่นขึ้นที่หน้านิดหน่อย น่าจะเป็นผลมาจากไข้ที่เพิ่งหาย
เลยไปเรียนตามปกติ
ตอนเที่ยงๆครูแหววโทรมาหาคุณแม่บอกว่ามีผื่นขึ้นที่หน้าน้องพริมเยอะเลย
จะมารับกลับบ้าน หรือจะให้ทายาอะไรให้ไม๊ เราถามครูดูแล้วน้องพริมบอกว่าไม่มีอาการคันก็เลยบอกว่าไม่ต้องทายาอะไร
ไปรับกลับตามเวลาปกติ คิดว่าเด็กจิ๋วคงจะเป็นส่าไข้ ลอง search หาข้อมูลใน google
ดู ก็เพิ่งรู้รายละเอียดของส่าไข้ว่ามันคืออะไร
สรุปแล้วลักษณะส่าไข้ตรงกับเด็กจิ๋วเปะ คือจะเป็นไข้ก่อน 3 วัน แล้วหลังจากนั้นไข้ก็จะหายไป
แต่มีผื่นขึ้นที่หน้าและตัว ซึ่งจะเป็นผื่นอีก 1-3 วัน
อาการผื่นอาจจะคันหรือไม่คัน โรคนี้ไม่ต้องรักษาอะไร ปล่อยไว้เดี๋ยวก็หายเอง คนที่มาเขียนเรื่องราวในเว็ปก็บอกตรงกันว่าตอนแรกไปหาหมอตรวจนั่นตรวจนี้หลายอย่าง
หมดไปหลายพัน สุดท้ายก็ตรวจเก้อ เหมือนเด็กจิ๋วเลย เจ็บตัวเก้อที่ไปหาหมอเมื่อวาน
ว่าแต่ทำไมหมอไม่เห็นสงสัยว่าเด็กจิ๋วจะเป็นส่าไข้เลยอ่ะ
ได้แต่คิดว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ไวรัสลงปอด ไข้เลือดออก
โรคส่าไข้ก็เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง พบในเด็กเล็กถึง 3 ขวบ
แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นได้ ซึ่งก็ตรงกับปะป๊าเหมือนกัน
คือเป็นจ้ำๆแดงๆขึ้นเต็มตัวเลย เป็นมา 3 วันแล้ว คิดว่าเป็นส่าไข้เหมือนกัน
แต่ผู้ใหญ่อาจแข็งแรงกว่าเด็กเลยไม่มีอาการไข้ ปะป๊าคงเป็นก่อน
แล้วเด็กจิ๋วติดไปอีกที
...เด็กจิ๋วได้กระปุกออมสินมาใบหนึ่ง ถามว่าใครให้มา เด็กจิ๋วตอบว่า
อิงดาว เราก็แปลกใจว่าเอากระปุกออมสินแจกเพื่อนๆทุกคนเลยเหรอ มันจะอลังการเกินไปนะ
สอบถามดู เด็กจิ๋วบอกว่า “น้องพริมได้คนเดียว ตอนแรกอิงดาวให้น้องพริม
แล้วมาเอาคืน แต่น้องพริมไปขอคืนมาอีกทีหนึ่ง”...งง ??? แล้วทำไมอิงดาวถึงให้หนูคนเดียวละ
เด็กจิ๋วเล่าต่อเป็นเรื่องเป็นราว “ก็น้องพริมเคยไปกินไอติมกับอิงดาว
ที่เซนทรัลเวิลด์อ่ะ ไปกัน 2 คน อิงดาวเลยเอากระปุกออมสินมาให้”...ไปกันใหญ่แล้ว
ถามว่าจินตนาการใช่ไม๊ เด็กจิ๋วเล่าต่อว่า “ไม่ได้จินตนาการ ไปเองจริงๆ
คุณแม่อย่าไปบอกใครนะ น้องพริมไปกัน 2 คน”
๓
ขวบ + ๒๕๕ วัน...พฤหัส ๑๒ กันยายน ๒๕๕๖
...ในเว็ปเค้าบอกว่าส่าไข้นี่จะทำให้กินอาหารไม่ลง
แล้วก็วันที่สามที่สี่จะมีอาการท้องเสีย มันตรงมากๆเลย
ใช่แน่ๆช่วงนี้เด็กจิ๋วไม่ค่อยยอมกินข้าวจริงๆแล้วก็เมื่อคืนมีอาการท้องเสียด้วย
วันนี้เจอน้าปอย น้าปอยบอกว่าโรคนี้เป็นแล้วจะไม่เป็นอีก เหมือนเป็นหัด
...เมื่อวานนี้เจอแม่น้องอินห้อง 9
เค้าบอกว่าน้องอินชอบดูคลิปเด็กจิ๋วในยูทูปมาก ดูเป็นร้อยๆรอบ ดูมานานแล้ว
แต่เพิ่งสังเกตุเห็นเมื่อไม่กี่วันมานี่เองว่าเด็กจิ๋วก็คือน้องพริมเรา คือจำคุณแม่ในคลิปว่าคือพี่กวาง
เราก็สงสัย ทำไมจำเด็กจิ๋วไม่ได้เหรอ หรือว่าดูคลิปตอนเล็กๆซึ่งเด็กจิ๋วตัวอ้วนมาก
...ช่วงนี้รู้สึกว่าเจ๊น่าโตขึ้นมาก เรื่องความคิดนะ
คือวันนี้เล่นกับเด็กจิ๋วแล้วเด็กจิ๋วเกเรอาละวาดใส่ เจ๊น่าก็ปึ้งปั้ง โมโห
จะเดินกลับบ้านตามปกติ แต่สักพักก็บอกว่า
ไม่โกรธน้องพริมก็ได้เพราะรู้ว่ากำลังงอแงอยู่ แล้วก็กลับมาเล่นกับน้องเหมือนเดิม
น่ารักมาก เป็นพี่ที่รักน้องมากๆอ่ะ ทั้งเจ๊น่าเฮียโร
๓
ขวบ + ๒๕๖ วัน...ศุกร์ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๖
...เช้านี้จับแต่งตัวบนห้อง เด็กจิ๋วก็ยิ้มแย้ม ยินยอมแต่โดยดี
ตอนแรกให้ใส่กระโปรงตัวใหม่แบบฟูๆ แต่ใส่เสื้อตัวนั้นเปลี่ยนตัวนี้
เปลี่ยนไปมาจนเด็กจิ๋วรำคราญมั้ง จากที่ยิ้มๆกลายเป็นเริ่มอาละวาดและ
สุดท้ายเราก็ให้ถอดกระโปรงออก เพราะหาเสื้อที่เข้ากันไม่ได้
ให้ใส่ชุดกระโปรงใหม่สีเทาแทน ปะป๊ากับคุณแม่นี่ก็เรื่องมากเหลือเกิน
เด็กจิ๋วคงคิดในใจว่าอะไรกันนักกันหนา สุดท้ายก็เลยอาละวาด ร้องไห้โวยวาย
ปะป๊าก็รีบอุ้มออกจากที่เกิดเหตุ แล้วก็ดันลืมของรักไปได้
ทุกๆวันจะอุ้มเด็กจิ๋วกอดหมีหมีลงไปแต่งตัวข้างล่าง แต่วันนี้ลืมซะ
ตั้งแต่ตอนออกจากห้องแล้ว เด็กจิ๋วร้องไห้อาละวาดอยู่ ปากก็พูดแต่ว่า
“ปะป๊าไม่หยิบให้เลย ปะป๊าไม่หยิบให้เลย”...หยิบอะไร ถามไปก็ไม่ยอมบอก
จนขับรถออกมาแล้ว ปะป๊าถึงนึกขึ้นมาได้ว่า หมีหมีแน่ๆ
พยายามเบี่ยงเบนแต่ก็ไม่สำเร็จ
...วันก่อนเด็กจิ๋วไปหยิกเจอร์นีย์ครั้งหนึ่ง
เหตุผลก็คือเจอร์นีย์ทำแบบฝึกหัดช้า แล้วเด็กจิ๋วไปยุ่งอะไรกับเค้าก็ยังงงๆอยู่
วันนี้ครูแจ้งว่าเจอร์นีย์มาหยิกเด็กจิ๋วบ้าง ถามจากครูและเด็กจิ๋วก็ยังไม่รู้เรื่องว่าเค้ามาหยิกทำไม
เด็กจิ๋วได้แต่บอกว่าไม่ได้ทำอะไร อยู่ดีๆเจอร์นีย์ก็มาหยิก
เราก็ไม่ค่อยเชื่อหรือเค้าแค้นจากเหตุการณ์วันนั้น เด็ก 2
คนนี้อาจจะเคืองๆกันอยู่หรือเปล่า
แล้วถามเด็กจิ๋วว่าพอโดนหยิกแล้วหนูทำอะไรเค้าเปล่า เด็กจิ๋วบอกว่าไม่ได้ทำ
น้องพริมเดินไปฟ้องคุณครู อันนี้ก็ตรงกับที่ครูเล่า
น่าจะไม่ได้ไปทำอะไรเค้าจริงๆแหล่ะ
...ตอนเย็นนัดกับอั่งอั๊งไปเซนลาดกัน เด็กจิ๋วไปเรียนเปียโนเหมือนเคย
แล้วก็นัดอั่งอั๊งไปลงเรียน Helen Delong ล่าสุดตอนนี้ก็มีลงกันแค่
2 คน แต่ดูเหมือนเค้าก็จะเปิด course ให้เลยนะ ตอนแรกบอกว่ายังไม่แน่ว่า 2
คนจะเปิดไม๊
...เด็กจิ๋วเจออั๊งก็วิ่งเล่นกรี๊ดลั่นห้างกันอีกแล้ว
เด็กมันสนุกนักหรือไงกับการเล่นวิ่งไปวิ่งมา ไม่ได้วิ่งไล่จับ หรือมีเรื่องราว
มีแรงจูงใจอะไรทั้งสิ้น แบบเจอหน้ากันก็วิ่งกันเฉยๆงั้นล่ะ เราลำบากดิ่
ต้องวิ่งตาม เหนื่อยนะเด็กจิ๋ว
...ตอนเย็นปะป๊าทำบราวนีย์ใส่เบอรี่และแมคคาดีเมีย
จะเอาไปให้เพื่อนๆเด็กจิ๋วกินพรุ่งนี้
ระหว่างที่กำลังผสมแป้ง เด็กจิ๋วก็เข้ามาช่วยเป็นระยะๆ
พอถึงตอนเอาเข้าเตาอบ ตั้งเวลาเรียบร้อย หันไปทำโน่นทำนี่ หันกลับมาดูที่เตาอบอีกที
ใครมาปรับปุ่มตั้งเวลานี่ เมื่อกี้มัน 15 นาที ตอนนี้ทำไมเป็น 5 นาที
ว่าแล้วปะป๊าก็หลุดปากไปตามปกติว่า เด็กจิ๋วแน่ๆเลย
เด็กจิ๋วมาหมุนปุ่มของปะป๊าเล่นใช่ไม๊ เด็กจิ๋วทำหน้าเบะ
วิ่งเข้ามุมไปร้องไห้เสียใจ “น้องพริมไม่ได้ทำ
น้องพริมไม่ได้ทำ”...พอได้สติคิดทบทวนอีกที เราตั้งเวลาถอยหลัง จาก 15 ก็ลดลงมา 5
ถูกแล้วนี่หน่า ไม่ใช่นาฬิกาซะหน่อย ว่าแล้วก็ต้องรีบไปขอโทษเด็กจิ๋วใหญ่
ปะป๊าผิดเอง ด้วยความเคยชิน มีอะไรโทษเด็กจิ๋วไว้ก่อน
๓
ขวบ + ๒๕๗ วัน...เสาร์ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๖
...เด็กจิ๋วจะชวนนิตากับอั่งอั๊งไปสวนรถไฟตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแต่อั๊งไม่ว่าง
