วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เด็กจิ๋ว@Tusita, ชุมพร

วันนี้เด็กจิ๋วได้ไปเที่ยวฟรีอีกแล้ว ธูษิฏา ชุมพร 
เช้าวันศุกร์ว่าจะออกเดินทางกัน ๖ โมง แต่เอาเข้าจริงก็ ๘ โมง วันนี้โดดงานกัน ๓ พ่อ แม่ ลูก
ปกติ เวลาใครอุ้มเด็กจิ๋วอยู่ แล้วปะป๊าไปใกล้ๆ ก็จะโผหาแล้ว แต่เช้านี้แปลก เด็กจิ๋วให้พ่อจาน่าอุ้มเล่น พอปะป๊าไปขออุ้มก็หมุนตัวหลบ เพี้ยนไปแล้วเด็กจิ๋ว

หาปลายทาง GPS ไม่เจอ เพราะชื่อรีสอร์ทสะกดยากเกิน ใน GPS ก็สะกดไม่ถูก แต่ในที่สุดก็หาเจอ

เรา แวะราชบุรีกันก่อน เพราะอาม่าคิดถึงหลานมาก ไปถึงก็ยกเด็กจิ๋วให้อาม่าจัดการป้อนข้าว ป้อนนม แล้วปะป๊ากับคุณแม่ก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวไข่

ร้านก๋วยเตี๋ยวไข่เมื่อก่อนอยู่แถวเขาวัง แต่หลายปีที่ผ่านมา มีการแตกสาขาออกมาแถวโรงบาลราชบุรี พวกเราก็ตามมากินที่สาขานี้ตลอด
ของขึ้นชื่อก็ต้องก๋วยเตี๋ยวไข่ แต่จริงๆแล้วปะป๊ากับคุณแม่ชอบข้าวแกงร้านนี้มากกว่า
อร่อยทุกอย่าง รสชาติแบบบ้านๆธรรมดา แต่ก็อร่อย นิยมไข่พะโล้ พะแนงเนื้อ ปลาดุกผัดเผ็ด แกงต่างๆ หมูทอด
กินกันจนเรียบ

ระหว่าง ทางไปชุมพร เด็กจิ๋วไม่ยอมหลับเลย นั่งดูแก๊ง ๓ ช่าเป็นเพื่อนคุณแม่มาตลอดทาง แล้วก็ทำท่าเหมือนเบ่งอึ๊อย่างรุนแรง เบ่งจนน้ำตาไหล หันมามองคุณแม่แล้วก็ทำหน้าตาน่าสงสารเป็นอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมอึ๊ซักที
ถึง ธูษิฏา ประมาณ ๔ โมงเย็น ที่นี่จะแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือส่วนของทะเลที่เราจะพัก กับส่วนของสวนที่เราไม่พัก ทีแรกเค้าบอกว่าอยากให้เราพักอย่างละคืน แต่เราบอกเค้าว่าของเด็กจิ๋วเยอะ เคลื่อนย้ายเกรงจะลำบาก แต่ที่จริงปะป๊าดูรูปบ้านพักแบบสวนแล้วกลัวผีหลอก เลยไม่ยอม
ที่นี่มีข่าวลือเรื่องพนักงานบริการว่าไม่ค่อยดีนัก พอเราไปถึงก็เจอเลย เป็นจริงดังว่า
พนักงาน แต่ละคนจะมึนงงกันมาก เหมือนเกณฑ์เด็กท้องถิ่นมาทำงานกัน สื่อสารกับเราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ มารู้ทีหลังว่าผู้จัดการรีสอร์ทเพิ่งลาออกไป กำลังรอคนใหม่อยู่ เลยเหมือนมีแต่เด็กๆจัดการกันเอง พออยู่ๆไปก็เริ่มเข้าใจพนักงานที่นี่ คือแต่ละคนก็เป็นคนดี อยากจะบริการนั่นแหล่ะ แต่ยังไม่โปรฯเท่ากับรีสอร์ทอื่นๆ ตอนกลับ คุณแม่ก็ tip ไปหลายร้อยเหมือนกัน เพราะแต่ละคนก็บริการกันเต็มที่ด้วยใจจริงๆ