วันนี้เลยนัดกันไปใหม่ น้าปอยชวนเพื่อนๆคนอื่นๆด้วยที่อยู่ใน line group วันนี้ได้ยอดรวมทั้งหมด
7 คน เป็นแกงค์แฟนฉันเลย มีเด็กจิ๋ว นิตา อั่งอั๊ง เมมิ เบ๊พ ครับ ปุณย์
ที่จริงมีปาร์ตี้กำลังตามมาสายหน่อย หลงทางอีกต่างหาก มาไม่ทัน
มาตอนที่เพื่อนๆเค้ากลับกันหมดแล้ว
...เด็กจิ๋วไปถึงเป็นคนแรกเลย รีบไปเช่าจักรยานสีชมพูมาให้ขี่ทันที
ตอนแรกปะป๊ากับคุณแม่ก็ผลัดกันเข็นให้เด็กจิ๋วนั่งเล่น เพราะเด็กจิ๋วไม่ยอมปั่นเลย
ปั่นไปได้หน่อยก็หยุด ปั่นถอยหลังมั่ง เท้าหลุดที่เหยียบหงุดหงิดบ้าง
เข็นไปเข็นมาอยู่แถวๆปากทางเข้าสวนรถไฟ เพราะต้องรอเพื่อนๆด้วย เข็นไปได้หน่อย
เพื่อนๆยังไม่มากันเลย เด็กจิ๋วก็งอแงเริ่มอาละวาดแล้ว ไม่ชอบขี่
ปะป๊ากับคุณแม่ก็บังคับให้ขี่ใหญ่ ขู่ต่างๆนาๆ อุตส่าห์พามา มาขี่กับเพื่อนๆ
ดูสิคนอื่นเค้าขี่กันใหญ่เลย กลับมานึกๆดู ตัวเด็กจิ๋วเองก็คงคิดหงุดหงิดในใจว่า
ก็ไม่อยากขี่ มาบังคับให้ขี่ทำไม อะไรกันนักหนา ประกอบกับว่าหิวด้วยแหล่ะ
คุณแม่เลยรีบไปหาซื้อนมมาให้กิน พอเพื่อนๆมาก็ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆนิดหน่อย
เพื่อนๆส่วนใหญ่ขี่กันเก่งแล้ว มีเด็กจิ๋วกับนิตานี่แหล่ะ ที่ยังขี่ไม่เป็น
น้องครับนี่ดูเหมือนจะคล่องสุด น้าผึ้งบอกว่าอยู่บ้านก็ขี่เล่นทุกวัน
...พ่อนิคกับน้าเบียร์เตรียมข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเต็มเลย
เอามาแจกจ่ายเด็กๆกินกัน ส่วนน้าบีก็ทำแซนวิชมา
ที่จริงปะป๊าเองอุตส่าห์ทำบราวนีย์ไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
กะว่าจะเอามากินกันวันนี้แหล่ะ แต่เพิ่งทำครั้งแรก
ผิดพลาดไปหน่อยเลยต้องเก็บไว้กินคนเดียว พอกินกันเสร็จก็วิ่งเล่นกันที่สนามหญ้า
ซึ่งตอนเช้าๆแบบนี้จะแฉะมาก นี่ขนาดเมื่อคืนไม่มีฝนนะ แต่คงเป็นน้ำค้าง
เด็กๆวิ่งไปได้หน่อยก็กลับมาเช็ดเท้ากันเพราะเปียก เด็กจิ๋วก็ร้องถอดรองเท้า
ให้อุ้ม ตอนแรกเราไม่รู้ว่าให้ถอดรองเท้า และให้อุ้มเนี่ยะเป็นเพราะเท้าเปียก
เราคิดว่างอแงไร้สาระ ก็เลยไม่อุ้ม เด็กจิ๋วก็ร้องโวยวาย “ไม่อุ้มไม่รัก
ไม่อุ้มไม่รัก”...เราก็เถียงกลับไปว่า รัก แต่ไม่อุ้ม จะให้อุ้มทำไม
อุตส่าห์พามาเล่นกับเพื่อนๆ ร้องโวยวายทำวงแตกอยู่พักหนึ่ง
ปะป๊าก็ยอมแพ้ต้องอุ้มพาไปดูนก ก็หายอาละวาดทันที เล่นย่องเข้าไปแกล้งนกกับปะป๊า
หัวเราะชอบใจ ท่าทางจะอารมณ์ดีแล้วกลับไปเล่นกับเพื่อนๆได้ แต่ว่า
ตอนนี้ฝนตั้งเค้ามาแล้ว วงแตกของจริง ทุกคนรีบเก็บของกลับบ้านกัน
สรุปเด็กจิ๋วก็เลยยังไม่ได้ขี่จักรยานหรือได้เล่นกับเพื่อนๆเท่าไหร่เลย
...กลับมาถึงบ้านก็หมดแรงหลับไป 3 ชั่วโมงกว่า
เมื่อเช้าทั้งง่วงจากฤทธ์ยา ทั้งหิว ทั้งเท้าเปียก ทั้งถูกบังคับให้ทำโน่นทำนี่
น่าสงสาร แต่ปะป๊าก็ยังโกรธเด็กจิ๋วอยู่ เพราะไม่ว่าจะยังไง
ก็ไปอาละวาดแบบนั้นไม่ได้ เด็กจิ๋วตื่นนอนมาตอนเย็นๆ มาตามง้อปะป๊าอยู่พักหนึ่ง
ปะป๊าก็ยังไม่คืนดี นั่งกินหนมกันอยู่ในห้องครัว เพลินๆ ชิวๆ ปะป๊าทำโน่นทำนี่ไป
หันไปหาเด็กจิ๋ว แล้วก็ทำหน้าตลกยิ้มใส่ทีหนึ่ง เด็กจิ๋วทำหน้างง อ้าว งงอะไร อุ๊ย
เรายังไม่หายโกรธกันนี่ ว่าแล้วก็รีบทำโกรธต่อ เด็กจิ๋วคงงงหนักเลย
ดูจากหน้าตาแล้ว คงจะสงสัยว่าปะป๊าเล่นอะไรอยู่ โกรธแต่ทำไมมาเล่นด้วย หลังจากหลุดเก๊กไปไม่นานก็ต้องเปลี่ยนแผน
บอกเด็กจิ๋วว่าปะป๊าจะหายโกรธก็ได้ แต่เด็กจิ๋วต้องกินบราวนีย์ของปะป๊าก่อน
แล้วก็เลยคืนดีกัน แต่ว่าเด็กจิ๋วโกงนะ กินบรานีย์ปะป๊าไปคำหนึ่งแล้วไม่ยอมกินต่อ
มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ
๓
ขวบ + ๒๕๘ วัน...อาทิตย์ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๖
...วันนี้สัญญากับเด็กจิ๋วไว้ว่าจะพาไปว่ายน้ำบรัดารมย์
แต่ตอนเช้าๆเห็นอาการไม่ค่อยดี ไม่ไอนิดหน่อยแล้วก็มีน้ำมูก เลยเบี้ยวเด็กจิ๋วไป
อันที่จริงตอนสายๆก็ไม่มีอาการแล้ว
แต่คุณแม่ขี้เกียจไปมากกว่าเลยเบี้ยวแล้วเบี้ยวเลย
...ตอนกลางวันไปกินข้าวที่บางอ้อทะเลเผากัน อาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งมากินกัน
เด็กจิ๋วก็จำได้ แต่ว่านั่งๆอยู่ในร้าน เด็กจิ๋วหันมองซ้ายมองขวา แล้วก็บอกว่า
“เค้าจัดร้านใหม่เหรอ”...ไม่ได้จัดใหม่ แต่คราวที่แล้วเรานั่งตรงโน้น
คราวนี้นั่งคนละที คงจะงง
...อยู่ดีๆเด็กจิ๋วก็ร้องจะทำการบ้านพิเศษ คือแบบฝึกหัดที่เราซื้อมาให้เด็กจิ๋วทำอ่ะ
ตอนบ่ายๆเลยมาที่ออฟฟิต เอาแบบฝึกหัดให้ทำ นั่งทำอย่างตั้งใจ
ให้วาดรูปครอบครัวด้วย ปะป๊าคุณแม่และเด็กจิ๋ว เด็กจิ๋ววาดปะป๊าซะตัวผอมเลย บอกว่า
“ก็ปะป๊าผอมนี่”
...ระหว่างกำลังพาเข้านอน เด็กจิ๋วถามคุณแม่ว่า
“อากงอยู่ไหน”...คุณแม่เลยถามว่าอากงไหน ถ้าอากงราชบุรีก็อยู่ที่ราชบุรีไง
เด็กจิ๋วบอกว่า “ไม่ใช่ อากงที่อยู่เมืองไทยอ่ะ”...เอ่อ อยู่เมืองไทยทุกคนแหล่ะเด็กจิ๋ว
...ปะป๊าชวนเด็กจิ๋วเล่นจ้องตากัน ครั้งแรกๆเด็กจิ๋วง่อยมาก
จ้องปั๊บกระพริบปั๊บ แต่ตอนนี้เก่งมากอ่ะ ปะป๊าไม่เคยชนะเลย จ้องแบบไม่กระพริบ
วันนี้ให้แข่งกับเจ๊น่าก็ชนะขาดลอย
๓
ขวบ + ๒๕๙ วัน...จันทร์ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๖
...วันนี้เจ๊น่าโทรมาตามตั้งแต่ 7 โมงตรง เราก็บอกว่าอีกสัก 10 นาที
เจ๊น่าบอกว่าไม่ทันแล้ว วันนี้มีสอบ ให้อาโกวไปส่งแทน แต่เอาเข้าจริง
รถอาโกวออกก่อนรถเราแค่ 5 นาทีเอง ไปถึงก็ไล่เลี่ยกันนั่นแหล่ะ
แล้ววันนี้เป็นวันจันทร์ นึกว่าจะรถติด แต่ปรากฎว่าโล่งมาก คิดว่าเป็นเพราะมีสอบ
คนเลยมากันแต่เช้า คือปกติที่รถติดก็ติดแถวหน้าโรงเรียนนั่นแหล่ะ
วันนี้หน้าโรงเรียนโล่งเลย
...วันนี้ครูแหววมาบอกว่าวันพฤหัสนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียน
จะมีปาร์ตี้เล็กๆ ให้เพื่อนๆเตรียมอาหารมาคนละอย่าง อันนี้เป็นข้อความที่ได้รับมา
แต่ก็ยังงงๆว่าเอามาทุกคนเลยหรือเปล่า เพราะไม่ได้เขียนแจ้งมาในสมุด
แบบนี้พ่อแม่ที่ไม่ได้มารับมาส่งก็จะไม่รู้เรื่องสิ แล้วครูนิวก็ยังบอกอีกว่า
ปีก่อนๆห้องอื่นมีกัน เด็กๆเห็นก็อยากกินบ้าง ฟังดูเหมือนปีก่อนมีแต่ห้องอื่น ห้อง
8 ไม่มี แล้วก็ครูนิวยังหลุดปากมาอีกว่า
ปีที่แล้วซื้อเฟรนไฟร์จะเอามาทอดให้เด็กๆแต่ไม่มีเวลา อะไรประมาณนี้
ฟังๆดูก็ยังเป็นอะไรที่งงๆกันอยู่ แต่ตอนนี้แม่ๆในห้อง line group ก็เริ่มคุยกันแล้วว่าใครจะเอาอะไรมา
มีเค้ก น้ำผลไม้ ลูกชิ้น ของเด็กจิ๋วเองยังคิดไม่ออก อยากให้อะไรที่พิเศษหน่อย
ที่จริงอยากให้ครูมากกว่า เพราะเด็กๆคงจะมีหนมมีอาหารกินกันให้รึ่ม