ธูษิฏา ฝั่งทะเลจะอยู่ห่างจากฝั่งสวนประมาณเกือบโลได้ เดินไม่ได้ต้องขับรถ
ฝั่งนี้เพิ่งเปิดทีหลัง แล้วก็มีห้องพักแค่ ๕ ห้องเท่านั้น
และ...อีกแล้ว เราเป็นแขกเพียงห้องเดียวของวันนี้ ฉะนั้นทั้งรีสอร์ทก็ตกเป็นของเราอีกเช่นเคย
Welcome Drink ที่นี่เป็นน้ำตะไคร้ ปะป๊าไม่ได้กิน และ Welcome Fruit เป็นกล้วยเล็บมือนาง เป็นของขึ้นชื่อแถวนี้ คุณแม่บอกว่าอร่อยมาก รสชาติเหมือนกล้วยหอมแต่ลูกเล็กกว่า กินไม่หมด ขนกลับบ้านด้วย
ภายในห้องพักที่นี่ไฟสว่างไสวดี ชอบ โรงแรมอื่นๆน่าเอาแบบ ไม่รู้จะประหยัดไฟไปไหน
ของในตู้เย็นที่นี่ไม่ได้กินได้ฟรีหมดแบบครั้งที่แล้วนะ
ห้องนอนดี ไม่มีวัตถุใดที่มีผีสิงได้
ห้องน้ำดีมาก มีอุปกรณ์ครบถ้วน ทั้งจากุซซี่ ห้อง Shower
แต่ น้ำ Shower มีปัญหาอีกแล้ว ก็อกน้ำเย็นกับก็อกน้ำร้อนที่นี่ผสมกันไม่ได้น้ำอุ่น แต่จะได้น้ำเย็นกับน้ำร้อนสลับกันมาเป็นห้วงๆ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด อาบแล้วลุ้นๆ
อ่างจากุซซี่ที่นี่ใหญ่มาก กว่าจะเปิดน้ำเต็มก็เป็นชั่วโมง
บรรยากาศดีมาก สามารถแช่แล้วมองวิวทะเลได้เลย ปะป๊าก็แอบมาแช่อยู่

พอ เข้าที่พักได้ไม่นาน เด็กจิ๋วก็ยอมอึ๊ออกมาแล้ว คุณแม่แทบช็อค! อึ๊ออกมาก้อนใหญ่แข็งมาก ขนาดประมาณกล้วยไข่ลูกเล็ก ใหญ่ที่สุดในชีวิตเลย แล้วก็ที่สำคัญ มีเลือดออกมาด้วย เข้าใจเด็กจิ๋วทันที ที่เสียน้ำตากับการเบ่งอี๊มาตลอดทาง แต่เด็กจิ๋วอึ๊แล้วจบกันนะ ไม่ได้รู้สึกสลดอะไร คึกเหมือนเดิม
สระว่ายน้ำสีสวย น่าว่าย ขนาดไม่เล็กเกินไป มีท่อพ่นน้ำด้วย
ฝั่งทะเลนี่จะตบแต่งแบบแนวโมเดิร์น ผสมเมริเตอร์เรเนียน
ล็อบบี้ขนาดเล็กมาก ก็มีอยู่แค่ ๕ ห้องเองนี่
ใกล้ๆล็อบบี้มีห้องนั่งเล่นดูทีวี (เอาไว้ทำไมอ่ะ)
มีโต๊ะพูลด้วย ปะป๊าชอบมาก แอบมาเล่นคนเดียว กวาดหมดโต๊ะเลย แต่กว่าจะหมด ลูกขาวก็ลงไปหลายทีอยู่
ฟ้าปิดมากๆ ตอนที่เรามาถึงฟ้าเปิดอยู่ประมาณชั่วโมงหนึ่ง แล้วก็ปิดอีก
ชอบโคมไฟ โคมไฟหลายจุดของที่นี่มีดีไซน์เก๋ไก๋
ที่นี่ให้อาหารฟรีทุกมื้อ เย้!!!