อยากตอบแทนครูที่เหนื่อยกันมาทั้งเทอม
...เวลาเด็กจิ๋วทำแบบฝึกหัดคัดลายมือ
ปกติมันจะมีแบบจุดไข่ปลาเต็มๆมาให้ก่อน แล้วค่อยจุดหายให้ลากเส้นต่อเอง
แต่เด็กจิ๋วจะชอบทำบรรทัดล่างก่อน แบบมีจุดครึ่งตัว แล้วค่อยไปคัดแบบจุดเต็มตัว
เหมือนแกล้งอ่ะ ยิ่งเราบอกว่าให้ทำจากข้างบนลงมาดิ่ ยิ่งแกล้งใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้คัดเร็วมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราไม่ดู แต่ถ้าไปจ้องดูจะยิ่งแกล้งลีลาจัด
...มีโบว์ชัวร์รถอยู่บนโต๊ะปะป๊า เด็กจิ๋วหยิบมาถามว่าอะไรอ่ะ
เราก็บอกว่าโบว์ชัวร์รถ เด็กจิ๋วถามว่า “เราจะซื้อรถใหม่เหรอ”...เปล่า
เราไม่ได้จะซื้อใหม่ รถเรายังดีอยู่ เด็กจิ๋วงง ถามต่อว่า
“แล้วเค้าส่งมาเพื่ออะไรอ่ะ”....ก็เพื่อถามว่าเราจะซื้อใหม่ไม๊ ถ้าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร
ตอบไปแบบนี้จะเข้าใจไม๊เนี่ยะ
...วันนี้เจ๊น่าได้โทรศัพท์ใหม่ เป็นเครื่องเก่าของเอ้ยกให้
เด็กจิ๋วเห็นยังงั้นก็มาหาปะป๊า หยิบ iphone5 ขึ้นมาแล้วบอกว่า
“ปะป๊า อันนี้ขอน้องพริมนะ น้องพริมอยากได้”...กิ๊ฟติดผมตัวเองยังรักษาไม่ได้เลย
...วันนี้ปะป๊าคิดเกมส์ใหม่ ให้เด็กจิ๋วแข่งกับเจ๊น่า
ปะป๊าพูดชื่อสัตว์ภาษาไทยแล้วให้เด็กตอบภาษาอังกฤษ แย่งกันตอบ
ใครตอบก่อนได้เดินหนึ่งก้าว คนชนะคือคนที่เดินไปถึงเส้นชัยก่อน เด็กจิ๋วตอบแม่น
ตอบเร็ว เสียงดัง แบบว่าสูสีกับเจ๊น่าเลย รู้สึกว่าเก่งจริงๆ
ไม่ได้เรื่องความรู้ศัพท์นะ แต่เป็นเรื่องของหัวเร็ว คิดเร็วมากกว่า
๓
ขวบ + ๒๖๐ วัน...อังคาร ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖
...รู้สึกว่าตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เด็กจิ๋วอารมณ์ดี
ไม่ค่อยโวยวายอาละวาด เมื่อวานก็เป็นเด็กดีตื่นมาร่างเริงไปโรงเรียน
วันนี้ก็เหมือนกัน ตื่นมาก็ยิ้ม ยอมแต่งตัวตั้งแต่อยู่บนห้องนอน
แข่งแต่งตัวกับปะป๊า ปะป๊าก็ต้องแกล้งใส่ผิดใส่ถูกให้เด็กจิ๋วชนะทุกครั้งแหล่ะ
หนูจะได้ดีใจ แกล้งใส่กลับหน้าหลัง ใส่กลับด้าน แขนซ้ายใส่แขนขวา เอาแขนออกทางคอ
อีรุงตุงนังตั้งนานจนเด็กจิ๋วชนะ ระหว่างนั่งรถไปโรงเรียนก็เล่นเกมส์กัน
เกมส์ต่างๆที่ปะป๊าคิด ก็คือตั้งใจจะเสริมจินตนาการ พัฒนาสมอง
เมื่อก่อนจะเล่นทุกเช้าตอนนั่งรถไปโรงเรียน
แต่หลังๆมานี่เด็กจิ๋วงอแงซะเกือบทุกวัน เลยไม่ได้เล่น ว่าแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า
แสดงว่าเมื่อก่อนตอนเช้าๆเด็กจิ๋วร่าเริงนี่หน่า ถึงได้เล่นเกมส์ได้
แล้วอะไรที่ทำให้อยู่ๆก็มาหงุดหงิดอาละวาดทุกเช้าแบบนี้ ตอนนี้เริ่มคิดไปถึงยา
ช่วงที่ผ่านมาให้กินยาแก้แพ้เกือบทุกวันเพราะอาการป่วยจะเป็นๆหายๆอยู่เรื่อยๆ
บางทีมีน้ำมูกนิดหน่อยก็กินกันไว้ก่อน ยาแก้แพ้จะทำให้ง่วง อาจจะเป็นสาเหตุ
เมื่อคืนไม่ได้ให้กิน เลยทำให้วันนี้ร่าเริงก็อาจจะมีส่วน วันนี้ร่าเริงไปถึงห้องเรียนเลย
เดินจูงมือกับเมมิเข้าโรงเรียนด้วย
...ตอนเย็นพาเด็กๆไปเรียนกับครูแก้ว รวมตัวแก๊งค์ 3 สาว
ตั้งแต่ไปถึงก็วิ่งกรี๊ดลั่นเข้าห้องเรียน ระหว่างเรียนแต่ละคนก็มีสมาธิดี
แต่แม่ๆนี่แหล่ะ นั่งเม้าส์กันสนั่นไม่แพ้เด็ก พอเด็กเลิกก็ออกมาจับมือวิ่งเล่นล้มกันระเนระนาด
รู้สึกเกรงใจครูน้อยจริงๆ เรื่องที่เม้าส์ๆกันครั้งก่อนๆจะเป็นเรื่องลูกๆ
พอวันนี้เริ่มเปลี่ยนมาเม้าส์เรื่องคนนั้นคนนี้กันมั่งแล้ว
เพิ่งรู้ว่าแม่น้องเจ้นท์ขายไอติมมะพร้าวน้ำหอมอยู่ที่บองมาเช่
แล้วก็คุยกันเรื่องร้านขาหมูของบ้านพี่เมย์ คุยเรื่องบ้านอั่งอั๊ง เรื่องดูหนัง
เรื่องซื้อของ คุยกันเบ็ดเตล็ดมากๆ
...ตอนกล่อมเด็กจิ๋วนอน ปะป๊าคิดเกมส์ใหม่ บอกชื่อสัตว์ไป 2 อย่าง
ผสมออกมาได้เป็นอะไร ตอนแรกเด็กจิ๋วก็ไม่เข้าใจ ยีราฟ ผสมกับเต่า ได้เป็นอะไร
เด็กจิ๋วทำหน้างงใหญ๋ พอปะป๊าเฉลยว่า ได้เต่าคอยาว เด็กจิ๋วก็ทำตาเป็นประกายปิ๊งปั๊ง
หลังจากนั้นก็ตอบได้อย่างฉลาดมาก รู้สึกทึ่งจริงๆ อย่างช้างผสมกับงู
ได้เป็นช้างเลื้อยได้ เพนกวินผสมกับจิงโจ้ ได้เป็นเพนกวินกระโดดได้
แล้วปลาผสมกับหมา ได้เป็นหมาว่ายน้ำได้ คือรู้จักที่จะดึงเอาจุดเด่นของสัตว์ออกมา
แต่อันนี้ยังเด็กๆ ต้องคำถามสุดท้าย โดนเข้าไป ปะป๊าหงายเก๋งเลย ปะป๊าถามว่า
แล้วถ้าปะป๊าผสมกับคุณแม่ล่ะ ได้เป็นอะไร เราก็ลุ้นว่าเด็กจิ๋วจะตอบว่าน้องพริมไม๊
ลุ้นไปลุ้นมา เด็กจิ๋วโพล่งออกมาว่า “ได้ปะป๊าตัวอ้วน”...ฮากันเลยทีนี้
ไปเอาจุดเด่นคุณแม่ตัวอ้วนมาใส่ให้ปะป๊า ดีนะ ไม่ตอบว่าได้คุณแม่ตัวผอม
๓
ขวบ + ๒๖๑ วัน...พุธ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๖
...เช้านี้ไปขอดูคะแนนสอบของเด็กจิ๋ว
เมื่อวานน้าปอยบอกว่าไปดูของอั่งอั๊งมาได้ 100 เต็ม ที่จริงของเด็กจิ๋ว
ครูก็เคยบอกแล้วล่ะว่าได้ 100 เต็ม แต่ตั้งใจทำเนียนไปดูคะแนนของเพื่อนๆมากกว่า
คะแนนเป็น list ของเด็กในห้องมี 2 หน้า เราดูแต่หน้าแรก
ไม่เห็นหน้าหลัง จะขอเปิดดูก็เกรงเสียมารยาท ในหน้าแรก เราพยายามสแกนคนที่ได้ 100
เต็ม ก็เจอชื่อ น้องพริม นิตา อั่งอั๊ง เมมิ ปูรณ์ แล้วอาจจะอีก 1-2 คน
เท่านั้นที่ได้ 100 เต็ม ประมาณการณ์แล้วน่าจะได้ 100 เต็มประมาณ 1 ใน 3 ของห้อง
ประกอบกับครูเคยบอกว่าครั้งนี้เด็กที่ได้ 100 เต็มมีสิบกว่าคน ก็ตรงกัน
คือแปลกใจมากที่แก๊งค์ 4 สาวได้ร้อยเต็มเหมือนกันหมดเลย ทั้งน้องพริม นิตา
อั่งอั๊ง เมมิ เป็นเพราะอะไรนะ ปะป๊ามาวิเคราะห์ดู
อาจจะเป็นเพราะว่าพ่อแม่เด็กเหล่านี้มีแนวทางหรือวิธีคิดที่คล้ายๆกัน เลยมาสนิทกัน
แล้วก็ลากลูกมาเข้าแก๊งค์ การที่พ่อแม่มีแนวคิดคล้ายกันก็อาจจะสอนลูกๆเหมือนๆกัน
เน้นวิชาการพอๆกัน
ทักษะที่ได้จากการพูดคุยกับพ่อแม่เป็นเรื่องสำคัญก็จะได้เท่าๆกัน
อย่างเด็กคนอื่นๆที่อยู่ในหน้าแรกที่ไม่ได้ 100 เต็ม ก็จะได้ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์
ได้แก่เมจิ เบ๊พ เจอร์นีย์ ปูจ๋า ครับ แล้วก็อีกหลายๆคน จำไม่ได้
แต่เห็นน้อยๆคือได้ 80 กว่าก็มีฟ้าใส อันนั้นได้น้อยเพราะสื่อสารภาษาไทยไม่ได้
วิชาภาษาไทยได้ 60% เอง
...หลังจากที่ครูแจ้งเรื่องงานปาร์ตี้วันพฤหัสที่จะถึง
เราก็คิดกันมาตลอดว่าจะเอาอะไรมาดี อยากให้แตกต่างจากเพื่อนๆหน่อย
เพราะเห็นถามๆกัน ส่วนใหญ่จะเอาขนมมา
อย่างน้าเบียร์กับน้าปอยก็รวมตัวกันทำทาร์ดช็อกโกแล็ต พี่ว่านเอาน้ำผลไม้
น้องผึ้งเอาหมูฝอย แม่น้องเจ้นท์เอาไอติมมะพร้าว แม่ปูจ๋าทำคัพเค้ก