มื้อ เย็นให้สั่งอะไรก็ได้ ๓ อย่างจากเมนูอาหาร ซึ่งมีเมนูมาให้เลือกเยอะเลย ของทางรีสอร์ทเอง กับของร้านอาหารใกล้ๆแถวนั้น ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันด้วย
มื้อ แรก ลองแบบเกรงใจหน่อย เอาใบเหลียงผัดไข่ ปลาหมึกผัดไข่เค็ม กับแกงส้มปลากระพง (เค้าบอกว่าขึ้นชื่อมาก) แล้วก็มีน้ำผลไม้ปั่น ของหวานก็สั่งกล้วย+สัปรดทอด+ไอศครีม ใบเหลียงผัดไข่อร่อยมากๆ เพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก หน้าตาเหมือนใบไม้ยืนต้น ไม่ค่อยน่ากิน แต่อร่อยๆจริงๆ ส่วนแกงส้มกินไม่ได้เลย ไม่ใช่ไม่อร่อยนะ แต่ลืมไปว่าที่นี่เป็นภาคใต้ นี่ขนาดสั่งเผ็ดน้อยมานะ กินไปคำหนึ่งก็ร้องจ๊ากกันแล้ว และน้ำแกงไม่รู้ใส่อะไรที่กลิ่นแรงๆไม่ค่อยคุ้นเคย เลยไม่ได้กินเลย
เด็กจิ๋วจะฮาไปไหน !
ช่วงนี้เด็กจิ๋วคึกจัดอยู่ จับกันไม่ค่อยไหว โดยเฉพาะเวลามาเที่ยวแบบนี้ จะยิ่งคึกเป็นพิเศษ
เด็กจิ๋ว !!! แล้วปะป๊าจะนอนตรงไหนอ่ะ
วันนี้ เด็กจิ๋วพูดคำว่า "รถเข็น" ได้ ก็ปะป๊ากับคุณแม่เถียงกันว่าจะเอารถเข็นไปด้วยไม็ไปเถียงกันมา เด็กจิ๋วก็ "รถเข็น" ดังๆชัดๆ ฮามากๆเลย เด็กจิ๋ว
ปะป๊าให้คุณแม่ปลุกแต่เช้า ๖ โมงเลย
เพราะถือว่าเรามาฟรีก็ต้องตอบแทนกันหน่อย
ตั้งใจถ่ายรูป เป็นการโปรโมทให้เค้าแบบเต็มที่
ปะป๊าถ่ายตั้งแต่เช้ายันค่ำจนคุณแม่ด่าแล้ว ว่า Extreme เกิน ทำงานเกินค่าตัวมากๆ มาแค่นี้ถ่ายรูปไป ๑,๕๐๐ รูป ถ่ายซ้ำไปซ้ำมา บางทีก็เหมือนเดิมเป๊ะ ถ่ายจนเบลอ จำไม่ได้ได้ว่าถ่ายยัง
ทะเลที่นี่ไม่ค่อยสวยซะเท่าไหร่ ฟ้าปิดตลอดเวลา ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเลย
ไม่ แน่ใจว่าทะเลที่นี่เล่นได้ไม๊ ไม่เห็นคนมาเล่น ...ก็จะเห็นได้ไง ทั้งหาดมีแค่เรา ๓ พ่อแม่ลูกแค่นี้แหล่ะ แถวนี้เงียบมาก รีสอร์ทนี้ก็เป็นรีสอร์ทเดียวตั้งอยู่เดี่ยวๆเลย ไม่ค่อยพบผู้คนเท่าไหร่
ปะป๊าเดินไปถ่ายรูปคนเดียวเป็นชั่วโมงเลย กลับขึ้นมาเด็กจิ๋วกับคุณแม่ยังไม่ตื่นอีก