พ่อส้มโอทำบลูเบอร์รี่ชีสพาย แล้วคนอื่นๆก็มีไส้กรอกทอด ไดฟุกุ
ของเด็กจิ๋วเองหลังจากคิดกันอยู่นานก็เลยตัดสินใจขอแหวกแนวทำลูกโป่งแฟนซีแล้วกัน
เป็นลูกโป่งไส้ไก่เอามาบิดเป็นรูปต่างๆโดยคุณแม่ผู้ไม่เคยเกรงกลัวต่อลูกโป่งแตก
ว่าแล้วก็ไปร้านข้างโลตัส ได้ลูกโป่งไส้ไก่มา 2 ห่อ ห่อละ 60 เส้น ตกเส้นละบาท
กลับมาบ้านก็ลองทำเป็นรูปถนัดก่อน หมา ดอกไม้ แต่แล้วก็รู้สึกว่ามันธรรมดาไป
ลองหาวิธีทำในเว็ปดูมั่งดีกว่า เจอเยอะแยะ ดอกไม้แบบใหม่ๆ ผีเสื้อ ยีราฟ
เจ๋งเลยคราวนี้ คุณแม่นั่งบิดจนเหงื่อแตก บิดไปก็บ่นไปว่าไปซื้อหนมง่ายๆดีกว่าไม๊
ปะป๊าเป็นแผนกสูบลม ตอนสูบอะสนุก แต่ตัวมัดจุกนี่ทำไปเยอะๆแล้วเจ็บมือเหมือนกันนะ
พอทำชำนาญขึ้นเริ่มไม่พอใจในตัวลูกโป่งที่มีอยู่ อยากได้ยาวๆกว่านี้
เลยกลับไปที่ร้านใหม่อีกครั้ง คราวนี้ได้ไส้เป็ด คือจะอ้วนกว่าไส้ไก่
แล้วก็ได้ไส้ไก่แบบยาว
...ตอนไปรับเด็กจิ๋วจากโรงเรียน พยายามหลอกล่อว่าอย่าไปเรียนพิเศษได้ไม๊
เพราะมีภารกิจต้องไปดัดลูกโป่ง ต่อรองอยู่นานไม่สำเร็จ
เด็กจิ๋วจะเรียนกับครูเมย์ให้ได้ ก็เลยเรียนก็เรียน
กว่าจะกลับถึงบ้านนั่งทำลูกโป่งกันถึง 4 ทุ่ม สาหัสกว่าที่คิด
เพราะเจ็บมือเจ็บนิ้วตอนมัดผูกลูกโป่ง แล้วตอนดัดลูกโป่งต้องบีบๆบิดๆใช้แรงเยอะ
คุณแม่ทำจนเหงื่อตกเลย ปะป๊าทำหน้าที่สูบลม คุณแม่ทำหน้าที่ดัดเป็นรูป
เด็กจิ๋วพยายามมามีส่วนร่วม ช่วยสูบลูกโป่ง แต่ยิ่งช่วยยิ่งช้าหนัก
ทำเสร็จก็เอาไปเล่น แล้วเมื่อไหร่จะครบล่ะเนี่ยะ สุดท้ายต้องให้อี๊ป้อมพาขึ้นไปอาบน้ำก่อนเพราะดึกมากแล้ว
ตอนแรกเด็กจิ๋วไม่ยอมขึ้น แต่พองัดของขวัญมาให้ก็ดีใจใหญ่ ยอมขึ้นแต่โดยดี
ของขวัญคือโทรศัพท์คิตตี้ เคยซื้อมาแล้วทีหนึ่งแต่ยังไม่ถึงบ้านก็หายไปซะก่อน
เมื่อวานเห็นเซลที่โลตัส เลยซื้อมาให้ บอกว่าเป็นรางวัลที่สอบได้ 100 เต็ม
๓
ขวบ + ๒๖๒ วัน...พฤหัส ๑๙ กันยายน ๒๕๕๖
...เช้านี้เป็นวันที่แสนสดชื่นนะ มีปาร์ตี้ แล้วยังเป็นวันปิดเทอมด้วย
แต่ตอนเช้าไปปลุกขึ้นมาไม่ค่อยสดชื่นเท่าไหร่ เพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบ 5
ทุ่ม ตื่นมางัวเงีย การทรงตัวสูญเสียอย่างสิ้นเชิง ปะป๊าพยายามนับ 1 ถึง 3
เรารับรู้ได้ว่าเด็กจิ๋วใจสู้นะ พอนับถึง 2 ก็เด้งตัวขึ้นมาจะยืนตามที่เราบอก แต่แล้วตัวมันก็ล้มลงไปหลับต่อ
แต่ก็ไม่งอแงโวยวายอะไร พาลงมาแต่งตัวข้างล่างก็แต่งแบบหลับๆ
เด็กจิ๋วใส่หัวลูกโป่งเดินเข้าโรงเรียนเลย อลังการมาก
เราไปส่งเด็กจิ๋วก่อนรอบหนึ่ง แล้วค่อยกลับมาขนลูกโป่งที่รถไปอีกรอบ ทำมาทั้งหมด
60 ใบ แบกกันไป 3 ถุงใหญ่ๆ กะว่าให้เด็กคนละ 2 อันหรือบางทีชำรุดบ้าง แตกบ้าง
เด็กแย่งกันบ้าง ต้องทำไปเผื่อเยอะๆ
...พวกแม่ๆก็มารวมตัวกันดูกล้องวงจรปิด เห็นครูจัดโต๊ะไว้ตรงกลาง
เอาขนมมาวางรวมไว้ แต่รู้สึกว่าจะเอาออกมาไม่หมด คงจะเก็บบางอย่างไว้ตอนบ่ายอีกรอบ
เพราะจากที่คุยกับแม่ๆมา ขนมต้องอลังการมากๆ เช้านี้แค่ส่วนเดียว
เด็กๆได้รับจานคนละใบแล้วเดินมาตักหนมที่โต๊ะกลางกินกันอย่างเรียบร้อย สักพัก
ครูก็ไปหยิบถุงลูกโป่งของเราออกมา ให้เด็กจิ๋วเดินแจกเพื่อนๆทุกคน แจกแค่คนละอัน
เหมือนเด็กๆไม่ค่อยได้กินกันเท่าไหร่เลยนะ พอได้ลูกโป่งก็เอาออกมาเล่นกัน
ตอนท้ายก็กระโดดวิ่งเล่นกันทั่วห้อง ใช้เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมง
ครูก็เก็บลูกโป่งที่แจกไปกลับเข้าถุง แล้วก็เก็บหนมอาหารเรียบร้อย
เด็กๆสลายตัวกันไปเข้าห้องน้ำ รวดเร็วแบบมืออาชีพเหมือนเดิม
...วันนี้ได้คุยกับคุณยายของเด็กห้อง อ.3/8
ซึ่งเป็นห้องที่เด็กจิ๋วจะต้องไปอยู่ในอีก 2 ปีข้างหน้า คุณยายบอกว่าตอนหลานอยู่
1/8 ชอบมาก รักครูขวัญมาก พออนุบาล 2 ก็ยังดี แต่พอขึ้นอ.3 เปลี่ยนไปเลย
ร้องไห้ไม่ยอมไปโรงเรียน การเรียนก็ตกต่ำ
คุณยายต้องมานั่งเฝ้าดูทีวีทั้งวันเพื่อติดตามว่าเกิดอะไรขึ้น
มีไปคุยกับครูฝ่ายบริหารเป็นเรื่องเป็นราว สรุปแล้วก็มีเรื่องครูลำเอียง
สนิทกับเด็ก 2 คนมากเป็นพิเศษ
นั่งกอดกันทั้งวันจนไม่มีเวลาใส่ใจเด็กคนอื่นอย่างทั่วถึง มีไปบอกครูตรงๆด้วยว่า
ครูรักเด็กไม่เท่ากันหรือเปล่า ดูคุณยายแรงจริง
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าครูเป็นอย่างนั้นจริงไม๊
ส่วนเรื่องการเรียนตกต่ำก็เพราะว่าเด็กคนนี้มีเรียนพิเศษเยอะ
ระหว่างที่ไปเรียนพิเศษ ครูก็สอนวิชาการไปเรื่อยๆไม่รอ เลยทำให้เด็กตามไม่ทัน
แต่ประเด็นหลังนี่ฟังแล้วยังไม่เชื่อเท่าไหร่ ไม่น่าจะเป็นไปได้
...ตอนไปรับเด็กจิ๋วเห็นเด็กทุกคนจะถือลูกโป่งติดไม้ติดมือกลับบ้านคนละชิ้นสองชิ้น
เด็กๆชอบกันมาก ดีแล้วล่ะ
...วันนี้ เด็กจิ๋ว นัดเพื่อนๆไปเลี้ยงฉลองปิดเทอมกัน ปะป๊าเลี้ยงเพื่อนๆเด็กจิ๋วเอง
วันนี้มีน้องพริม นิตา อั่งอั๊ง เบ๊พ ครับ ปาร์ตี้ อาธิป(น้องปาร์ตี้)
แล้วก็แถมเจ๊น่ากับเฮียโร รวมเด็กผู้ใหญ่ทั้งหมด 16 คน
พากันบุกร้านสเวนเซ่นที่เซนลาด แค่ตอนสั่งตอนกินก็ชุลมุนวุ่นวายแล้ว แต่กินสักพัก
เฮียโรเกิดเกรียน นึกสนุกไปวิ่งเล่น น้องครับก็วิ่งไปเล่นตาม เด็กจิ๋วเอาด้วย
คราวนี้เด็กทุกคนก็มาวิ่งเล่นกันหมดอย่างเมามันส์ เสียงดังสนั่นห้าง
หลายคนในร้านก็มองๆเฉยๆ แต่มีวัยรุ่น 2 โต๊ะ แสดงอาการรังเกลียดอย่างชัดเจน
เอามือปิดหูแล้วทำหน้าแบบไม่ไหวแล้ว ก็เสียงดังจริงๆแหล่ะ
เลยต้องรีบสลายตัวกันโดยด่วน เด็กๆเยอะขนาดนี้รับมือไม่ไหวจริงๆ
คือบางคนวิ่งกระเจิงไปคนละทาง เราไม่สามารถแยกร่างตามไปได้
...ตอนกลางคืนปะป๊ากับคุณแม่ต้องทำงานอยู่ที่ออฟฟิต
ให้อี๊ป้อมอาบน้ำเด็กจิ๋วให้เรียบร้อย ประมาณ 3 ทุ่ม เด็กจิ๋วโทรมาตาม
บอกว่าขอลงมาอยู่ข้างล่างที่ออฟฟิตด้วยได้ไม๊ เนื่องจากว่าปิดเทอมแล้ว
เราก็เลยอนุญาต ลงมาเล่นที่ออฟฟิตตอนค่ำ คงจะติดใจบรรยากาศปิดเทอมแล้วล่ะสิ
แต่ปิดเทอมแค่สัปดาห์เดียวนะ รู้ไม๊
...เด็กจิ๋วมีการบ้านปิดเทอมด้วย ครูให้มาเล่มหนึ่ง ทำไปเรื่อยๆตอนปิดเทอม
ตอนกลางคืนที่เด็กจิ๋วลงมาเล่นที่ออฟฟิต ก็ร้องขอจะทำการบ้านเอง น่ารักมาก
เราก็เลยสนอง ให้เจ๊น่าสอน ตั้งใจทำการบ้านใหญ่เลย ตอนแรกคุณแม่ให้ทำแค่ 2
หน้าก็ไม่ยอมจะทำเยอะๆ
๓
ขวบ + ๒๖๓ วัน...ศุกร์ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖
...เมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็ห้าทุ่มกว่า
ปะป๊าหลอกเด็กจิ๋วว่าถ้าไม่รีบนอนพรุ่งนี้จะตื่นไม่ทันมากอดปะป๊าก่อนไปทำงานนะ
ซึ่งปะป๊าหลอกเด็กจิ๋วนั่นแหล่ะ ปะป๊าต้องออกจากบ้านตั้งแต่ 7 โมงกว่า