เลยไปลากเด็กจิ๋วมาถ่ายรูปเล่น

อาหารเช้าจะให้เค้าจัดมาที่นี่ก็ได้ แต่ตามมารยาท เราควรไปกินที่ร้านอาหารของรีสอร์ท เพราะจะได้ถ่ายรูปรีวิวได้
ก็ต้องขับรถไปที่รีสอร์ทฝั่งสวน
ระหว่างรอสั่งอาหาร เราก็เดินเล่นในรีสอร์ทฝั่งนี้กัน
เข้าไปแล้ว โอ้โห! เลย เป็นรีสอร์ทที่สวยงามทีเดียว 
เดี๋ยวกินข้าวเช้าเสร็จ เจ้าหน้าที่จะพาเราเดินเที่ยวให้ทั่วรีสอร์ท
กลับมาที่ห้องอาหารของรีสอร์ท
อาหารเช้าก็ให้เลือกสั่งได้คนละ ๒ อย่าง
ปะป๊าเลือกไข่ดาวเบคอน กับติ่มซำ
ส่วนคุณแม่เลือกออมเล็ตกับข้าวต้มกุ้ง
ส่วนพวกขนมปังจะมีมาให้อยู่แล้ว เครื่องดื่มก็สั่งได้คนละ ๒ อย่าง
ร้านอาหารที่นี่ตกแต่งดีทีเดียว
คือฝั่งนี้จะเน้นตกแต่งโน่นนี่นั่น แต่ฝั่งทะเลจะเน้นแนวมินิมัมซะมากกว่า
ในร้านอาหาร มีมุมล็อบบี้อยู่ด้วย
หลังจากนั้นก็มีแม่บ้านเริ่มพาเดินทัวร์รีสอร์ทฝั่งนี้
ก็ได้ข้อมูลจากแม่บ้านว่า เจ้าของที่นี่ที่ทุกคนเรียกกันว่า "นายหัว"
 
นายหัวทำธุรกิจไปๆมาๆระหว่างไทยกันอินเดีย ไม่ค่อยได้อยู่ดูแลที่นี่
ให้น้องคนเล็กมาดูแลแทน ซึ่งก็มีโอกาสได้เจอ และพูดคุยกันเล็กน้อย แล้วก็นายหัวยังมีน้องชายคนกลาง เป็น สส. ในวันต่อมาก็มีโอกาสได้เจอเหมือนกัน มิหน้าน่าตาคุ้นๆ ก็มีป้ายหาเสียงปักอยู่ทั่วเมือง
ที่นี่มีบ้านพักอยู่ ๑๗ หลัง แต่ละหลังตกแต่งเป็นแนวอินเดีย
ข้าวของหลายอย่างสั่งมาจากอินเดียหรือปากีสถานเลย
แม่บ้านใจดีพยายามพาเราเข้าดูทุกหลัง แต่เราไม่ไหวแล้ว ขอข้ามๆบ้างก็ได้
บ้านหลังใหญ่สุดที่นี่มี ๓ ห้องนอน นอนได้ ๖ คน
แล้วมีโรงสปาส่วนตัวเป็นโรงไม้สุดโรแมนติกอยู่หลังบ้าน
โรงสปาไม้มีแค่หลังเดียว
หลังอื่นก็มีอ่างอาบน้ำแบบกึ่ง outdoor บางหลังก็ไม่มี
พอเจอบ้านหลังนี้เข้าไป ปะป๊าตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่มาพักฝั่งนี้
มุ้งที่ห้อยอยู่นั่น ดูเหมือนมีเรื่องราวอะไรบางอย่าง
ส่วนล็อบบี้ที่ประชาสัมพันธ์นั่งอยู่จะเล็กๆ