เด็กจิ๋วตื่นไม่ทันอยู่แล้ว คุณแม่เล่าว่าพอตื่นมาไม่เจอปะป๊าก็ร้องไห้หาปะป๊า
คุณแม่เลยได้ทีบอกว่า ก็น้องพริมไม่ยอมนอนเร็วๆเมื่อคืนนี่ แต่ร้องไห้สักพัก
เจ๊น่าก็ขึ้นไปตามเด็กจิ๋วบนห้อง หลังจากนั้นก็เล่นกันทั้งวัน เพลินไปเลย
ลืมปะป๊าแล้ว
...ตอนเย็นพาเด็กจิ๋วไปเรียนเปียโนที่เซนลาด
เจ๊น่าตามไปให้กำลังใจน้องด้วย นั่งเบื่ออยู่หน้าห้องเรียน
ห้องที่นี้มีกระจกเล็กๆให้ส่องดูเด็กแต่ว่าช่องที่ว่าอยู่สูงมาก
เจ๊น่าพยายามกระโดดดูก็ไม่สำเร็จ เลยต้องนั่งเบื่อรอเด็กจิ๋วตั้งนาน น่าสงสาร
...เรียนเปียโนเสร็จก็พากันไปซื้อรองเท้าแตะ Crocs เพราะวันก่อน
เอารองเท้าแตะเด็กจิ๋วไปเปลี่ยนที่โรงเรียน เพราะคู่ที่โรงเรียนพื้นหลุด
ตอนนี้เลยไม่มีรองเท้าแตะ ที่จริงๆก็มีอยู่บ้าง
แต่เป็นแบบโง่ๆที่อี๊ป้อมซื้อมาให้จากตลาด ไม่สวย
๓
ขวบ + ๒๖๔ – ๒๖๖ วัน...เสาร์ ๒๑ – จันทร์ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖
...ไปเที่ยวสมุยครั้งที่ 3 à N’Prim@Silavadee56
N’Prim@Silavadee56
...ครั้งที่ 3 ของเด็กจิ๋วแล้วนะที่ได้ไปเกาะสมุย ครั้งแรกพักที่
X2 ครั้งที่
2 พักที่ศิลาวดีเหมือนครั้งนี้ ครั้งที่แล้วฟินสุดๆ เพราะได้พักห้องที่ดีที่สุด
สระว่ายน้ำใหญ่มาก พักฟรี อาหารฟรี สปาฟรี ลองคำนวณค่าใช้จ่ายดูน่าจะ 7-8
หมื่นบาทได้ คราวนี้พอรู้ว่าจะได้ไปก็ตั้งหน้าตั้งตารอมาตั้งนาน
เด็กจิ๋วเองยังเห่อเลย ไปโม้กับครูบุ๋มว่าจะพาครูบุ๋มไปด้วย
จนปานนี้ครูบุ๋มยังรออยู่เลย เด็กจิ๋วทำไมไม่มารับซะที
เมื่อวานถามเด็กจิ๋วว่าหนูชวนครูบุ๋มไปแล้วจองห้องพักให้หรือยัง
เด็กจิ๋วทำหน้าเครียดเลย คงคิดว่าจริงๆด้วย ซวยแล้วประมาณนี้
รีบหาเหตุผลไปบอกครูกันใหญ่ สรุปแล้วให้ไปบอกว่าจองไม่ทัน ที่พักเต็ม
...คราวนี้ไม่ได้พักฟรี
แต่ได้จ่ายค่าห้องในราคาห้องพักที่ถูกที่สุดคือคืนละ 6,000 บาท
ซึ่งที่จริงราคานี้จะได้ห้องบนตึกแบบโง่ๆ แต่ด้วยเราเป็นลูกค้าเก่า รู้จักกัน
เค้าเลย upgrade ให้ฟรีเป็น
Ocean Front Pool Villa แบบเฟสใหม่
ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ห้องแบบชั้นเดียว หรือแบบ 2 ชั้น ที่เรียกว่า Deplex Ocean Front Pool Villa
นอกจากนี้ยังได้ Spa และอาหารบางมื้อด้วย
...ปกติการไปสมุยต้องขับรถไป
เพราะเครื่องบินมีสายการบินเดียวที่ไปคือ Bangkok
Airways ซึ่งราคาแพงมากๆ ไปกลับต่อคนนี่เกือบหมื่น แต่คราวนี้มีตั๋วโปรถูกที่สุดในโลก
เหลือเที่ยวละ 2000 บาท คุณแม่ดีใจมาก จองไว้เกือบปีแล้ว
จองตั๋วเครื่องบินก่อนที่จะได้ที่พักศิลาวดีซะอีก
...เด็กจิ๋วตื่นตั้งแต่ตี 5 โชคดีที่เมื่อคืนนอนเร็วมากๆ
ตื่นมาก็ร่าเริงดีเพราะรู้ว่าจะได้ไปเที่ยว เครื่องบินที่เรานั่งลำค่อนข้างเล็ก เป็นแบบใบพัด
ระหว่างนั่งๆไปก็มีตกหลุมอากาศเป็นระยๆ
ไม่แน่ใจว่าถ้าเครื่องลำใหญ่จะเป็นแบบนี้หรือเปล่า หรืออาจจะแกร่งกว่านี้
ยิ่งพอตอนลงจอดยิ่งน่าหวาดเสียวไปใหญ่ มันเหมือนเร็ว แรง
สัมผัสถึงการกระแทกได้อย่างเต็มอิ่ม เวลาเบรคก็หัวทิ่ม พอเครื่องจอดเสร็จ เด็กจิ๋วหันมาถามว่า
“คุณแม่ เค้าขับให้เด็กสนุกเหรอ”
...พอไปถึงสนามบิน
ก็มีคนจากรีสอร์ทมารับขึ้นรถตู้มาส่งเรียบร้อย ค่ารถก็ไม่เสีย ระหว่างกำลัง Check-in เจอคุณแยมมาทักทายด้วยตัวเอง
คุยกันกร่อยๆเล็กน้อยเพราะรู้สึกเกร็งๆ เจ้าของมาเอง
ปกติคุณแม่จะคุยกับคุณนกซึ่งเป็น Sale Manager
แต่วันนี้ไม่มา คุณแยมบอกว่าจัดห้องที่วิวสวยที่สุดไว้ให้
แต่ห้องยังไม่เรียบร้อยให้เราไปรออีกห้องหนึ่งก่อน ว่าแล้วก็พากันไปที่ห้องสำรอง
เป็นวิลล่าแบบใหม่อยู่โซนใหม่เหมือนที่เราจะพัก ห้องเหมือนกันเปะ
แต่ว่าไม่เห็นวิวทะเลเพราะต้นไม้บัง แต่ห้องนี้มีทีเด็ดคือ Pool ใหญ่มาก ใหญ่กว่าห้องอื่นๆ
เพราะมีก้อนหินโผล่กลางห้อง เลยทำสระว่ายน้ำ free
form ล้อมรอบก้อนหิน พนักงานบอกว่าให้ใช้ห้องได้ตามสบายเลย
เล่นน้ำก็ได้ แต่เราก็ยังไม่เอาดีกว่า มันไม่สะดวก ต้องรื้อกระเป๋าออกมา
เลยได้แต่นั่งๆนอนๆถ่ายรูป รอถึงเที่ยงๆก็ไปกินข้าวกลางวันกันก่อนที่ห้องอาหาร the Height
...จำได้ว่าพนักงานที่ห้องอาหารจะเก่งๆคล่องๆ
แต่มาวันนี้ไม่เจอหน้าเก่าๆแล้ว มื้อกลางวันเราสั่งกระเพราหมูไข่เจียว คาโบนาร่า
แล้วก็แฮมเบอร์เกอร์เนื้อ หลังจากกินเสร็จเอารูปศิลาวดีเมื่อ 2 ปีที่แล้วมาดู อ้าว
สั่งเหมือนเดิมเปะเลย อาหารก็รู้สึกว่าอร่อยเหมือนคราวที่แล้ว
เส้นสปาเก็ตตี้เนื้อดีมาก อาหารมื้อนี้ 1,200 บาท ค่าน้ำก็แพงมาก ขวดละ 70 กว่าบาท
ราคาสูงแต่ว่าคุ้มเพราะอร่อยแล้วเด็กจิ๋วก็เจริญอาหารมาก
สปาร์เก็ตตี้จายเบ่อเร่อกินคนเดียวหมดเลย นี่ขนาดว่าก่อนมากินข้าวกลางวันนี่เพิ่งไปแอบกิน
welcome fruit เค้าไปตั้งเยอะนะ
กินกล้วยไป 2 ลูก
...กินเสร็จก็เข้าห้องใหม่พอดี
ห้องนี้สระเล็กกว่าห้องที่แล้ว แต่ว่าวิวสวยจริงๆ ห้องแบบของเราจะมีอยู่ 9 ห้อง
ห้องนี้เหมือนจะยื่นออกไปเยอะกว่าห้องอื่น
คือห้องเราสามารถมองเข้าไปเห็นห้องน้ำบ้านหลังอื่นๆได้เลย
แต่ห้องอื่นจะมองไม่เห็นบ้านเรา วิวดูจะโล่งๆกว่าห้องอื่นด้วย แต่อันที่จริง
ห้องที่อยู่ติดกับเราถึงแม้ว่าจะวิวทะเลสู้หลังเราไม่ได้
แต่ก็มีทีเด็ดคือมีต้นไม้สวยๆโผล่ขึ้นมากลางบ้าน ซึ่งทำให้ห้องดูสวยขึ้นมาก
...วิลล่าแบบใหม่จะออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานได้ดีกว่าแบบเก่า
คือขึ้นจากสระว่ายน้ำก็เข้าห้องน้ำได้เลย
ในห้องน้ำก็มีอ่างหินกลมใบใหญ่ซึ่งนอนแช่ชมวิวสระและวิวทะเลได้สวยงามมาก ส่วนของห้องนอนก็นอนบนเตียงชมวิวได้เหมือนกัน
จะมีข้อเสียตรงที่ห้องนั่งเล่นจะอยู่หลังเตียงซึ่งหัวเตียงบังทุกอย่าง
มองไม่เห็นวิวอะไร โดยรวมแล้วฟังก์ชั่นดีกว่าห้องแบบเก่ามาก แบบคราวที่แล้ว
ห้องนอนอยู่ชั้น 2 ต้องเดินลงบันไดไปว่ายน้ำ ว่ายเสร็จก็ต้องเดินขึ้นมาเข้าห้องนอน
ผ่านเข้าไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ห้องนอนก็เปียกโชกไปหมด
แต่ห้องแบบเดิมยังไงๆก็ดูขลังกว่า เพราะสระ freeform
ที่ใหญ่มากๆ แล้วเนื่องจากว่าห้องนอนอยู่ชั้น 2
เลยทำให้เห็นวิวอลังการกว่ามากด้วย
...เมื่อเข้าห้องใหม่กันเรียบร้อยก็รีบพาเด็กจิ๋วลงน้ำทันที
น้ำเย็นมากๆ อากาศไม่ได้หนาวหรอก แต่ว่าสระอยู่ในจุดที่ลมพัดแรงเลยทำให้น้ำเย็นมาก
ขนาดวันที่มีแดด ว่ายกันกลางแดด น้ำก็ยังเย็นอยู่ คล้ายๆกับที่ศรีพันวาเลย อยู่บนเขาลมพัดแรงน้ำเย็นเหมือนกัน
ครั้งนี้เด็กจิ๋วเห็นคุณแม่ดำน้ำเลยดำบ้าง เป็นการดำน้ำครั้งแรกเลย
ไม่ต้องคะยั้นคะยอให้ทำ นึกสนุกเห็นคุณแม่ทำก็ทำเอง กั้นหายใจแล้วดำลงไป
ลืมตาใต้น้ำด้วย เราบอกให้หลับตาก็ไม่ยอม ตอนหลังถึงต้องเอาแว่นว่ายน้ำมาใส่
เด็กจิ๋วบอกว่าถ้าหลับตาน้องพริมก็มองไม่เห็นสิ เออ ก็จริง
แต่ไม่เห็นแป๊บเดียวไม่ได้เหรอ หรือเด็กจะกลัว ดำแล้วก็ตีขาว่ายได้ไกลประมาณ 1-2
เมตร ดำนานประมาณ 3-4 วินาที แค่นี้เราก็รู้สึกว่าเก่งมากๆแล้วอ่ะ
ดำน้ำตีขาว่ายไปว่ายมาอยู่หลายรอบ หนาวปากสั่นไปหมด ว่ายกันอยู่ครึ่งชั่วโมงได้
ขึ้นจากสระก็เดินเข้าห้องน้ำแช่อ่างน้ำอุ่นต่อเลย อะไรมันจะมีความสุขอย่างนี้
น้ำในอ่างอุ่นมากๆ แช่ไปชมวิวไปด้วย อ่างเป็นอ่างหินกลมๆใบใหญ่ ลงแช่กันได้ 3
พ่อแม่ลูกเลย คุณแม่เรียกว่าชามมาม่า
...ขึ้นจากสระไม่นานเด็กจิ๋วก็หมดแรงสลบไปตั้งแต่ 5 โมง
ทีนี้ปัญหาเกิดคือจะต้องกินข้าวเย็น
จะสั่งมาที่ห้องก็ได้แต่มันจะแพงขึ้นจานละเกือบร้อยแนะ
ลำพังสั่งนั่งกินที่ร้านก็แพงอยู่แล้วนะ จานหนึ่งไม่ต่ำกว่า 350
แต่ถ้าสั่งมาที่ห้องก็ 420 เป็นอย่างต่ำ แต่เด็กจิ๋วหลับไปแล้ว
ถ้าอุ้มไปด้วยก็จะต้องตื่นแน่ๆ หรือจะให้คุณแม่ไปคนเดียวแล้วให้ปะป๊าเฝ้าเด็กจิ๋ว
ลังเลอยู่นาน จนในที่สุดก็ตัดสินใจอุ้มเด็กจิ๋วไปห้องอาหารด้วยเพราะความงก
พออุ้มเด็กจิ๋วขึ้นรถได้หน่อยก็ตื่นขึ้นมา ร้องโวยวายจะกลับห้อง จะนอน
เราก็อุ้มกล่อมๆหลอกไปจนถึงห้องอาหาร สั่งอาหารเรียบร้อย เด็กจิ๋วก็ร้องเป็นระยๆ
บรรยากาศในห้องอาหารยามค่ำ เป็นแบบโรแมนติก ชมวิวริมทะเล
นั่งกินดินเนอร์ใต้แสงเทียน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป มากันเป็นคู่ๆ
กำลังสวีทกันอยู่ เด็กจิ๋วร้องโวยวายเมื่อไหร่ วงแตกแน่ๆ
ในที่สุดก็เลยต้องจำยอมกลับไปกินที่ห้อง เสียค่า room
service เหมือนเดิม
แต่โชคดีตรงที่ได้หนมปังกับเครื่องเคียงที่เค้าเสิรปก่อนมื้ออาหารกลับไปด้วย
นับว่าไม่เสียเที่ยว
...ปัญหาหนักเลยของทริปนื้คือยุง มีเยอะมาก
แบบว่าเข้ามาในห้องนอน ตัวใหญ่ ตบไม่ตาย
ที่เข้ามาในห้องนอนเพราะประตูที่นี่ปิดไม่ค่อยสนิท รูปอ้าแบบเป็นเซน แล้วเปิดประตูวิลล่าออกไปจะเจอต้นไม้เยอะๆ
ยุงบินกันว่อนมากๆ พนักงานบอกว่าเป็นเพราะอากาศด้วย เหมือนฝนจะตกๆแบบนี้ยุงจะเยอะ
เด็กจิ๋วโดนไปเต็มตัวเลย ปะป๊าก็หนักกว่าอีกเพราะออกไปถ่ายรูปตอนกลางคืนด้วย
...ตอนเช้าตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ว่าฟ้าปิดมากๆ
มองไม่เห็นอะไรเลย ตั้งแต่มาถึงจนวันที่ 2 ฟ้าก็ยังปิดอยู่ มีฝนเล็กน้อย
นับว่าเป็นคราวซวยจริงๆ ที่รีสอร์ทบอกว่าก่อนหน้าเรามาฟ้ายังใสอยู่เลย วันที่ 2
มีจังหวะที่แดดออกอยู่ประมาณชั่วโมงหนึ่ง แต่ฟ้าก็ยังขาวอยู่นะ แค่มีแสงออกมาหน่อย
แต่ตอนนั้นเป็นตอนที่คุณแม่ไปทำสปาพอดี ปะป๊าต้องอยู่เฝ้าเด็กจิ๋วเลยไม่ได้ถ่ายรูป
แล้วจะมีวันที่ 3 ก่อนจะกลับนั่นแหล่ะที่ฟ้าเริ่มใสบางจุดหน่อยเดียว
แต่พอเรากลับมาแล้วเห็นใน facebook ทางรีสอร์ทลงรูปท้องฟ้าใสแจ๋วมาก
เสียดาย
...อาหารเช้าเหมือนๆครั้งที่แล้ว
แต่ไม่ประทับใจเท่าเพราะครั้งแรกฟินไปแล้ว ครั้งนี้รู้สึกเฉยๆมากๆ
เทียบกับศาลาภูเก็ต อันนั้นดีกว่ามาก เด็กจิ๋วแย่งปะป๊ากินเบค่อนใหญ่เลย
ถือเป็นชิ้นเดินแทะกิน เบค่อนที่นี่กรอบมาก
...หลังอาหารเช้าคุณแม่ไปทำสปา ซึ่งได้มาฟรี ที่จริงได้ 2
คน คนละ 1 ชั่วโมง แต่ปะป๊าไม่ทำเลยให้คุณแม่ทำคนเดียว 2 ชั่วโมงไปเลย ระหว่างที่คุณแม่ทำสปาไป
ปะป๊าก็พาเด็กจิ๋วลงเล่นน้ำต่อด้วยแช่ชามมาม่าต่อ
เด็กจิ๋วยังคงฝึกดำน้ำอย่างต่อเนื่อง ใจกล้ามากๆ
คุณแม่มาดูรูปที่ปะป๊าถ่ายไว้ตอนเล่นกับเด็กจิ๋วแล้วช็อคเลย
เพราะปะป๊าปล่อยให้เด็กจิ๋วว่ายคนเดียว
แล้วรูปที่เห็นคือเด็กจิ๋วเอาตัวไปพาดอยู่ที่ขอบสระว่ายน้ำ
ซึ่งถ้าดิ้นตัวเลยไปหน่อยก็ตกหน้าผาไปเลย คือดูจากรูปแล้วก็น่ากลัวจริงๆแหล่ะ
แต่ในสถานที่จริงมันไม่น่ากลัวนี่หน่า
...ตอนที่แช่ชามมาม่ากันอยู่
ปะป๊าบอกให้เด็กจิ๋วหลบไปหน่อย จะเปิดน้ำร้อนเพิ่ม เพราะแช่ๆไปน้ำในชามก็จะเย็นลง
แล้วน้ำร้อนที่นี่ร้อนจริงๆ ไม่ได้อุ่นๆ ปะป๊าเน้นย้ำว่าอย่าเอามือจะโดนนะ
ว่าแล้วเด็กจิ๋วก็ยื่นมือไปแหย่น้ำร้อนทันที หลังจากนั้นก็ร้องจ๊าก มือแดง
ร้องอยู่นาน ดีแล้วล่ะจะได้จำไว้ โทษฐานที่ไม่เชื่อปะป๊า
ไม่มีแผลอะไรแค่แดงๆนิดหน่อย ไม่นานก็หายเจ็บ
...วันนี้อยู่กันแต่ในห้อง ตอนกลางวันเด็กจิ๋วหลับ
ปะป๊าก็หลับ รู้สึกขาดทุนยังไงไม่รู้ ใช้บรรยากาศไม่คุ้ม
แต่ที่หลับก็เพราะคืนก่อนหน้านี้ 2 คืน ปะป๊าไม่ได้นอน เพราะต้องทำงาน
ขนาดมาเที่ยวก็ยังเอางานมาทำด้วย แล้วที่สำคัญท้องฟ้าขาวไปหมด
ออกไปถ่ายรูปไม่ได้เลย พอตอนเย็นๆคุณแม่มาปลุกทุกคนให้ออกไปเดินเล่นกัน
อันนี้ถือว่าแปลกมากๆเพราะปกติปะป๊าต้องเป็นคนมาลากคุณแม่กับเด็กจิ๋วจากเตียงทุกทริป
แต่ออกกันไปได้แป๊บเดียว ฝนก็ตกลงมาต้องหนีกลับเข้าห้องอีก แย่จริงๆทริปนี้
อุตส่าห์มาพักที่ไฮโซ เสียดายที่ฟ้าไม่ใส เจอฝนอีกต่างหาก
...และแล้วก็มาถึงมื้อดินเนอร์ซึ่งได้อภินันทนาการจากคุณแยมเจ้าของรีสอร์ท
คือเราได้ดินเนอร์หนึ่งมื้อ สปา 2 คน ได้อัพเกรดห้องจาก 6,000 บาท มาเป็นห้องละ
17,000 บาท ได้ค่ารถรับส่งฟรีอีก คือคุ้มสุดๆแล้วอ่ะ
มื้อดินเนอร์นี้เราลองคำนวณดูแล้วประมาณ 3,500 บาท วางแผนกันใหญ่ เข็ดจากเมื่อวาน
ถึงแม้ดินเนอร์ที่เราได้จะชื่อว่า Candle
Light Set แต่เราขอไปกินตั้งแต่ยังไม่มึดเลยแล้วกัน
ไม่งั้นเด็กจิ๋วอาละวาดอีกแน่ๆ ซึ่งดีมากๆ เพราะห้องอาหารโล่งเลยไม่มีคน
ไม่ต้องเกรงใจฝรั่ง เด็กจิ๋ววิ่งเล่นได้เต็มที่
อาหารมื้อนี้อร่อยมากๆมีจานแรกเรียกน้ำย่อย ซุป จากหลักของปะป๊าเป็นเสต็กเนื้อ
ของคุณแม่เป็นแซลม่อน แล้วก็ตบท้ายด้วยไอติมอีก ระหว่างมื้อดินเนอร์
คุณนกก็มาคุยด้วย ได้ข้อมูลเยอะแยะ และที่สำคัญได้ช็อกโกแล็ตลาวาฟรีเพิ่มอีก
คุณนกสั่งให้เด็กจิ๋ว แต่เด็กจิ๋วไม่กิน ปะป๊ากินให้แทน อร่อย
...ตอนกลางคืนฟ้าใสมากๆ มองเห็นดาวเต็มท้องฟ้าเลย อะไรมันจะกลั่นแกล้งเราขนาดนั้น
ฟ้าใสกลางวันไม่ได้เหรอ
ตอนแรกคิดว่าแบบนี้พรุ่งนี้เช้าต้องเห็นพระอาทิตย์ขึ้นแน่ๆเลย
แล้วห้องที่เราพักจะสามารถนอนดูพระอาทิตย์ขึ้นจากเตียงนอนได้เลย ต้องฟินสุดๆ
แต่ว่าพอถึงตอนเช้า ฟ้าปิดซะงั้น อดอีกตามเคย กิจกรรมวันสุดท้ายก็คล้ายๆเดิม
เล่นน้ำ นอนชิลในห้อง กินโน่นกินนี่ เด็กจิ๋วเพลิดเพลินกับการกินหนมผงชูรสมากๆ
ปกติไม่ให้กินง่ายๆ คราวนี้ให้กินหลายอย่างเลย อย่างละ 5 ชิ้นต่อครั้ง
ซึ่งเด็กจิ๋วมีวินัยในเรื่องนี้มาก เด็กจิ๋วบอกว่า “น้องพริมจะกินตามที่ปะป๊าบอก”