อยู่ดีๆเด็กจิ๋วก็อ้วกแตก ต้องจับเปลี่ยนเสื้อผ้ากันบนพรมจากอินเดีย สงสัยทำงานหนักเกิน
เด็กจิ๋วพออึ๊ได้แล้ว วันนี้เล่นอี๊ไม่หยุดเลย อึ๊ไป ๓-๔ รอบได้ คุณแม่บอกว่าเด็กจิ๋วเป็นโรคทำอะไร Extreme แบบปะป๊าไม่มีความพอดี
กลับห้องเราดีกว่า แสนสบาย ปะป๊าว่าฝั่งนี้ตกแต่งสวยมากนะ แต่อยู่เองคงไม่เหมาะเท่าไหร่
มาถึงก็จับเด็กจิ๋วแก้ผ้าเล่นจากุซซีเลย น้ำเย็นเจี๊ยบ เพราะปะป๊าเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เป็นพร็อบถ่ายรูป
อาหารกลางวันก็ให้สั่งได้ ๓ อย่าง มื้อนี้เรากินปลากระพงสามรส ต้มข่าทะเล แล้วก็ไข่ฟูปู
ระเบียงส่วนตัวหน้าห้องพักเรา วิวสวย บรรยากาศดีมาก
เสียดายที่ไม่ค่อยได้ไปนั่ง เพราะถ้าจะนั่งต้องเลือกระหว่างตากแดดกับตากฝน
ตอนบ่าย ไปขอให้เจ้าหน้าที่เค้าเปิดห้องพักแบบอื่นๆของฝั่งทะเลให้เราถ่ายรูปอีก
วิ่งไปมาห้องโน้นนี้ สนุกดี ทั้งรีสอร์ทเป็นของเรา
ห้องเราเป็นห้องที่ดีที่สุดเลย ใหญ่โตที่สุด แล้วก็วิวสวยที่สุด
ที่จริงห้อง Pool Villa ที่เราไม่ได้อยู่ จะราคาแพงกว่า
แต่ห้องเล็กแล้วก็วิวไม่สวยเท่า
เสร็จแล้วคุณแม่ก็จับเด็กจิ๋วเปลี่ยนชุดเตรียมลงสระ
ลั้นลาเกินไปหน่อยนะ เด็กจิ๋ว
คุณแม่บอกสระที่นี่คลอรีนแรงมาก เล่นปั๊บเดียวก็รีบขึ้น
พอคุณแม่กับเด็กจิ๋วขึ้น ปะป๊าก็จะมาลงเล่นบ้าง แต่ฝนตก เลยอด
มื้อเย็นนี้สั่งใบเหลียงผัดไข่อีก ชอบมากๆ แล้วก็ปลากระพงยำมะม่วง กับกุ้งอบวุ้นเส้น
เช้าวันต่อมา 
ปะป๊าก็ตื่นมาถ่ายรูปตอน ๖ โมงอีก
ตอนสายๆฟ้าเริ่มใส ดีใจ
ยังไม่ใสกิ๊กนะ แค่มีสีฟ้าๆให้ชื่นใจ ถ้าแหงนขึ้นไปอีกหน่อยก็เจอเมฆดำทะมึนมาเลย
ตอนเที่ยงกว่าๆก็เดินทางกลับกัน
ตอน เช็คเอ้าท์มีลุ้นๆว่าเค้าจะหักหลังเรามาเก็บตังค่าอาหารหรือเปล่า เพราะชอบให้เราเซ็นต์ค่าอาหารหลายพันอยู่ คุณแม่บอกว่าสงสัยเค้าให้เซ็นต์เพราะกลัวพนักงานยักยอกมากกว่า
ตอนกลับแวะกินเจ๊แดงอีกแล้ว ร้านนี้เด็กจิ๋วมาครั้งที่ ๔ แล้ว บ่อยกว่าไป MK หน้าบ้านอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น