แล้วถ้า 5 ชิ้นก็ 5 ชิ้นจริงๆ ไม่มีเกิน
ถึงแม้จะหยิบได้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็ไม่มีงอแง
บางทีปะป๊าแถมให้บอกว่าเนื่องจากว่าหนูเป็นเด็กดี ปะป๊าแถมให้ชิ้นหนึ่ง
เด็กจิ๋วดันบอกว่า “ไม่เอา ก็ปะป๊าบอกว่า 5 ชิ้นไง” เอ่อ เก่งมากๆ
ถึงแม่ว่ากินครั้งละ 5 ชิ้นต่ออย่าง แต่ว่าคุณแม่ซื้อหนมมาเยอะเลย มี 5 อย่างได้
แล้วก็ไม่ได้กินวันละรอบนะ เล่นน้ำก็กิน เล่นเสร็จก็กิน กินวันละ 4 รอบได้
สรุปแล้วได้รับผงชูรสเต็มอิ่มกันเลย คาราด้ารสปลาหมึกก็ชอบนะ กินคำหนึ่งกินน้ำตาม
3 คำ ดีแล้วจะได้กินน้ำเยอะๆ
...ตอนกลางวันปะป๊ากับคุณแม่ไม่กินอาหารแล้ว
อิ่มมาจากมื้อเช้า สั่งกินอีกก็แพง แต่เด็กจิ๋วร้องจะกินสปาร์เก็ตตี้ให้ได้ จานละ
420 แน่ะ เมื่อลูกต้องการเราก็ตัดใจสั่งให้ แต่พอมาถึงดันไม่กินซะนี่
มันน่าโมโหไม๊ล่ะ ถ้าจานละร้อยก็ว่าไปอย่าง อันนี้ 420 เลยนะ
คุณแม่บังคับให้เด็กจิ๋วกินจนโมโหวิ่งหนีไป ปะป๊าต้องมาบอกว่า อาหารจานนี้มันแพงมาก
จานหนึ่งซื้อข้าวให้เด็กกินได้เป็น 100 เลย เด็กจิ๋วต้องกินเข้าไปนะ
เราเสียเงินซื้อมาแล้ว เด็กจิ๋วก็เชื่อปะป๊ากินเข้าไปหลายคำ แต่ก็กินไปได้นิดเดียว
คงจะอิ่มจริงๆ บอกว่าไม่ไหวแล้ว
ปะป๊ากับคุณแม่มาช่วยกันต่ออีกแต่ก็ได้กันคนละหน่อย ในที่สุดก็ไม่หมดจานอยู่ดี
...ตอนเที่ยงๆก็ check
out ออกจากรีสอร์ทกัน เด็กจิ๋วนั่งเครื่องบินชิวมากๆ หลังๆมานี่นั่งบ่อย
ไม่ต้องห่วงเรื่องร้องไห้งอแง เวลาเครื่องลงหูอื้อ ก็หันมาถามคุณแม่ว่า
“ทำไมไม่ได้ยินอะไรเลยอ่ะ”...ไม่แน่ใจว่าเจ็บหูเหมือนปะป๊าไม๊
แต่ก็ไม่ได้ร้องโวยวายอะไร
...ตอนกลับมาถึงออฟฟิต พี่เคนถามว่าไปไหน เด็กจิ๋วตอบว่าไปสมุย
พี่เคนถามต่อว่าสมุยมีอะไร มีช้างรึเปล่า เด็กจิ๋วตอบว่า”ไม่ใช่
สมุยมีสระว่ายน้ำอยู่ในห้อง”...จำได้แค่นี้แหล่ะ เพราะไปถึงก็อยู่กันแต่ในห้อง
ไม่ได้ออกไปไหนเลย ออกนอกห้องก็แค่ไปกินข้าวเท่านั้น ห้องวิลล่า 25 ศิลาวดี
คือเกาะสมุยในความคิดของเด็กจิ๋ว
๓
ขวบ + ๒๖๗ วัน...อังคาร ๒๔ กันยายน ๒๕๕๖
...เช้านี้เด็กจิ๋วตื่นมาไม่เจอปะป๊าอีกแล้ว
ปะป๊าออกไปหาลูกค้าตั้งแต่เช้า อุตส่าห์ facetime กลับมาคุยด้วย
คุยแป๊บเดียวก็กดปิดทิ้ง มันน่าเสียใจจริงๆ กว่าปะป๊าจะกลับมาก็ตอนเย็นแล้ว
กลับมาไม่เจอเด็กจิ๋วอยู่ที่ออฟฟิต คุณแม่บอกว่าอยู่ดาดฟ้า ปะป๊าเลยตามขึ้นไปหา
เห็นเด็กจิ๋วเล่นกับเจ๊น่าอยู่อย่างหนุกหนาน
ปะป๊าย่องเข้าไปด้านหลังปิดตาให้ทายว่าใคร ทายเสร็จก็หันไปเล่นกับเจ๊น่าต่อ ห๊า
นี่ปะป๊ากลับมาแล้วนะ รีบขึ้นมาหาหนูเลยนะ ไม่สนใจเลย เล่นกับเจ๊น่าอย่างเมามันส์
เล่นกันมาทั้งวันไม่เบื่อเหรอ น่าเสียใจมากๆ
...ตอนกลางคืนจับเด็กจิ๋วมาซ้อมเปียโนซะหน่อย ไม่ได้เล่นมานานมากแล้ว
คราวที่แล้วครูสอนกุญแจฟามาแล้วด้วย ซึ่งคืออะไรปะป๊ากับคุณแม่เองก็ยังไม่รู้ งง
ไม่รู้จะสอนเด็กจิ๋วยังไง ซ้อมวันนี้ก็ยังไม่แม่นเรื่องจังหวะอยู่ดี
ต้องบังคับให้นับ 1 2 3 4 ถึงจะได้ ไม่งั้นก็จะไม่กดคีย์ค้างไว้ตามจังหวะ
แต่ว่าที่เทพมากๆเลยคือลองกดคีย์แล้วให้เด็กจิ๋วทายว่าเสียงโน๊ตอะไร เก่งมาก
ไม่คิดว่าจะฟังโน๊ตออกได้ขนาดนี้ กดต่อกัน 3-5 ตัวก็ตอบได้ จะตอบได้ส่วนใหญ่
แต่มีผิดพลาดบ้างแค่ 1 โน๊ต อย่างฟาเป็นมี ซอลเป็นฟา ตอนหลังเปลี่ยนเกมส์ใหม่
ให้เด็กจิ๋วหลับตา ปะป๊ากดคีย์เป็นชุด แล้วให้เด็กจิ๋วกดตาม
ก็สามารถกดได้ถูกต้องอีก
๓
ขวบ + ๒๖๘ วัน...พุธ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๖
...วันนี้เหมือนๆเมื่อวาน เด็กจิ๋วคลุกกับเจ๊น่าทั้งวันบนดาดฟ้า
เจ๊น่าเอาริบบิ้นมาสานทำเป็นดอกไม้ให้เด็กจิ๋วด้วย ทำมาให้หลายดอกเลย รักน้องมากๆ ตอนเย็นปะป๊ากลับจากลูกค้าขึ้นไป
เห็นกำลังเล่นมุดอุโมงค์กับเจ๊น่านอนกลิ้งเล่นกันอยู่
ปะป๊าอุตส่าห์เอาหนมปังไส้กรอกไปให้ตามคำสั่ง เพราะเมื่อวานสัญญากันไว้
แล้วตอนกลางวันยังโทรไปสั่งปะป๊าอีกว่าอย่าลืม
พอปะป๊าเอามาให้ก็แบ่งกันกินกับเจ๊น่าไม่สนใจหาปะป๊าอีกเหมือนเคย
...วันนี้ลองให้เจ๊น่ามาดวนกับเด็กจิ๋ว หลับตาฟังเสียงตัวโน๊ตแล้วให้ทาย
เจ๊น่าตอบมั่วแบบห่างไกลหลายตัวโน๊ต แต่เด็กจิ๋วตอบได้ถูกหมด เทพมากๆ
นี่มันเก่งเกินปกติหรือแปล่าเนี่ยะ เจ้าเด็กหูเทพ
๓
ขวบ + ๒๖๙ วัน...พฤหัส ๒๖ กันยายน ๒๕๕๖
...วันนี้เด็กจิ๋วทำการบ้านปิดเทอมหมดแล้ว
ที่จริงทำแป๊บเดียวก็เสร็จแต่มาติดค้างอยู่ที่เขียน ถ. ติดอยู่ 2 วัน ไม่รู้เป็นไง
เขียนไม่ได้จริงๆหรือแกล้งก็ไม่รู้ แต่เขียนนานมาก ลบไปเป็นสิบๆรอบ ยิ่งทำไม่ได้ก็ยิ่งเบื่อไม่อยากทำ
ในที่สุดก็บังคับให้ทำจนผ่านไปได้
...เช้านี้เด็กจิ๋วกระวนกระวายจะหาเจ๊น่า ไม่ค่อยสนใจเล่นกับปะป๊าเลยนะ
จะหาแต่เจ๊น่า
เจ๊น่าก็ไม่ยอมลงมาจากห้องนอนซะทีปะป๊าต้องหลอกตั้งนานกว่าจะยอมวาดรูปสัตว์ทะเล
เล่น Circle แล้วต่อด้วยปั้นดินน้ำมัน รู้สึกว่าถ้าปะป๊าไม่อยู่
ก็ไม่มีใครเล่นของเล่นเสริมพัฒนาการกับเด็กจิ๋วเลย จนเที่ยงเจ๊น่าถึงลงมาหา
แล้วก็พากันขึ้นไปดาดฟ้าเหมือนเดิม
...รู้สึกว่าช่วงนี้เด็กจิ๋วไม่ได้อาละวาดมานานแล้ว
น่าจะเป็นเพราะไม่ได้กินยานั่นแหล่ะ เห็นผลชัดเจน
๓
ขวบ + ๒๗๐ วัน...ศุกร์ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๖
...หลังจากที่เมื่อวานบอกว่าช่วงนี้เป็นเด็กดีไม่อาละวาด
พอมาวันนี้ได้เรื่องเลย คุณแม่เห็นมีน้ำมูกเลยเอายาให้กิน
กินแล้วอาละวาดโวยวายทันตาเห็น จะเอานั่นเอานี่ พอเอาให้แล้วก็งอแง ไม่เอา
แบบงี่เง่าไร้สาระมาก วันก่อนๆรักกับเจ๊น่าดีๆ มาวันนี้ทะเลาะกันทั้งวัน หงุดหงิด
บอกเจ๊น่าไม่รัก คือดูทุกอย่างมันหงุดหงิดไปหมด
...ตอนเย็นเจ๊น่าพาเด็กจิ๋วไปเรียนเปียโนอีกแล้ว น่าสงสารเจ๊น่ามากๆ
คราวที่แล้วก็ไป ไปถึงก็นั่งรออยู่นิ่งๆหน้าห้อง มองก็ไม่เห็น ไม่มีอะไรให้ทำ
แล้วยังจะไปเป็นเพื่อนน้องอีก
...คุณแม่นึกอะไรไม่รู้ ไปเกาหลังให้เด็กจิ๋วตอนนอน ทีนี้เลิกไม่ได้แล้ว
เด็กจิ๋วเพลินเลย แบบนี้ต้องเกาไปทุกวันจนโตแน่ๆ เหมือนปะป๊าแหล่ะ
ให้อาม่าเกาหลังตอนนอน เกาตั้งแต่เด็กจนเข้ามหาลัยเลย ปะป๊ารู้อยู่แล้ว
พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ห้ามเกาหลังเด็กจิ๋วเด็ดขาดเพราะจะติดใจ คุณแม่ก่อเรื่องจนได้
พอคุณแม่เกา เด็กจิ๋วก็ยิ้ม ทำหน้าเคลิ้บเคลิมแบบมีความสุขมาก ติดไปแล้วล่ะ
๓
ขวบ + ๒๗๑ วัน...เสาร์ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๖
...วันนี้ชวนพี่โนพี่โน่มาเล่นที่บ้าน ปะป๊าทำอาหารชุดใหญ่เลี้ยง
มีน้าตุ้มกับน้าเอ๋มาด้วย เด็กๆไม่กินข้าวกันเลย ห่วงแต่เล่นกัน พอบ่ายๆเริ่มขอนมกิน
ปะป๊าโผล่ไปดูอีกที เห็นกล่องนมเปล่า 10 กล่องอยู่ในถังขยะ ตลกมาก
ทั้งเด็กจิ๋วทั้งพี่โน่เลย เด็กๆเล่นกันเหมือนๆเดิม
ไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจกันแล้วเพราะเคยมาเล่นหลายรอบแล้ว เล่นบ้านลม บ่อบอล
ของเล่นต่างๆ ที่ครั้งนี้จะแปลกใหม่หน่อยก็คือเล่นซ่อนแอบ ให้คนหนึ่งออกไปปิดตานับ
1 ถึง 20 แล้วคนที่เหลือก็แอบกัน เล่นกันอยู่ที่ดาดฟ้า
ที่แอบก็มีอยู่ที่เดียวคือบ้านโดร่า คือดูเหมือนไม่ได้เน้นการแอบแบบหาไม่เจอ
แต่เน้นเอาตลกเวลาที่แอบอยู่ในบ้านแล้วมีคนมาจ๊ะเอ๋
คิดว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจกันเลยว่าซ่อมแอบคืออะไร
...ตอนดึกป้อนนมเด็กจิ๋วอยู่ ด้วยความเพลิดเพลินก็เอาเท้ามาถีบหน้าปะป๊า
แล้วลูบไปลูกมา ปะป๊าบอกว่าอย่าดิ่ เอาเท้ามาถีบหน้าบุพการีได้ไง เด็กจิ๋วบอกว่า
“ก็เท้ามันดื้อ มันวิ่งไปหาปะป๊าเอง น้องพริมไม่ได้ทำ”
๓
ขวบ + ๒๗๒ วัน...อาทิตย์ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๖
...วันนี้กะว่าจะไม่ออกจากบ้านนะ
แต่เด็กจิ๋วร้องโวยวายแต่เช้าว่าอยากจะกินข้าวกุ้งทอด
พยายามเจรจาต่อรองว่ากินอย่างอื่นได้ไม๊ ไม่สำเร็จ เราเลยต้องยอมตามใจ
ไปเซนลาดกันวันอาทิตย์ ซึ่งไม่ค่อยอยากไปเพราะรถติดคนเยอะ ตอนแรกพุ่งตัวไปฟูจิ
แต่ว่าคนเยอะเลยเปลี่ยนไปซูกิชิ ซึ่งหลังจากกินกุ้งทอดซูกิชิเสร็จ
เด็กจิ๋วบอกว่าชอบซูกิชิมากกว่า ซึ่งก็จริงๆแหล่ะ กุ้งกรอบกว่าของฟูจิจริงๆ
...กินข้าวเสร็จก็เดินซื้อของกันอีกหลายอย่าง
รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการวิ่งตามจับเด็กจิ๋วมาก โดยเฉพาะเวลาซื้อเสื้อผ้าคุณแม่
โชคดีคิดแผนจัดการเด็กจิ๋วได้ คือสั่งห้ามเข้าห้องลองเสื้อกับคุณแม่
เด็กจิ๋วทำกระหยิ่มยิ้มย่อง แล้ววิ่งเข้าห้องลองเสื้อกับคุณแม่ไป
เสร็จแผนปะป๊าจริงๆ อยู่ในห้องนานๆแหล่ะปลอดภัย
โซนนี้อันตรายมีเสื้อผ้าแขวนราวเยอะ เคยวิ่งหนีหายไปมุดใต้ราวเสื้อมาทีหนึ่งแล้ว
กว่าจะช้อปกันเสร็จ รู้สึกหมดแรงมากๆ ถามเด็กจิ๋วว่าเหนื่อยไม๊
เด็กจิ๋วตอบอย่างหน้าตาสดชื่นว่า “ไม่เหนื่อยเลย”...จะเหนื่อยอะไรล่ะ
วิ่งเล่นให้คนอื่นไล่จับ พอเหนื่อยแล้วก็ให้อุ้ม
...วันนี้ปะป๊าออกกฎเพิ่มเป็นข้อที่ 9 เวลาพูดกับผู้ใหญ่ต้องมีหางเสียง
เพราะวันนี้ตอนอยู่ที่ธนาคาร พี่เจ้าหน้าที่ชวนคุย เด็กจิ๋วก็คุยเล่นแบบไม่น่ารักเลย
ตอบห้วนๆไม่มีหางเสียง สรุปตอนนี้มีกฎทั้งหมด 9 ข้อ
...ข้อที่ 1 ห้ามแกล้งเพื่อน
...ข้อที่ 2 ต้องแบ่งขนมและของเล่นให้เพื่อน
...ข้อที่ 3 เวลาเล่นต้องชวนเพื่อนๆมาเล่นด้วยกัน
...ข้อที่ 4 เวลาเรียนต้องตั้งใจเรียน
...ข้อที่ 5 เวลากลับมาบ้านต้องรีบทำการบ้าน
...ข้อที่ 6 ต้องเชื่อฟังคุณครูและพ่อแม่
...ข้อที่ 7 เวลาทำอะไรต้องใจทำ
...ข้อที่ 8 ห้ามตะคอกใส่คนอื่น
...ข้อที่ 9 เวลาพูดกับผู้ใหญ่ต้องมีหางเสียง
๓
ขวบ + ๒๗๓ วัน...จันทร์ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖
...วันนี้เป็นวันเปิดซัมเมอร์วันแรก เมื่อคืนกว่าจะหลับก็สี่ทุ่ม
พอตอนเช้าก็งัวเงียไม่ยอมตื่น โชคดีช่วงนี้เป็นเด็กดีไม่อาละวาด
ได้แต่ทำตัวอ่อนแรง ช่วงซัมเมอร์นี่เด็กจิ๋วได้แต่งตัวสวยไปโรงเรียนทุกวันเลยนะ
เมื่อคืนมาเลือกชุดกันใหญ่ว่าจะใส่ตัวไหนดี ตกลงให้ใส่กระโปรงสีเทาตัวสวย
แบบฟูๆหน่อย ครูอ๊อดทักว่ากระโปรงสวยจังเลย ที่โรงเรียนวันนี้ดูเงียบเหงามากๆ
ที่จริงเด็กห้อง อ.1/8 มีมาเรียน 18 คน ก็ไม่น้อยนะ
แต่บรรยากาศมันเงียบเหงาอาจจะเป็นเพราะเด็กประถมมีน้อย ได้ยินประกาศว่าชั้นป.6
มีมาเรียนซัมเมอร์แค่ 2 คนเอง สงสัยจะไปเตรียมตัวเรียนพิเศษติวเพื่อจะสอบเข้ามัธยม
ซึ่งยกเว้นเจ๊น่านะ ปิดเทอมอยู่บ้านไม่ต้องเรียนติวใดๆทั้งสิ้น
...วันนี้เจอนิตา แต่ดูนิตาซึมๆเฉยๆ ไม่มาทักทายเหมือนก่อนปิดเทอม
สงสัยไม่เจอกันอาทิตย์หนึ่งลืมกันไปซะแล้ว ส่วนอั่งอั๊งยังไม่มาเพราะป่วยอยู่
คาดว่าจะมาได้พรุ่งนี้ รู้สึกว่าไปป่วยอยู่ที่เพชรบูรณ์
ต้องนอนโรงบาลให้น้ำเกลืออยู่หลายวัน น่าสงสารมากๆ แล้วก็เจอนีโอ
ได้คุยกับพ่อส้มโอเรื่องอาการกลัวคนแปลกหน้าของนีโอ คุณพ่อบอกว่าไปคุยกับหมอมาแล้ว
ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากที่พ่อแม่ไปสั่งเด็กมากเกินไป ห้ามโน่นห้ามนี่
อย่านั่นอย่านี่ เด็กความจำดีจะจำทุกอย่างที่พ่อแม่บอกไว้ ฝังไว้ในส่วนลึก
กลายเป็นขี้กลัวสิ่งต่างๆรอบตัวไปหมด อย่างเมื่อเช้า
คุณพ่อก็เล่าว่านีโอกลัวพื้นกระเบื้องสีส้มตรงหน้าโรงเรียน ไม่รู้สาเหตุว่ากลัวกระเบื้องทำไม...เรื่องที่ว่าอย่าพูดเชิงลบ
ให้พูดเชิงบวก เราก็เคยได้ยินกันบ่อยๆ อย่าพูดว่าอย่า หรือห้าม
ให้พูดเชิงบวกคือชมเวลาทำดี หรือถ้าทำไม่ดีก็บอกให้ทำอย่างอื่นสิ
เรื่องแบบนี้มันฟังก็เข้าใจได้ แต่เวลาปฏิบัติมันยากมากๆ
ใครจะมานั่งคิดว่าจะพูดยังไง อย่างเด็กจิ๋วจะวิ่งออกถนน เราก็กรี๊ดลั่นแล้ว อย่า
อย่า
...ตอนไปรับเด็กจิ๋ว ครูขวัญฟ้องว่า เด็กจิ๋วขี้บ่น ก่อนปะป๊าไปรับ
มีมาบ่นกับครูขวัญว่า “ไหนบอกว่าจะมารับเร็วๆ
นี่ยังไม่มาซะที”...โวยว่าปะป๊าไปรับช้า ก็ช้าจริงๆแหล่ะ
เพราะวันนี้เรียนพิเศษภาษาอังกฤษ ชอบเลิกช้า เลยไปรับเร็วๆหน่อย
...เด็กจิ๋วเล่าว่ามี teacher ใหม่ด้วย ชื่อว่า Mike
เดี๋ยวต้องสืบก่อนว่าจริงไม๊ แต่ teacher J ก็ยังอยู่
ถามว่าชอบ teacher คนไหนมากกว่ากัน เด็กจิ๋วบอกว่า teacher J
...วันนี้ปะป๊าไปรับเด็กจิ๋วคนเดียว เพราะคุณแม่ทำงานอยู่ที่ออฟฟิต
ปะป๊าสั่งให้เด็กจิ๋วนั่งเบาะหลังดีๆคนเดียว ไม่มี car seat ด้วย
แล้วช่วงนี้มีข่าวว่าคุณแม่ท้องแก่คนหนึ่งเพิ่งพุ่งออกจากรถตายสยอง
คุณแม่เลยกลัวมาก ปะป๊าบอกว่าให้นั่งนิ่งๆเองดีๆเพราะคุณแม่ไม่ได้มาด้วย
ถ้าทนคิดถึงปะป๊าไม่ไหว ก็ให้รถหยุดก่อนแล้วค่อยลุกมากอดกัน เด็กจิ๋วบอกว่า
“น้องพริมจะนั่งนิ่งๆ น้องพริมจะบอกปะป๊า กฎข้อที่ 11 ให้นั่งนิ่งๆเบาะหลัง
ถ้ากลับถึงบ้านแล้วค่อยกอดกับปะป๊า”...ตอนนี้มีกฎถึงข้อ 9 ยังไม่มีข้อ 10
นี่จะมาข้อ 11 แล้วเหรอ
...ตอนกลางคืนไม่ยอมนอนชวนปะป๊าเล่นโน่นนี่
เล่นแบบฮาร์ดคอร์กระโดดๆแบบนี้จะหลับได้ไง เลยสัญญากันว่าถ้าเล่นแล้วนอนดึก
พรุ่งนี้ตื่นเช้ามาห้ามงอแงนะ ยิ้มแฉ่ง ยอมแต่งตัวแต่โดยดีนะ เด็กจิ๋วรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
กว่าจะหลับได้ก็ 4 ทุ่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น